JJNY : วิจารณ์ยับนั่งนายกฯ 8 ปี│“อนุสรณ์”อัด“ประยุทธ์”│วิโรจน์ ชวนติดตามพ.ร.บ.การศึกษา│‘สมชัย’ บี้ กกต.เคลียร์ปม ‘รทสช.’

ทัวร์ลง เพจรวมไทยสร้างชาติ หลังรูปเปลี่ยนปกเป็นรูป 'ประยุทธ์' วิจารณ์ยับนั่งนายกฯ 8 ปี
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7451412
 
 
ทัวร์ลง เพจรวมไทยสร้างชาติ หลังรูปเปลี่ยนปกเป็นรูป ‘ประยุทธ์’ วิจารณ์การทำหน้าที่ นายกรัฐมนตรี ตลอด 8 ปี ที่ผ่านมา อักษรตัวเดียวพรึบหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถือฤกษ์ลงนามเปิดตัวร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ

โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในตอนหนึ่งว่าจริงๆ คิดมาหลายวันคิดมาหลายเดือนว่าไปตรงไหนดีกลับบ้านนอนเลยดีกว่าแต่ก็คิดว่าแล้วเราจะนอนหลับหรือไม่ ตนก็ต้องเลือกว่าทำอย่างไรต่อไปดี
 
“ขอฝากหัวใจน้อยๆไว้ด้วย และขอสัญญายืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อชาติ ศาสนา ประชาขน สิ่งสำคัญที่สุด ประเทศไทยต้องไปต่อ วันนี้นอนหลับแล้ว นอนไม่หลับมาหลายวัน ตัดสินใจไม่ได้ แต่วันนี้นอนหลับแล้ว ทุกคนน่ารัก”
 
ขณะเดียวกัน เพจ พรรครวมไทยสร้างชาติ United Thai Nation Party ได้เปลียนรูปปกในเฟซบุ๊ก เป็นภาพ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีข้อความว่า มาแล้วครับ #รวมใจรวมไทยสร้างชาติ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้าไปแสดงความคิดเห็นในเพจดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่ส่วนใหญ่เข้าไปวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ตลอดระยะเวลา 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ และยืนยันว่าจะไม่เลือกพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยแสดงออกด้วยการพิมพ์ตัวอักษร ค. ขณะที่ฝ่ายเห็นด้วยต่างยืนยันว่าจะเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาทำหน้าที่ต่อ



“อนุสรณ์” อัด “ประยุทธ์” ยังขอเป็นนายกฯต่อ เหน็บลืมแล้วหรือ 8 ปีเกิดอะไรขึ้นบ้าง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3764252

“อนุสรณ์” อัด “ประยุทธ์” ยังขอเป็นนายกฯต่อ เหน็บลืมแล้วหรือ 8 ปีเกิดอะไรขึ้นบ้าง ท้า แน่จริงยุบสภาเลย
 
เมื่อวันที่ 10 มกราคม นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จัดอีเวนต์เปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าเป็นสมาชิกพรรค ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจำไม่ได้ หรือเลือกไม่จำว่า 8 ปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น 8 ปีที่แปดเปื้อน พล.อ.ประยุทธ์ ทำประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสไปมากแค่ไหน ก่อนจะรทสช.ในวันนี้ ทำไมวันนั้นต้องชัตดาวน์ประเทศ ไหนม็อบนกหวีดกปปส.บอกว่า ไม่ปฏิรูป ไม่ยอมให้เลือกตั้ง 8 ปีที่ผ่านมาปฏิรูปอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง นอกจากทำการเมืองล้าหลังย้อนยุคไปสู่ Money Politics หรือธนกิจการเมือง ประชาธิปไตยแบบแจกกล้วย จับปลาจากบ่อเพื่อน พล.อ.ประยุทธ์จะตอบประชาชนที่เขาสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อย่างไร เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพปชร. ดันสมัครเป็นสมาชิกพรรคอื่น แต่ขอเป็นนายกรัฐมนตรีต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถือเป็นการทรยศหักหลังประชาชนหรือไม่
  
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ความรับผิดชอบทางการเมืองอยู่เหนือความรับผิดชอบทางกฎหมาย นโยบายที่พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีประกาศตอนอยู่พรรคพปชร. แล้วทำไม่ได้จะรับผิดชอบอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้งคนในพรรครทสช.มารับตำแหน่งในรัฐบาลแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่คำนึงถึงหลักคุณธรรมจริยธรรม ไม่มีธรรมาภิบาล คนในพรรคพปชร. พรรคร่วมรัฐบาล จะคิดอย่างไรไม่สนใจ พล.อ.ประยุทธ์ หมดตัวเล่น แต่ก็ยังเดินหน้าตั้งคนหน้าเดิมๆ ที่ใกล้ชิดตัวเองมารับเงินเดือนจากภาษีประชาชน เหมือนตอนเป็นหัวหน้าคสช.มีมาตรา 44 จะทำอะไรก็ได้ แบบนี้ถูกต้องหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าปากกล้าขาสั่น กล้าๆ เข้าไปอ่านคอมเมนต์ประชาชนดูบ้าง จะได้รู้ว่าเขาคิดอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ อาจไม่รู้ตัวเองว่า 8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์สภาพเหมือนนักมวยที่มีแผลแตกฉกรรจ์ บอบช้ำ ยับเยิน ยืนแทบไม่อยู่ กรรมการจะจับแพ้หลายครั้ง แต่ถูกกลุ่มพี่เลี้ยงกปปส.เอาวาสลีนมาโปะ แล้วหลอกให้ชกต่อ
 
ความกลัวทำให้เสื่อม พล.อ.ประยุทธ์ ดูดลูกพรรคจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองแบบไม่เกรงใจใคร ถ้ามั่นใจว่าพรรครวมไทยสร้างชาติพร้อมแล้ว ก็ยุบสภาให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ จะได้รู้ว่ามากับรถถัง แต่จะพังเพราะนกหวีด” นายอนุสรณ์ กล่าว



วิโรจน์ ชวนติดตามพ.ร.บ.การศึกษา รับอ่านแล้วตกใจ ล้าสมัย มุ่งล้างสมอง ยัดเยียดให้เด็กรู้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3764160
 
เมื่อวันที่ 9 มกราคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์กรุงเทพมหานครพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง [ เมื่อลูกกำลังจะถูกครอบ ด้วย พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ ] โดยมีเนื้อหาดังนี้
 
“ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก 
Amazon เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2537 
Google Search เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2541 
Alibaba เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2542 
Facebook เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 
YouTube เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2548 
ระบบ Cloud Computing เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2549 
iPhone รุ่นแรก เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2550 
ระบบปฏิบัติการ Android เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2550 
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ Tesla วางขายในปี พ.ศ. 2551 
ระบบ Blockchain เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2551 
ธุรกรรม Bitcoin เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 
LINE เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2554 
Grab เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2555 
Tinder เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2554 
TikTok เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2559
 
ถ้าเราย้อนเวลากลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน เราจะจินตนาการถึงสิ่งเหล่านี้ที่ได้จริงๆ หรือ โลกในปัจจุบันหมุนเร็วมาก เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก ทำให้วิถีชีวิต และการประกอบอาชีพ ของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
และ ในอนาคตเวลาจะหมุนเร็วขึ้นอีก เทคโนโลยีจะเปลี่ยนเร็วขึ้นกว่านี้อีก
 
การศึกษา ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาคน จึงจำเป็นต้องปรับตัวให้เป็นการเรียนรู้เพื่อดักอนาคต ไม่ใช่เอาเรื่องที่รู้แล้วในอดีตมาสอนให้เด็กจำ
การศึกษาต้องไม่ใช่การเอาเรื่องราวทีก่ำลังล้าสมัย มายัดเยียดให้เด็กรู้ มาดูดเวลาเด็กให้หมดไปวันๆ แต่ต้องเป็นการเรียนรู้เฉพาะทักษะพื้นฐานที่จำเป็น แล้วเปิดโอกาสให้เด็กได้มีเวลาในการใช้ความรู้นั้น ในการค้นคว้าหาความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และฝึกฝนทักษะด้วยตนเอง
 
การศึกษาต้องไม่ใช่ระบบในการใช้อำนาจนิยม และการปลูกฝังความเชื่อให้เด็กทุกคนคิดเหมือนๆ กัน เชื่อเหมือนๆ กัน และพร้อมทำตามที่สั่งเหมือนในยุคสงครามเย็น แต่ต้องเป็นระบบที่เด็กมีเสรีภาพในการคิดสร้างสรรค์ ฝึกการยับยั้งชั่งใจ และการใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจด้วยตนเอง
 
การศึกษาต้องไม่ใช่เครื่องมือของผู้มีอำนาจที่ใช้ในการควบคุมพลเมือง แต่ต้องเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคน เพื่อให้คนแต่ละคน มีทักษะในการวิ่งตามความฝันที่ยิ่งใหญ่ของตนเอง
 
เศรษฐกิจของประเทศไทยในอดีต ที่เติบโตได้ในระดับที่สูงกว่า 5% ต่อปี นั้นเกิดจากอัตราการเกิดของประชากร แต่ปัจจุบันจำนวนการเกิดได้น้อยกว่าจำนวนการตายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุ ที่นับวันจะมีประชากรในวัยทำงานลดลงเรื่อยๆ การที่ประเทศจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจกลับมายืนในระดับ 5% ได้อีกครั้ง มีอยู่ทางเดียวก็คือ การพัฒนา Productivity และ Creativity ของคนในประเทศ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประเทศไทยมีระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ และสอดรับกับยุคสมัย
 
ผมตกใจมากๆ เมื่อได้อ่านเนื้อหาของพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นรัฐธรรมนูญของระบบการศึกษาของประเทศ ที่กำลังจะถูกพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 วันที่ 10-11 นี้ กลับมีเนื้อหาที่เป็นไปในทางตรงกันข้าม เป็นระบบล้าสมัย ที่มุ่งล้างสมองเด็กให้โตขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่พร้อมถูกบงการจากผู้มีอำนาจ เท่านั้น แทนที่โรงเรียนจะเป็นพื้นที่ที่เด็กรู้สึกปลอดภัยในการตั้งคำถาม และคิดสร้างสรรค์ โรงเรียนกลับกลายเป็นพื้นที่ที่ทำให้เด็กรู้สึกว่าการถูกกดขี่จากอำนาจนิยม เป็นเรื่องปกติที่ต้องยอมรับโดยไม่ต้องสงสัย
 
ไม่มีคำว่า “เสรีภาพในการเรียนรู้” ใน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับนี้
 
ในมาตรา 8 แทนที่จะกำหนดให้หลักสูตร และการพัฒนาผู้เรียนมีความยืดหยุ่น ที่เป็นไปตามศักยภาพของผู้เรียนแต่ละคน กลับกำหนดเป้าหมายของผู้เรียนตามช่วงวัยแบบล็อคสเป๊ค คิดว่าเด็กทุกคนในวัยเดียวกัน ต้องเป็นเหมือนกัน โดยไม่คำนึงถึงพัฒนาการ และความสนใจที่แตกต่างหลากหลายของเด็กแต่ละคนเลย
 
ทุกคนต่างรู้ดีว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการปฏิรูปประเทศ นั้นเป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศ เป็นแค่แผนล้าสมัยของกลุ่มศักดินาที่ไม่เข้าใจ และหวาดกลัวต่ออนาคต พยายามจะวางกรอบขังประเทศให้อยู่กับอดีต และความเหลื่อมล้ำที่ตนเองได้เปรียบ แต่ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับนี้ ในมาตรา 80 กลับผูกตัวเองไว้กับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการปฏิรูปประเทศ อย่างแนบแน่น
 
ที่เลวร้ายที่สุด ก็คือ มาตรา 88-96 ที่เป็นการยึดอำนาจทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ มาที่ Super Board ที่เรียกว่า “คณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ” ซึ่งมีที่มาจากข้าราชการเป็นหลัก ไม่มีตัวแทนจากนักเรียน ครู หรือผู้ปกครอง ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียสำคัญของระบบการศึกษา เข้ามามีส่วนร่วมเลย แต่กลับมีอำนาจบาตรใหญ่ ที่สามารถแทรกแซงการบริหารโรงเรียน และหลักสูตรการเรียนการสอนได้ แถมมติของคณะกรรมการนโยบายการศึกษา ยังมีผลผูกพันส่วนราชการในฐานะอีกด้วย นั่นหมายว่า ต่อให้มติของคณะกรรมการชุดนี้ จะโง่เขลาเข้ารกเข้าพงแค่ไหน จะอย่างไรก็ต้องทำตาม ถ้าไม่ทำตามก็อาจมีโทษตามกฎหมาย
 
ในฐานะของคนเป็นพ่อ ผมอยากจะเชิญชวนคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ช่วยกันติดตาม ในวันที่ 10-11 มกราคมนี้ แล่ะร่วมกันเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขให้ได้ โดยเฉพาะในมาตรา 8 มาตรา 80 และมาตรา 88-96 ถ้าปล่อยผ่านกฎหมายฉบับนี้ จะส่งผลกระทบกับอนาคตของลูกอย่างมาก และเมื่อลูกเราโตขึ้นอย่างสูญเปล่า โดยที่เราไม่สามารถเรียกคืนเวลาที่สูญเสียของลูกกลับมาได้เลย ถึงเวลานั้นต่ออยากจะไปชี้หน้าด่าคนที่ผ่านกฎหมายฉบับนี้ ก็ทำไม่ได้ เพราะคนเหล่านั้นคงตายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ทำได้อย่างมาก ก็แค่เผาพริกเกลือ จุดธูปสาปแช่ง ให้ตายไปไม่ได้ผุดได้เกิด”

https://www.facebook.com/wirojlak/posts/pfbid02VhLGSdn3qZ25WTSgbBux9wwvckxwqviW4Wk75F8WWaRxqPxCArKa1ZNw6WEaKWqZl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่