เรื่องมีอยู่ว่า ผมมีทริปที่ต้องเดินทางไปยุโรป 6 ประเทศคนเดียว โดยออกเดินทางวันที่ 15 Feb และกลับถึงไทยวันที่ 3 March (รวมพัก 6 ประเทศ 14 คืน) ดังนี้
จองโรงแรมผ่านแอพ Traveloka
1. พักวันที่ 16-19 Feb (3 คืน) โรงแรม Hotel de Bordeaux, Paris France.
2. พักวันที่ 19-22 Feb (3 คืน) โรงแรม Ibis Budget Krakow Stare Miasto, Krakow Poland.
3. พักวันที่ 22-25 Feb (3 คืน) โรงแรม Residence Bene, Prague Czech.
4. พักวันที่ 1-2 March (1 คืน) โรงแรม Bristol Hotel, Zurich Switzerland.
และโรงแรมอีก 2 แห่งจองผ่านแอพอื่น
5. พักวันที่ 25-27 Feb (2 คืน) โรงแรม Mercure Wien Westbahnhof, Vienna Austria.
6. พักวันที่ 27 Feb-1 Mar (2 คืน) โรงแรม Hotel Eder, Munich Germany.
เนื่องจากมีช่วงเวลาเตรียมตัวก่อนเดินทางเดือนเศษ เลยปริ้นท์ใบยืนยันการจองห้องพักมาเตรียมไว้ เจอว่ามีโรงแรมแห่งหนึ่ง ในใบยืนยันการจองไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ เลย search หาเบอร์โทรของโรงแรมใน google เผื่อว่าไปแล้วหาไม่เจอจะได้โทรถาม ปรากฎว่าในเว็ปไซต์ขึ้นว่า "Permanently Closed" เงิบเลย ก็เลยต้องติดต่อไปทาง Agent ที่จอง (ซึ่งไม่ใช่ Traveloka) ให้ตรวจสอบโรงแรมที่ได้ทำการจองว่าปิดถาวรจริงหรือไม่ ถ้าจริงจะต้องทำอย่างไร สรุปว่า โรงแรมปิดถาวรจริง (แต่ไม่ได้ปิดระบบการขายห้องพัก) ทาง Agent ที่ผมได้ทำการจองนี้ จึงเสนอเงื่อนไข 2 แนวทาง คือ
1. คืนเงินเต็มจำนวนเข้าช่องทางเดิมที่ได้จ่ายเงินไป
2. ทาง Agent เสนอจัดหาโรงแรมใหม่ในระดับเดียวกัน ห้องพักประเภทเดียวกัน ในวงเงินไม่เกิน 2 เท่าของห้องพักที่เราได้จอง (เนื่องจากเป็นการจองช่วงก่อนออกเดินทางระยะสั้น ค่าห้องพักมีการปรับราคาสูงขึ้น) ส่วนต่างของค่าห้องพักใหม่ Agent จะเป็นผู้รับผิดชอบ
ซึ่งผมได้ตัดสินใจเลือกแนวทางที่ 2 แน่นอน เพราะต้องเดินทางอยู่แล้ว อีกทั้งถ้าเลือกแนวทางที่ 1 ต้องมาจองโรงแรมใหม่เอง ก็สุ่มเสี่ยงว่าโรงแรมจะมีปัญหาปิดกิจการเหมือนที่เจอหรือเปล่า แล้วต้องมาจ่ายค่าโรงแรมที่แพงขึ้น ผมเลยโทรแจ้งทาง Agent ว่าโรงแรมใหม่ขอให้อยู่ในทำเลที่เราต้องการ (ก็ระบุไปว่าต้องการให้โรงแรมที่ Agent จะเลือกให้เราใหม่อยู่ในทำเลตรงไหน) ในขณะเดียวกัน เราก็หาโรงแรมใหม่ที่เราต้องการไปพร้อมกันด้วย เผื่อว่าทาง Agent หาโรงแรมมาให้เราแล้วอยู่ในทำเลที่ไม่ถูกใจ เราก็เสนอชื่อโรงแรมใหม่ให้ทาง Agent ค้นหาอีกรอบ ถ้าชื่อโรงแรมที่ Agent เสนอกับที่เราค้นหาเผื่อไว้ตรงกัน ก็ Match ทาง Agent ก็จะทำการจองให้ใหม่ทันที โดยเราไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งกระบวนการตั้งแต่ที่ผมแจ้งให้ทาง Agent ตรวจสอบว่าโรงแรมปิดกิจการถาวรจริงหรือไม่ จนได้โรงแรมใหม่ ใช้เวลาแค่ 3 วัน ทางโรงแรมแห่งใหม่ก็ได้ส่งอีเมล์แจ้งยืนยันการจอง (ไม่ใช่อีเมล์จาก Agent ที่จองให้เรา) ทำให้เราอุ่นใจว่าโรงแรมไม่มีปัญหาตอนเข้าพักแน่ๆ เพราะเป็นอีเมล์จากโรงแรมแจ้งการจองห้องพักมาทางเราโดยตรง
หลังจากแก้ปัญหาโรงแรมที่ปิดจนได้โรงแรมใหม่เรียบร้อยแล้ว ก็เอ๊ะใจว่า โรงแรมอีก 5 แห่งที่เหลือที่ได้จองไว้ จะมีปัญหาหรือเปล่า ก็เลยเริ่มต้นค้นหาอีเมล์ของโรงแรมทั้ง 5 แห่ง แล้ววันที่ 9 มกราคม 2566 จึงได้ส่งอีเมล์โดยตรงไปยังโรงแรมต่างๆ ให้ Confirm การเข้าพัก พร้อมทั้ง CC ไปยัง Agent ของแต่ละโรงแรมที่จองด้วย โดยเฉพาะส่งไปที่ Traveloka เนื่องจากเป็น Agent ที่มีการจองโรงแรม 4 แห่งใน 4 ประเทศ ตามภาพ
โดยแจ้งขอให้ Traveloka ตรวจสอบการดำเนินการของแต่ละโรงแรม และให้ทางโรงแรมแจ้ง Confirm การจองห้องพักมายังเราโดยตรง ผลปรากฎว่าหลังจากส่งเมล์ไปยังโรงแรมต่างๆ ให้ Confirm การจองห้องพักของเรา โรงแรมในลำดับที่ 2-3-4 ตามภาพ และโรงแรมอื่นๆ ที่ไม่ได้จองกับ Traveloka ตอบ Confirm การจองห้องพักมายังอีเมล์ของผมภายในวันเดียวกัน ยกเว้นโรงแรม Hotel de Bordeaux ในฝรั่งเศส ไม่ตอบยืนยันการจองเลย แม้ว่าจะได้ส่งอีเมล์ไปถามอีกหลายครั้ง และได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง Traveloka เพื่อให้แจ้งโรงแรมช่วย Confirm ห้องที่ได้จองมายังอีเมล์ของเราด้วย แต่ท้ายที่สุด Traveloka กลับแจ้งให้เราโทรศัพท์ติดต่อไปยังโรงแรมที่ฝรั่งเศสโดยตรงเอง ตามภาพ
คำถามคือ มันใช่หน้าที่เราไม๊ ที่ต้องโทรถามเอง ทั้งๆ ที่เราจองกับคุณ อีเมล์ให้ติดต่อโรงแรมเราก็หาให้แล้ว เราพยายามติดต่อด้วยตัวเองแล้ว โรงแรมก็ไม่ตอบถึงให้คุณช่วยติดต่อโรงแรม ภายหลังถึงรู้ว่า ถ้าเราจองโรงแรมในยุโรปหรืออเมริกากับ Traveloka ซึ่ง Traveloka ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโรงแรมโดยตรง :ซึ่ง Traveloka ไป Sub ห้องพักที่เปิดให้จองกับ Expedia ทำให้เวลามีปัญหาอะไร Traveloka จะต้องติดต่อผ่าน Expedia ทำให้ Traveloka ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เอง เพราะทุกการดำเนินการของ Traveloka จะต้องทำผ่าน Expedia ทุกครั้ง ในขณะที่ถ้าเราทำการจองโรงแรมในยุโรปกับอเมริกาผ่านแอพ Agoda ก็เช่นเดียวกัน Agoda ก็จะไป Sub ห้องมาจาก Booking.com อีกทอดหนึ่ง ดังนั้น ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องจองโรงแรมในยุโรปหรืออเมริกา ถ้าไม่จองกับโรงแรมที่จะเข้าพักโดยตรง ก็ควรจองกับ Expedia หรือ Booking.com เท่านั้น
นับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคมที่ส่งอีเมล์แจ้งขอให้โรงแรม Hotel de Bordeaux ในฝรั่งเศส Confirm การจองห้องพักของเรา มาจนถึงวันนี้วันที่ 17 มกราคม ยังเงียบ คุณคิดว่ายังไงกับ Traveloka เพราะก่อนเกิดโควิด เคยมีกรณีการจองโรงแรมในอัมสเตอร์ดัมมาแล้วครั้งนึง คือ ตอนจ่ายเงิน ในระบบการจองแจ้งว่าราคาห้องพักดังกล่าวได้รวมภาษีที่ประเมินไว้แล้ว แต่พอถึงวันที่เข้าพักจริง โรงแรมกลับเรียกเก็บ City Taxes เพิ่ม หากเราไม่จ่ายโรงแรมก็ไม่ให้ check-in ตอนกลับมาถึงไทยเลยเป็นเรื่องต้องแจ้งความกัน เพราะว่าตอนจ่ายเงินระบบแจ้งว่าราคาห้องพักรวมภาษีแล้ว แต่ Traveloka ท้วงว่าให้ไปดูที่หมายเหตุในใบยืนยันการจองว่าจะต้องเสีย City Taxes เพิ่ม ประเด็นนี้เลยถึงต้องไปแจ้งความที่ว่า โดยปกติการจองห้องพัก เราจะต้องทราบว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรอีกหรือไม่ที่จะต้องจ่ายเพิ่มเติม เพื่อประกอบการตัดสินใจจอง ไม่ใช่ตอนจองก่อนที่จะชำระเงินแจ้งว่ารวมภาษีแล้ว พอจ่ายเงินเสร็จ ออกใบยืนยันการจองถึงจะมาระบุในหมายเหตุว่าจะต้องมีจ่ายภาษีเพิ่ม ซึ่งมันควรจะต้องแจ้งก่อนจ่ายเงินไม๊ ไม่ใช่ให้จ่ายเงินก่อนถึงจะมาแจ้งว่าจะต้องมีจ่ายภาษีเพิ่ม??? ในใบยืนยันการจอง (เพราะ City Taxes ในยุโรป ไม่ได้คิดเป็นต่อห้อง แต่คำนวณภาษีจากราคาค่าห้อง คิดเป็นต่อคนต่อคืน เพราะฉะนั้น ถ้าค่าห้องต่อคืน 7 พันบาท คุณไป 2 คน พัก 7 คืน ก็คำนวณไปว่าจะต้องจ่ายเพิ่มอีกกี่พันบาท เพราะถ้าค่าห้องแพงก็ต้องจ่ายภาษีแพงไปด้วย ไม่ใช่ว่าจองห้องประเภทไหนก็จ่ายภาษีเท่ากัน) คุณคิดว่าระบบการจองของ Traveloka ที่ต้องจ่ายเงินก่อน ถึงจะรู้ว่าจะต้องมีภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกหลายพันบาท OK กันไม๊
[CR] เตือน! ใครคิดจะจองโรงแรมในยุโรปและอเมริกาผ่านแอพ Traveloka
จองโรงแรมผ่านแอพ Traveloka
1. พักวันที่ 16-19 Feb (3 คืน) โรงแรม Hotel de Bordeaux, Paris France.
2. พักวันที่ 19-22 Feb (3 คืน) โรงแรม Ibis Budget Krakow Stare Miasto, Krakow Poland.
3. พักวันที่ 22-25 Feb (3 คืน) โรงแรม Residence Bene, Prague Czech.
4. พักวันที่ 1-2 March (1 คืน) โรงแรม Bristol Hotel, Zurich Switzerland.
และโรงแรมอีก 2 แห่งจองผ่านแอพอื่น
5. พักวันที่ 25-27 Feb (2 คืน) โรงแรม Mercure Wien Westbahnhof, Vienna Austria.
6. พักวันที่ 27 Feb-1 Mar (2 คืน) โรงแรม Hotel Eder, Munich Germany.
เนื่องจากมีช่วงเวลาเตรียมตัวก่อนเดินทางเดือนเศษ เลยปริ้นท์ใบยืนยันการจองห้องพักมาเตรียมไว้ เจอว่ามีโรงแรมแห่งหนึ่ง ในใบยืนยันการจองไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ เลย search หาเบอร์โทรของโรงแรมใน google เผื่อว่าไปแล้วหาไม่เจอจะได้โทรถาม ปรากฎว่าในเว็ปไซต์ขึ้นว่า "Permanently Closed" เงิบเลย ก็เลยต้องติดต่อไปทาง Agent ที่จอง (ซึ่งไม่ใช่ Traveloka) ให้ตรวจสอบโรงแรมที่ได้ทำการจองว่าปิดถาวรจริงหรือไม่ ถ้าจริงจะต้องทำอย่างไร สรุปว่า โรงแรมปิดถาวรจริง (แต่ไม่ได้ปิดระบบการขายห้องพัก) ทาง Agent ที่ผมได้ทำการจองนี้ จึงเสนอเงื่อนไข 2 แนวทาง คือ
1. คืนเงินเต็มจำนวนเข้าช่องทางเดิมที่ได้จ่ายเงินไป
2. ทาง Agent เสนอจัดหาโรงแรมใหม่ในระดับเดียวกัน ห้องพักประเภทเดียวกัน ในวงเงินไม่เกิน 2 เท่าของห้องพักที่เราได้จอง (เนื่องจากเป็นการจองช่วงก่อนออกเดินทางระยะสั้น ค่าห้องพักมีการปรับราคาสูงขึ้น) ส่วนต่างของค่าห้องพักใหม่ Agent จะเป็นผู้รับผิดชอบ
ซึ่งผมได้ตัดสินใจเลือกแนวทางที่ 2 แน่นอน เพราะต้องเดินทางอยู่แล้ว อีกทั้งถ้าเลือกแนวทางที่ 1 ต้องมาจองโรงแรมใหม่เอง ก็สุ่มเสี่ยงว่าโรงแรมจะมีปัญหาปิดกิจการเหมือนที่เจอหรือเปล่า แล้วต้องมาจ่ายค่าโรงแรมที่แพงขึ้น ผมเลยโทรแจ้งทาง Agent ว่าโรงแรมใหม่ขอให้อยู่ในทำเลที่เราต้องการ (ก็ระบุไปว่าต้องการให้โรงแรมที่ Agent จะเลือกให้เราใหม่อยู่ในทำเลตรงไหน) ในขณะเดียวกัน เราก็หาโรงแรมใหม่ที่เราต้องการไปพร้อมกันด้วย เผื่อว่าทาง Agent หาโรงแรมมาให้เราแล้วอยู่ในทำเลที่ไม่ถูกใจ เราก็เสนอชื่อโรงแรมใหม่ให้ทาง Agent ค้นหาอีกรอบ ถ้าชื่อโรงแรมที่ Agent เสนอกับที่เราค้นหาเผื่อไว้ตรงกัน ก็ Match ทาง Agent ก็จะทำการจองให้ใหม่ทันที โดยเราไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งกระบวนการตั้งแต่ที่ผมแจ้งให้ทาง Agent ตรวจสอบว่าโรงแรมปิดกิจการถาวรจริงหรือไม่ จนได้โรงแรมใหม่ ใช้เวลาแค่ 3 วัน ทางโรงแรมแห่งใหม่ก็ได้ส่งอีเมล์แจ้งยืนยันการจอง (ไม่ใช่อีเมล์จาก Agent ที่จองให้เรา) ทำให้เราอุ่นใจว่าโรงแรมไม่มีปัญหาตอนเข้าพักแน่ๆ เพราะเป็นอีเมล์จากโรงแรมแจ้งการจองห้องพักมาทางเราโดยตรง
หลังจากแก้ปัญหาโรงแรมที่ปิดจนได้โรงแรมใหม่เรียบร้อยแล้ว ก็เอ๊ะใจว่า โรงแรมอีก 5 แห่งที่เหลือที่ได้จองไว้ จะมีปัญหาหรือเปล่า ก็เลยเริ่มต้นค้นหาอีเมล์ของโรงแรมทั้ง 5 แห่ง แล้ววันที่ 9 มกราคม 2566 จึงได้ส่งอีเมล์โดยตรงไปยังโรงแรมต่างๆ ให้ Confirm การเข้าพัก พร้อมทั้ง CC ไปยัง Agent ของแต่ละโรงแรมที่จองด้วย โดยเฉพาะส่งไปที่ Traveloka เนื่องจากเป็น Agent ที่มีการจองโรงแรม 4 แห่งใน 4 ประเทศ ตามภาพ
โดยแจ้งขอให้ Traveloka ตรวจสอบการดำเนินการของแต่ละโรงแรม และให้ทางโรงแรมแจ้ง Confirm การจองห้องพักมายังเราโดยตรง ผลปรากฎว่าหลังจากส่งเมล์ไปยังโรงแรมต่างๆ ให้ Confirm การจองห้องพักของเรา โรงแรมในลำดับที่ 2-3-4 ตามภาพ และโรงแรมอื่นๆ ที่ไม่ได้จองกับ Traveloka ตอบ Confirm การจองห้องพักมายังอีเมล์ของผมภายในวันเดียวกัน ยกเว้นโรงแรม Hotel de Bordeaux ในฝรั่งเศส ไม่ตอบยืนยันการจองเลย แม้ว่าจะได้ส่งอีเมล์ไปถามอีกหลายครั้ง และได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง Traveloka เพื่อให้แจ้งโรงแรมช่วย Confirm ห้องที่ได้จองมายังอีเมล์ของเราด้วย แต่ท้ายที่สุด Traveloka กลับแจ้งให้เราโทรศัพท์ติดต่อไปยังโรงแรมที่ฝรั่งเศสโดยตรงเอง ตามภาพ
คำถามคือ มันใช่หน้าที่เราไม๊ ที่ต้องโทรถามเอง ทั้งๆ ที่เราจองกับคุณ อีเมล์ให้ติดต่อโรงแรมเราก็หาให้แล้ว เราพยายามติดต่อด้วยตัวเองแล้ว โรงแรมก็ไม่ตอบถึงให้คุณช่วยติดต่อโรงแรม ภายหลังถึงรู้ว่า ถ้าเราจองโรงแรมในยุโรปหรืออเมริกากับ Traveloka ซึ่ง Traveloka ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโรงแรมโดยตรง :ซึ่ง Traveloka ไป Sub ห้องพักที่เปิดให้จองกับ Expedia ทำให้เวลามีปัญหาอะไร Traveloka จะต้องติดต่อผ่าน Expedia ทำให้ Traveloka ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เอง เพราะทุกการดำเนินการของ Traveloka จะต้องทำผ่าน Expedia ทุกครั้ง ในขณะที่ถ้าเราทำการจองโรงแรมในยุโรปกับอเมริกาผ่านแอพ Agoda ก็เช่นเดียวกัน Agoda ก็จะไป Sub ห้องมาจาก Booking.com อีกทอดหนึ่ง ดังนั้น ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องจองโรงแรมในยุโรปหรืออเมริกา ถ้าไม่จองกับโรงแรมที่จะเข้าพักโดยตรง ก็ควรจองกับ Expedia หรือ Booking.com เท่านั้น
นับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคมที่ส่งอีเมล์แจ้งขอให้โรงแรม Hotel de Bordeaux ในฝรั่งเศส Confirm การจองห้องพักของเรา มาจนถึงวันนี้วันที่ 17 มกราคม ยังเงียบ คุณคิดว่ายังไงกับ Traveloka เพราะก่อนเกิดโควิด เคยมีกรณีการจองโรงแรมในอัมสเตอร์ดัมมาแล้วครั้งนึง คือ ตอนจ่ายเงิน ในระบบการจองแจ้งว่าราคาห้องพักดังกล่าวได้รวมภาษีที่ประเมินไว้แล้ว แต่พอถึงวันที่เข้าพักจริง โรงแรมกลับเรียกเก็บ City Taxes เพิ่ม หากเราไม่จ่ายโรงแรมก็ไม่ให้ check-in ตอนกลับมาถึงไทยเลยเป็นเรื่องต้องแจ้งความกัน เพราะว่าตอนจ่ายเงินระบบแจ้งว่าราคาห้องพักรวมภาษีแล้ว แต่ Traveloka ท้วงว่าให้ไปดูที่หมายเหตุในใบยืนยันการจองว่าจะต้องเสีย City Taxes เพิ่ม ประเด็นนี้เลยถึงต้องไปแจ้งความที่ว่า โดยปกติการจองห้องพัก เราจะต้องทราบว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรอีกหรือไม่ที่จะต้องจ่ายเพิ่มเติม เพื่อประกอบการตัดสินใจจอง ไม่ใช่ตอนจองก่อนที่จะชำระเงินแจ้งว่ารวมภาษีแล้ว พอจ่ายเงินเสร็จ ออกใบยืนยันการจองถึงจะมาระบุในหมายเหตุว่าจะต้องมีจ่ายภาษีเพิ่ม ซึ่งมันควรจะต้องแจ้งก่อนจ่ายเงินไม๊ ไม่ใช่ให้จ่ายเงินก่อนถึงจะมาแจ้งว่าจะต้องมีจ่ายภาษีเพิ่ม??? ในใบยืนยันการจอง (เพราะ City Taxes ในยุโรป ไม่ได้คิดเป็นต่อห้อง แต่คำนวณภาษีจากราคาค่าห้อง คิดเป็นต่อคนต่อคืน เพราะฉะนั้น ถ้าค่าห้องต่อคืน 7 พันบาท คุณไป 2 คน พัก 7 คืน ก็คำนวณไปว่าจะต้องจ่ายเพิ่มอีกกี่พันบาท เพราะถ้าค่าห้องแพงก็ต้องจ่ายภาษีแพงไปด้วย ไม่ใช่ว่าจองห้องประเภทไหนก็จ่ายภาษีเท่ากัน) คุณคิดว่าระบบการจองของ Traveloka ที่ต้องจ่ายเงินก่อน ถึงจะรู้ว่าจะต้องมีภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกหลายพันบาท OK กันไม๊
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้