วันนี้ เฟซบุ๊กเพจ ประชาชนคนไทย (ปท.) เผยแพร่คำกล่าวของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ที่เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "การเมืองสาละวันเตี้ยลง" โดยนายจตุพรระบุว่า
...
การเมืองไทยติดกับดักมาตลอดกับการเลือกข้าง หากไม่เลือกข้างใด แต่วิจารณ์ทั้งสองข้างทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทักษิณ ชินวัตร อย่างตรงไปตรงมาจึงเป็นเรื่องยากมากที่สุด ตนบอกได้ว่า การติดคุกที่ผ่านมาเกิดจากการต่อสู้เพื่อปกป้องให้ทักษิณทั้งสิ้น และตอนนี้ก็ไม่เป็นสมาชิกพรรคใด แม้กระทั่งล่าสุด กรณีเอกสารกระทรวงต่างประเทศก็ถูกอัยการฟ้องตนคนเดียวก็เป็นเรื่องปกป้องทักษิณเช่นกัน ดังนั้น ตนจึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องไปย้ายขั้วย้ายข้างไปอีกฝ่ายหนึ่งขณะนี้การวิจารณ์ของพวกตนดูจะหนักไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่าทักษิณ เพื่อชี้ทางออกให้ประเทศอย่างตรงไปตรงมา
.
ส่วนการวิจารณ์พรรคเพื่อไทยนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เนื่องจากเอาประชาธิปไตยมาผูกขาด ตนเห็นว่า เพื่อไทยละเลงประชาธิปไตยจนเละเทะไปหมด การพยายามชูคำขวัญเป็นพรรคนักประชาธิปไตย ใครย้ายออกเป็นผู้ทรยศ เป็นเผด็จการ และใครย้ายเข้ามาพรรคก็เป็นประชาธิปไตย ความจริงถ้าเพื่อไทยไม่แสดงตนในบทบาทนี้ แล้วบอกการย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติธรรมดา เราก็วิจารณ์ไม่ได้
.
นายจตุพร ย้อนการอ้างนักประชาธิปไตยของเพื่อไทยว่า ปรากฎการณ์ที่จังหวัดศรีสะเกษมี ส.ส.เพื่อไทยย้ายไปภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทยรับสภาพไม่ได้ประกาศไล่หนูตีงูเห่า ประณามเป็นผู้ทรยศ แต่ไม่อธิบายถึงการเอาคน พปชร. เข้ามาเพื่อไทยด้วย แล้วกลายร่างเป็นประชาธิปไตยโดยฉับพลัน นอกจากนี้อุดรธานี นายจักรพรรดิ ไชยสาร ย้ายไปภูมิใจไทยกลับเป็นเผด็จการ ส่วนนายธีรชัย แสนแก้ว ย้ายจากภูมิใจไทยมาเพื่อไทยทั้งที่ถูกด่าเป็นเผด็จการมากว่า 10 ปีก็กลายเป็นนักประชาธิปไตย
.
นอกจากนี้ยังมีกรณีเลือกตั้ง นายกฯ อบจ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นคนของพรรคเพื่อไทยมาตลอด แต่ถูกโจมตีเพียงเอาดอกไม้แสดงความยินดีกับเปิดที่ทำการ พปชร.เชียงใหม่ จึงถูกโจมตีและตัดสินว่า เป็นเผด็จการ แล้วยังมีการเปิดตัว ส.ส.พปชร. ที่ กทม.และรองประธานสภา ย้ายจาก พปชร.มาเพื่อไทย รวมทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ถูกโจมตี ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นตัวอย่างของหลักการที่ไม่แฟร์ และมีพฤติกรรมใช้ไม่ได้
.
นายจตุพร กล่าวต่อว่า พฤติกรรมใช้ไม่ได้เพราะตัวเองสามารถทรยศลูกน้องตัวเองได้ เลือกทรยศใครก็ได้ แต่ใครจะมาทรยศตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ตัวเองเป็นเจ้าของการทรยศเช่นกัน ซึ่งเป็นหลักการที่รับไม่ได้ แล้วมาอ้างความเป็นประชาธิปไตย ทั้งที่เพื่อไทยกระแสสูงขณะนี้เป็นเพราะความตกต่ำของ พล.อ.ประยุทธ์เอง และวันข้างหน้าไม่ได้ราบรื่นอะไรเลย
"ถ้าไม่มีการทักกันไว้บ้าง การหลงระเริง สำคัญตนว่า เป็นเจ้าของประชาธิปไตย มท.1 ไปเชียงใหม่ก็เลี้ยงรับรอง ตั้ง อดีต รมว.ศึกษาสมัย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่ปรึกษาอีก ก็อ้างเป็นประชาธิปไตยอีก แล้วจะเอาอะไรอีกกับประเทศไทยที่มีตรรกะเฮงซวยแบบเพื่อไทย”
“การคิดแบบนี้ จึงทำให้ประเทศเสียโอกาสมาแล้ว 8-9 ปี เป็นการคิดระเริงกับการชนะสั้นแต่แพ้ยาว ในการเลือกตั้งครั้งหน้าถ้าคุณคิดแบบนี้อีก ก็ชนะเลือกตั้งอยู่แล้ว แต่จะพาประชาชนไปแพ้อีกนานเท่านานเหมือนครั้งนี้ (ที่ผ่านมา 8-9 ปี) นอกจากนี้คนเสื้อแดงชุมนุมที่ถนนอักษะหายไป ผมก็รู้แต่ยังไม่ใช่เวลามาพูดกัน”
.
นายจตุพร ย้ำว่า ประชาชนถูกหลอกลวงซ้ำซาก รมต.ก็ถูกติดคุกมากที่สุด คนได้อำนาจก็เป็นรัฐมนตรีโท หาประโยชน์ เราต้องวิจารณาว่า ถ้าชนะแบบนี้ก็มองไม่เห็นปลายทาง อีกทั้งต้องหยุดการชูชนะเลือกตั้งพาทักษิณกลับบ้าน เพราะเคยชนะแล้วแต่ไม่ได้เอากลับมาบ้านอย่างแท้จริง แต่กลับอ้างเหตุรัฐบาลอ่อนแอ เมื่อรัฐบาลแข็งแรงก็บอกยังกลับไม่ได้กลัวจะอ่อนแอ “แล้วเป็นไงละ ทักษิณกลายเป็นของเล่นหาเสียง ทักษิณก็พูดซ้ำๆจะกลับบ้านให้ได้ แล้วถ้าชนะจะเอากลับจริงหรือไม่ ยิ่งการพูดเช่นนี้จะเป็นเงื่อนไขทางการเมือง การเผชิญหน้าอีกฝ่ายหนึ่งทันทีโดยไม่จำเป็นเลย”
.
พร้อมระบุว่า ดังนั้นเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง จะเป็นผู้ปกครอง แต่อยู่ในสภาพแบบนี้เอาตัวเองไม่รอดหรอก ถามจริงๆ ตอนสุดท้ายในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สั่งราชการใครได้สักคนหรึอไม่ อีกทั้ง พรบ.สุดซอยก็เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ไม่ฟังใครเลย สุดท้ายทำให้ประชาชนติดคุกอีก 8 ปี แทนที่จะได้ประโยชน์ไม่ต้องติดคุกแม้วันเดียว ประชาชนจึงเสียโอกาส “วันนี้ ประเทศอยู่ในสภาพกระอักกระอ่วน ไม่สามารถให้ พล.อ.ประยุทธ์ปกครองประเทศได้ และอีกฝ่ายหนึ่งก็ยังไม่ปรับปรุงพฤติกรรมก็ให้ขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน ถ้าไม่ปรับปรุงตัวก็จะเป็นเช่นเดิมอีก”
.
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประกาศก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่เพื่อไทยไม่ตอบจะจับมือกับ พล.อ.ประวิตร หรือเปล่า ทั้งที่ความจริงในใจอยากจับมือ แต่ต้องการเอาประโยชน์เฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่ได้คิดเอาประชาชนเป็นใหญ่ ดังนั้น ถ้าเพื่อไทยไม่จับมือ พล.อ.ประวิตรก็ต้องประกาศออกมาเป็นสัญญาประชาคมเหมือนพรรคก้าวไกลว่า ไม่จับมือประวิตร
.
“ในจดหมายของ พล.อ.ประวิตร เหมือนเป็นคำประกาศสละเผด็จการ กลายมาเป็นประชาธิปไตย และก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะบ้านเมืองมีความจำเป็น ดังนั้น จุดยืนทางการเมืองของเพื่อไทยจะเอาอย่างไรกันแน่ จะเป็นเจ้าของประชาธิไตยเบ็ดเสร็จหรืออย่างไร ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นปลายทางชาติแล้ว อีกทั้งทรัพยากรชาติยังถูกกลุ่มทุนปล้นและไม่มีทางพรรคใดจะเอาลงได้อีก เราจึงต้องพูดความจริง เพื่อบ้านเมืองรอดอย่างแท้จริง หากคิดแบบเดิมก็หมดแล้วไม่มีสาละวันเตี้ยลงแล้ว เพราะหมดแล้ว”
------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.facebook.com/profile.php?id=100068987506731
https://www.thaipost.net/hi-light/306988/
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website :
http://www.thailandvision.co
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter :
https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube :
https://www.youtube.com/c/Thailandvision
เผยแพร่คำนายจตุพร พรหมพันธุ์ การติดคุกที่ผ่านมาเกิดจากการต่อสู้เพื่อปกป้องให้ทักษิณทั้งสิ้น
...
การเมืองไทยติดกับดักมาตลอดกับการเลือกข้าง หากไม่เลือกข้างใด แต่วิจารณ์ทั้งสองข้างทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทักษิณ ชินวัตร อย่างตรงไปตรงมาจึงเป็นเรื่องยากมากที่สุด ตนบอกได้ว่า การติดคุกที่ผ่านมาเกิดจากการต่อสู้เพื่อปกป้องให้ทักษิณทั้งสิ้น และตอนนี้ก็ไม่เป็นสมาชิกพรรคใด แม้กระทั่งล่าสุด กรณีเอกสารกระทรวงต่างประเทศก็ถูกอัยการฟ้องตนคนเดียวก็เป็นเรื่องปกป้องทักษิณเช่นกัน ดังนั้น ตนจึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องไปย้ายขั้วย้ายข้างไปอีกฝ่ายหนึ่งขณะนี้การวิจารณ์ของพวกตนดูจะหนักไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่าทักษิณ เพื่อชี้ทางออกให้ประเทศอย่างตรงไปตรงมา
.
ส่วนการวิจารณ์พรรคเพื่อไทยนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เนื่องจากเอาประชาธิปไตยมาผูกขาด ตนเห็นว่า เพื่อไทยละเลงประชาธิปไตยจนเละเทะไปหมด การพยายามชูคำขวัญเป็นพรรคนักประชาธิปไตย ใครย้ายออกเป็นผู้ทรยศ เป็นเผด็จการ และใครย้ายเข้ามาพรรคก็เป็นประชาธิปไตย ความจริงถ้าเพื่อไทยไม่แสดงตนในบทบาทนี้ แล้วบอกการย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติธรรมดา เราก็วิจารณ์ไม่ได้
.
นายจตุพร ย้อนการอ้างนักประชาธิปไตยของเพื่อไทยว่า ปรากฎการณ์ที่จังหวัดศรีสะเกษมี ส.ส.เพื่อไทยย้ายไปภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทยรับสภาพไม่ได้ประกาศไล่หนูตีงูเห่า ประณามเป็นผู้ทรยศ แต่ไม่อธิบายถึงการเอาคน พปชร. เข้ามาเพื่อไทยด้วย แล้วกลายร่างเป็นประชาธิปไตยโดยฉับพลัน นอกจากนี้อุดรธานี นายจักรพรรดิ ไชยสาร ย้ายไปภูมิใจไทยกลับเป็นเผด็จการ ส่วนนายธีรชัย แสนแก้ว ย้ายจากภูมิใจไทยมาเพื่อไทยทั้งที่ถูกด่าเป็นเผด็จการมากว่า 10 ปีก็กลายเป็นนักประชาธิปไตย
.
นอกจากนี้ยังมีกรณีเลือกตั้ง นายกฯ อบจ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นคนของพรรคเพื่อไทยมาตลอด แต่ถูกโจมตีเพียงเอาดอกไม้แสดงความยินดีกับเปิดที่ทำการ พปชร.เชียงใหม่ จึงถูกโจมตีและตัดสินว่า เป็นเผด็จการ แล้วยังมีการเปิดตัว ส.ส.พปชร. ที่ กทม.และรองประธานสภา ย้ายจาก พปชร.มาเพื่อไทย รวมทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ถูกโจมตี ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นตัวอย่างของหลักการที่ไม่แฟร์ และมีพฤติกรรมใช้ไม่ได้
.
นายจตุพร กล่าวต่อว่า พฤติกรรมใช้ไม่ได้เพราะตัวเองสามารถทรยศลูกน้องตัวเองได้ เลือกทรยศใครก็ได้ แต่ใครจะมาทรยศตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ตัวเองเป็นเจ้าของการทรยศเช่นกัน ซึ่งเป็นหลักการที่รับไม่ได้ แล้วมาอ้างความเป็นประชาธิปไตย ทั้งที่เพื่อไทยกระแสสูงขณะนี้เป็นเพราะความตกต่ำของ พล.อ.ประยุทธ์เอง และวันข้างหน้าไม่ได้ราบรื่นอะไรเลย
"ถ้าไม่มีการทักกันไว้บ้าง การหลงระเริง สำคัญตนว่า เป็นเจ้าของประชาธิปไตย มท.1 ไปเชียงใหม่ก็เลี้ยงรับรอง ตั้ง อดีต รมว.ศึกษาสมัย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่ปรึกษาอีก ก็อ้างเป็นประชาธิปไตยอีก แล้วจะเอาอะไรอีกกับประเทศไทยที่มีตรรกะเฮงซวยแบบเพื่อไทย”
“การคิดแบบนี้ จึงทำให้ประเทศเสียโอกาสมาแล้ว 8-9 ปี เป็นการคิดระเริงกับการชนะสั้นแต่แพ้ยาว ในการเลือกตั้งครั้งหน้าถ้าคุณคิดแบบนี้อีก ก็ชนะเลือกตั้งอยู่แล้ว แต่จะพาประชาชนไปแพ้อีกนานเท่านานเหมือนครั้งนี้ (ที่ผ่านมา 8-9 ปี) นอกจากนี้คนเสื้อแดงชุมนุมที่ถนนอักษะหายไป ผมก็รู้แต่ยังไม่ใช่เวลามาพูดกัน”
.
นายจตุพร ย้ำว่า ประชาชนถูกหลอกลวงซ้ำซาก รมต.ก็ถูกติดคุกมากที่สุด คนได้อำนาจก็เป็นรัฐมนตรีโท หาประโยชน์ เราต้องวิจารณาว่า ถ้าชนะแบบนี้ก็มองไม่เห็นปลายทาง อีกทั้งต้องหยุดการชูชนะเลือกตั้งพาทักษิณกลับบ้าน เพราะเคยชนะแล้วแต่ไม่ได้เอากลับมาบ้านอย่างแท้จริง แต่กลับอ้างเหตุรัฐบาลอ่อนแอ เมื่อรัฐบาลแข็งแรงก็บอกยังกลับไม่ได้กลัวจะอ่อนแอ “แล้วเป็นไงละ ทักษิณกลายเป็นของเล่นหาเสียง ทักษิณก็พูดซ้ำๆจะกลับบ้านให้ได้ แล้วถ้าชนะจะเอากลับจริงหรือไม่ ยิ่งการพูดเช่นนี้จะเป็นเงื่อนไขทางการเมือง การเผชิญหน้าอีกฝ่ายหนึ่งทันทีโดยไม่จำเป็นเลย”
.
พร้อมระบุว่า ดังนั้นเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง จะเป็นผู้ปกครอง แต่อยู่ในสภาพแบบนี้เอาตัวเองไม่รอดหรอก ถามจริงๆ ตอนสุดท้ายในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สั่งราชการใครได้สักคนหรึอไม่ อีกทั้ง พรบ.สุดซอยก็เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ไม่ฟังใครเลย สุดท้ายทำให้ประชาชนติดคุกอีก 8 ปี แทนที่จะได้ประโยชน์ไม่ต้องติดคุกแม้วันเดียว ประชาชนจึงเสียโอกาส “วันนี้ ประเทศอยู่ในสภาพกระอักกระอ่วน ไม่สามารถให้ พล.อ.ประยุทธ์ปกครองประเทศได้ และอีกฝ่ายหนึ่งก็ยังไม่ปรับปรุงพฤติกรรมก็ให้ขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน ถ้าไม่ปรับปรุงตัวก็จะเป็นเช่นเดิมอีก”
.
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประกาศก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่เพื่อไทยไม่ตอบจะจับมือกับ พล.อ.ประวิตร หรือเปล่า ทั้งที่ความจริงในใจอยากจับมือ แต่ต้องการเอาประโยชน์เฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่ได้คิดเอาประชาชนเป็นใหญ่ ดังนั้น ถ้าเพื่อไทยไม่จับมือ พล.อ.ประวิตรก็ต้องประกาศออกมาเป็นสัญญาประชาคมเหมือนพรรคก้าวไกลว่า ไม่จับมือประวิตร
.
“ในจดหมายของ พล.อ.ประวิตร เหมือนเป็นคำประกาศสละเผด็จการ กลายมาเป็นประชาธิปไตย และก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะบ้านเมืองมีความจำเป็น ดังนั้น จุดยืนทางการเมืองของเพื่อไทยจะเอาอย่างไรกันแน่ จะเป็นเจ้าของประชาธิไตยเบ็ดเสร็จหรืออย่างไร ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นปลายทางชาติแล้ว อีกทั้งทรัพยากรชาติยังถูกกลุ่มทุนปล้นและไม่มีทางพรรคใดจะเอาลงได้อีก เราจึงต้องพูดความจริง เพื่อบ้านเมืองรอดอย่างแท้จริง หากคิดแบบเดิมก็หมดแล้วไม่มีสาละวันเตี้ยลงแล้ว เพราะหมดแล้ว”
------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.facebook.com/profile.php?id=100068987506731
https://www.thaipost.net/hi-light/306988/
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision