สวัสดีค่ะทุกคน เรา จขกท อายุ 25 ปี ตอนนี้เรามีปัญหากับคนที่บ้านมาก อาจจะเป็นเพราะเราคาดหวังเกินไปรึป่าว ?
…แม่ของเราแยกทางกับพ่อเราตั้งแต่เราอายุ 6 เดือน แล้วพาเรามาอยู่กับตากับยายจนอายุ 18 โดยที่แม่ก็มาทำงานกรุงเทพ หาเงินส่งให้ตากับยายอย่างเดียว (ตากับยายมีลูก 4 คน เลยทำให้ที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่ เค้าเลี้ยงหลานหลายคน ทั้งลูกลุง ลูกน้า คือเลี้ยงเด็กอายุไล่เลี่ยกัน ประมาณ 4-5 คนเลย)
…พอเราอายุได้ 12 ขวบ แม่ก็กลับมาบ้าน แล้วก็แต่งงานใหม่ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ในระแวกใกล้กัน มีน้องชายกับพ่อใหม่ 1 คน ตั้งแต่นั้นมา เราก็รับจ้างหาเงินให้ตัวเองไปโรงเรียนมาตลอดจนขึ้นมัธยม (ตาเราเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เราเลยรับจ้างเก็บค่าน้ำประปาหมู่บ้านได้เดือนละ 1000 บาท)
…พอจบ ม.ปลาย เราเลือกที่จะเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ เพราะตาเราเกษียณตอนเราอายุ 18 พอดี ในหัวเราตอนนั้นคือ อยากตอบแทนบุญคุณเค้ามาก เราต้องทำให้เค้าสบายที่สุด ภายในปีแรก เราเริ่มต้นจากขายเสื้อผ้าที่แพลตินัม ย้ายมาทำงาน 7-11 จนสุดท้าย เพื่อนฝากงานให้ทำงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่น
…พอเราเริ่มตั้งตัวได้ เราก็ไปเรียนภาษา สมัครเรียนมหาวิทยาลัย จนได้มีโอกาสเจอกับกับแฟน ( ที่ปัจจุบันตกลงแต่งงานกันแล้ว) แฟนเราอายุ 36 เป็นคนญี่ปุ่น เค้าดูแลรับผิดชอบเราดีทุกอย่าง เป็นคนซัพพอร์ตเราเรื่องค่าใช้จ่ายเรื่องเรียน เรื่องที่พักอาศัย แต่เราก็เลยทำงานไปด้วย และก็เรียนไปด้วย จนเราทำงานเก็บเงินได้ก้อนนึง และกลับไปสร้างบ้านใหตากับยาย
…ปัญหามันเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เราสร้างบ้านเสร็จ เป็นช่วงที่โควิดระบาดพอดี ลูกคนที่ 3 ของตาตกงาน เค้ากลับไปอยู่บ้านเราพร้อมเมียและลูกอีก 3 คน (หลังจากไม่เคยกลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่รึส่งตังค์ให้เลย ก็ 10 กว่าปีผ่านไป)
…ด้วยความที่แม่เราเป็นคนขี้ใจอ่อน สงสารน้องชายตัวเอง เค้าก็โทรมาขอเรา ว่าให้น้ากับครอบครัวเค้า อยู่ที่บ้านได้มั้ย เราก็คิดในทางที่ดีว่า ก็ดีเหมือนกันแหละตายกับยายจะได้มีคนดูแล และแบ่งเบาภาระเราด้วย เลยตกลงไป
…แต่หลังจากนั้น ปรากฎว่า ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านอาหารการกิน ค่าน้ำ ค่าไฟ กลายเป็นตากับยายต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด จำนวนคนเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น เค้าก็โทรมาขอเงินเรามากขึ้น จากรายเดือนที่เราให้ ยายมีเงินเก็บจนแบ่งไปซื้อทองได้ กลายเป็นว่าไปหาหมอทีไร ต้องโทรมาขอค่าน้ำมันรถจากเราครั้งละ 1000-2000 ตลอด
… เราอดทนแบบนี้มาปีกว่าๆ จนปีที่แล้วแฟนที่คบอยู่ขอเราแต่งงาน เราก็ตอบตกลง แต่ด้วยความที่แต่งงานกับคนต่างชาติ มันมีกระบวนการทางเอกสารในการจดทะเบียนสมรส ซึ่งใช้เวลาพอสมควร (เป็นช่วงจังหวะที่เค้าเปลี่ยนเจ้าหน้าที่กงสุลพอดี เอกสารเราเลยช้ากว่าปกติเกือบ 2-3 เดือน)
… พอแฟนเราจดทะเบียนสมรสที่ญี่ปุ่นเสร็จ (แต่เรายังไม่ได้จัดงานนะ ว่าจะรอทุกอย่างเสร็จค่อยจะกลับไปจัดงาน) ก็เหลือแต่ขั้นตอนที่ไทย ช่วงระหว่างที่รอเอกสารเราก็รู้ว่าตั้งครรภ์พอดี ทางบ้านแฟนเราดีใจมาก เค้าเตรียมต้อนรับเราอย่างดี และผิดกลับทางบ้านเราที่ไม่มีใครยินดี รึสนใจลูกเราที่จะเกิดมาเลย เค้าแค่กังวลว่าถ้าเราแต่งงาน มีลูก เราทำงานไม่ได้ระหว่างที่ท้องใครจะส่งเงินให้ตากับยาย น้าเราก็ถามแต่เรื่องสินสอดเพราะเป็นเราได้แฟนต่างชาติ คงจะมีเงินประมาณนี้
…เราคิดว่าทางสุดท้ายเราจะไม่คุยกับตากับยายละเพราะเค้าก็รักลูกของเค้าแหละ เราต้องคุยกับแม่ของเรา แต่หักมุมกว่าคือ แม่ก็เลิกกับพ่อใหม่และกลับไปอยู่บ้านตากับยาย แล้วก็ไม่มีงานทำ น้องเราก็พึ่งจะเข้า ม.1 กลับกลายเป็น เราก็ดูแลตา ยาย แม่ แล้วก็ส่งค่าเรียนน้องอีก
…เราเลยเปิดใจคุยกับทางบ้านของเราว่า ค่าสินสอดเราขอคุยเองได้มั้ย เพราะตอนนี้เราเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด เราไม่กล้าที่จะพูดจำนวนเป็นเงินก้อนหรอก เพราะบ้านเราไม่พูดเรื่องจัดงานเลย ไม่ถามเรื่องพ่อแม่ฝั่งแฟนเลย ว่าเค้าจะมารึป่าว จะต้อนรับเค้ายังไง ถามเรื่องสินสอดอย่างเดียว เราเลยคิดว่าจะปลดหนี้ให้เค้าและไปใช้ชีวิตของตัวเองจริงๆซะที
…ทางบ้านเราเค้าก็ตกลง เราก็เลยบอกกับแฟน ซึ่งเค้าก็ตกลงและก็ปิดหนี้ทั้งหมดของบ้านเราให้ สรุปคือไม่มีการจัดงานใดๆ เราพาแฟนกลับบ้าน ไปใช้หนี้ และกลับมาใช้ชีวิตปกติที่กรุงเทพ ที่เรายังต้องส่งเงินรายเดือนกลับให้ไปอยู่ เราโอเคในสถานะตอนนี้จนกระทั่ง
…ในอีก 1 เดือน เราจะคลอดละ เรากับแฟนตกลงกันว่าจะเลี้ยงกันเองไม่จ้างพี่เลี้ยง เพราะฉะนั้นเราก็คือเป็นแม่บ้านเต็มตัว ไม่มีงาน ไม่มีรายได้ แฟนเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด เราเลยคิดว่าจะเลิกส่งรายเดือนให้ทางบ้าน
…แต่สิ่งที่เราได้รับคือ ก่อนหน้านี้แม่เคยรับปากกับเราไว้ว่า จะต้องมีช่วงนึงที่แฟนเราต้องบินกลับไปแจ้งเกิดลูกเราที่ญี่ปุ่นประมาณ 2 อาทิตย์ เค้าอยากให้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนเรา เค้ากลัวว่าถ้าน้องป่วยตอนกลางคืนจะไม่มีคนช่วย พอเค้ารู้ว่าเราจะไม่ส่งเงินให้แล้ว เค้าบอกว่าไม่มีคนดูแลตากับยาย มาไม่ได้หรอก ทั้งๆที่ครอบครัวน้าก็อยู่บ้านหลังเดียวกัน
…เราเสียความรู้สึกมาก ไม่กล้าบอกแฟนด้วยว่าครอบครัวเราทำแบบนี้กับเรา แต่เค้าเคยบอกนะว่าถ้าทางบ้านเรามาไม่ได้ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะให้พี่สาวเค้าบินมาอยู่เป็นเพื่อน เราเกรงใจบ้านสามีมากจริงๆ แม่ตัวเองที่อยู่ประเทศเดียวกันแท้ๆ นั่งเครื่องมาแค่ 1 ชม. แล้วเราก็ไม่ได้ว่าจะให้มาเป็นคนรับใช้ซะหน่อย แค่จะให้มาอยู่เป็นเพื่อนเอง
จากนี้เราควรจะทำยังไงดี
1. จะบอกแฟนยังไงเรื่องที่ทางบ้านเราจะมาอยู่ด้วยไม่ได้
2. เราควรห่างจากทางบ้านตัวเองไปเลยดีมั้ย
3. ถ้าเราไม่ส่งเสียกับตา ยาย รึแม่เราแล้ว เราจะกลายเป็นคนอกตัญญูรึป่าว
เมื่อครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนอีกต่อไป ควรทำยังไงดี ?!
…แม่ของเราแยกทางกับพ่อเราตั้งแต่เราอายุ 6 เดือน แล้วพาเรามาอยู่กับตากับยายจนอายุ 18 โดยที่แม่ก็มาทำงานกรุงเทพ หาเงินส่งให้ตากับยายอย่างเดียว (ตากับยายมีลูก 4 คน เลยทำให้ที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่ เค้าเลี้ยงหลานหลายคน ทั้งลูกลุง ลูกน้า คือเลี้ยงเด็กอายุไล่เลี่ยกัน ประมาณ 4-5 คนเลย)
…พอเราอายุได้ 12 ขวบ แม่ก็กลับมาบ้าน แล้วก็แต่งงานใหม่ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ในระแวกใกล้กัน มีน้องชายกับพ่อใหม่ 1 คน ตั้งแต่นั้นมา เราก็รับจ้างหาเงินให้ตัวเองไปโรงเรียนมาตลอดจนขึ้นมัธยม (ตาเราเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เราเลยรับจ้างเก็บค่าน้ำประปาหมู่บ้านได้เดือนละ 1000 บาท)
…พอจบ ม.ปลาย เราเลือกที่จะเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ เพราะตาเราเกษียณตอนเราอายุ 18 พอดี ในหัวเราตอนนั้นคือ อยากตอบแทนบุญคุณเค้ามาก เราต้องทำให้เค้าสบายที่สุด ภายในปีแรก เราเริ่มต้นจากขายเสื้อผ้าที่แพลตินัม ย้ายมาทำงาน 7-11 จนสุดท้าย เพื่อนฝากงานให้ทำงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่น
…พอเราเริ่มตั้งตัวได้ เราก็ไปเรียนภาษา สมัครเรียนมหาวิทยาลัย จนได้มีโอกาสเจอกับกับแฟน ( ที่ปัจจุบันตกลงแต่งงานกันแล้ว) แฟนเราอายุ 36 เป็นคนญี่ปุ่น เค้าดูแลรับผิดชอบเราดีทุกอย่าง เป็นคนซัพพอร์ตเราเรื่องค่าใช้จ่ายเรื่องเรียน เรื่องที่พักอาศัย แต่เราก็เลยทำงานไปด้วย และก็เรียนไปด้วย จนเราทำงานเก็บเงินได้ก้อนนึง และกลับไปสร้างบ้านใหตากับยาย
…ปัญหามันเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เราสร้างบ้านเสร็จ เป็นช่วงที่โควิดระบาดพอดี ลูกคนที่ 3 ของตาตกงาน เค้ากลับไปอยู่บ้านเราพร้อมเมียและลูกอีก 3 คน (หลังจากไม่เคยกลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่รึส่งตังค์ให้เลย ก็ 10 กว่าปีผ่านไป)
…ด้วยความที่แม่เราเป็นคนขี้ใจอ่อน สงสารน้องชายตัวเอง เค้าก็โทรมาขอเรา ว่าให้น้ากับครอบครัวเค้า อยู่ที่บ้านได้มั้ย เราก็คิดในทางที่ดีว่า ก็ดีเหมือนกันแหละตายกับยายจะได้มีคนดูแล และแบ่งเบาภาระเราด้วย เลยตกลงไป
…แต่หลังจากนั้น ปรากฎว่า ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านอาหารการกิน ค่าน้ำ ค่าไฟ กลายเป็นตากับยายต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด จำนวนคนเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น เค้าก็โทรมาขอเงินเรามากขึ้น จากรายเดือนที่เราให้ ยายมีเงินเก็บจนแบ่งไปซื้อทองได้ กลายเป็นว่าไปหาหมอทีไร ต้องโทรมาขอค่าน้ำมันรถจากเราครั้งละ 1000-2000 ตลอด
… เราอดทนแบบนี้มาปีกว่าๆ จนปีที่แล้วแฟนที่คบอยู่ขอเราแต่งงาน เราก็ตอบตกลง แต่ด้วยความที่แต่งงานกับคนต่างชาติ มันมีกระบวนการทางเอกสารในการจดทะเบียนสมรส ซึ่งใช้เวลาพอสมควร (เป็นช่วงจังหวะที่เค้าเปลี่ยนเจ้าหน้าที่กงสุลพอดี เอกสารเราเลยช้ากว่าปกติเกือบ 2-3 เดือน)
… พอแฟนเราจดทะเบียนสมรสที่ญี่ปุ่นเสร็จ (แต่เรายังไม่ได้จัดงานนะ ว่าจะรอทุกอย่างเสร็จค่อยจะกลับไปจัดงาน) ก็เหลือแต่ขั้นตอนที่ไทย ช่วงระหว่างที่รอเอกสารเราก็รู้ว่าตั้งครรภ์พอดี ทางบ้านแฟนเราดีใจมาก เค้าเตรียมต้อนรับเราอย่างดี และผิดกลับทางบ้านเราที่ไม่มีใครยินดี รึสนใจลูกเราที่จะเกิดมาเลย เค้าแค่กังวลว่าถ้าเราแต่งงาน มีลูก เราทำงานไม่ได้ระหว่างที่ท้องใครจะส่งเงินให้ตากับยาย น้าเราก็ถามแต่เรื่องสินสอดเพราะเป็นเราได้แฟนต่างชาติ คงจะมีเงินประมาณนี้
…เราคิดว่าทางสุดท้ายเราจะไม่คุยกับตากับยายละเพราะเค้าก็รักลูกของเค้าแหละ เราต้องคุยกับแม่ของเรา แต่หักมุมกว่าคือ แม่ก็เลิกกับพ่อใหม่และกลับไปอยู่บ้านตากับยาย แล้วก็ไม่มีงานทำ น้องเราก็พึ่งจะเข้า ม.1 กลับกลายเป็น เราก็ดูแลตา ยาย แม่ แล้วก็ส่งค่าเรียนน้องอีก
…เราเลยเปิดใจคุยกับทางบ้านของเราว่า ค่าสินสอดเราขอคุยเองได้มั้ย เพราะตอนนี้เราเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด เราไม่กล้าที่จะพูดจำนวนเป็นเงินก้อนหรอก เพราะบ้านเราไม่พูดเรื่องจัดงานเลย ไม่ถามเรื่องพ่อแม่ฝั่งแฟนเลย ว่าเค้าจะมารึป่าว จะต้อนรับเค้ายังไง ถามเรื่องสินสอดอย่างเดียว เราเลยคิดว่าจะปลดหนี้ให้เค้าและไปใช้ชีวิตของตัวเองจริงๆซะที
…ทางบ้านเราเค้าก็ตกลง เราก็เลยบอกกับแฟน ซึ่งเค้าก็ตกลงและก็ปิดหนี้ทั้งหมดของบ้านเราให้ สรุปคือไม่มีการจัดงานใดๆ เราพาแฟนกลับบ้าน ไปใช้หนี้ และกลับมาใช้ชีวิตปกติที่กรุงเทพ ที่เรายังต้องส่งเงินรายเดือนกลับให้ไปอยู่ เราโอเคในสถานะตอนนี้จนกระทั่ง
…ในอีก 1 เดือน เราจะคลอดละ เรากับแฟนตกลงกันว่าจะเลี้ยงกันเองไม่จ้างพี่เลี้ยง เพราะฉะนั้นเราก็คือเป็นแม่บ้านเต็มตัว ไม่มีงาน ไม่มีรายได้ แฟนเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด เราเลยคิดว่าจะเลิกส่งรายเดือนให้ทางบ้าน
…แต่สิ่งที่เราได้รับคือ ก่อนหน้านี้แม่เคยรับปากกับเราไว้ว่า จะต้องมีช่วงนึงที่แฟนเราต้องบินกลับไปแจ้งเกิดลูกเราที่ญี่ปุ่นประมาณ 2 อาทิตย์ เค้าอยากให้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนเรา เค้ากลัวว่าถ้าน้องป่วยตอนกลางคืนจะไม่มีคนช่วย พอเค้ารู้ว่าเราจะไม่ส่งเงินให้แล้ว เค้าบอกว่าไม่มีคนดูแลตากับยาย มาไม่ได้หรอก ทั้งๆที่ครอบครัวน้าก็อยู่บ้านหลังเดียวกัน
…เราเสียความรู้สึกมาก ไม่กล้าบอกแฟนด้วยว่าครอบครัวเราทำแบบนี้กับเรา แต่เค้าเคยบอกนะว่าถ้าทางบ้านเรามาไม่ได้ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะให้พี่สาวเค้าบินมาอยู่เป็นเพื่อน เราเกรงใจบ้านสามีมากจริงๆ แม่ตัวเองที่อยู่ประเทศเดียวกันแท้ๆ นั่งเครื่องมาแค่ 1 ชม. แล้วเราก็ไม่ได้ว่าจะให้มาเป็นคนรับใช้ซะหน่อย แค่จะให้มาอยู่เป็นเพื่อนเอง
จากนี้เราควรจะทำยังไงดี
1. จะบอกแฟนยังไงเรื่องที่ทางบ้านเราจะมาอยู่ด้วยไม่ได้
2. เราควรห่างจากทางบ้านตัวเองไปเลยดีมั้ย
3. ถ้าเราไม่ส่งเสียกับตา ยาย รึแม่เราแล้ว เราจะกลายเป็นคนอกตัญญูรึป่าว