https://etipitaka.com/read/thai/19/394/
นันทิยสูตร
...
...
[๑๖๐๐] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อริยสาวกใด ไม่มีโสตาปัตติยังคธรรม ๔ ประการ โดยประการทั้งปวง ในกาลทุกเมื่อ
อริยสาวกนั้นหรือหนอที่พระองค์ตรัสเรียกว่า อยู่ด้วยความ ไม่ประมาท?
(...อันนี้แปลผิด ท่านนันทิยถามว่า..การไม่มีสตาปัตติยังคธรรม ๔ ประการ..ถือว่าประมาท..ใช่ไหม?..)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรนันทิยะ
อริยสาวกใด ไม่มีโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการ เราเรียกอริยสาวกนั้นว่า เป็นคนภายนอก ตั้งอยู่ในฝ่ายปุถุชน
อนึ่ง อริยสาวกเป็นผู้อยู่ด้วย ความประมาท และอยู่ด้วยความไม่ประมาท โดยวิธีใด ท่านจงฟังวิธีนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจัก กล่าว
นนทิยศากยะทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
[๑๖๐๑] ดูกรนันทิยะ ก็อริยสาวกเป็นผู้อยู่ด้วยความประมาทอย่างไร?
อริยสาวก ในธรรมวินัยนี้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า
แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ... เป็นผู้จำแนกธรรม อริยสาวกนั้นพอใจแล้วด้วยความเลื่อมใสอันไม่ หวั่นไหวในพระพุทธเจ้านั้น
ไม่พยายามให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อความสงัดในกลางวัน เพื่อหลีกเร้นใน กลางคืน เมื่ออริยสาวกนั้นเป็นผู้ประมาทอยู่อย่างนี้
ย่อมไม่มีปราโมทย์ เมื่อไม่มีปราโมทย์ ก็ ไม่มีปีติ เมื่อไม่มีปีติ ก็ไม่มีปัสสัทธิ เมื่อไม่มีปัสสัทธิ ย่อมอยู่เป็นทุกข์
จิตของผู้มีความทุกข์ ย่อมไม่เป็นสมาธิ เมื่อจิตไม่เป็นสมาธิ ธรรมทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏ เพราะธรรมทั้งหลายไม่ ปรากฏ
อริยสาวกนั้นย่อมถึงความนับว่า อยู่ด้วยความประมาท
อีกประการหนึ่ง อริยสาวก
ประกอบด้วยเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม ...
ในพระสงฆ์ ...
ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้า ใคร่แล้ว ไม่ขาด ฯลฯ เป็นไปเพื่อสมาธิ อริยสาวกนั้นพอใจแล้วด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว
ไม่พยายามให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อความสงัดในกลางวัน เพื่อหลีกเร้นในกลางคืน เมื่ออริยสาวกนั้น เป็นผู้ประมาทอยู่อย่างนี้
ย่อมไม่มีปราโมทย์ เมื่อไม่มีปราโมทย์ ก็ไม่มีปีติ เมื่อไม่มีปีติ ก็ไม่มี ปัสสัทธิ เมื่อไม่มีปัสสัทธิ ย่อมอยู่เป็นทุกข์
จิตของผู้มีความทุกข์ย่อมไม่มีสมาธิ เมื่อจิตไม่ เป็นสมาธิ ธรรมทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏ เพราะธรรมทั้งหลายไม่ปรากฏ
อริยสาวกนั้นย่อมถึง ความนับว่า อยู่ด้วยความประมาท
ดูกรนันทิยะ อริยสาวกเป็นผู้อยู่ด้วยความประมาทอย่างนี้แล.
....
...
สรุป..
1. ท่านนันทิยถามว่า..การไม่มีโสตาปัตติยังคธรรม ๔ ประการ..ถือว่าประมาท..ใช่ไหม?
2. พระศาสดาท่านกล่าวว่า.. การไม่มีสตาปัตติยังคธรรม ๔ ประการ ...ให้เรียกว่า "
เป็นคนภายนอก ตั้งอยู่ในฝ่ายปุถุชน "
3. ส่วนผู้ที่แม้นเป็นพระโสดาบันแล้ว... คือผู้ที่ประกอบด้วยโสตาปัตติยังคธรรม ๔ ประการ
หากไม่พยายามให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อความสงัดในกลางวัน เพื่อหลีกเร้นในกลางคืน
โสดาบันผู้นี้...ก็ถือว่า " เป็นผู้ที่ประมาทอยู่ "...
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 6 :...โสดาบันบางท่าน..ก็ยังเป็นผู้ที่ประมาทอยู่...
https://etipitaka.com/read/thai/19/394/
นันทิยสูตร
...
...
[๑๖๐๐] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อริยสาวกใด ไม่มีโสตาปัตติยังคธรรม ๔ ประการ โดยประการทั้งปวง ในกาลทุกเมื่อ
อริยสาวกนั้นหรือหนอที่พระองค์ตรัสเรียกว่า อยู่ด้วยความ
ไม่ประมาท?(...อันนี้แปลผิด ท่านนันทิยถามว่า..การไม่มีสตาปัตติยังคธรรม ๔ ประการ..ถือว่าประมาท..ใช่ไหม?..)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรนันทิยะ อริยสาวกใด ไม่มีโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการ เราเรียกอริยสาวกนั้นว่า เป็นคนภายนอก ตั้งอยู่ในฝ่ายปุถุชน
อนึ่ง อริยสาวกเป็นผู้อยู่ด้วย ความประมาท และอยู่ด้วยความไม่ประมาท โดยวิธีใด ท่านจงฟังวิธีนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจัก กล่าว
นนทิยศากยะทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
[๑๖๐๑] ดูกรนันทิยะ ก็อริยสาวกเป็นผู้อยู่ด้วยความประมาทอย่างไร?
อริยสาวก ในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า
แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ... เป็นผู้จำแนกธรรม อริยสาวกนั้นพอใจแล้วด้วยความเลื่อมใสอันไม่ หวั่นไหวในพระพุทธเจ้านั้น
ไม่พยายามให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อความสงัดในกลางวัน เพื่อหลีกเร้นใน กลางคืน เมื่ออริยสาวกนั้นเป็นผู้ประมาทอยู่อย่างนี้
ย่อมไม่มีปราโมทย์ เมื่อไม่มีปราโมทย์ ก็ ไม่มีปีติ เมื่อไม่มีปีติ ก็ไม่มีปัสสัทธิ เมื่อไม่มีปัสสัทธิ ย่อมอยู่เป็นทุกข์
จิตของผู้มีความทุกข์ ย่อมไม่เป็นสมาธิ เมื่อจิตไม่เป็นสมาธิ ธรรมทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏ เพราะธรรมทั้งหลายไม่ ปรากฏ
อริยสาวกนั้นย่อมถึงความนับว่า อยู่ด้วยความประมาท
อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ประกอบด้วยเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม ...
ในพระสงฆ์ ...
ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้า ใคร่แล้ว ไม่ขาด ฯลฯ เป็นไปเพื่อสมาธิ อริยสาวกนั้นพอใจแล้วด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว
ไม่พยายามให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อความสงัดในกลางวัน เพื่อหลีกเร้นในกลางคืน เมื่ออริยสาวกนั้น เป็นผู้ประมาทอยู่อย่างนี้
ย่อมไม่มีปราโมทย์ เมื่อไม่มีปราโมทย์ ก็ไม่มีปีติ เมื่อไม่มีปีติ ก็ไม่มี ปัสสัทธิ เมื่อไม่มีปัสสัทธิ ย่อมอยู่เป็นทุกข์
จิตของผู้มีความทุกข์ย่อมไม่มีสมาธิ เมื่อจิตไม่ เป็นสมาธิ ธรรมทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏ เพราะธรรมทั้งหลายไม่ปรากฏ
อริยสาวกนั้นย่อมถึง ความนับว่า อยู่ด้วยความประมาท
ดูกรนันทิยะ อริยสาวกเป็นผู้อยู่ด้วยความประมาทอย่างนี้แล.
....
...
สรุป..
1. ท่านนันทิยถามว่า..การไม่มีโสตาปัตติยังคธรรม ๔ ประการ..ถือว่าประมาท..ใช่ไหม?
2. พระศาสดาท่านกล่าวว่า.. การไม่มีสตาปัตติยังคธรรม ๔ ประการ ...ให้เรียกว่า " เป็นคนภายนอก ตั้งอยู่ในฝ่ายปุถุชน "
3. ส่วนผู้ที่แม้นเป็นพระโสดาบันแล้ว... คือผู้ที่ประกอบด้วยโสตาปัตติยังคธรรม ๔ ประการ
หากไม่พยายามให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อความสงัดในกลางวัน เพื่อหลีกเร้นในกลางคืน
โสดาบันผู้นี้...ก็ถือว่า " เป็นผู้ที่ประมาทอยู่ "...