เท่าที่ใจจะรักได้ (18)



.
โดย : ชลัน

                 ๑๘
                 _____________________


             เมื่อกัญญารู้ว่าคุณแม่จะจับตนเองกับคุณปลัดหมั้นกัน กัญญาก็ไม่ยอมกลับบ้านในวันหยุดอีกเลย ฉันรู้ว่าคุณแม่ร้อนใจและทราบสาเหตุดีว่าเพราะอะไร กัญญาถึงทำแบบนี้ แต่คุณแม่ก็ไม่ยอมถอย ฉันทำได้เพียงอยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าออกความคิดเห็นใด ๆ ส่วนกัญญา ฉันก็คอยให้คำปรึกษาเรื่อยมา กลัวว่าจะประชดคุณแม่ โดยการคิดทำอะไรขึ้นมาโดยที่ไม่คิดถึงผลเสียที่ตามมา

             "กัญญาแกอย่าทำแบบนี้กับแม่นะ แกคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหนีแม่ได้งั้นเหรอ แกคิดผิด มีทางเดียวที่แกจะหนีฉันได้ คือ หอบผ้าหอบผ่อนหนีตามคนบ้านนั้นไปเลย"
             
              เย็นวันศุกร์กลับมาถึงบ้านฉันก็ได้ยินเสียงคุณแม่ดุกัญญาผ่านทางโทรศัพท์ คุณแม่เปิดโหมดวิดีโอคอล จึงทำให้ฉันได้ยินเสียงโต้ตอบของกัญญาด้วย ถึงคุณแม่จะบอกกัญญาไปแบบนั้น ลึก ๆ ฉันรู้ว่าคุณแม่หวั่นใจเหมือนกัน หากกัญญาทำอย่างที่คุณแม่ประชดจริงล่ะก้อ คนที่จะเสียใจก็คือตัวของคุณแม่เอง คุณแม่ทราบดีแต่คุณแม่ก็ยังชอบประชดอยู่อย่างนั้น

            "ญาไม่ได้หนีค่ะคุณแม่ ญาบอกแล้วไงว่าญาไม่ว่าง เดือนสุดท้ายของการฝึกงานมันก็ยุ่งแบบนี้ล่ะ" กัญญาว่า

            "แล้วฝึกงานจะจบวันไหน"

            "สิ้นเดือนค่ะ ช่วงนี้ญาจะยังไม่กลับบ้าน สิ้นเดือนฝึกงานจบ ญาถึงจะกลับและให้พี่ใหญ่ช่วยย้ายของออกจากหอพักกลับมาอยู่บ้านเลย" กัญญาบอกคุณแม่

             "อือดี งั้นก็ตั้งใจฝึกงานให้จบด้วยล่ะ" คุณแม่ตอบพร้อมเหยียดยิ้ม ฉันมองเห็นรอยยิ้มของคุณแม่ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่เย็นยะเยือกเสียจริง ฉันรู้สึกกลัวรอยยิ้มนั้นขึ้นมา คุณแม่คิดจะทำอะไร ฉันทำได้เพียงสงสัยไม่กล้าถาม ห่วงแต่กัญญา หลังจากนี้จะเจออะไร คุณแม่จะมาไม้ไหนอีก นึก ๆ ก็ห่วงน้องสาวมากแต่ช่วยอะไรไม่ได้เลย จะปรึกษาพี่ใหญ่ก็ไม่กล้า กลัวเป็นการหนีเสือปะจระเข้

            ศุกร์นี้คุณปลัดพศินไม่ได้แวะมาที่บ้านเช่นทุกครั้ง เพราะมีธุระด่วนที่ต้องไปทำ ฉันโล่งใจมาก เพราะเกรงใจที่มาครั้งใดก็ไม่เจอกับกัญญาเลย ถึงกระนั้นคุณปลัดก็ยังไม่ย่อท้อ ยังแวะเวียนมาที่บ้านของฉันทุกวันศุกร์เสมอ ส่วนฉันก็พยายามช่วยแก้ตัวแทนกัญญามาตลอด ว่าไม่ว่างเพราะฝึกงาน
            
            หลังจากคุณแม่คุยกับกัญญาเสร็จก็เรียกใช้ฉันไปช่วยงานในครัว ทำกับข้าวรอทานมื้อเย็น ตั้งแต่วางสายจากลูกสาวคนเล็ก คุณแม่ดูอารมณ์ดีกว่าเมื่อครู่มาก ฉันพลันนึกถึงรอยยิ้มที่เย็นยะเยือกน้นของคุณแม่ก็ขนลุกซู่ คุณแม่คิดจะทำอะไรกันแน่นะ คุณแม่จะจัดการเรื่องของกัญญากับคุณปลัดอย่างไร

             "เอ้าเหม่อใจลอยอยู่นั่นล่ะกัญตา หยิบซีอิ้วขาวให้แม่ที จะค่ำแล้วกับข้าวยังไม่เสร็จเดี๋ยวคุณยายก็บ่น" คุณแม่ว่าฉัน เพราะฉันมัวแต่คิดเรื่องกัญญาอยู่ ถึงคุณแม่จะเอ็ดฉัน แต่ใบหน้ายังเจือไปด้วยรอยยิ้มของคนอารมณ์ดี

              ฉันเอื้อมมือไปหยิบซีอิ้วขาวที่อยู่ใกล้ ๆ ส่งให้คุณแม่ "ทำไมคุณแม่ดูอารมณ์ดีจังคะ เมื่อกี้ตายังเห็นคุณแม่หงุดหงิดหน้ามุ่ยดุกัญญาอยู่เลย" ฉันอดใจไม่ไหวจึงเลียบเคียงถาม

            "ใครบอกแม่หงุดหงิดน้องแก แม่กำลังอารมณ์ดีต่างหาก"

             "อ้าว... ก็เมื่อกี้ตายังเห็นคุณแม่ทำท่าจะวีนลูกสาวสุดที่รักอยู่เลยนี่นา" ฉันประชดโดยไม่คิดอะไร คุณแม่ก็ยังมีรอยยิ้มแล้วหันมามองฉันด้วยแววตาแห่งความรักและเอ็นดู ปกติถ้าฉันพูดแบบนี้กับคุณแม่ล่ะก้อ ต้องโดนดุเบา ๆ ไปแล้ว แต่วันนี้มันแปลกไป มันแปลกมาก ๆ ที่คุณแม่ไม่ดุฉันเลย

              "แม่รักลูกทุกคนเท่ากันจ้ะ ใครมีใครพิเศษกว่าใคร ลูกทั้งสามคนของแม่มีนิสัยไม่เหมือนกัน แม่ก็เลยแสดงออกไม่เหมือนกัน คนนี้เป็นแบบนี้ คนนั้นเป็นแบบนั้น อีกอย่างที่แม่อารมณ์ดีเพราะน้องแกจะเรียนจบแล้วไง สิ้นเดือนนี้ก็ฝึกงานจบแล้ว คนเป็นแม่ก็ย่อมดีใจเป็นเรื่องปกติ" คุณแม่อธิบาย มือก็ยังสาละวนอยู่กับการทำกับข้าวสำหรับมื้อเย็นที่จะถึง ฉันไม่ค่อยเชื่อในคำตอบที่ได้รับสักเท่าไหร่ "มัวแต่ชวนแม่คุยอยู่นั่นล่ะ เดี๋ยวกับข้าวไม่เสร็จกันพอดี" คุณแม่ปรามฉัน
             
              เราสองคนง่วนอยู่กับการทำกับข้าวในครัว "เราทำกับข้าวอะไรเป็นบ้างกัญตา วันหน้ามีครอบครัว จะทำกับข้าวให้สามีกับลูกทานเป็นมั้ยเนี่ย" จู่ ๆ คุณแม่ก็วกเข้าหาตัวฉันเสียอย่างนั้น

              "อ้าว!" ฉันอุทานออกมาอย่างลืมตัว เมื่อกี้ยังพูดเรื่องกัญญาอยู่เลย แล้วไหงวกเข้าหาเรื่องของฉันได้ "ตาทำเป็นน่าคุณแม่ ที่คุณแม่สอนมาตาทำเป็นหมด จำได้ ๆ" ฉันออกตัว "ปัญหาคือตายังหาคนคอยทานฝีมือตายังไม่ได้เลยน่ะสิ"

              "นั่นสิ! แม่ว่าเราอายุเยอะแล้วนะ น่าจะหาแฟนสักคน อือ... นี่แม่ยังแอบคิดนะว่า ถ้าคุณปลัดพศินคลาดจากกัญญา แม่จะเชียร์ให้เราต่อ" คุณแม่ว่า แต่พูดบนรอยยิ้มขำ พูดเป็นเรื่องตลกไป ทว่าฉันกลับคิดจริงจังมาก จึงตอบไปแบบไม่คิด

              "ไม่ค่ะ! ไม่มีทาง"

              "ทำไมล่ะ แม่เห็นเราสองคนสนิทกันออก ทำงานด้วยกันด้วย ไม่ดีเหรอ" พูดถึงประโยคนี้คุณแม่ก็ยังยิ้ม

              "ไม่ค่ะไม่ดีแน่ ๆ ไม่เอาแล้วตาไม่คุยเรื่องนี้กับคุณแม่แล้ว สัปดาห์นี้พี่ใหญ่น่าจะกลับบ้านเนอะว่ามั้ยคะ กัญญาก็ไม่ยอมกลับบ้าน พี่ใหญ่ก็ไม่ว่างมาเยี่ยมบ้านสักที ตาเหงา" ฉันเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากคุยเรื่องของกัญญาแล้ว ยิ่งคุยเหมือนยิ่งเข้าตัวเอง

              "นั่นสิแม่ก็คิดถึงพี่ชายกับน้องสาวเรา" คุณแม่พูด แววตาของคุณแม่หม่นลง แลดูเศร้า ฉันรู้ว่าคุณแม่คิดถึงกัญญาและรู้สึกผิดกับการกระทำของคุณแม่เอง แต่ในเมื่อคุณแม่เลือกแล้วก็ต้องไปให้สุด ฉันรู้นิสัยของแม่ตัวเองดี ถ้าได้แน่วแน่ มุ่งมั่นทำอะไรแล้วล่ะก้อ ไม่สำเร็จจะไม่ยอมล้มเลิก แม้สุดท้ายผลลัพธ์จะออกมาผิดหวังก็ตาม

             ทันใดนั้นเหมือนสวรรค์เห็นใจพวกเราสองแม่ลูก ฉันได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ฉันจำเสียงรถยนต์ได้ มันคือเสียงรถของพี่ใหญ่ ฉันยิ้มกว้างมองหน้าคุณแม่ "พี่ใหญ่มาค่ะ ตาไปต้อนรับพี่ใหญ่ก่อนนะคะ คุณแม่อยู่ในครัวคนเดียวนะ" พูดจบฉันก็วางจานไว้แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากในครัว เพื่อไปต้อนรับการมาบ้านของพี่ชาย

              "พี่ใหญ่มาทำไมไม่บอกล่วงหน้า ตากับคุณแม่จะได้ทำกับข้าวเผื่อ" ฉันกล่าวอย่างคนตื่นเต้น เพราะในบรรดาพี่น้องฉันอยู่บ้านเพียงคนเดียว ก็ย่อมคิดถึงพี่ชายกับน้องสาวเป็นเรื่องธรรมดา

              "นี่อย่าทำเป็นปัญหาใหญ่หน่อยเลย ฉันไม่กินก็ได้" พี่ใหญ่ค้อนฉัน "ช่วยยกของหลังรถหน่อย ฉันซื้อของกินมาเพียบหรอก เลยไม่โทรมาบอกคุณแม่ล่วงหน้า เพราะฉันไม่อยากให้ทำกับข้าวเผื่อ" เราสองพี่น้องยืนคุยกัน ฉันทำเป็นส่องเข้าไปในรถ พี่ใหญ่มองฉัน "หาอะไร มาคนเดียว" พี่ใหญ่รู้ทัน

            "มาคนเดียวอีกและ ไม่พาพี่เฟิร์นมาด้วยล่ะ" ฉันถามถึงพี่สะใภ้

             "ไม่ว่าง แต่อาทิตย์หน้าจะตามมาด้วย" พี่ใหญ่ตอบ พวกเราช่วยกันยกข้าวของที่พี่ใหญ่ซื้อมาเข้าไปในครัว พี่ใหญ่เดินรุดไปอ้อนคุณแม่ที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่ตามเคย อ้อนเป็นเด็กสิบขวบ เป็นภาพที่ฉันคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ๆ ที่พี่ใหญ่มักจะออดอ้อนคุณแม่แบบนี้ คุณแม่ตื่นเต้นไม่แพ้ฉัน เพราะเราต่างก็เหงา รอคอยการกลับบ้านของพี่ใหญ่กับกัญญาทุกสัปดาห์

              เมื่อพี่ใหญ่กลับมาบ้านทำให้ฉันนึกอะไรขึ้นมาได้ แต่ก็ลังเลเหลือเกิน ว่าจะปรึกษาดีไหม ฉันกลัวว่าจากที่จะได้ช่วยเหลือน้องสาว กลับจะเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมเสียมากกว่า ถึงอย่างไรฉันก็จะลองโยนหินถามทางดู ว่าพี่ใหญ่จะมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องที่คุณแม่คิดจะทำ

              พวกเราทานข้าวมื้อเย็นกันเรียบร้อยก็แยกย้าย ส่วนฉันกับพี่ใหญ่เรานั่งคุยกันต่อที่บ้านของคุณแม่ คุณยายขอกลับบ้านไปก่อน ฉันยังไม่กล้าพูดเรื่องกัญญา เพราะกลัวคุณแม่ได้ยิน จึงรอโอกาสเหมาะ ๆ กว่านี้ก่อน รอให้เรากลับไปที่บ้านคุณยายเสียก่อนฉันถึงจะพูด

            "พี่เฟิร์นไม่ตามพี่ใหญ่มาวันนี้ก็ดีเหมือนกัน ตามีเรื่องจะปรึกษาพอดี" ฉันเกริ่นคร่าว ๆ พี่ใหญ่หรี่ตามองฉัน ก่อนจะวางแก้วเบียร์ที่กำลังดื่มอยู่ลง

             "เรื่องอะไรล่ะ"

             "เล่าที่นี่ไม่ได้เดี๋ยวคุณแม่มาได้ยินเข้า" ฉันอ้าง

              พี่ใหญ่ทำหน้าสงสัย เพราะปกติฉันมีเรื่องลำบากใจกับเขาที่ไหน "ความลับว่างั้น" พี่ใหญ่ถาม ฉันพยักหน้ารับ "เรื่องผู้ชายเหรอ" ฉันยิ้มบางให้พี่ชายทำนองว่ายอมรับอีก แต่ไม่ใช่ผู้ชายของฉันสักหน่อย ผู้ชายของกัญญาต่างหาก

             "ใช่ค่ะ แต่ไม่ใช่ตานะ"

             "อ้าวแล้วใครล่ะ"

              "กัญญา!" ฉันตอบไปตามตรงพร้อมคอยดูปฏิกิริยาของพี่ใหญ่ด้วย พี่ใหญ่นิ่งคิดก่อนจะกระดกเบียร์พรวดเดียวพร่องไปค่อนแก้ว

              "อือ.. เอาไว้คุยกันพรุ่งนี้แล้วกัน" พี่ใหญ่ตอบ แต่ฉันก็ยังไม่วางใจ กังวลว่าตัวเองตัดสินใจพลาดหรือเปล่าที่จะนำเรื่องนี้มาปรึกษาพี่ใหญ่ คนที่เห็นดีเห็นงามไปกับคุณแม่เรื่องของนายภีม เมื่อพี่ใหญ่ว่าแบบนี้ฉันก็ตกลง รอคุยพรุ่งนี้ก็ได้ "ไม่ดีกว่า คุยกันวันนี้ล่ะ ไหนเล่ามาซิเรื่องของกัญญา แกมีอะไรจะปรึกษาฉัน ชักอยากรู้ขึ้นมาล่ะ"

              "คุยที่นี่จะดีเหรอ ตาไม่อยากให้คุณแม่มาได้ยิน จะพาลโกรธตาเอา เผลอ ๆ โกรธพี่ใหญ่ด้วย"

                 "มันเรื่องใหญ่เชียวเหรอ"

                  "อือ..." ฉันพยักหน้าและจ้องตาพี่ชาย ไม่อยากพูดเรื่องนี้ที่บ้านคุณแม่จริง ๆ มันเสี่ยงที่คุณแม่จะบังเอิญมาได้ยินเกินไป พี่ใหญ่ถอนหายใจ จากนั้นก็ตกลง พวกเรากลับบ้านไปหาคุณยายและคุยเรื่องของกัญญา

              "ว่ามา เรื่องอะไร และใหญ่ขนาดไหน" พี่ใหญ่ถามเมื่อมาถึงบ้านของคุณยายแล้ว เราสองคนนั่งคุยกันที่ห้องรับแขกของบ้าน

              "คือ... คุณแม่จะจับกัญญาหมั้นและแต่งงานกับคุณปลัดพศิน พี่ใหญ่ทราบเรื่องนี้ยัง" พี่ใหญ่ขมวดคิ้ว ฉันเดาว่าพี่ใหญ่ต้องไม่ทราบเรื่องแน่

             "จริงเหรอ" พี่ใหญ่ถามย้ำ ฉันพยักหน้า "คุณแม่ทำแบบนี้ได้ยังไง" พี่ใหญ่ถาม เหมือนบ่นลอย ๆ คนเดียว ฉันแอบมีความหวังว่าพี่ใหญ่จะไม่เห็นด้วยกับคุณแม่

             "นั่นน่ะสิ คุณแม่ทำแบบนี้ได้ยังไง พี่ใหญ่เราต้องหาทางพูดกับคุณแม่นะ เราต้องช่วยน้อง กัญญาไม่ได้ชอบคุณปลัดเลย"

              "ให้ฉันช่วยเพื่อที่จะให้สมหวังกับไอ้ภีมน่ะเหรอ"

              "แล้วพี่ใหญ่จะให้กัญญาตกนรกทั้งเป็นหรือไง อยู่กินแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก นิสัยปลัดพศินเป็นยังไงก็ไม่ทราบ นายภีมเรายังพอรู้ว่าเป็นคนยังไง ตลอดที่ผ่านมาเขาก็ทำให้เห็น พี่ใหญ่ยังรักพี่เฟิร์น อยากใช้ชีวิตกับพี่เฟิร์น กัญญาก็ไม่ต่างกัน" พี่ใหญ่เงียบเหมือนใช้ความคิดอะไรบางอย่าง "ถ้าพี่ใหญ่ไม่ยอมช่วย ตาจะหาทางช่วยน้องเอง"

             "อือ... ฉันขอคิดดูก่อน" พี่ใหญ่ว่า ฉันยิ้มกับคำตอบที่ได้รับ อย่างน้อยพี่ใหญ่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับคุณแม่ แต่ก็ไม่แน่ว่าพี่ใหญ่อาจเปลี่ยนใจก็ได้ ส่วนฉันตอนนี้มืดแปดด้าน ยังคิดไม่ออกว่าจะหาทางช่วยกัญญาแบบไหน เรานั่งคุยกันเพลิน ดึกมากแล้วเราสองคนพี่น้องจึงแยกย้ายกันเข้านอน

จบบทที่ ๑๘
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่