ถ้าไม่นับดวงอาทิตย์แล้วละก็ ระบบสุริยะที่ใกล้โลกของเรามากที่สุด คือ ระบบดาวเคราะห์ Alpha Centauri เป็นระบบดาวเคราะห์ 3 ดวง คือ
1. Alpha Centauri A มีขนาดและอุณหภูมิใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์
2. Alpha Centauri B มีขนาดและอุณหภูมิใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์ เช่นเดียวกัน
3. Proxima Centauri เป็นดาวแคระแดง มีอุณหภูมิต่ำ
ปัจจุบัน มีการตรวจพบดาวเคราะห์บริวารของดาวแคระแดง Proxima เท่านั้น(ไม่แน่ใจว่าข้อมูลผมอัพเดทหรือยัง) ซึ่งทั้ง 2 ดวงที่พบเป็นดังนี้
- ดวงแรก อาจจะพบน้ำอยู่ในสถานะของเหลวได้ แต่...เนื่องจากดาวฤกษ์แม่เป็นดาวแคระแดง รอบโคจรเพียงแค่ 11 วัน ทำให้มีสถานะเป็น tidal lock
- ดวงที่2 คาบการโคจร ห่างออกไปถึง 1.5 AU (ถ้าเป็นระบบสุริยะเรา ระยะขนาดนี้คือ habitable zone) แต่ พอดาวฤกษ์เป็น Proxima ทำให้ดาวบริวารดวงนี้ ได้รับแสงจากดาวแม่น้อยมาก และมีขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 7 เท่า ดังนั้น จึงเชื่อกันว่าดาวดวงนี้เป็นดาวเคราะห์แก๊ส
ซึ่งจากตรวงสอบ ตรวจพบ ก็มักจะไว้วิธีการวัดค่าสเปคตรัม วัดค่าความแปรแสงเมื่อดาวเคราะห์เคลื่อนตัดหน้าดาวฤกษ์แม่ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ มันก็มีข้อจำกัด มันจึงทำให้ตรวจพบดาวเคราะห์บริวารในระบบสุริยะอื่นๆส่วนใหญ่ ร้อยละ 99% ไม่เป็นซุปเปอร์เอิร์ธไปเลย ก็เป็นบริวารของดาวแคระแดงที่ติด tidal lock
ซึ่งเอาตรงๆแล้ว ผมเชื่อว่า ดาวฤกษ์ Alpha Centauri A และ Alpha Centauri B จะต้องมีดาวเคราะห์บริวาร ขนาดใกล้เคียงกับโลก และอยู่ใน habitable zone อย่างแน่นอน แต่ด้วยความห่างจากดาวแม่ประมาณ 1-1.5 AU มันจึงตรวจจับได้ยากมากๆ ด้วยเทคโนโลยีตอนนี้ ถ้าเราอยากรู้จริงๆว่า ระบบสุริยะเพื่อนบ้านเรา มีดาวแคราะห์บริวารใน habitable โซนหรือไม่ ต้องส่งยานอวกาศออกไปสำรวจเท่านั้น
ปัญหาคือ จะต้องพัฒนาการขนส่งให้ได้ความเร็วประมาณ 10% ของความเร็วแสงขึ้นไป อาจจะใช้วิธีใช้แสงเลเซอร์ผลัก หรือส่งยานอวกาศขนาดเล็กมากๆ เพื่อถ่ายรูปอย่างเดียวพอ ก็จะใช้เวลาร่วมๆ 44-45 ปี เราถึงจะได้รูปของระบบสุริยะเพื่อนบ้านระบบนี้มา
** ต้องมาลุ้นกันครับว่า เราจะสามารถส่งยานขนาดเล็กมากๆ ไปสำรวจระบบสุริยะนี้ได้ไหม เพราะถ้าเราสามารถทำได้ ความหวังบ้านแห่งใหม่ของมนุษย์ย่อมไม่ใช่ความฝัน **
ป.ล. ข้อมูลผิดพลาดประการได้ ก็รบกวนอัพเดทให้ด้วยครับ
ระบบดาวฤกษ์เพื่อนบ้าน Alpha Centauri มันจะต้องมีดาวบริวารแน่ๆ เพียงแต่ตอนนี้เรายังหาไม่เจอ
1. Alpha Centauri A มีขนาดและอุณหภูมิใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์
2. Alpha Centauri B มีขนาดและอุณหภูมิใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์ เช่นเดียวกัน
3. Proxima Centauri เป็นดาวแคระแดง มีอุณหภูมิต่ำ
ปัจจุบัน มีการตรวจพบดาวเคราะห์บริวารของดาวแคระแดง Proxima เท่านั้น(ไม่แน่ใจว่าข้อมูลผมอัพเดทหรือยัง) ซึ่งทั้ง 2 ดวงที่พบเป็นดังนี้
- ดวงแรก อาจจะพบน้ำอยู่ในสถานะของเหลวได้ แต่...เนื่องจากดาวฤกษ์แม่เป็นดาวแคระแดง รอบโคจรเพียงแค่ 11 วัน ทำให้มีสถานะเป็น tidal lock
- ดวงที่2 คาบการโคจร ห่างออกไปถึง 1.5 AU (ถ้าเป็นระบบสุริยะเรา ระยะขนาดนี้คือ habitable zone) แต่ พอดาวฤกษ์เป็น Proxima ทำให้ดาวบริวารดวงนี้ ได้รับแสงจากดาวแม่น้อยมาก และมีขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 7 เท่า ดังนั้น จึงเชื่อกันว่าดาวดวงนี้เป็นดาวเคราะห์แก๊ส
ซึ่งจากตรวงสอบ ตรวจพบ ก็มักจะไว้วิธีการวัดค่าสเปคตรัม วัดค่าความแปรแสงเมื่อดาวเคราะห์เคลื่อนตัดหน้าดาวฤกษ์แม่ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ มันก็มีข้อจำกัด มันจึงทำให้ตรวจพบดาวเคราะห์บริวารในระบบสุริยะอื่นๆส่วนใหญ่ ร้อยละ 99% ไม่เป็นซุปเปอร์เอิร์ธไปเลย ก็เป็นบริวารของดาวแคระแดงที่ติด tidal lock
ซึ่งเอาตรงๆแล้ว ผมเชื่อว่า ดาวฤกษ์ Alpha Centauri A และ Alpha Centauri B จะต้องมีดาวเคราะห์บริวาร ขนาดใกล้เคียงกับโลก และอยู่ใน habitable zone อย่างแน่นอน แต่ด้วยความห่างจากดาวแม่ประมาณ 1-1.5 AU มันจึงตรวจจับได้ยากมากๆ ด้วยเทคโนโลยีตอนนี้ ถ้าเราอยากรู้จริงๆว่า ระบบสุริยะเพื่อนบ้านเรา มีดาวแคราะห์บริวารใน habitable โซนหรือไม่ ต้องส่งยานอวกาศออกไปสำรวจเท่านั้น
ปัญหาคือ จะต้องพัฒนาการขนส่งให้ได้ความเร็วประมาณ 10% ของความเร็วแสงขึ้นไป อาจจะใช้วิธีใช้แสงเลเซอร์ผลัก หรือส่งยานอวกาศขนาดเล็กมากๆ เพื่อถ่ายรูปอย่างเดียวพอ ก็จะใช้เวลาร่วมๆ 44-45 ปี เราถึงจะได้รูปของระบบสุริยะเพื่อนบ้านระบบนี้มา
** ต้องมาลุ้นกันครับว่า เราจะสามารถส่งยานขนาดเล็กมากๆ ไปสำรวจระบบสุริยะนี้ได้ไหม เพราะถ้าเราสามารถทำได้ ความหวังบ้านแห่งใหม่ของมนุษย์ย่อมไม่ใช่ความฝัน **
ป.ล. ข้อมูลผิดพลาดประการได้ ก็รบกวนอัพเดทให้ด้วยครับ