คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าทำงานจันทร์-ศุกร์ และเรียนเสาร์อาทิตย์ คนเรียนจะเป็นคนทำงาน เรื่องการเรียนข้อสอบมันอาจจะเป็นคนละแบบ
บางหลักสูตรเด็กจะเยอะมาก พวก 22-23 ปี ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ถ้าเรารู้สึกว่า เราวัยประมาณนี้ เราก็ไปเรียนได้เพื่อนวัยเดียวกัน
บางหลักสูตรคนแก่เยอะมาก 45-55 ปีมาเรียนกันเยอะ ก็จะอีกอารมณ์หนึ่ง เราจะกลายเป็นน้อง บางเรื่องเราจะไม่รู้เวลาเขาคุยกัน
บางวิชาอาจจะมีงานกลุ่ม Case Study แต่จริง ๆ มันก็แล้วแต่วัฒนธรรมด้วย เรื่องรวยไม่รวยนี่ก็ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ถามว่ามี
ความแตกต่างหรือไม่ ก็มีน่ะ เอาจริง ๆ เพราะบางทีมันจะมีกลุ่มพนักงานออฟฟิส กลุ่มลูกพ่อค้า กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มอาจารย์ คนเรา
พออายุระดับหนึ่งมันจะอยู่กับกลุ่มตัวเอง อาจจะรวมกับคนอื่นบ้าง แต่ก็ยาก บางมหาวิทยาลัยอาจจะมีกลยุทธ์หาลูกค้าแตกต่างกัน
เช่น ม.แถวนอกเมือง บางทีเขาใกล้กับสมุทรปราการหรือจังหวัดภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ลักษณะผู้เรียนเขาอาจจะเป็นข้าราชการ
พ่อค้าต่างจังหวัด บางทีเขาเปิดแบบบล้อคคอร์ส เคยไปเจอมา เกือบทั้งห้องทำรัฐวิสาหกิจราชการทุกคนรู้จักกันหมด เคยไปนั่งดูเขา
ดีเฟน IS, thesis กัน มาจากจังหวัดเดียวกันหมด(ไม่ใช่กรุงเทพฯ เป็นข้าราชการหมดเลย)
เรียน2 วันไม่เจอหน้ากัน แต่บางวิชาจะมีงานร่วมกันเพราะทำคนเดียวอาจจะไม่ทันเช่น การเงิน (Finance) เพราะตัวเองก็เคยเจอนักศึกษามา
ถามเรื่องเรียนวิชาการเงิน เลยลองถามเขาว่า ป.โทที่อื่นเรียนอย่างไร เขาบอกว่า ให้ทำกรณีศึกษาเป็นกลุ่ม วิเคราะห์การเงินหลายอย่าง
มีการตลาด การจัดการแฝงด้วย (สาเหตุคือ การเรียนป.โทไม่เหมือนป.ตรี ป.ตรีแค่สอนหาคำตอบและอธิบายสั้น ๆ แต่ป.โทเขาจะเน้นวิเคราะห์
สังเคราะห์อื่น ๆ และตีความเกี่ยวกับการทำงาน เจอเพื่อนที่มาจากคนละโลก บางทีพูดยาก บางคนหัวไม่ไป--อันนี้ตรง ๆ เลย บาง ม.เด็กเขา
ไม่มีพื้นฐานมาก่อน แต่เขารับหมด เพราะช่วงนี้คนเรียนน้อย ม.รัฐก็เริ่มเป็นแล้ว ทำให้คนที่ไปเรียนเหนื่อยมาก บางหลักสูตรมีภาคพิเศษอะไรอีก
บางอันหนักมากนะ ม.ดีด้วย แต่นักศึกษาอ่าน Case Study ภาษาอังกฤษไม่ออก บางคนอ่านออกแต่ทำไม่ได้เพราะว่าจบมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษ
อะไรแบบนี้ ไม่มีพื้นฐานเลย เริ่มจาก 0 แล้วพอมาเรียนโท เขาไม่ได้สอนจาก 0 นะ แต่หลาย ๆ ม.เขาก็ช่วยให้ผ่าน B แหล่ะ Minimum Requirement)
ที่เห็นชัด ๆ เวลามีปัญหาคือ หลาย ๆ คนเขาตอบไม่ได้ มันจะมีคนทำอยู่ไม่กี่คน สาเหตุคือ เด็กบางคนที่ไปเรียน ไม่มีความรู้ บางคนอ่านภาษา-
อังกฤษไม่ออก บางคนเก่งแต่มาจากคนละ Field จบปรัชญามาเรียน MBA ยังมีเลย ทีนี้พอเรียน block course เวลาเรียนมันน้อยไง อาจารย์ก็
พยายามช่วย แต่มันก็ยาก บางทีก็ให้งานไปทำที่บ้าน วิชาที่พบว่า มีปัญหาเยอะ ๆ คือ การเงินและการบัญชี และระเบียบวิธีวิจัย สถิติ.
บางหลักสูตรเด็กจะเยอะมาก พวก 22-23 ปี ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ถ้าเรารู้สึกว่า เราวัยประมาณนี้ เราก็ไปเรียนได้เพื่อนวัยเดียวกัน
บางหลักสูตรคนแก่เยอะมาก 45-55 ปีมาเรียนกันเยอะ ก็จะอีกอารมณ์หนึ่ง เราจะกลายเป็นน้อง บางเรื่องเราจะไม่รู้เวลาเขาคุยกัน
บางวิชาอาจจะมีงานกลุ่ม Case Study แต่จริง ๆ มันก็แล้วแต่วัฒนธรรมด้วย เรื่องรวยไม่รวยนี่ก็ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ถามว่ามี
ความแตกต่างหรือไม่ ก็มีน่ะ เอาจริง ๆ เพราะบางทีมันจะมีกลุ่มพนักงานออฟฟิส กลุ่มลูกพ่อค้า กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มอาจารย์ คนเรา
พออายุระดับหนึ่งมันจะอยู่กับกลุ่มตัวเอง อาจจะรวมกับคนอื่นบ้าง แต่ก็ยาก บางมหาวิทยาลัยอาจจะมีกลยุทธ์หาลูกค้าแตกต่างกัน
เช่น ม.แถวนอกเมือง บางทีเขาใกล้กับสมุทรปราการหรือจังหวัดภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ลักษณะผู้เรียนเขาอาจจะเป็นข้าราชการ
พ่อค้าต่างจังหวัด บางทีเขาเปิดแบบบล้อคคอร์ส เคยไปเจอมา เกือบทั้งห้องทำรัฐวิสาหกิจราชการทุกคนรู้จักกันหมด เคยไปนั่งดูเขา
ดีเฟน IS, thesis กัน มาจากจังหวัดเดียวกันหมด(ไม่ใช่กรุงเทพฯ เป็นข้าราชการหมดเลย)
เรียน2 วันไม่เจอหน้ากัน แต่บางวิชาจะมีงานร่วมกันเพราะทำคนเดียวอาจจะไม่ทันเช่น การเงิน (Finance) เพราะตัวเองก็เคยเจอนักศึกษามา
ถามเรื่องเรียนวิชาการเงิน เลยลองถามเขาว่า ป.โทที่อื่นเรียนอย่างไร เขาบอกว่า ให้ทำกรณีศึกษาเป็นกลุ่ม วิเคราะห์การเงินหลายอย่าง
มีการตลาด การจัดการแฝงด้วย (สาเหตุคือ การเรียนป.โทไม่เหมือนป.ตรี ป.ตรีแค่สอนหาคำตอบและอธิบายสั้น ๆ แต่ป.โทเขาจะเน้นวิเคราะห์
สังเคราะห์อื่น ๆ และตีความเกี่ยวกับการทำงาน เจอเพื่อนที่มาจากคนละโลก บางทีพูดยาก บางคนหัวไม่ไป--อันนี้ตรง ๆ เลย บาง ม.เด็กเขา
ไม่มีพื้นฐานมาก่อน แต่เขารับหมด เพราะช่วงนี้คนเรียนน้อย ม.รัฐก็เริ่มเป็นแล้ว ทำให้คนที่ไปเรียนเหนื่อยมาก บางหลักสูตรมีภาคพิเศษอะไรอีก
บางอันหนักมากนะ ม.ดีด้วย แต่นักศึกษาอ่าน Case Study ภาษาอังกฤษไม่ออก บางคนอ่านออกแต่ทำไม่ได้เพราะว่าจบมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษ
อะไรแบบนี้ ไม่มีพื้นฐานเลย เริ่มจาก 0 แล้วพอมาเรียนโท เขาไม่ได้สอนจาก 0 นะ แต่หลาย ๆ ม.เขาก็ช่วยให้ผ่าน B แหล่ะ Minimum Requirement)
ที่เห็นชัด ๆ เวลามีปัญหาคือ หลาย ๆ คนเขาตอบไม่ได้ มันจะมีคนทำอยู่ไม่กี่คน สาเหตุคือ เด็กบางคนที่ไปเรียน ไม่มีความรู้ บางคนอ่านภาษา-
อังกฤษไม่ออก บางคนเก่งแต่มาจากคนละ Field จบปรัชญามาเรียน MBA ยังมีเลย ทีนี้พอเรียน block course เวลาเรียนมันน้อยไง อาจารย์ก็
พยายามช่วย แต่มันก็ยาก บางทีก็ให้งานไปทำที่บ้าน วิชาที่พบว่า มีปัญหาเยอะ ๆ คือ การเงินและการบัญชี และระเบียบวิธีวิจัย สถิติ.
แสดงความคิดเห็น
เรียนต่อ ป.โท MBA มหาลัยไหนดี