ฟื้นตัวจากโควิด-19 แต่ธุรกิจรายเล็กยัง "แย่"
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/187905
เมื่อโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ธุรกิจเริ่มกลับมาลืมตา อ้างปาก อีกครั้ง แต่หากมองถึงผลกระทบ ธุรกิจขนาดเล็ก อาจไม่ได้ฟื้นตัวได้เร็ว และไม่ง่ายที่จะกลับมาทำกำไรได้เท่าก่อนช่วงโควิด-19
ธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดรุนแรง และฟื้นตัวช้ากว่าธุรกิจขนาดใหญ่มาก
สาเหตุหนึ่งที่อาจมาจากข้อจำกัดของบริษัทขนาดเล็กในการหาทุนหมุนเวียนกิจการและการเข้าถึงสินเชื่อแม้จะได้รับการผ่อนผันหรือช่วยเหลือจากนโยบายภาครัฐหรือสถาบันการเงินก็ตาม ซึ่งตรงข้ามกับบริษัทขนาดใหญ่อาจทำให้มากกว่าและกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดที่หลากหลายทำให้ได้รับผลกระทบที่รุนแรงน้อยกว่า
ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กในภาพรวมยังน่าห่วง
โรงแรมขนาดเล็กที่ความสามารถในการทำกำไรลดลงมากที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวยังมีความกังวลเรื่องสุขอนามัย และโรงแรมขนาดเล็กที่ได้รับรองตามมาตรฐาน SHA+ ยังมีสัดส่วนน้อย รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับมาแรกคือกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
สอดคล้องกับบริษัทขนาดเล็กในกลุ่มร้านอาหารและอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่ เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนที่เป็นรอง
ธุรกิจขนาดเล็กในกลุ่มนี้ที่ได้รับผลกระทบแรงและลึกกว่าจะมีความเปราะบางและฟื้นตัวได้ช้ากว่าจะกลับมามีความสามารถในการทำกำไรเท่าระดับก่อนการแพร่ระบาด
มองไปข้างหน้าการฟื้นตัวของภาคธุรกิจยังเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่ทั่วถึง (Uneven) การช่วยเหลือที่ตรงจุดและการปรับตัวของผู้ประกอบการมีความจำเป็น
การฟื้นตัวของภาคธุรกิจไทยยังคงมีความท้าทายจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังสูง และไม่ทั่วถึง (Uneven) โดยธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต ได้แก่ กลุ่มที่ตอบโจทย์การฟื้นตัวของการบริโภคหรือสอดรับเทรนด์โลกหรือเกี่ยวข้องการลงทุนใน Mega project
ขณะที่บางธุรกิจมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวหรือได้รับผลกระทบจาก Mega trends เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีนวัตกรรม และสังคมผู้สูงอายุ
ทำให้ความช่วยเหลือพิเศษจากภาครัฐ และการปรับตัวอย่างเหมาะสมยังคงมีความสำคัญอย่างมากต่อการประคองบริษัทขนาดเล็กเหล่านี้ให้กลับมาฟื้นตัวได้
อย่างไรก็ตาม นโยบายภาครัฐควรมุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่าย พร้อมเพิ่มรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กในภาคบริการ รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบมากกว่า เช่น
1. มาตรการช่วยเหลือต้นทุนผู้ประกอบการ ในระยะสั้นภาครัฐควรมีมาตรการอุดหนุนราคาพลังงานและค่าจ้าง โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กเพื่อให้ธุรกิจยังอยู่รอดได้ ในระยะยาวควรให้ความรู้ในการวางแผนจัดการต้นทุนของธุรกิจและส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy efficiency)
2. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แบบเฉพาะกลุ่มมากขึ้นแทนมาตรการแบบหน้ากระดาน เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟสต่อไปที่อาจให้การอุดหนุนโรงแรมขนาดเล็กมากกว่า หรือมาตรการช้อปดีมีคืนที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้บริโภคมากกว่าสำหรับการใช้จ่ายจากสินค้าและบริการธุรกิจขนาดเล็ก
ข้อมูล SCB EIC
"พลภูมิ" จี้ "บิ๊กตู่" สอบ ธุรกิจรถทัวร์ตู้ห่าว หลังถูกแฉโยงหลานชายนายกฯ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2596050
"พลภูมิ" ส.ส.เพื่อไทย จี้ "บิ๊กตู่" ตรวจสอบ หลัง "ชูวิทย์" แฉ "ธุรกิจรถทัวร์ตู้ห่าวโยงหลานชายนายกรัฐมนตรี ชี้ควรเคลียร์ตัวเอง ก่อนเปิดตัว เป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ดีกว่า
วันที่ 6 ม.ค. 66 นาย
พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.เขตบึงกุ่ม-คันนายาว พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นาย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมือง ออกมาเปิดเผยข้อมูลโดยอ้างว่า รถทัวร์จำนวนกว่า 400-500 คันของบริษัท เอ็มแอนด์ เอ็ม ทรานสปอร์ต เซอร์วิส จำกัด หลายคนเข้าใจว่า เป็นรถทัวร์บริษัทของตู้ห่าว แต่คนที่เป็นเจ้าของจริงๆ คือ หจก.แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นของหลานชาย พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า แบบนี้หรือไม่ ที่ทำให้เรื่องมันถึงหยุดและมีอยู่เท่านี้ โดยระบุว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับการตั้งข้อสงสัยของนาย
ชูวิทย์ เพราะที่ผ่านมา ไม่ค่อยเห็น พล.อ.
ประยุทธ์ ให้ความสนใจ หรือ สั่งให้เอาจริงเอาจังกับการปราบปรามกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่ทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีของนาย
ตู้ห่าว
ประเด็นที่น่าสนใจจากข้อมูลดังกล่าวของนาย
ชูวิทย์ ก็คือ ความเกี่ยวข้อง ระหว่าง ธุรกิจสีเทา “
ตู้ห่าว” กับ “
หลานประยุทธ์” มีความเกี่ยวพันกันลึกซึ้งมากน้อยแค่ไหน แล้วเข้าข่ายร่วมกันทำผิดหรือไม่ นอกจากนี้เหตุผลที่คดีดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้าไปไม่ถึงไหน รวมถึงหลักฐานบางอย่างหายไป เป็นเพราะมีหลานของ พล.อ.
ประยุทธ์ เกี่ยวข้อง อาจจะมีการให้ความช่วยเหลือหรือไม่ ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ เมื่อมีการพาดพิงเกิดขึ้น ก็จะต้องทำความจริงให้ปรากฏ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างชัด ในขณะที่ พล.อ.
ประยุทธ์ ก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า ไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือ หรือ เกี่ยวข้อง สังคมจะได้หายเคลือบแคลงสงสัย เพราะไม่เช่นนั้นอาจถูกนำไปขยายผลและโจมตีทางการเมือง จนเกิดความเสียกับตัว พล.อ.
ประยุทธ์เอง
"
ดังนั้นก่อนที่ท่านจะเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ท่านควรเคลียร์ตัวเองและสั่งการเอาผิดกับคดีใหญ่ที่เป็นภัยของชาติ อย่าง ทุนจีนสีเทา ก่อนจะดีกว่า" นาย
พลภูมิ กล่าว.
ก้าวไกล เคาะชื่อสู้สนามชลบุรีแล้ว 6 เขต คาด ‘พลังเฮ้ง’ ขน 10 ว่าที่ผู้สมัคร ไปงาน 9 ม.ค.ด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3759146
ก้าวไกล ชลบุรี เตรียมพร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ก่อนสิ้นเดือนมกราคม คาด ‘กลุ่มพลังเฮ้ง’ พร้อมโชว์ตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรีทั้ง 10 เขตวันเปิดตัวบิ๊กตู่เข้ารวมไทยสร้างชาติ ส.ส.ต้นยังไม่ตัดสินใจ อยู่พลังประชารัฐไปก่อน
เมื่อวันที่ 6 มกราคม นาย
จรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี เขต 6 พรรคก้าวไกล เปิดเผยความคืบหน้าในการเตรียมตัวของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ จ.ชลบุรี ว่าขณะนี้ทางพรรคได้เคาะตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วทั้งหมด 6 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นาย
วรท ศิริรักษ์ เขต 3 นายชวาล พลเมืองดี เขต 5 น.ส.
นภัสวรรณ มณีรัตน์โรจน์ ลูกสาว ส.จ.คี้-นาย
อุทัย มณีรัตน์โรจน์ อดีตสมาชิกสภาจังหวัดชลบุรี คนดังในพื้นที่ อ.บ้านบึง หลงจู๊ไร่อ้อย เขต 6 นาย
สหัสวัต คุ้มคง เขต 8 ตนเอง และ เขต 10 น.ส.
นิชนันท์ วังคะฮาต ส่วนที่เหลืออีก 4 เขตเลือกตั้ง คาดว่าจะมีการพิจารณาว่าที่ผู้ลงสมัคร ส.ส.ก่อนสิ้นเดือนมกราคมนี้
นาย
จรัสกล่าวว่า ยอมรับว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2566 พื้นที่ จ.ชลบุรี จะมีความเข้นข้นมากขึ้น เพราะบางพรรคการเมืองต้องการแลนด์สไลด์ อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลเพราะอยู่ที่ประชาชนตัดสินใจ แต่ยังหวังคะแนนเสียงสมัยที่ลงสมัครรับเลือกตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีคะแนนเสียงจากกลุ่มวัยรุ่น และยังหวังว่าเสียงสนับสนุนจากกลุ่มวัยรุ่นที่มีโอกาสลงคะแนนเสียงเมื่ออายุครบ 18 ปีอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อความไม่ประมาทจะลงพื้นที่พบปะประชาชนให้มากที่สุด เพื่อนำนโยบายพรรคก้าวไกลไปบอกกล่าวกับประชาชน
“
หนักใจมากเหมือนกัน เพราะพื้นที่ชลบุรีมีหมู่บ้านจำนวนมาก เป็นนิติบุคคล ทำให้เข้าไปพบชาวบ้านได้ยาก จึงต้องหาทางออกไปพบชาวบ้านให้มากที่สุด หากพื้นที่ชลบุรี พรรคก้าวไกลสามารถชนะเลือกตั้งได้ทั้งหมด 6 ที่นั่งก็ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้ว หากได้ร่วมรัฐบาลก็หวังว่าจะผลักดันนโยบายต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนให้สำเร็จ โดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพ รวมทั้งรัฐสวัสดิการให้คุ้มค่ากับภาษีที่ประชาชนเสียให้กับภาครัฐ” นาย
จรัสกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในวันที่ 9 มกราคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นาย
สุชาติ ชมกลิ่น หรือ
เฮ้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เตรียมพร้อมนำตัวว่าที่ผู้ลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ทั้ง 10 เขตไปร่วมงานเพื่อเป็นการเปิดตัวอีกด้วย
คาดว่าผู้ที่จะไปเปิดตัวในครั้งนี้ เขต 1 นาย
สุชาติ ชมกลิ่น เขต 2 นาย
อุกฤษณ์ ตั๊นสวัสดิ์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองชลบุรี อดีต ส.ส.ชลบุรี เขต 3 นาย
สุรพงศ์ นำชัยรุจิพงศ์ สมาชิกสภาจังหวัดชลบุรี เขต 4 นาย
รณเทพ อนุวัฒน์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ เขต 5 คาดว่าจะเป็นนาย
จิรวุฒิ สิงห์โตทอง หรือ ส.ส.เป้า นายกสมาคมกลุ่มอาชีพการเกษตรชลบุรี เขต 6 นาย
สมเจตน์ เกตุวัตถา นายกเทศมนตรีตำบลบางพระ อ.ศรีราชา
เขต 7 นาย
รุ่งเพชร แจ่มเจริญ อดีตนายก อบต.บ่อวิน อ.ศรีราชา เขต 8 นายมานพ ประกอบธรรม อดีตนายกเทศมนตรีตำบลตะเคียน
เตี้ย อ.บางละมุง เขต 9 ได้มีการเว้นที่ไว้ให้กับนาย
อิทธิพล คุณปลื้ม หากไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจจะส่งนาย
นิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา ลงสมัครรับเลือกตั้ง และ เขต 10 นาย
สมชาติ คุณปลื้ม น้องชายกำนันเป๊าะ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข
ด้าน นาย
สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ขณะนี้มีกระแสข่าวว่ากำลังตัดสินใจว่าจะไปอยู่พรรคเพื่อไทย โดยมี นาย
สนธยา คุณปลื้ม เป็นแกนนำกลุ่มบ้านใหญ่ที่กำลังตัดสินใจจะไปอยู่พรรคเพื่อไทย หรือนาย
สรวุฒิอาจจะอยู่พรรคพลังประชารัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี ว่าอยู่พรรคไหนจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน
JJNY : 5in1 ฟื้นตัวจากโควิด│"พลภูมิ"จี้"ตู่"สอบ│ก้าวไกล เคาะชื่อสู้สนามชลบุรี│พยานให้การมัดแน่น│แม่ค้าแผงไข่สงขลาโอด
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/187905
เมื่อโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ธุรกิจเริ่มกลับมาลืมตา อ้างปาก อีกครั้ง แต่หากมองถึงผลกระทบ ธุรกิจขนาดเล็ก อาจไม่ได้ฟื้นตัวได้เร็ว และไม่ง่ายที่จะกลับมาทำกำไรได้เท่าก่อนช่วงโควิด-19
ธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดรุนแรง และฟื้นตัวช้ากว่าธุรกิจขนาดใหญ่มาก
สาเหตุหนึ่งที่อาจมาจากข้อจำกัดของบริษัทขนาดเล็กในการหาทุนหมุนเวียนกิจการและการเข้าถึงสินเชื่อแม้จะได้รับการผ่อนผันหรือช่วยเหลือจากนโยบายภาครัฐหรือสถาบันการเงินก็ตาม ซึ่งตรงข้ามกับบริษัทขนาดใหญ่อาจทำให้มากกว่าและกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดที่หลากหลายทำให้ได้รับผลกระทบที่รุนแรงน้อยกว่า
ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กในภาพรวมยังน่าห่วง
โรงแรมขนาดเล็กที่ความสามารถในการทำกำไรลดลงมากที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวยังมีความกังวลเรื่องสุขอนามัย และโรงแรมขนาดเล็กที่ได้รับรองตามมาตรฐาน SHA+ ยังมีสัดส่วนน้อย รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับมาแรกคือกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
สอดคล้องกับบริษัทขนาดเล็กในกลุ่มร้านอาหารและอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่ เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนที่เป็นรอง
ธุรกิจขนาดเล็กในกลุ่มนี้ที่ได้รับผลกระทบแรงและลึกกว่าจะมีความเปราะบางและฟื้นตัวได้ช้ากว่าจะกลับมามีความสามารถในการทำกำไรเท่าระดับก่อนการแพร่ระบาด
มองไปข้างหน้าการฟื้นตัวของภาคธุรกิจยังเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่ทั่วถึง (Uneven) การช่วยเหลือที่ตรงจุดและการปรับตัวของผู้ประกอบการมีความจำเป็น
การฟื้นตัวของภาคธุรกิจไทยยังคงมีความท้าทายจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังสูง และไม่ทั่วถึง (Uneven) โดยธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต ได้แก่ กลุ่มที่ตอบโจทย์การฟื้นตัวของการบริโภคหรือสอดรับเทรนด์โลกหรือเกี่ยวข้องการลงทุนใน Mega project
ขณะที่บางธุรกิจมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวหรือได้รับผลกระทบจาก Mega trends เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีนวัตกรรม และสังคมผู้สูงอายุ
ทำให้ความช่วยเหลือพิเศษจากภาครัฐ และการปรับตัวอย่างเหมาะสมยังคงมีความสำคัญอย่างมากต่อการประคองบริษัทขนาดเล็กเหล่านี้ให้กลับมาฟื้นตัวได้
อย่างไรก็ตาม นโยบายภาครัฐควรมุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่าย พร้อมเพิ่มรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กในภาคบริการ รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบมากกว่า เช่น
1. มาตรการช่วยเหลือต้นทุนผู้ประกอบการ ในระยะสั้นภาครัฐควรมีมาตรการอุดหนุนราคาพลังงานและค่าจ้าง โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กเพื่อให้ธุรกิจยังอยู่รอดได้ ในระยะยาวควรให้ความรู้ในการวางแผนจัดการต้นทุนของธุรกิจและส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy efficiency)
2. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แบบเฉพาะกลุ่มมากขึ้นแทนมาตรการแบบหน้ากระดาน เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟสต่อไปที่อาจให้การอุดหนุนโรงแรมขนาดเล็กมากกว่า หรือมาตรการช้อปดีมีคืนที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้บริโภคมากกว่าสำหรับการใช้จ่ายจากสินค้าและบริการธุรกิจขนาดเล็ก
ข้อมูล SCB EIC
"พลภูมิ" จี้ "บิ๊กตู่" สอบ ธุรกิจรถทัวร์ตู้ห่าว หลังถูกแฉโยงหลานชายนายกฯ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2596050
"พลภูมิ" ส.ส.เพื่อไทย จี้ "บิ๊กตู่" ตรวจสอบ หลัง "ชูวิทย์" แฉ "ธุรกิจรถทัวร์ตู้ห่าวโยงหลานชายนายกรัฐมนตรี ชี้ควรเคลียร์ตัวเอง ก่อนเปิดตัว เป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ดีกว่า
วันที่ 6 ม.ค. 66 นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.เขตบึงกุ่ม-คันนายาว พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมือง ออกมาเปิดเผยข้อมูลโดยอ้างว่า รถทัวร์จำนวนกว่า 400-500 คันของบริษัท เอ็มแอนด์ เอ็ม ทรานสปอร์ต เซอร์วิส จำกัด หลายคนเข้าใจว่า เป็นรถทัวร์บริษัทของตู้ห่าว แต่คนที่เป็นเจ้าของจริงๆ คือ หจก.แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นของหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า แบบนี้หรือไม่ ที่ทำให้เรื่องมันถึงหยุดและมีอยู่เท่านี้ โดยระบุว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับการตั้งข้อสงสัยของนายชูวิทย์ เพราะที่ผ่านมา ไม่ค่อยเห็น พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสนใจ หรือ สั่งให้เอาจริงเอาจังกับการปราบปรามกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่ทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีของนายตู้ห่าว
ประเด็นที่น่าสนใจจากข้อมูลดังกล่าวของนายชูวิทย์ ก็คือ ความเกี่ยวข้อง ระหว่าง ธุรกิจสีเทา “ตู้ห่าว” กับ “หลานประยุทธ์” มีความเกี่ยวพันกันลึกซึ้งมากน้อยแค่ไหน แล้วเข้าข่ายร่วมกันทำผิดหรือไม่ นอกจากนี้เหตุผลที่คดีดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้าไปไม่ถึงไหน รวมถึงหลักฐานบางอย่างหายไป เป็นเพราะมีหลานของ พล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวข้อง อาจจะมีการให้ความช่วยเหลือหรือไม่ ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ เมื่อมีการพาดพิงเกิดขึ้น ก็จะต้องทำความจริงให้ปรากฏ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างชัด ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า ไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือ หรือ เกี่ยวข้อง สังคมจะได้หายเคลือบแคลงสงสัย เพราะไม่เช่นนั้นอาจถูกนำไปขยายผลและโจมตีทางการเมือง จนเกิดความเสียกับตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง
"ดังนั้นก่อนที่ท่านจะเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ท่านควรเคลียร์ตัวเองและสั่งการเอาผิดกับคดีใหญ่ที่เป็นภัยของชาติ อย่าง ทุนจีนสีเทา ก่อนจะดีกว่า" นายพลภูมิ กล่าว.
ก้าวไกล เคาะชื่อสู้สนามชลบุรีแล้ว 6 เขต คาด ‘พลังเฮ้ง’ ขน 10 ว่าที่ผู้สมัคร ไปงาน 9 ม.ค.ด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3759146
ก้าวไกล ชลบุรี เตรียมพร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ก่อนสิ้นเดือนมกราคม คาด ‘กลุ่มพลังเฮ้ง’ พร้อมโชว์ตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรีทั้ง 10 เขตวันเปิดตัวบิ๊กตู่เข้ารวมไทยสร้างชาติ ส.ส.ต้นยังไม่ตัดสินใจ อยู่พลังประชารัฐไปก่อน
เมื่อวันที่ 6 มกราคม นายจรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี เขต 6 พรรคก้าวไกล เปิดเผยความคืบหน้าในการเตรียมตัวของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ จ.ชลบุรี ว่าขณะนี้ทางพรรคได้เคาะตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วทั้งหมด 6 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นายวรท ศิริรักษ์ เขต 3 นายชวาล พลเมืองดี เขต 5 น.ส.นภัสวรรณ มณีรัตน์โรจน์ ลูกสาว ส.จ.คี้-นายอุทัย มณีรัตน์โรจน์ อดีตสมาชิกสภาจังหวัดชลบุรี คนดังในพื้นที่ อ.บ้านบึง หลงจู๊ไร่อ้อย เขต 6 นายสหัสวัต คุ้มคง เขต 8 ตนเอง และ เขต 10 น.ส.นิชนันท์ วังคะฮาต ส่วนที่เหลืออีก 4 เขตเลือกตั้ง คาดว่าจะมีการพิจารณาว่าที่ผู้ลงสมัคร ส.ส.ก่อนสิ้นเดือนมกราคมนี้
นายจรัสกล่าวว่า ยอมรับว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2566 พื้นที่ จ.ชลบุรี จะมีความเข้นข้นมากขึ้น เพราะบางพรรคการเมืองต้องการแลนด์สไลด์ อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลเพราะอยู่ที่ประชาชนตัดสินใจ แต่ยังหวังคะแนนเสียงสมัยที่ลงสมัครรับเลือกตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีคะแนนเสียงจากกลุ่มวัยรุ่น และยังหวังว่าเสียงสนับสนุนจากกลุ่มวัยรุ่นที่มีโอกาสลงคะแนนเสียงเมื่ออายุครบ 18 ปีอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อความไม่ประมาทจะลงพื้นที่พบปะประชาชนให้มากที่สุด เพื่อนำนโยบายพรรคก้าวไกลไปบอกกล่าวกับประชาชน
“หนักใจมากเหมือนกัน เพราะพื้นที่ชลบุรีมีหมู่บ้านจำนวนมาก เป็นนิติบุคคล ทำให้เข้าไปพบชาวบ้านได้ยาก จึงต้องหาทางออกไปพบชาวบ้านให้มากที่สุด หากพื้นที่ชลบุรี พรรคก้าวไกลสามารถชนะเลือกตั้งได้ทั้งหมด 6 ที่นั่งก็ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้ว หากได้ร่วมรัฐบาลก็หวังว่าจะผลักดันนโยบายต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนให้สำเร็จ โดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพ รวมทั้งรัฐสวัสดิการให้คุ้มค่ากับภาษีที่ประชาชนเสียให้กับภาครัฐ” นายจรัสกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในวันที่ 9 มกราคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น หรือเฮ้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เตรียมพร้อมนำตัวว่าที่ผู้ลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ทั้ง 10 เขตไปร่วมงานเพื่อเป็นการเปิดตัวอีกด้วย
คาดว่าผู้ที่จะไปเปิดตัวในครั้งนี้ เขต 1 นายสุชาติ ชมกลิ่น เขต 2 นายอุกฤษณ์ ตั๊นสวัสดิ์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองชลบุรี อดีต ส.ส.ชลบุรี เขต 3 นายสุรพงศ์ นำชัยรุจิพงศ์ สมาชิกสภาจังหวัดชลบุรี เขต 4 นายรณเทพ อนุวัฒน์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ เขต 5 คาดว่าจะเป็นนายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง หรือ ส.ส.เป้า นายกสมาคมกลุ่มอาชีพการเกษตรชลบุรี เขต 6 นายสมเจตน์ เกตุวัตถา นายกเทศมนตรีตำบลบางพระ อ.ศรีราชา
เขต 7 นายรุ่งเพชร แจ่มเจริญ อดีตนายก อบต.บ่อวิน อ.ศรีราชา เขต 8 นายมานพ ประกอบธรรม อดีตนายกเทศมนตรีตำบลตะเคียน
เตี้ย อ.บางละมุง เขต 9 ได้มีการเว้นที่ไว้ให้กับนายอิทธิพล คุณปลื้ม หากไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจจะส่งนายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา ลงสมัครรับเลือกตั้ง และ เขต 10 นายสมชาติ คุณปลื้ม น้องชายกำนันเป๊าะ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข
ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ขณะนี้มีกระแสข่าวว่ากำลังตัดสินใจว่าจะไปอยู่พรรคเพื่อไทย โดยมี นายสนธยา คุณปลื้ม เป็นแกนนำกลุ่มบ้านใหญ่ที่กำลังตัดสินใจจะไปอยู่พรรคเพื่อไทย หรือนายสรวุฒิอาจจะอยู่พรรคพลังประชารัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี ว่าอยู่พรรคไหนจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน