สวัสดีครับ ตอนนี้ผมกำลังประสบปัญหาครอบครัว หนี้สิน ล้มละลาย คนแก่ไม่ยอมฟัง ไม่รู้จะแก้ไขได้ไหม เท่าที่คิดได้คงทำได้แค่ผ่อนหนักเป็นเบา
ขอเริ่มเลยละกันดั้งเดิมครอบครัวผมรับราชการสายปกครองและมาเล่นการเมืองในรุ่นพ่อผม ทำให้ฐานะครอบครัวเรียกได้ว่าไม่ยากจนเลย
แต่..ปัญหามันมาเกิดในรุ่นคุณพ่อครับ โดยลุงผมเนี่ยที่เป็นพีช่ายแท้ๆของพ่อแกไม่มีลูก
พ่อผมเลยยกผมให้ลุงกับป้าเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม[บ้านอยู่ใกล้กันไปมาหาสู่ตั้งแต่เด็กไม่มีอะไรเป็นความลับ]
แต่ผมค่อนข้างจะกินและนอนกับลุงป้ามากกว่าทำให้ผูกพันธุ์ฝั่งนี้ มากกว่าครับ
ซึ่งลุงกับป้าผมเนี่ยแต่เดิมเป็นข้าราชการครูครับ ลุงก่อนลาออกรู้สึกจะ C7 แต่คุณป้าแกเป็นจนเกษียณเลยครับ
ลุงลาออกมาทำธุรกิจก่อสร้าง และขายข้าวสาร ช่วงปี 35 ครับ [ผมเกิด39] สมัยนั้นเท่าที่พี่ชายเล่าให้ฟังลุงทำธุรกิจไปได้ดีมาก
มีรถสิบล้อส่งข้าวสองคัน แต่มาล้มตอน ปี 40 ครับ ซึ่งตอนนั้นลุงทำธุรกิจจากกระเป๋าเดียว
แต่เขาก็แก้ปัญหาเอาตัวรอดมาได้โดยไม่ได้ติดสถาณะล้มละลาย เรียกว่าขายสมบัติกินละกัน
แต่นั่นล่ะครับ หลังจากนั้น ด้วยความที่มีที่ดินเยอะ ก็เริ่มจัดสรรแบ่งที่ดินขาย
ตอนนั้นพอปู่เสียลุงก็แอบไปจัดการมรดกปู่ โดยที่พ่อผมนั้น ได้ที่ดินชายชอบชายแดน นส3ก ซะส่วนใหญ่
ทำให้พ่อผมและลุงเริ่มบาดหมางกันตั้งแต่นั้น แต่ด้วยความที่ยังไงลุงกับป้าก็เลี้ยงผม ที่ดินคงไม่สูญหายไปไหน
จนเวลาล่วงเลยไป ลุงก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับจัดสรรที่ดินและทำบ้านขาย ตามประสาแก
[ถ้าผมมีที่ดินขนาดนั้นในช่วงเวลานั้นผมคงจัดสรรได้กำไรบานเลยครับ]
10 ไร่ผ่านไป 20 ไร่ผ่านไป จนมันล่วงเลยมาหลัก 70 ไร่ [70ไร่ที่ยังเหลืออยู่หลังปี 40 คือที่ดินสวยมากๆๆในจังหวัดที่ผมอยู่ซึ่งปัจจุบันโดนซื้อไปในราคาหลายสิบล้าน ขอใบ้ว่าเป็นจังหวัดทางภาคใต้ที่ที่ดินค่อนข้างเวอร์]
พอปี 48 โดนปัญหาเรื่องเช็คเด้ง ด้วยความที่ลุงผมไม่รู้แกมีปมอะไรกับสถาณะล้มละลาย ก็ไม่ยอมล้มอีกรอบ
เอาบ้านที่อยู่ปัจจุบัน ไปขายฝากไว้ จนหมดสัญญาแล้วดอกก็วิ่งขึ้นไปจนไม่สามารถเอาคืนได้
ก็แก้ปัญหาจนผ่านมาได้ แต่แกก็ติดสถาณะเครดิตบูโรนะ [ผมคิดว่าที่ไม่ยอมล้มเพราะต้องหย่าถ้าหย่าแล้วไม่มีศิษรักษาราชการ]
พอหลังจาก 49 ก็เริ่มใช้ชื่อป้าผมที่เป็นครู ให้ป้าผมกู้สหกรณ์ กู้หุ้น กู้ๆๆ มาแก้ปัญหาซึ่งก็แก้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนใหญ่จะไม่ได้
จนปี 50 51 เริ่มไปจับที่ดินเก่าๆ ที่แบ่งจากแปลงใหญ่ๆที่เคยทำ โดยบางส่วนติดจำนองอยู่นานแล้ว มาทำบ้านขาย หรือขายที่ดินเปล่า
โดยใช้ชื่อป้าทำสัญญากับผู้ซื่อ และผ่อนกับตัวเอง เมื่อผ่อนหมดแล้วจะโอนที่ดินให้
นั่นแหละครับ เป็นแบบนี้ประมาณ 3 แปลงที่กำลังมีปัญหาและกำลังจะโดนฟ้อง
ซึ่งคนโดนฟ้องนั้นจะเป็นป้าผม ซึ่งป้าผมนั้นเรียกได้ว่า บรรจุครูตั้งแต่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ เรียกได้ว่าเป็นครูทั้งชีวิตเลย
และเป็นคนนิ่มๆ เข้าวัดเข้าวา จะดุทีก็ไม่น่ากลัว เรียกได้ว่าไม่มีเขี้ยวเล็บในการทำธุจกิจใดๆเลย
จนวันที่ผมเรียนจบ ป้าผมเกษียณพอดี ผมได้งานที่ต่างประเทศและกำลังจะไป ลุงก็ให้ป้ามาขอร้องให้ใช้ชื่อผมกู้แก้ปัญหาให้
โดยจะให้ป้าที่เพิ่งเกษียณเป็นคนดำเนินการ ทำบ้านขายบนที่ดินที่ติดขายฝากญาติอีกคน โดยเอาเงินให้เขาไปแบ่งแยกที่ดิน
แล้วเรามาทำขายทีละแปลง เพื่อให้มีเงินหมุนเคลียร์ปัญหาหนี้สิน
ผมมองดูแล้วมันแก้ไม่ยาก เงินจำนวน 1 ล้านที่กู้มาผมสามารถงอกเงยเป็นกำไร
เพื่อดึงที่ดินกลับมาใส่ชื่อบริษัทและจัดการอะไรต่างๆได้อีกเยอะแยะ เลยตัดสนใจกู้และอยู่ช่วยป้าครับ
ผมก็ทำขายไปจนหลังที่ 5 เริ่มมีเงินทุน และปลดหนี้ก้อนแรกแล้ว โดยระหว่างนั้นก็กัดฟันทำไปแก้ปัญหาที่เพิ่งผุดขึ้นมาไป
ก็เริ่มทะยอยเอาที่ดินที่ติดจำนองกลับมาใส่ชื่อตัวเองเพื่อไปต่อยังแผนที่คิดไว้
ลุงก็ได้แอบไปนัดหมายนายทุนและมัดมือชกผมเอาที่ดินที่ผมปลดออกมาไปจำนองอีกรอบ
เพราะจะให้นายทุนคนนี้ช่วยซื้อที่ดินแปลงใหญ่ที่กำลังจะหมดสัญญาขายฝาก เอาไว้ที่แกก่อน ที่ดินมันจะได้ไม่หมดสัญญา
ทั้งๆที่ผมกำลังจะดึงที่ดินกลับมาแล้วปลดกับธนาคารซึ่งดอกมันถูกกว่านายทุนอยู่แล้ว แค่ต้องทำตามสเต็ปนิดหน่อย
ทำให้ผมเคืองมากๆ เสียใจที่ แผนการที่เราบอกไว้อะ มันจะได้เงินมาแก้ปัญหาและเป็นเงินทุนในการทำธุริกจต่อได้เลยนะ
จะได้จบปัญหาคาราคาซังทั้งหมดซักที แต่เขาเอาแต่บอกว่าทำไม่ได้ ทำไม่ได้ ต้องฟังเขา เขามีประสบการณ์ จนผมไม่อยากทะเลาะ
เลยทำให้ดู สุดท้าย โดนมัดมือชกแบบนั้นเลยครับ
ส่งผลให้ผมออกไปทำงานที่อื่นได้ประมาณ 1 ปี คุยกับป้าตลอด ถึงปัญหา ระหว่างนั้นลุงผมก็ทำอะไรมั่วซั่วไปหมด
เช่นเอาโฟมมาทำบ้านขายบ้าง [ซึ่งวิศวะไม่รับรอง] พยายามลดต้นทุนบ้านจนมันไปกระทบความแข็งแรงของตัวบ้านบ้าง อีรุงตุงนัง
ป้าผมได้แต่ทำไปแก้ไป และก็ให้ป้าไปออกกระบะมือสอง ดอกมหาโหดที่รู้กันมาซะงั้น ซึ่งคนรู้จักแกได้นายหน้า [เหมือนกับถูกหลอก]
แล้วยังไปออกตอนเดียวอีกคันนึง บอกว่าใช้ทำงาน ซึ่งระหว่างที่ผมยังอยู่ช่วยอยู่นั้น
ผมไปเอารถกระบะเก่าๆที่บ้านพ่อแม่แท้ๆผมที่เขาไม่ได้ใช้มาทำงานให้
บวกกับตอนนี้ที่ดินแปลงใหญ่ที่เคยทำบ้านขายด้วยกันนั้น โดนนายทุนคนนึงที่ลุงผมเอามาซื้อคืนจากขายฝาก ถือไว้
เขาเอามาแบ่งแยกขายในราคาค่อนข้างแพง เหมือนกับบีบให้เราลงไปในเกมส์ที่จะทำให้ขยับตัวลำบาก เพราะราคาที่ดินที้เขาขายคืนมามันสูงขึ้น
ทำไปก็เหลือหลังละสองสามแสน พอหักทั้งหมดแล้ว ไม่คุ้มเลยครับ เพราะการทำบ้านขายตั้งแต่ผมออกจากบ้านไป 1 ปีนั้นสะเปะสะปะมาก
มันทำได้กำไรเยอะกว่าที่เขาทำ แต่เขาเลือกอะไรที่ง่ายๆ ทำขายง่ายๆ บ้านก็ไม่มีคุณภาพเอาง่ายๆ
จนมาวันนี้เรื่องที่ป้าผมถูกฟ้องก็สู้ไปแล้วสองศาล ผมว่าสุดท้ายคงไม่รอด คิดว่ายังไงศาลสั่งให้เอาที่ดินมาโอนคืนให้เขาอยู่ดี
แต่มันติดจำนองดอกวิ่งไปประมาณ 6 แสน จา่กราคาที่ดินไม่เท่าไหร่ ตอนผมไปทำงานไกลบ้านผมใจไม่นิ่งเลยครับเป็นห่วงแต่ป้า
ว่ามันจะเกิดอะไรแนวๆนี้แน่เลย แล้วก็เกิดขึ้นจริงๆ
ตอนนี้ผมกำลังคิดสับสนว่า ผมอะควรสร้างเส้นทางของตัวเองได้แล้ว ไม่ใช่เอาเวลาชีวิตตัวเองมาเสียกับสิ่งที่ไม่เกิดผลแบบนี้
แต่ผมก็เป็นห่วงป้ามากๆๆครับตอนผมทำงานไกลบ้านไม่มีความสุขเลย เเพราะรู้ว่าป้าโดนลุงเอาเปรียบแน่ๆๆ
พอกลับมาก็เละอย่างที่เล่าเลยครับ
ที่อยากทำตอนนี้คือ ผมสามารถทำให้ลุงเป็นสถาณะ เสมือนไร้ความสามารถ ได้ไหมครับ
เพราะหลายๆปัญหาที่เขากำลังฟ้องมันเกี่ยวข้องกับเงิน และปัจจุบันนี้เท่าที่ผมมอง
กำลังการหาเงินก้อนขนาดนั้นตอนนี้ แทบไม่มี้ลยครับ ทรัพย์สมบัติก็ไม่มีแล้ว
ผมไม่อยากให้คุณป้าติดคุกตอนบั้นปลายชีวิตเลยครับมันเจ็บในอกมากๆๆ
ตอนนี้ลุงผมใครพูดไรก็ไม่ฟัง อยู่กับป้าก็ชวนป้าทะเลาะ เรื่องปัญหาที่เขาอยากแก้ แต่พอป้าอออกความเห็นว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ก็จะโดนโมโหกลับมา
จนป้าออกไปนอนบ้านยาย ครับ แต่กลับมา ดูนู่นดูนี่ทุกวันนะ และพอหลังจากป้าไปนอนบ้านยายผมรู้สึกนิสัยเขาเอาแต่ใจรุนแรงขึ่นมากครับ
คนที่เคยไปมาหาสู่ก็หายไปหมด
ซึ่งตอนนี้ทำให้ผมมองอีกมุมนึงว่าลุงผมอะทำอะไรไม่ได้นึกถึงคนที่รักเลยจริงๆ ทำเพื่อตัวเอง ทั้งนั้น ตั้งแต่ผมยังไม่เกิดเลย
ในตออนแรกพ่อผมก็เตื่อนๆนะว่าระวังโดนลุงทำแบบนั้นแบบนี้ แต่ผมก็ให้เหตุผลไปว่า ผมดูแล้วพอช่วยได้
แต่สุดท้ายก็โดนดึงทรัพย์สินไปจำนอง และโดนอะไรหลายๆอย่าง อย่างที่เล่าครับ
คือมันทำให้คิดได้แค่อย่างเดียวเลยจริงๆบุคคลนี้แย่จริงๆครับ เวลาเขาเล่าไรให้ฟังเขาจะใช้การที่เมื่อก่อนปู่ย่า
นอนบ้านลุงกับป้าที่ผมอยู่ด้วยนี่ละครับ แล้วเล่าว่า เนี่ยย่าบอกให้ทำแบบนี้ๆๆ
ชอบอ้างคนที่ตายไปแล้วตลอดเลยครับ ซึ่งปัญหาสะสสมมาจนแก้ไม่ได้แล้วจริงๆครับปัจจุบัน
ตอนนี้อยากออกมามีชีวิตของตัวเองมาก ตั้งแต่ช่วยตอนแรก จนวันที่กลับมาวันนี้ มีแต่ชีวิตผมที่ไม่มั่นคงเลยครับ
จนปัญญามากไม่อยากให้ป้าติดคุก ทำได้แค่ผ่อนหนักเป็นเบา
ขอเริ่มเลยละกันดั้งเดิมครอบครัวผมรับราชการสายปกครองและมาเล่นการเมืองในรุ่นพ่อผม ทำให้ฐานะครอบครัวเรียกได้ว่าไม่ยากจนเลย
แต่..ปัญหามันมาเกิดในรุ่นคุณพ่อครับ โดยลุงผมเนี่ยที่เป็นพีช่ายแท้ๆของพ่อแกไม่มีลูก
พ่อผมเลยยกผมให้ลุงกับป้าเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม[บ้านอยู่ใกล้กันไปมาหาสู่ตั้งแต่เด็กไม่มีอะไรเป็นความลับ]
แต่ผมค่อนข้างจะกินและนอนกับลุงป้ามากกว่าทำให้ผูกพันธุ์ฝั่งนี้ มากกว่าครับ
ซึ่งลุงกับป้าผมเนี่ยแต่เดิมเป็นข้าราชการครูครับ ลุงก่อนลาออกรู้สึกจะ C7 แต่คุณป้าแกเป็นจนเกษียณเลยครับ
ลุงลาออกมาทำธุรกิจก่อสร้าง และขายข้าวสาร ช่วงปี 35 ครับ [ผมเกิด39] สมัยนั้นเท่าที่พี่ชายเล่าให้ฟังลุงทำธุรกิจไปได้ดีมาก
มีรถสิบล้อส่งข้าวสองคัน แต่มาล้มตอน ปี 40 ครับ ซึ่งตอนนั้นลุงทำธุรกิจจากกระเป๋าเดียว
แต่เขาก็แก้ปัญหาเอาตัวรอดมาได้โดยไม่ได้ติดสถาณะล้มละลาย เรียกว่าขายสมบัติกินละกัน
แต่นั่นล่ะครับ หลังจากนั้น ด้วยความที่มีที่ดินเยอะ ก็เริ่มจัดสรรแบ่งที่ดินขาย
ตอนนั้นพอปู่เสียลุงก็แอบไปจัดการมรดกปู่ โดยที่พ่อผมนั้น ได้ที่ดินชายชอบชายแดน นส3ก ซะส่วนใหญ่
ทำให้พ่อผมและลุงเริ่มบาดหมางกันตั้งแต่นั้น แต่ด้วยความที่ยังไงลุงกับป้าก็เลี้ยงผม ที่ดินคงไม่สูญหายไปไหน
จนเวลาล่วงเลยไป ลุงก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับจัดสรรที่ดินและทำบ้านขาย ตามประสาแก
[ถ้าผมมีที่ดินขนาดนั้นในช่วงเวลานั้นผมคงจัดสรรได้กำไรบานเลยครับ]
10 ไร่ผ่านไป 20 ไร่ผ่านไป จนมันล่วงเลยมาหลัก 70 ไร่ [70ไร่ที่ยังเหลืออยู่หลังปี 40 คือที่ดินสวยมากๆๆในจังหวัดที่ผมอยู่ซึ่งปัจจุบันโดนซื้อไปในราคาหลายสิบล้าน ขอใบ้ว่าเป็นจังหวัดทางภาคใต้ที่ที่ดินค่อนข้างเวอร์]
พอปี 48 โดนปัญหาเรื่องเช็คเด้ง ด้วยความที่ลุงผมไม่รู้แกมีปมอะไรกับสถาณะล้มละลาย ก็ไม่ยอมล้มอีกรอบ
เอาบ้านที่อยู่ปัจจุบัน ไปขายฝากไว้ จนหมดสัญญาแล้วดอกก็วิ่งขึ้นไปจนไม่สามารถเอาคืนได้
ก็แก้ปัญหาจนผ่านมาได้ แต่แกก็ติดสถาณะเครดิตบูโรนะ [ผมคิดว่าที่ไม่ยอมล้มเพราะต้องหย่าถ้าหย่าแล้วไม่มีศิษรักษาราชการ]
พอหลังจาก 49 ก็เริ่มใช้ชื่อป้าผมที่เป็นครู ให้ป้าผมกู้สหกรณ์ กู้หุ้น กู้ๆๆ มาแก้ปัญหาซึ่งก็แก้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนใหญ่จะไม่ได้
จนปี 50 51 เริ่มไปจับที่ดินเก่าๆ ที่แบ่งจากแปลงใหญ่ๆที่เคยทำ โดยบางส่วนติดจำนองอยู่นานแล้ว มาทำบ้านขาย หรือขายที่ดินเปล่า
โดยใช้ชื่อป้าทำสัญญากับผู้ซื่อ และผ่อนกับตัวเอง เมื่อผ่อนหมดแล้วจะโอนที่ดินให้
นั่นแหละครับ เป็นแบบนี้ประมาณ 3 แปลงที่กำลังมีปัญหาและกำลังจะโดนฟ้อง
ซึ่งคนโดนฟ้องนั้นจะเป็นป้าผม ซึ่งป้าผมนั้นเรียกได้ว่า บรรจุครูตั้งแต่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ เรียกได้ว่าเป็นครูทั้งชีวิตเลย
และเป็นคนนิ่มๆ เข้าวัดเข้าวา จะดุทีก็ไม่น่ากลัว เรียกได้ว่าไม่มีเขี้ยวเล็บในการทำธุจกิจใดๆเลย
จนวันที่ผมเรียนจบ ป้าผมเกษียณพอดี ผมได้งานที่ต่างประเทศและกำลังจะไป ลุงก็ให้ป้ามาขอร้องให้ใช้ชื่อผมกู้แก้ปัญหาให้
โดยจะให้ป้าที่เพิ่งเกษียณเป็นคนดำเนินการ ทำบ้านขายบนที่ดินที่ติดขายฝากญาติอีกคน โดยเอาเงินให้เขาไปแบ่งแยกที่ดิน
แล้วเรามาทำขายทีละแปลง เพื่อให้มีเงินหมุนเคลียร์ปัญหาหนี้สิน
ผมมองดูแล้วมันแก้ไม่ยาก เงินจำนวน 1 ล้านที่กู้มาผมสามารถงอกเงยเป็นกำไร
เพื่อดึงที่ดินกลับมาใส่ชื่อบริษัทและจัดการอะไรต่างๆได้อีกเยอะแยะ เลยตัดสนใจกู้และอยู่ช่วยป้าครับ
ผมก็ทำขายไปจนหลังที่ 5 เริ่มมีเงินทุน และปลดหนี้ก้อนแรกแล้ว โดยระหว่างนั้นก็กัดฟันทำไปแก้ปัญหาที่เพิ่งผุดขึ้นมาไป
ก็เริ่มทะยอยเอาที่ดินที่ติดจำนองกลับมาใส่ชื่อตัวเองเพื่อไปต่อยังแผนที่คิดไว้
ลุงก็ได้แอบไปนัดหมายนายทุนและมัดมือชกผมเอาที่ดินที่ผมปลดออกมาไปจำนองอีกรอบ
เพราะจะให้นายทุนคนนี้ช่วยซื้อที่ดินแปลงใหญ่ที่กำลังจะหมดสัญญาขายฝาก เอาไว้ที่แกก่อน ที่ดินมันจะได้ไม่หมดสัญญา
ทั้งๆที่ผมกำลังจะดึงที่ดินกลับมาแล้วปลดกับธนาคารซึ่งดอกมันถูกกว่านายทุนอยู่แล้ว แค่ต้องทำตามสเต็ปนิดหน่อย
ทำให้ผมเคืองมากๆ เสียใจที่ แผนการที่เราบอกไว้อะ มันจะได้เงินมาแก้ปัญหาและเป็นเงินทุนในการทำธุริกจต่อได้เลยนะ
จะได้จบปัญหาคาราคาซังทั้งหมดซักที แต่เขาเอาแต่บอกว่าทำไม่ได้ ทำไม่ได้ ต้องฟังเขา เขามีประสบการณ์ จนผมไม่อยากทะเลาะ
เลยทำให้ดู สุดท้าย โดนมัดมือชกแบบนั้นเลยครับ
ส่งผลให้ผมออกไปทำงานที่อื่นได้ประมาณ 1 ปี คุยกับป้าตลอด ถึงปัญหา ระหว่างนั้นลุงผมก็ทำอะไรมั่วซั่วไปหมด
เช่นเอาโฟมมาทำบ้านขายบ้าง [ซึ่งวิศวะไม่รับรอง] พยายามลดต้นทุนบ้านจนมันไปกระทบความแข็งแรงของตัวบ้านบ้าง อีรุงตุงนัง
ป้าผมได้แต่ทำไปแก้ไป และก็ให้ป้าไปออกกระบะมือสอง ดอกมหาโหดที่รู้กันมาซะงั้น ซึ่งคนรู้จักแกได้นายหน้า [เหมือนกับถูกหลอก]
แล้วยังไปออกตอนเดียวอีกคันนึง บอกว่าใช้ทำงาน ซึ่งระหว่างที่ผมยังอยู่ช่วยอยู่นั้น
ผมไปเอารถกระบะเก่าๆที่บ้านพ่อแม่แท้ๆผมที่เขาไม่ได้ใช้มาทำงานให้
บวกกับตอนนี้ที่ดินแปลงใหญ่ที่เคยทำบ้านขายด้วยกันนั้น โดนนายทุนคนนึงที่ลุงผมเอามาซื้อคืนจากขายฝาก ถือไว้
เขาเอามาแบ่งแยกขายในราคาค่อนข้างแพง เหมือนกับบีบให้เราลงไปในเกมส์ที่จะทำให้ขยับตัวลำบาก เพราะราคาที่ดินที้เขาขายคืนมามันสูงขึ้น
ทำไปก็เหลือหลังละสองสามแสน พอหักทั้งหมดแล้ว ไม่คุ้มเลยครับ เพราะการทำบ้านขายตั้งแต่ผมออกจากบ้านไป 1 ปีนั้นสะเปะสะปะมาก
มันทำได้กำไรเยอะกว่าที่เขาทำ แต่เขาเลือกอะไรที่ง่ายๆ ทำขายง่ายๆ บ้านก็ไม่มีคุณภาพเอาง่ายๆ
จนมาวันนี้เรื่องที่ป้าผมถูกฟ้องก็สู้ไปแล้วสองศาล ผมว่าสุดท้ายคงไม่รอด คิดว่ายังไงศาลสั่งให้เอาที่ดินมาโอนคืนให้เขาอยู่ดี
แต่มันติดจำนองดอกวิ่งไปประมาณ 6 แสน จา่กราคาที่ดินไม่เท่าไหร่ ตอนผมไปทำงานไกลบ้านผมใจไม่นิ่งเลยครับเป็นห่วงแต่ป้า
ว่ามันจะเกิดอะไรแนวๆนี้แน่เลย แล้วก็เกิดขึ้นจริงๆ
ตอนนี้ผมกำลังคิดสับสนว่า ผมอะควรสร้างเส้นทางของตัวเองได้แล้ว ไม่ใช่เอาเวลาชีวิตตัวเองมาเสียกับสิ่งที่ไม่เกิดผลแบบนี้
แต่ผมก็เป็นห่วงป้ามากๆๆครับตอนผมทำงานไกลบ้านไม่มีความสุขเลย เเพราะรู้ว่าป้าโดนลุงเอาเปรียบแน่ๆๆ
พอกลับมาก็เละอย่างที่เล่าเลยครับ
ที่อยากทำตอนนี้คือ ผมสามารถทำให้ลุงเป็นสถาณะ เสมือนไร้ความสามารถ ได้ไหมครับ
เพราะหลายๆปัญหาที่เขากำลังฟ้องมันเกี่ยวข้องกับเงิน และปัจจุบันนี้เท่าที่ผมมอง
กำลังการหาเงินก้อนขนาดนั้นตอนนี้ แทบไม่มี้ลยครับ ทรัพย์สมบัติก็ไม่มีแล้ว
ผมไม่อยากให้คุณป้าติดคุกตอนบั้นปลายชีวิตเลยครับมันเจ็บในอกมากๆๆ
ตอนนี้ลุงผมใครพูดไรก็ไม่ฟัง อยู่กับป้าก็ชวนป้าทะเลาะ เรื่องปัญหาที่เขาอยากแก้ แต่พอป้าอออกความเห็นว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ก็จะโดนโมโหกลับมา
จนป้าออกไปนอนบ้านยาย ครับ แต่กลับมา ดูนู่นดูนี่ทุกวันนะ และพอหลังจากป้าไปนอนบ้านยายผมรู้สึกนิสัยเขาเอาแต่ใจรุนแรงขึ่นมากครับ
คนที่เคยไปมาหาสู่ก็หายไปหมด
ซึ่งตอนนี้ทำให้ผมมองอีกมุมนึงว่าลุงผมอะทำอะไรไม่ได้นึกถึงคนที่รักเลยจริงๆ ทำเพื่อตัวเอง ทั้งนั้น ตั้งแต่ผมยังไม่เกิดเลย
ในตออนแรกพ่อผมก็เตื่อนๆนะว่าระวังโดนลุงทำแบบนั้นแบบนี้ แต่ผมก็ให้เหตุผลไปว่า ผมดูแล้วพอช่วยได้
แต่สุดท้ายก็โดนดึงทรัพย์สินไปจำนอง และโดนอะไรหลายๆอย่าง อย่างที่เล่าครับ
คือมันทำให้คิดได้แค่อย่างเดียวเลยจริงๆบุคคลนี้แย่จริงๆครับ เวลาเขาเล่าไรให้ฟังเขาจะใช้การที่เมื่อก่อนปู่ย่า
นอนบ้านลุงกับป้าที่ผมอยู่ด้วยนี่ละครับ แล้วเล่าว่า เนี่ยย่าบอกให้ทำแบบนี้ๆๆ
ชอบอ้างคนที่ตายไปแล้วตลอดเลยครับ ซึ่งปัญหาสะสสมมาจนแก้ไม่ได้แล้วจริงๆครับปัจจุบัน
ตอนนี้อยากออกมามีชีวิตของตัวเองมาก ตั้งแต่ช่วยตอนแรก จนวันที่กลับมาวันนี้ มีแต่ชีวิตผมที่ไม่มั่นคงเลยครับ