‘ปริญญา’ ท้าประยุทธ์ประกาศ ‘ส.ว.จะไม่ยุ่ง’ ชี้จุดพลาดเลือกตั้ง 62 ลั่น รทสช.ไม่ได้ตกปลา แต่ ‘หว่านแหบ่อเพื่อน’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3766632
‘ปริญญา’ ถามประยุทธ์ เท่าเทียมตรงไหน? ในเมื่อมี 250 ส.ว. ลั่น รทสช.ไม่ใช่ตกปลา แต่หว่านแหบ่อเพื่อน ย้ำเลือกตั้ง 66 ภาคประชาชนต้องมีส่วนร่วม
วันที่ 11 มกราคม ที่ห้องอเนกประสงค์ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) จัดกิจกรรม เข้าคูหา จับตา การเลือกตั้ง 2566 Protect Our Vote โดยมีการทดลองลงคะแนนเสียงแบบจำลองตามระบบการเลือกตั้งใหม่บัตร 2 ใบ ซึ่งช่วงท้ายจะเปิดหีบนับคะแนน เพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นข้างหน้าจะมีโอกาสเป็นอย่างไร รวมทั้งการอ่านแถลงการณ์จากเครือข่ายประชาชนสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ปี 2566 โดยนอกจากมีกิจกรรมเข้าคูหาจับตาการเลือกตั้ง 2566 ยังมีนิทรรศการ 2022 Election Flashback โดยพิพิธภัณฑ์สามัญชน รวมของสะสมเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ย้อนภาพเหตุการณ์การเลือกตั้ง 62 ทั้งข่าวจากหนังสือพิมพ์ ใบปลิวหาเสียง ฯลฯ
โดยบรรยากาศเวลา 14.00 น. มีกิจกรรมการเสวนาวิชาการ “เข้าคูหา จับตา เลือกตั้ง 66 โดยวิทยากรได้แก่ รศ.ดร.
สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นาย
ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw), นายพงษศักดิ์ จันทร์อ่อน จากเครือข่ายเยาวชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย, ผศ.ดร.
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และดำเนินรายการโดย ดร.
เอกพันธุ์ ปิณฑวณิช นักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา
ในตอนหนึ่ง ผศ.ดร.
ปริญญากล่าวว่า การเลือกตั้งปี 2566 จะต่างไปจาก 24 มีนาคม 2562 เนื่องจากมีประเด็นเรื่องของการจัดการเลือกตั้ง ตัวระบบเลือกตั้ง และเรื่องการเลือกนายกฯหลังเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องหลังดูเหมือนไม่อยู่ในหัวข้อ แต่เป็นเรื่องใหญ่มาก โดย 2 เรื่องแรก เปลี่ยนแปลงไปพอสมควร แต่เรื่องหลังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
“
ว่าง่ายๆ คือที่พวกเราเลือกไปจะเป็นบัตร 1 ใบเลือก ส.ส.เขต อีก 1 ใบเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมเป็น 500 คน ก็จะรวมกันเป็นรัฐสภากับ ส.ว.ที่มีอยู่แล้ว 250 คน ไปเลือกนายกฯ ตรงนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ยังคงเหมือนเมื่อปี 2562 นั่นคือหลักการของรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยที่มาจากประชาชน ก็ต้องมาจากประชาชน
“
แต่ของเราไม่ใช่อย่างนั้นตั้งแต่เมื่อปี 2562 พรรคพลังประชารัฐซึ่งมี ส.ส.เพียงแค่ 116 เสียง จาก ส.ส. 500 เสียง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯได้อย่างไร ก็เพราะมี ส.ว.250 เสียง นี่คือสิ่งที่ยังไม่ต่างออกไป แต่ตัวผู้เล่นที่ต่างออกไปเพราะพลังประชารัฐก็ได้แยกเป็นรวมไทยสร้างชาติ จะเรียกรวมไทยสร้างชาติก็ไม่ถูกนัก เพราะรวมไทยสร้างชาติประกอบด้วยส่วนหนึ่งของพลังประชารัฐเดิม ว่าที่นายกฯมาแล้ว กลุ่มหลายกลุ่มก็มาแล้ว แต่ว่าก็มี ส.ส.เก่าจากพรรคอื่นๆ ที่เขาเรียกว่า ‘ตกปลาในบ่อเพื่อน’ บางทีไม่ได้ตกอย่างเดียว เพราะตกคือเป็นตัวๆ บางทีต้องเรียกว่าไปหว่านแหในบ่อเพื่อน” ผศ.ดร.
ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.
ปริญญากล่าวต่อว่า พอดีตนฟังท่านนายกฯปราศรัยบนเวที ที่สำคัญคือท่านใช้คำบอกว่า ท่านเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเท่าเทียม ตนก็สงสัยว่าเราเท่าเทียมกันอย่างไร ในเมื่อท่านมี ส.ว.ที่ท่านเลือกไว้ ถ้าท่านจะเท่าเทียมจริงตามที่ท่านบอกว่ายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย แล้วท่านปฏิวัติทำไมเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
“
ถ้าท่านยืนยันว่าที่แล้วก็แล้วไป จากนี้ไปท่านประกาศได้ไหม ส.ว.ของท่านจะไม่ยุ่งเกี่ยว ให้ประชาชนตัดสิน ถ้าประชาชนเลือกท่านเป็นเสียงข้างมาก โอเค ก็เป็นนายกฯต่อไป ความเท่าเทียมของท่านที่พูดจะเท่าเทียมจริงได้ คือเรื่องนี้ คือแต่ละคนชอบพรรคการเมืองแตกต่างกัน ก็หาเสียงไป พรรคไหนได้เสียงข้างมากของประชาชนก็เป็นรัฐบาลไป ไม่ใช่เป็นนายกฯ ได้ด้วยเสียงส.ว.” ผศ.ดร.
ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.
ปริญญากล่าวอีกว่า ระบบเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมานั้น ปัญหามี 2 ข้อคือระบบหาร 500 ใบเดียว ทำให้มีผู้สมัครมาก ซึ่งมากที่สุดคือใน 1 เขตมี 44 คน เฉลี่ยคือ 28 คน ใน 350 เขต จากปกติ 7-8 คนเพิ่มเป็นกว่า 20 คน เพราะคะแนนแบบแบ่งเขตจะนำมาคำนวณ ส.ส.พึงมี ทำให้เกิดการส่งผู้ลงสมัครจำนวนมากโดยไม่หวังชนะ แต่หาคะแนนให้หัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นเบอร์ 1 ของปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคตัวเองที่จะได้เป็น ส.ส.
“
จากปี 2554 มีผู้สมัครแบบแบ่งเขตแค่ 2,400 คน แต่ในการเลือกตั้งปี 2562 ผู้สมัครแบบแบ่งเขตเพิ่มเป็น 11,128 คน ประมาณ 5 เท่าที่เพิ่มขึ้นมา พอผู้สมัครมากขึ้น บัตรเลือกตั้งก็มโหฬาร รายละเอียดก็น้อยลง และที่สำคัญคือเรื่องจัดการเลือกตั้งของ กกต.ผิดพลาดเยอะ อันนี้พูดไม่อ้อมค้อม มีความผิดพลาดได้ เพราะมีผู้สมัคร 11,128 คน แล้วหน้าคูหาเลือกตั้งยากมากสำหรับเรา พูดๆ ง่ายว่า การเลือกตั้งครั้งคราวที่แล้วมีความผิดพลาดมากเพราะระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียว และมี ส.ส. 2 ประเภท” ผศ.ดร.
ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.
ปริญญากล่าวต่อว่า การเลือกตั้งโปร่งใสได้ ก็ต่อเมื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม ตรงนี้นาย
มีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ตัดหมด และนำผู้ตรวจการเลือกตั้งมาแทน เลิก กกต.จังหวัด ภาคประชาชนทิ้งไป แล้วเกิดปัญหาเยอะ
“
เขาเชื่อแบบราชการเลยให้ราชการมาตรวจ เขาไม่เชื่อประชาชนเลยตัดประชาชนทิ้ง ในข้อนี้แม้ปัจจุบันกฎหมายยังไม่เปลี่ยน แต่จากการพูดคุยเชื่อว่า กกต.เห็นปัญหา จนถึงตอนนี้ กกต.ยังไม่พูดออกมา ภาคประชาชนควรเข้าไปหาและขอเข้าไปมีส่วนร่วม
“
ส่วนระบบเลือกตั้งนี้ดีที่สุดหรือยัง เป็นข้อที่ต้องพูดกันต่อไป แต่อย่างน้อยดีกว่าระบบบัตรเลือกตั้งบัตรใบเดียว หาร 500 ในแง่ที่ว่า ให้ผู้สมัครที่ไม่ได้หวังชนะการเลือกตั้งมาลงกันจำนวนมาก ปัญหานี้ก็จะน้อยไป ทุกคนที่สมัครในคราวนี้คือหวังชนะ” ผศ.ดร.
ปริญญากล่าว
‘จาตุรนต์’ อัด ‘ประยุทธ์’ ช่างกล้าพูด เคารพ ปชต.ทั้งที่แท้จริงคือผู้ทำลาย ถาม รู้ยังเขาเบื่อกันทั้งประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3766281
“จาตุรนต์” อัด “ประยุทธ์” ช่างกล้าพูด เคารพ ปชต.ทั้งที่แท้จริงคือผู้ทำลาย ถาม รู้ยังเขาเบื่อกันทั้งประเทศ
เมื่อวันที่ 11 มกราคม นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องการที่ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยระบุว่า ‘ประยุทธ์’ เคารพหรือทำลายกระบวนการประชาธิปไตยของไทย ? โดยมีรายละเอียดว่า
กล้าพูดออกมาได้ยังไงว่า “มาอยู่ตรงนี้ได้เพราะเคารพกระบวนการประชาธิปไตยของประเทศไทย” ทั้งที่ตัวเองคือ ผู้ทำลายประชาธิปไตยอย่างเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศนี้
พล.อ.ประยุทธ์มาอยู่ตรงนี้ได้เพราะทำรัฐประหารปล้นอำนาจจากประชาชน แล้วปกครองด้วยระบอบเผด็จการสมบูรณ์แบบอยู่หลายปีก่อนที่จะสืบทอดอำนาจด้วยระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมาจนทุกวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มาถึงวันนี้ก็เพื่อใช้พรรคการเมืองเฉพาะกิจ เป็นเงื่อนไขที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้อำนาจตนเองไว้ในรัฐธรรมนูญใช้เพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป
แต่ไม่ปรากฏว่าพรรคนี้มีอุดมการณ์หรือนโยบายอะไร ดูผู้ที่มารวมกันทำพรรคก็จะเห็นว่าส่วนใหญ่คือผู้สมคบกันสร้างสภาวะรัฐบาลพลเรือนบริหารประเทศไม่ได้ จนนำไปสู่การรัฐประหาร แล้วก็ร่วมกันในกระบวนการสืบทอดอำนาจเผด็จการตลอดมา
การย้ายพรรคในขณะที่ยังเป็นนายกฯอยู่ เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของระบบพรรคการเมืองที่ต้องรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน สร้างบรรทัดฐานเลวๆว่าคนที่เป็นนายกฯในนามพรรคหนึ่งแล้ว ทั้งนายกฯหรือพรรคการเมืองไม่ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนก็ได้ หนำซ้ำนายกฯจะย้ายไปอยู่พรรคอื่นเสียก็ได้ แล้วจากนี้ไป หากนายกฯทำความเสียหายให้บ้านเมืองมากขึ้น ประชาชนจะไปตรวจสอบเรียกร้องเอาผิดกับพรรคการเมืองไหน
พอมาบอกว่าอยู่มา 8 ปี มีอะไรที่ทำไม่เสร็จอีกมากจึงต้องอยู่ต่อนั้น ถ้ากำลังทำความเจริญให้กับบ้านเมือง จะอยู่ต่อก็คงไม่เป็นไร แต่ 8 ปีมานี้ พล.อ.ประยุทธ์ทำให้ประเทศเสียหายไปมาก ยิ่งอยู่บ้านเมืองก็ยิ่งแย่
เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดว่า “อย่าเบื่อง่าย”
ที่คนเขาเบื่อกันทั้งประเทศนั้น เบื่อหน้าและกิริยาท่าทางก็อาจเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่เบื่อที่สุดเห็นจะเป็น ยิ่งอยู่นาน บ้านเมืองยิ่งย่อยยับลงไปทุกทีมากกว่า
https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/posts/pfbid02UVf75oY3DfRxCin8orAKptU2aEC1igzJSx2oekU3peV5r9HbAofDzJsDf9CahoHal
จิรายุ บี้รบ. ยุ่งแต่เปิดตัวพรรคใหม่ ไม่มาคุมเสียงทำสภาล่ม แฉซ้ำมีเสียบบัตรแทนแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3766283
เมื่อเวลา 13.25 น. วันที่ 11 มกราคม ที่รัฐสภา นาย
จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่า ในนามของพรรคฝ่ายค้าน ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภาว่าจริงๆ แล้ว ส.ว. ที่พูดในที่ประชุม ไม่น่าใช้วิธีการทางด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งฝ่ายค้านแสดงตนเป็นองค์ประชุมในวันนี้ 100 กว่าเสียง ซึ่งตอนเช็กองค์ประชุมพบว่ามี 349 เสียง แต่เมื่อถึงเวลาแสดงผลคะแนนพบว่ามี 339 เสียง ยังมีคนกดบัตรแทนกันอยู่ แสดงว่ามีมือที่สอง และมือที่สามไปกดเพิ่ม
“
ขอเรียกร้องไปยังประธาน รัฐสภาที่ทำหน้าที่เป็นประธานในวันนี้ หากท่านยังดันทุรังทำหน้าที่เช่นนี้อีก ก็จะมีข้อพิพาททางกฎหมายเกิดขึ้นแน่นอน องค์ประชุมเป็นของรัฐบาล และร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ… ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่สมบูรณ์ ประกาศใช้ออกไป ก็จะสร้างปัญหาให้คุณครู หรือสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ และขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล อย่าพึ่งมัวไปเปิดตัวกับพรรคการเมือง ขอให้มาคุมเสียงในรัฐสภาด้วย” นาย
จิรายุ กล่าว
JJNY : 5in1 ‘ปริญญา’ท้าประยุทธ์│‘จาตุรนต์’อัด‘ประยุทธ์’│จิรายุบี้รบ.│‘สมชัย’ลุยยื่นกกต.วินิจฉัยตู่│สวนปาล์มกระบี่กระอัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3766632
‘ปริญญา’ ถามประยุทธ์ เท่าเทียมตรงไหน? ในเมื่อมี 250 ส.ว. ลั่น รทสช.ไม่ใช่ตกปลา แต่หว่านแหบ่อเพื่อน ย้ำเลือกตั้ง 66 ภาคประชาชนต้องมีส่วนร่วม
วันที่ 11 มกราคม ที่ห้องอเนกประสงค์ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) จัดกิจกรรม เข้าคูหา จับตา การเลือกตั้ง 2566 Protect Our Vote โดยมีการทดลองลงคะแนนเสียงแบบจำลองตามระบบการเลือกตั้งใหม่บัตร 2 ใบ ซึ่งช่วงท้ายจะเปิดหีบนับคะแนน เพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นข้างหน้าจะมีโอกาสเป็นอย่างไร รวมทั้งการอ่านแถลงการณ์จากเครือข่ายประชาชนสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ปี 2566 โดยนอกจากมีกิจกรรมเข้าคูหาจับตาการเลือกตั้ง 2566 ยังมีนิทรรศการ 2022 Election Flashback โดยพิพิธภัณฑ์สามัญชน รวมของสะสมเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ย้อนภาพเหตุการณ์การเลือกตั้ง 62 ทั้งข่าวจากหนังสือพิมพ์ ใบปลิวหาเสียง ฯลฯ
โดยบรรยากาศเวลา 14.00 น. มีกิจกรรมการเสวนาวิชาการ “เข้าคูหา จับตา เลือกตั้ง 66 โดยวิทยากรได้แก่ รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw), นายพงษศักดิ์ จันทร์อ่อน จากเครือข่ายเยาวชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย, ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และดำเนินรายการโดย ดร.เอกพันธุ์ ปิณฑวณิช นักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา
ในตอนหนึ่ง ผศ.ดร.ปริญญากล่าวว่า การเลือกตั้งปี 2566 จะต่างไปจาก 24 มีนาคม 2562 เนื่องจากมีประเด็นเรื่องของการจัดการเลือกตั้ง ตัวระบบเลือกตั้ง และเรื่องการเลือกนายกฯหลังเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องหลังดูเหมือนไม่อยู่ในหัวข้อ แต่เป็นเรื่องใหญ่มาก โดย 2 เรื่องแรก เปลี่ยนแปลงไปพอสมควร แต่เรื่องหลังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
“ว่าง่ายๆ คือที่พวกเราเลือกไปจะเป็นบัตร 1 ใบเลือก ส.ส.เขต อีก 1 ใบเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมเป็น 500 คน ก็จะรวมกันเป็นรัฐสภากับ ส.ว.ที่มีอยู่แล้ว 250 คน ไปเลือกนายกฯ ตรงนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ยังคงเหมือนเมื่อปี 2562 นั่นคือหลักการของรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยที่มาจากประชาชน ก็ต้องมาจากประชาชน
“แต่ของเราไม่ใช่อย่างนั้นตั้งแต่เมื่อปี 2562 พรรคพลังประชารัฐซึ่งมี ส.ส.เพียงแค่ 116 เสียง จาก ส.ส. 500 เสียง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯได้อย่างไร ก็เพราะมี ส.ว.250 เสียง นี่คือสิ่งที่ยังไม่ต่างออกไป แต่ตัวผู้เล่นที่ต่างออกไปเพราะพลังประชารัฐก็ได้แยกเป็นรวมไทยสร้างชาติ จะเรียกรวมไทยสร้างชาติก็ไม่ถูกนัก เพราะรวมไทยสร้างชาติประกอบด้วยส่วนหนึ่งของพลังประชารัฐเดิม ว่าที่นายกฯมาแล้ว กลุ่มหลายกลุ่มก็มาแล้ว แต่ว่าก็มี ส.ส.เก่าจากพรรคอื่นๆ ที่เขาเรียกว่า ‘ตกปลาในบ่อเพื่อน’ บางทีไม่ได้ตกอย่างเดียว เพราะตกคือเป็นตัวๆ บางทีต้องเรียกว่าไปหว่านแหในบ่อเพื่อน” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.ปริญญากล่าวต่อว่า พอดีตนฟังท่านนายกฯปราศรัยบนเวที ที่สำคัญคือท่านใช้คำบอกว่า ท่านเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเท่าเทียม ตนก็สงสัยว่าเราเท่าเทียมกันอย่างไร ในเมื่อท่านมี ส.ว.ที่ท่านเลือกไว้ ถ้าท่านจะเท่าเทียมจริงตามที่ท่านบอกว่ายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย แล้วท่านปฏิวัติทำไมเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
“ถ้าท่านยืนยันว่าที่แล้วก็แล้วไป จากนี้ไปท่านประกาศได้ไหม ส.ว.ของท่านจะไม่ยุ่งเกี่ยว ให้ประชาชนตัดสิน ถ้าประชาชนเลือกท่านเป็นเสียงข้างมาก โอเค ก็เป็นนายกฯต่อไป ความเท่าเทียมของท่านที่พูดจะเท่าเทียมจริงได้ คือเรื่องนี้ คือแต่ละคนชอบพรรคการเมืองแตกต่างกัน ก็หาเสียงไป พรรคไหนได้เสียงข้างมากของประชาชนก็เป็นรัฐบาลไป ไม่ใช่เป็นนายกฯ ได้ด้วยเสียงส.ว.” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.ปริญญากล่าวอีกว่า ระบบเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมานั้น ปัญหามี 2 ข้อคือระบบหาร 500 ใบเดียว ทำให้มีผู้สมัครมาก ซึ่งมากที่สุดคือใน 1 เขตมี 44 คน เฉลี่ยคือ 28 คน ใน 350 เขต จากปกติ 7-8 คนเพิ่มเป็นกว่า 20 คน เพราะคะแนนแบบแบ่งเขตจะนำมาคำนวณ ส.ส.พึงมี ทำให้เกิดการส่งผู้ลงสมัครจำนวนมากโดยไม่หวังชนะ แต่หาคะแนนให้หัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นเบอร์ 1 ของปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคตัวเองที่จะได้เป็น ส.ส.
“จากปี 2554 มีผู้สมัครแบบแบ่งเขตแค่ 2,400 คน แต่ในการเลือกตั้งปี 2562 ผู้สมัครแบบแบ่งเขตเพิ่มเป็น 11,128 คน ประมาณ 5 เท่าที่เพิ่มขึ้นมา พอผู้สมัครมากขึ้น บัตรเลือกตั้งก็มโหฬาร รายละเอียดก็น้อยลง และที่สำคัญคือเรื่องจัดการเลือกตั้งของ กกต.ผิดพลาดเยอะ อันนี้พูดไม่อ้อมค้อม มีความผิดพลาดได้ เพราะมีผู้สมัคร 11,128 คน แล้วหน้าคูหาเลือกตั้งยากมากสำหรับเรา พูดๆ ง่ายว่า การเลือกตั้งครั้งคราวที่แล้วมีความผิดพลาดมากเพราะระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียว และมี ส.ส. 2 ประเภท” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.ปริญญากล่าวต่อว่า การเลือกตั้งโปร่งใสได้ ก็ต่อเมื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม ตรงนี้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ตัดหมด และนำผู้ตรวจการเลือกตั้งมาแทน เลิก กกต.จังหวัด ภาคประชาชนทิ้งไป แล้วเกิดปัญหาเยอะ
“เขาเชื่อแบบราชการเลยให้ราชการมาตรวจ เขาไม่เชื่อประชาชนเลยตัดประชาชนทิ้ง ในข้อนี้แม้ปัจจุบันกฎหมายยังไม่เปลี่ยน แต่จากการพูดคุยเชื่อว่า กกต.เห็นปัญหา จนถึงตอนนี้ กกต.ยังไม่พูดออกมา ภาคประชาชนควรเข้าไปหาและขอเข้าไปมีส่วนร่วม
“ส่วนระบบเลือกตั้งนี้ดีที่สุดหรือยัง เป็นข้อที่ต้องพูดกันต่อไป แต่อย่างน้อยดีกว่าระบบบัตรเลือกตั้งบัตรใบเดียว หาร 500 ในแง่ที่ว่า ให้ผู้สมัครที่ไม่ได้หวังชนะการเลือกตั้งมาลงกันจำนวนมาก ปัญหานี้ก็จะน้อยไป ทุกคนที่สมัครในคราวนี้คือหวังชนะ” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
‘จาตุรนต์’ อัด ‘ประยุทธ์’ ช่างกล้าพูด เคารพ ปชต.ทั้งที่แท้จริงคือผู้ทำลาย ถาม รู้ยังเขาเบื่อกันทั้งประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3766281
“จาตุรนต์” อัด “ประยุทธ์” ช่างกล้าพูด เคารพ ปชต.ทั้งที่แท้จริงคือผู้ทำลาย ถาม รู้ยังเขาเบื่อกันทั้งประเทศ
เมื่อวันที่ 11 มกราคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยระบุว่า ‘ประยุทธ์’ เคารพหรือทำลายกระบวนการประชาธิปไตยของไทย ? โดยมีรายละเอียดว่า
กล้าพูดออกมาได้ยังไงว่า “มาอยู่ตรงนี้ได้เพราะเคารพกระบวนการประชาธิปไตยของประเทศไทย” ทั้งที่ตัวเองคือ ผู้ทำลายประชาธิปไตยอย่างเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศนี้
พล.อ.ประยุทธ์มาอยู่ตรงนี้ได้เพราะทำรัฐประหารปล้นอำนาจจากประชาชน แล้วปกครองด้วยระบอบเผด็จการสมบูรณ์แบบอยู่หลายปีก่อนที่จะสืบทอดอำนาจด้วยระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมาจนทุกวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มาถึงวันนี้ก็เพื่อใช้พรรคการเมืองเฉพาะกิจ เป็นเงื่อนไขที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้อำนาจตนเองไว้ในรัฐธรรมนูญใช้เพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป
แต่ไม่ปรากฏว่าพรรคนี้มีอุดมการณ์หรือนโยบายอะไร ดูผู้ที่มารวมกันทำพรรคก็จะเห็นว่าส่วนใหญ่คือผู้สมคบกันสร้างสภาวะรัฐบาลพลเรือนบริหารประเทศไม่ได้ จนนำไปสู่การรัฐประหาร แล้วก็ร่วมกันในกระบวนการสืบทอดอำนาจเผด็จการตลอดมา
การย้ายพรรคในขณะที่ยังเป็นนายกฯอยู่ เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของระบบพรรคการเมืองที่ต้องรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน สร้างบรรทัดฐานเลวๆว่าคนที่เป็นนายกฯในนามพรรคหนึ่งแล้ว ทั้งนายกฯหรือพรรคการเมืองไม่ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนก็ได้ หนำซ้ำนายกฯจะย้ายไปอยู่พรรคอื่นเสียก็ได้ แล้วจากนี้ไป หากนายกฯทำความเสียหายให้บ้านเมืองมากขึ้น ประชาชนจะไปตรวจสอบเรียกร้องเอาผิดกับพรรคการเมืองไหน
พอมาบอกว่าอยู่มา 8 ปี มีอะไรที่ทำไม่เสร็จอีกมากจึงต้องอยู่ต่อนั้น ถ้ากำลังทำความเจริญให้กับบ้านเมือง จะอยู่ต่อก็คงไม่เป็นไร แต่ 8 ปีมานี้ พล.อ.ประยุทธ์ทำให้ประเทศเสียหายไปมาก ยิ่งอยู่บ้านเมืองก็ยิ่งแย่
เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดว่า “อย่าเบื่อง่าย”
ที่คนเขาเบื่อกันทั้งประเทศนั้น เบื่อหน้าและกิริยาท่าทางก็อาจเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่เบื่อที่สุดเห็นจะเป็น ยิ่งอยู่นาน บ้านเมืองยิ่งย่อยยับลงไปทุกทีมากกว่า
https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/posts/pfbid02UVf75oY3DfRxCin8orAKptU2aEC1igzJSx2oekU3peV5r9HbAofDzJsDf9CahoHal
จิรายุ บี้รบ. ยุ่งแต่เปิดตัวพรรคใหม่ ไม่มาคุมเสียงทำสภาล่ม แฉซ้ำมีเสียบบัตรแทนแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3766283
เมื่อเวลา 13.25 น. วันที่ 11 มกราคม ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่า ในนามของพรรคฝ่ายค้าน ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภาว่าจริงๆ แล้ว ส.ว. ที่พูดในที่ประชุม ไม่น่าใช้วิธีการทางด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งฝ่ายค้านแสดงตนเป็นองค์ประชุมในวันนี้ 100 กว่าเสียง ซึ่งตอนเช็กองค์ประชุมพบว่ามี 349 เสียง แต่เมื่อถึงเวลาแสดงผลคะแนนพบว่ามี 339 เสียง ยังมีคนกดบัตรแทนกันอยู่ แสดงว่ามีมือที่สอง และมือที่สามไปกดเพิ่ม
“ขอเรียกร้องไปยังประธาน รัฐสภาที่ทำหน้าที่เป็นประธานในวันนี้ หากท่านยังดันทุรังทำหน้าที่เช่นนี้อีก ก็จะมีข้อพิพาททางกฎหมายเกิดขึ้นแน่นอน องค์ประชุมเป็นของรัฐบาล และร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ… ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่สมบูรณ์ ประกาศใช้ออกไป ก็จะสร้างปัญหาให้คุณครู หรือสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ และขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล อย่าพึ่งมัวไปเปิดตัวกับพรรคการเมือง ขอให้มาคุมเสียงในรัฐสภาด้วย” นายจิรายุ กล่าว