คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายสัปดาห์
ระหว่างวันที่ 1 - 7 มกราคม 2566
ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์)
จำนวน 997 ราย : เฉลี่ยรายวัน จำนวน 142 ราย/วัน
ผู้เสียชีวิต (รายสัปดาห์)
จำนวน 58 ราย : เฉลี่ยรายวัน จำนวน 8 ราย/วัน
---------------------
หายป่วยสะสม 2,501,481 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
เสียชีวิตสะสม 12,934 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
---------------------
ผู้ป่วยปอดอักเสบ 382 ราย
ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 247 ราย
https://web.facebook.com/thaimoph/posts/pfbid02PfRXwHc9Lu35iuGfhQjaVekdEB6m3f3MU9CEcVz9pks5Kiq7CKWHi4mdbRbRXcU1l

กรมวิทย์ฯ เผยพบโควิดสายพันธุ์ XAY.2 ในไทย 1 คน
ลูกผสมระหว่างเดลตา AY.45 กับโอมิครอน BA.4/5
ส่วน XBB.1.5 ที่ระบาดในสหรัฐฯ ยังไม่พบในไทย
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ในประเทศไทย ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายตรวจพบ สายพันธุ์ XAY.2 จำนวน 1 ราย ในไทย ซึ่งกรมฯได้ส่งข้อมูลเผยแพร่ไปยังฐานข้อมูล GISAID ทั้งนี้สายพันธุ์ XAY.2 เป็นลูกผสมระหว่าง เดลตาสายพันธุ์ย่อย AY.45 กับ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4/5* ขณะนี้ทั่วโลกพบ 344 ราย อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ใกล้ชิดยังไม่พบการติดเชื้อ ในส่วนของข้อมูลการเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่ระบาดในจีน พบว่า 97% เป็นสายพันธุ์ BA.5.2 และสายพันธุ์ BF.7 ซึ่งไม่ได้เป็นสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด และไม่ได้มีการแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์ในประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่น่ากังวล
สำหรับสายพันธุ์ XBB.1.5 ที่มีการระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา จากการเฝ้าระวังยังไม่พบในประเทศไทย โดยสายพันธุ์หลักที่พบในประเทศไทยขณะนี้เป็นสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BN.1.3 ซึ่งเป็นลูกหลานของ BA.2.75 ซึ่งข้อมูลความสามารถในการหลบภูมิและแพร่เร็ว ใกล้เคียงกับ XBB.1.5
ทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่าย ยังคงเฝ้าระวังติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง การปฏิบัติตนเพื่อการป้องกันโรค การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ รวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังจำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน ขอให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น สามารถลดโอกาสติดเชื้อ และลดอาการรุนแรงเมื่อมีการติดเชื้อได้
ที่มา : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02euNQvSnsj7ev4zTNwX6yYbPHMc3acwMBnaMPzSMvff2r3fqRv14X58MixFsDsSJ6l


รายชื่อวัคซีนที่ประเทศไทยยอมรับสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ (ฉบับใหม่)
(ข้อมูล ณ วันที่ 6 มกราคม 2566)
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.caat.or.th/th/archives/70516
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid0NJMcpYSNoCnT56TE3wKBQq3ooY1Z2M61X2XRuBs2rqnJaxEgzquJr3yGYHuARfB6l

สถาบันโรคผิวหนัง เปิดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด
วันจันทร์-ศุกร์ ในวันที่ 12, 13, 16, 17,18, 19 และ 20 มกราคม 2566
เวลา 09.00 - 15.00 น. ณ ชั้น 20 อาคารสถาบันโรคผิวหนัง
ชนิดวัคซีนที่ให้บริการ :
อายุ 12 ปีขึ้นไป ไฟเซอร์ฝาสีม่วง (เลือกรูปแบบการฉีดเต็มโดส/ครึ่งโดส/เข้าชั้นผิวหนัง)
อายุ 5-11 ปี ไฟเซอร์ฝาสีส้ม (รูปแบบการฉีดเต็มโดส)
คนไทย/ต่างชาติ/ต่างด้าว เข้ารับบริการได้ทุกเข็ม ตั้งแต่เข็มที่ 1 ขึ้นไป
(เข็มกระตุ้น ควรเว้นระยะห่างจากเข็มก่อนหน้าอย่างน้อย 120 วัน)
จองคิวล่วงหน้าได้ที่ >> https://covid19.iod.go.th/vaccine
โดยก่อนวันฉีด 1 วัน สามารถตรวจสอบผลการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "Vaccine บางซื่อ"
หากไม่สะดวกจองคิวล่วงหน้า สามารถรับบริการแบบ Walk in ตามวันเวลาทำการ
ที่มา : CVC กลางบางซื่อ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0d8Afe9U1rBpD4kt89MZP14RTYUjmfw6ZjEk83k2aELZCADWmoj8jo4AvYou6m81Sl

โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ
เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19
Pfizer ฝาแดง ในเด็กอายุ 6 เดือน - 4 ปี
วันที่ 5, 12, 19 และ 26 มกราคม 2566
สามารถลงทะเบียนที่ ห้องตรวจเด็ก อาคารอเนกประสงค์
หรือ ติดต่อเวลานัดได้ที่ ศูนย์ BFC ของโรงพยาบาล
โทร. 0-2429-3575 ถึง 81 กด 0
(ในวันและเวลาราชการ)
ที่มา โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0FKx8J4ew3UqjnivpvRL7f5hcyoctEwoqNKUm59mxveSSLfWKXMdrrxFyKxY6ywbBl

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายสัปดาห์
ระหว่างวันที่ 1 - 7 มกราคม 2566
ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์)
จำนวน 997 ราย : เฉลี่ยรายวัน จำนวน 142 ราย/วัน
ผู้เสียชีวิต (รายสัปดาห์)
จำนวน 58 ราย : เฉลี่ยรายวัน จำนวน 8 ราย/วัน
---------------------
หายป่วยสะสม 2,501,481 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
เสียชีวิตสะสม 12,934 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
---------------------
ผู้ป่วยปอดอักเสบ 382 ราย
ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 247 ราย
https://web.facebook.com/thaimoph/posts/pfbid02PfRXwHc9Lu35iuGfhQjaVekdEB6m3f3MU9CEcVz9pks5Kiq7CKWHi4mdbRbRXcU1l

กรมวิทย์ฯ เผยพบโควิดสายพันธุ์ XAY.2 ในไทย 1 คน
ลูกผสมระหว่างเดลตา AY.45 กับโอมิครอน BA.4/5
ส่วน XBB.1.5 ที่ระบาดในสหรัฐฯ ยังไม่พบในไทย
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ในประเทศไทย ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายตรวจพบ สายพันธุ์ XAY.2 จำนวน 1 ราย ในไทย ซึ่งกรมฯได้ส่งข้อมูลเผยแพร่ไปยังฐานข้อมูล GISAID ทั้งนี้สายพันธุ์ XAY.2 เป็นลูกผสมระหว่าง เดลตาสายพันธุ์ย่อย AY.45 กับ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4/5* ขณะนี้ทั่วโลกพบ 344 ราย อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ใกล้ชิดยังไม่พบการติดเชื้อ ในส่วนของข้อมูลการเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่ระบาดในจีน พบว่า 97% เป็นสายพันธุ์ BA.5.2 และสายพันธุ์ BF.7 ซึ่งไม่ได้เป็นสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด และไม่ได้มีการแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์ในประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่น่ากังวล
สำหรับสายพันธุ์ XBB.1.5 ที่มีการระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา จากการเฝ้าระวังยังไม่พบในประเทศไทย โดยสายพันธุ์หลักที่พบในประเทศไทยขณะนี้เป็นสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BN.1.3 ซึ่งเป็นลูกหลานของ BA.2.75 ซึ่งข้อมูลความสามารถในการหลบภูมิและแพร่เร็ว ใกล้เคียงกับ XBB.1.5
ทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่าย ยังคงเฝ้าระวังติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง การปฏิบัติตนเพื่อการป้องกันโรค การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ รวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังจำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน ขอให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น สามารถลดโอกาสติดเชื้อ และลดอาการรุนแรงเมื่อมีการติดเชื้อได้
ที่มา : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02euNQvSnsj7ev4zTNwX6yYbPHMc3acwMBnaMPzSMvff2r3fqRv14X58MixFsDsSJ6l


รายชื่อวัคซีนที่ประเทศไทยยอมรับสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ (ฉบับใหม่)
(ข้อมูล ณ วันที่ 6 มกราคม 2566)
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.caat.or.th/th/archives/70516
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid0NJMcpYSNoCnT56TE3wKBQq3ooY1Z2M61X2XRuBs2rqnJaxEgzquJr3yGYHuARfB6l

สถาบันโรคผิวหนัง เปิดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด
วันจันทร์-ศุกร์ ในวันที่ 12, 13, 16, 17,18, 19 และ 20 มกราคม 2566
เวลา 09.00 - 15.00 น. ณ ชั้น 20 อาคารสถาบันโรคผิวหนัง
ชนิดวัคซีนที่ให้บริการ :
อายุ 12 ปีขึ้นไป ไฟเซอร์ฝาสีม่วง (เลือกรูปแบบการฉีดเต็มโดส/ครึ่งโดส/เข้าชั้นผิวหนัง)
อายุ 5-11 ปี ไฟเซอร์ฝาสีส้ม (รูปแบบการฉีดเต็มโดส)
คนไทย/ต่างชาติ/ต่างด้าว เข้ารับบริการได้ทุกเข็ม ตั้งแต่เข็มที่ 1 ขึ้นไป
(เข็มกระตุ้น ควรเว้นระยะห่างจากเข็มก่อนหน้าอย่างน้อย 120 วัน)
จองคิวล่วงหน้าได้ที่ >> https://covid19.iod.go.th/vaccine
โดยก่อนวันฉีด 1 วัน สามารถตรวจสอบผลการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "Vaccine บางซื่อ"
หากไม่สะดวกจองคิวล่วงหน้า สามารถรับบริการแบบ Walk in ตามวันเวลาทำการ
ที่มา : CVC กลางบางซื่อ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0d8Afe9U1rBpD4kt89MZP14RTYUjmfw6ZjEk83k2aELZCADWmoj8jo4AvYou6m81Sl

โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ
เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19
Pfizer ฝาแดง ในเด็กอายุ 6 เดือน - 4 ปี
วันที่ 5, 12, 19 และ 26 มกราคม 2566
สามารถลงทะเบียนที่ ห้องตรวจเด็ก อาคารอเนกประสงค์
หรือ ติดต่อเวลานัดได้ที่ ศูนย์ BFC ของโรงพยาบาล
โทร. 0-2429-3575 ถึง 81 กด 0
(ในวันและเวลาราชการ)
ที่มา โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0FKx8J4ew3UqjnivpvRL7f5hcyoctEwoqNKUm59mxveSSLfWKXMdrrxFyKxY6ywbBl
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭⛱️มาลาริน⛱️🇹🇭โควิดรอบสัปดาห์/หมอ ยง"แนะจับตาโควิดพันธุ์อเมริกาและตะวันตก หลบภูมิเก่ง-แพร่เร็ว/ถึงแล้ว! ไฟลต์แรกจีน
เผยแพร่: 9 ม.ค. 2566
ข้อมูลโควิด-19 ประจำสัปดาห์ที่ 53 ไทยติดเชื้อเฉลี่ยลดลงต่อเนื่อง เหลือวันละ 142 คน ยอดเสียชีวิตเฉลี่ย 8 คนต่อวัน
รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ ระบุว่า ข้อมูลของสัปดาห์ที่ 53 ปี 2566 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 7 มกราคม 2566 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สะสม 997 คน เฉลี่ยวันละ 142 คน รวมสะสมตั้งแต่ต้นปี 2,501,481 คน ขณะที่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 58 คน เฉลี่ยวันละ 8 คน รวมสะสม 12,934 คน (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 382 คน และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 247 คน
https://www.pptvhd36.com/health/news/2640
หมอ ยง" แนะเฝ้าจับตาโควิดสายพันธุ์ในอเมริกาและตะวันตก หวั่นหลบภูมิเก่ง-แพร่ระบาดเร็ว
นพ.ยง ภู่วรวรรณ โพสต์แนะไทยเฝ้าจับตาการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ในอเมริกา-ตะวันตก หวั่นเชื้อสายพันธุ์ใหม่หลบภูมิเก่งและแพร่ระบาดเร็ว
วันนี้ (9 ม.ค.) เฟซบุ๊ก "yong poovorawan" หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเตือนสถานการณ์โควิด-19 การระบาดสายพันธุ์ทางตะวันตกที่ต้องเฝ้าจับตาอย่างยิ่ง
โดยระบุข้อความไว้ว่า "การระบาดของประเทศไทยเริ่มอยู่ในขาลงและเป็นสายพันธุ์ BA.2.75 จะมีขาขึ้นของสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่ง
ในอเมริกาและตะวันตก สายพันธุ์ที่ระบาดหลังจากที่ระบาดด้วย BA.2.75 แล้ว สายพันธุ์ต่อมาเป็น BQ.1.1 และขณะนี้กำลังเปลี่ยนเป็นสายพันธุ์ XBB.1.5 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็วและจะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์เก่า ทั้งสายพันธุ์ BQ.1.1 และ XBB.1.5 เป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้รวดเร็ว และหลบหลีกภูมิต้านทานเก่า รวมทั้งภูมิต้านทานต่อวัคซีนที่ฉีด จึงทำให้แพร่กระจายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ความรุนแรงของโรคไม่ได้เพิ่มขึ้น สายพันธุ์ XBB.1.5 พบมากกว่า 40% ในอเมริกา (Reuters Dec 30, 2022)
สายพันธุ์ของประเทศไทยหลังจากนี้ที่จะต้องเฝ้าจับตาอย่างยิ่งคงหนีไม่พ้นสายพันธุ์ทั้งสองนี้ เพราะมีนักท่องเที่ยวจากทางตะวันตกเข้ามาสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก
การถอดรหัสพันธุกรรมหาสายพันธุ์ในประเทศไทย คงจะต้องทำเพิ่มขึ้นและอย่างรวดเร็วในการเฝ้าระวังเหตุการณ์ดังกล่าว ว่าจะเป็นตามที่คาดหรือจะมีสายพันธุ์ใหม่จากที่อื่นในโลกเข้ามาก็ได้"
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9660000002318
ถึงแล้ว! ไฟลต์แรกจีน นักท่องเที่ยว 269 คน เผยวันนี้มี 15 เที่ยวบิน รวม 3,465 คน
ไฟลต์แรกถึงไทยแล้ว จากเมืองเซี่ยเหมิน หลังจีนปิดประเทศเป็นทางการ พร้อมผู้โดยสาร 269 คน “ศักดิ์สยาม” เผยวันนี้มี 15 เที่ยวบิน รวม 3,465 คน เผยแก้ปัญหาตม. รอกระเป๋าเฉลี่ย 27 นาที ช้าสุด 44 นาที
วันที่ 9 ม.ค. 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมผู้บริหารที่เกี่ยวข้องของทั้ง 3 กระทรวง ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางมายังประเทศไทย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายหลังจีน ประกาศเปิดประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 ซึ่งเป็นผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเมืองเซี่ยเหมิน โดยสายการบิน Xiamen Airlines เที่ยวบิน MF833 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 12.19 น. มีผู้โดยสารจำนวน 269 คน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาล ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ซึ่งจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นในปี 2566 ด้วยมาตรการที่เหมาะสม โดยให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยด้านสุขภาพตามมาตรการป้องกันโรค COVID-19 และมีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและการให้บริการนักท่องเที่ยวในการเดินทาง ซึ่งกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 กำหนดมาตรการรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อป้องกันควบคุมโรค COVID-19 เพื่อเตรียมการรองรับผู้เดินทางจากต่างประเทศในปี 2566 รวมทั้งการเตรียมความพร้อมกรณีที่สาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศเปิดประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 ซึ่งมีความมั่นใจว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางในทุกด้าน
สำหรับแนวทางการรับนักท่องเที่ยวเป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุข ซึ่งประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศ โดยมีข้อกำหนดและแนวทางการปฏิบัติเดียวกัน
โดยในวันนี้ (9 มกราคม 2566) มีเที่ยวบินขาเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 15 เที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารทั้งสิ้น 3,465 คน
ทั้งนี้ ข้อมูลจำนวนผู้โดยสารของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT (ทอท.) คาดการณ์ว่าตลอดปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางผ่านท่าอากาศยานของ ทอท. ประมาณ 7-10 ล้านคน จากเดิมที่ก่อนการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 มีกว่า 20.5 ล้านคน
สำหรับปัญหากระเป๋าสัมภาระล่าช้า และการให้บริการรถสาธารณะ ที่พบก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคมได้เร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ปัจจุบันพบว่าค่าเฉลี่ยเวลาในการลำเลียงกระเป๋าสัมภาระจากเครื่องบินจนถึงผู้โดยสาร First bag ใช้เวลาเฉลี่ย 27 นาที และ Last bag ใช้เวลาเฉลี่ย 44 นาที ซึ่งมีความรวดเร็วขึ้น
ส่วนการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันได้เพิ่มจำนวนการให้บริการให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้บริการ และจัดระเบียบ ขยายพื้นที่ เพื่อลดความแออัดของผู้มาใช้บริการ ซึ่งผู้โดยสารใช้เวลารอคิวใช้บริการประมาณ 10 นาทีต่อคน ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้าเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยั่งยืน เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
การเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย และการสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับประชาชน อันส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวภายหลังจากสถานการณ์ COVID-19
https://mgronline.com/business/detail/9660000002291
ติดตามข่าวโควิดกันต่อนะคะ....