.....

ผมได้ซื้อรถมอไซค์แล้ว ผ่อนจ่าย ให้แฟนครับ เมื่อปี พ.ศ.2566 พอคบกันไม่นาน ก็เลิกกัน ฝ่ายหญิงได้นำรถมอไซค์ไปใช้  ตามตกลง จะจ่ายให้ประมาณ 3000 กว่าบาทต่อเดือน แต่ฝ่ายหญิง ขอเงินจากผมเพิ่มโดยอ้างว่า

ตอนก่อนหย่ามีรถ 2 คันเป็นรถของผมทั้งสองคัน วันหย่าผู้หญิงขอรถไป 1 คัน (ชื่อผู้เช่าซื้อคือผม) ในใบหย่าเขียนว่ารถคันนี้อยู่ที่ฝ่ายหญิง หลังหย่าผู้หญิงไม่ยอมโอนรถเป็นชื

เดิมกู้กับธนาคารหนึ่งไว้ เป็นชื่อเรากับแฟนเก่า (ผู้หญิงทั้งคู่) ทีนี้ผ่อนมาได้ 1 ปีกว่าๆ แล้ว เรามีแฟนใหม่ (ผู้หญิงเหมือนเดิม) เรากับแฟนต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน โดยการขายเฉพาะส่วนของแฟนเก่าให้แฟนใหม่ และ

เราคบกับแฟนใหม่ซึ่งเราก็ยังไม่ได้หย่า แยกกันอยู่มา1ปีแล้วตกลงเรื่องหย่าไม่ได้  เราได้คบกับแฟนใหม่แฟนใหม่ดูรักกับแฟนเก่ามาก เขาคบกันประมาณ 4ปี ไปเที่ยว ใช้ชื่อออกรถให้ซื้อซื้อบ้านด้วยกันผ่อนยังไม่

ได้ซื้อบ้านกับธอส.ไว้โดยเป็นสัญญากู้ร่วมตอนซื้อได้แจ้งว่าเป็นแฟนกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ปัจจุบันผ่อนได้4ปีแล้วเลิกกับแฟนต้องการขายบ้าน นายหน้าที่จะขายบ้านให้ได้แจ้งกับทางเราให้ลงบันทึกประจำวันไว้ว่า

ขอเล่าเรื่องก่อนนะคะ แฟนเก่าของแฟน (เลิกกันประมาณปีครึ่งแล้ว) อยู่ที่บ้านแฟน ไม่ยอมออกค่ะ แฟนเราซึ่งอยู่คนละจังหวัดก็ปล่อยเลยตามเลยมานาน จนกระทั่งค่าผ่อนบ้านเริ่มหนัก จึงคิดจะปล่อยเช่าหรือขายบ้านเผื่อ

ไม่รู้ตั้งถูกห้องไหม อยากสอบถามข้อมูลสักนิดครับ เป็นเรื่องของพี่ชายครับ คือพี่ชายได้หย่ากับภรรยาและได้แบ่งสินสมรส​โดยการยกรถและบ้านที่ยังผ่อนอยู่ในชื่อของพี่ชายให้กับภรรยา​ โดยที่ตัวภรรยา​จะต้องไปเปล

เนื่องจากแฟนเราต้องการอย่ากับทางแฟนเก่าแต่ทางฝั่งนู้นจะอ้างว่าไม่ว่างเสมอแฟนเราก็พยายามทักไปขออย่าจนเมื่ออาทิตย์ก่อนฝั่งนู้นยอมให้อย่าก็นัดกันให้ไปวันที่5ซึ่งสัญญาการอย่าก็คือต้องส่งลูกเรียนจนจบป.ตรีซ

ลบ