
เพื่อนๆเคยสงสัยกันมั้ยคะว่า เกมที่เราเล่นในปัจจุบันนี้ใช้ทุนสร้างเท่าไหร่? ทั้งภาพที่สมจริงและระบบ Gameplay ที่สนุกสนาน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเกมที่สุดยอดเหล่านี้ ลงทุนสร้างกันไปเท่าไหร่นะ วันนี้รัชขอรวบรวม 10 อันดับเกมที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดมาฝากกันค่ะ จะมีเกมอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลยค่า
รับชมคลิปฉบับเต็มได้ที่ :
10 อันดับเกมที่ทุ่มทุนสร้างสูงที่สุด
10.Metal Gear Solid V: The Phantom Pain
สุดยอดเกม Franchise ชื่อดังจากค่าย
Konami ที่ภาค 5 นี้เราจะได้รับบทเป็น Bigboss สายลับที่ออกไปทำภารกิจลับต่างๆตามพื้นที่แบบ Openworld และด้วยความที่เป็น Openworld นี่แหละนะคะ ทำให้ผู้สร้างอย่าง
Hideo Kojima จำเป็นจะต้องขัดเกลาตัวเกมให้ออกมาดีที่สุด
จึงได้ใช้งบประมาณในการพัฒนามากถึง
80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้บริหารของ Konami ไม่ค่อยพอใจนัก เพราะเห็นว่าใช้งบประมาณเยอะจนเกินไป
ถึงแม้ว่าจะได้รับเสียงตอบรับจากผู้เล่นเป็นอย่างดีหลังวางจำหน่าย แต่ถึงอย่างนั้นดราม่าระหว่าง Kojima และ Konami ก็ถึงจุดแตกหัก เมื่อ Kojima
ได้ประกาศลาออกจากบริษัทและมาทำสตูดิโอเกมของตัวเอง ซึ่งถือเป็นการปิดท้ายตำนานเกม Metal Gear Solid
9.The Witcher 3 Wildhunt
เกม Action RPG ที่สร้างจากนวนิยายชื่อดังของประเทศโปแลนด์ ที่เราจะได้รับบทเป็น"เจอร์รอธ" นักล่าปีศาจที่ต้องออกตามช่วยซีริลูกศิษท์ที่กำลังถูกตามล่าโดยเหล่า Wild hunt ตัวเกมในภาค 3 นี้ ทางสตูดิโอผู้พัฒนา
CD Projekt Red ได้ออกแบบตัวเกมให้มีความ Openworld อย่างเต็มที่และมีรายละเอียดทางด้านเนื้อเรื่อง,ระบบ Gameplay ที่สมจริงและภารกิจที่สนุกเพลิดเพลิน โดยตัวเกมในภาคนี้
ใช้งบพัฒนาไปทั้งสิ้น
81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหลังจากวางจำหน่ายตัวเกมก็ได้รับคะแนนรีวิวอย่างล้มหลาม
จากหลายสำนักรีวิวชื่อดัง รวมไปถึงทำยอดขายมากกว่า 40 Million Copies และยังได้ครองรางวัล Game of The year ประจำปี 2015 อีกด้วยจ้า
8.Halo 2
อดีตเกม FPS (First Person Shooter) Exclusive ชื่อดังของ Xbox ในปี 2004 ที่เราจะได้รับบทเป็น Master Chief ที่ต้องต่อกรกับเหล่า Alien ที่มาจากต่างดาว ซึ่งในภาค 2 นี้ตัวเกมได้ใช้ Engine ใหม่ในการพัฒนาและเพิ่มระบบ Multiplayer เข้าไป
โดยใช้ทุนในการพัฒนามากถึง
120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อวางจำหน่าย Halo ก็กลายเป็นวิดีโอเกมยอดนิยมบน Xbox และมีภาคต่อมากมายให้กับเครื่องรุ่นปัจจุบันเรื่อยๆค่ะ
7.Battlefield 4
เกม FPS (First Person Shooter) สุดสมจริงที่เน้นบรรยากาศให้ผู้เล่นได้รู้สึกเหมือนอยู่ในสงครามจริงๆ จากค่าย EA
โดยในภาค 4 นี้ทาง
DICE ทีมผู้พัฒนาต้องการให้สมจริงยิ่งขึ้นไปอีก โดยการเน้นระบบฟิสิกส์ของการถล่มสิ่งก่อสร้างที่เหมือนจริงและแผนที่สู้รบในระบบ Multiplayer ที่สมจริง ซึ่งในภาคนี้ได้ใช้ทุนพัฒนาสูงถึง
$100 ดอลลาร์สหรัฐ เลยทีเดียว ถึงแม้ว่าหลังจากที่เกมวางจำหน่ายแล้ว
ตัวเกมจะเต็มไปด้วย Bug หรือ Glitch ต่างๆ แต่ก็ทำยอดขายไปมากกว่า 7 Million Copies ซึ่งถือได้ว่าประสบความสำเร็จพอสมควรค่า
6.Shadow of the Tomb Raider
เกมภาคต่อลำดับที่ 3 ของเกม Tomb Raider ฉบับ Reboot ที่เราจะได้บทเป็น "Lala croft" นักผจญภัยล่าสมบัติ
ที่มาในภาคนี้ผู้เล่นจะได้ออกสำรวจอารยธรรมของชนเผ่ามายัน
และตัวเกมในภาคนี้ได้ใช้ทุนพัฒนามากถึง
$135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเนรมิตฉากต่างๆให้ออกมาสวยงาม
ซึ่งหลังจากเกมวางจำหน่ายแล้ว ตัวเกมก็ได้รับกระแสตอบรับในระดับที่ดี แต่ก็ไม่ถึงกับดีมาก เพราะทั้งGraphic และระบบ Gameplay ยังไม่ค่อยต่างจากภาคที่ผ่านมา แต่ทางทีมพัฒนา
Eidos-Montréal ก็พอใจกับเสียงตอบรับจ้า
5.Final Fantasy VII ฉบับ Original
เกมแนว RPG Turnbase ลำดับที่ 7 ของ Franchise Final Fantasy จากค่าย Square Enix
ในภาค 7 นี้ทางทีมผู้พัฒนาตั้งใจออกแบบ Graphic ตัวละครและ Background ให้เป็นแบบ 3D
และใช้ทุนพัฒนาเกมนี้มากถึง
$145 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหลังจากวางจำหน่ายแล้ว ตัวเกมก็ได้รับเสียงตอบรับจากผู้เล่นอย่างล้นหลาม
และส่งผลให้เกมโด่งดัง จนผู้พัฒนาต้องทำภาค Spin-off และทำภาพยนต์เพื่อสนองความต้องการของแฟนๆ อีกด้วยค่า
4.Red Dead Redemption 2
เกมแนว Cowboy แบบ Openword ชื่อดังจากค่าย
Rockstar Games
ซึ่งในภาค 2 นี้ได้ทิ้งช่วงจากภาคแรกไปถึง 8 ปี และใช้งบในการพัฒนาราวๆ
$200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และเมื่อเกมวางจำหน่ายก็สมกับที่ผู้เล่นรอคอย เพราะโลกในเกมนี้ทำออกมาได้สวยงามมากๆ ตัวเกมเด่นทั้งเนื้อเรื่องและระบบ Gameplay ที่หลากหลาย ให้ผู้ได้ทำภารกิจต่างๆในแบบฉบับของคาวบอย ถือได้ว่าเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จมากๆอีกเกมหนึ่งเลยค่า นอกจากนี้ Red Dead Redemption 2 ยังติดใน 1 ของเกมที่ขายดีที่สุด และยังมีชื่อเข้าท้าชิง Game of The Year ประจำปี 2018 อีกด้วยจ้า
3.Call of Duty: Modern Warfare 2 ฉบับปี 2009
เกม FPS (First Person Shooter) จากทีม
Infinity Ward ที่สานต่อความสำเร็จของภาค Modern Warfare
ซึ่งในภาค 2 นี้ตัวเกมมาพร้อมกับ Gameplay ที่สนุกและภารกิจที่บีบใจผู้เล่นโดยเฉพาะภารกิจ
No Russian
ที่เราจะรับบทเป็นผู้ก่อการร้ายในสนามบิน จนเกิดดราม่าจากหลายสื่อว่าภารกิจนี้เหมาะสมหรือไม่?
และถึงแม้จะเกิดดราม่าอย่างนั้น ก็ทำให้ Gamer หลายคนได้รู้จักเกมนี้มากขึ้น
แถมตัวเกมก็ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายมากกว่า 22 Million Copies และอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจในเกมนี้ก็คือ เกมนี้ใช้ทุนพัฒนาเพียง $50 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่ใช้ทุนในการโฆษณามากถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมทั้งหมดที่ลงทุนไปกับเกมนี้คือ
250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นั่นเองจ้า
2.Grand Theft Auto V
เกม Action Openworld ชื่อดังจากค่าย
Rockstar Games ที่มาในภาค 5 นี้เราได้จะสวมบทเป็นอาชญากร ณ เมือง Los Santos และต้องทำภารกิจต่างๆตามเนื้อเรื่อง ตัวเกมในภาคนี้ได้ใช้ทุนในการพัฒนามากถึง
$265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการเนรมิตรเมือง Los Santos ที่ถอดแบบออกมาจาก Los Angeles ให้มีความสมจริงและมีชีวิตชีวามากขึ้น ซึ่งหลังจากเกมวางจำหน่ายแล้ว ตัวเกมก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีทั้งด้านรีวิวและยอดขาย
โดยทำยอดขายไปแล้วกว่า 238 Million Copies ทั่วโลก และยังติดอันดับ 2 ของเกมที่ขายดีที่สุดตลอดกาลอีกด้วยค่า
1.Cyberpunk 2077
เกม RPG Openworld โลกยุคอนาคต จาก
CD Projekt Red ซึ่งเกมนี้ได้ใช้ทุนในการพัฒนามากถึง
316 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการออกแบบเมือง
Nigchcity ให้มีความสวยงามและสมจริง รวมไปถึงการออกแบบระบบ Gameplay และภารกิจต่างๆที่มีความซับซ้อนและหลากหลาย
เกมนี้ถือเป็นอีกหนึ่งในเกมที่ผู้เล่นทั่วโลกคาดหวังเอาไว้ว่าจะออกมาดี แต่เมื่อเกมวางจำหน่ายตัวเกมกับเต็มไปด้วย Bug และบนเครื่อง Console อย่าง PS4และXbox One ก็มีปัญหาภาพเบลอและเกม Crash จนทำให้ให้ผู้เล่นหลายคนไม่พอใจและทำการขอคืนเงิน
ในปัจจุบันตัวเกมได้แก้ปัญหาในการออก Patch มาแก้ Bug แล้วเรียบร้อย และทางทีมงานก็ได้เข็นอนิเมชั่น Cyberpunk Edgerunners มาให้ชมบน NETFLIX ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นกลับมาเล่นเกมนี้มากขึ้น และทำยอดขายได้มากกว่า 20 Million Copies
ที่มา :
prestigeonline.com
Youtube :
RUTCHSTATION
Facebook :
RUTCH STATION
10 อันดับเกมที่ทุ่มทุนสร้างสูงที่สุด
รับชมคลิปฉบับเต็มได้ที่ : 10 อันดับเกมที่ทุ่มทุนสร้างสูงที่สุด
สุดยอดเกม Franchise ชื่อดังจากค่าย Konami ที่ภาค 5 นี้เราจะได้รับบทเป็น Bigboss สายลับที่ออกไปทำภารกิจลับต่างๆตามพื้นที่แบบ Openworld และด้วยความที่เป็น Openworld นี่แหละนะคะ ทำให้ผู้สร้างอย่าง Hideo Kojima จำเป็นจะต้องขัดเกลาตัวเกมให้ออกมาดีที่สุด
จึงได้ใช้งบประมาณในการพัฒนามากถึง 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้บริหารของ Konami ไม่ค่อยพอใจนัก เพราะเห็นว่าใช้งบประมาณเยอะจนเกินไป
ถึงแม้ว่าจะได้รับเสียงตอบรับจากผู้เล่นเป็นอย่างดีหลังวางจำหน่าย แต่ถึงอย่างนั้นดราม่าระหว่าง Kojima และ Konami ก็ถึงจุดแตกหัก เมื่อ Kojima
ได้ประกาศลาออกจากบริษัทและมาทำสตูดิโอเกมของตัวเอง ซึ่งถือเป็นการปิดท้ายตำนานเกม Metal Gear Solid
เกม Action RPG ที่สร้างจากนวนิยายชื่อดังของประเทศโปแลนด์ ที่เราจะได้รับบทเป็น"เจอร์รอธ" นักล่าปีศาจที่ต้องออกตามช่วยซีริลูกศิษท์ที่กำลังถูกตามล่าโดยเหล่า Wild hunt ตัวเกมในภาค 3 นี้ ทางสตูดิโอผู้พัฒนา CD Projekt Red ได้ออกแบบตัวเกมให้มีความ Openworld อย่างเต็มที่และมีรายละเอียดทางด้านเนื้อเรื่อง,ระบบ Gameplay ที่สมจริงและภารกิจที่สนุกเพลิดเพลิน โดยตัวเกมในภาคนี้
ใช้งบพัฒนาไปทั้งสิ้น 81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหลังจากวางจำหน่ายตัวเกมก็ได้รับคะแนนรีวิวอย่างล้มหลาม
จากหลายสำนักรีวิวชื่อดัง รวมไปถึงทำยอดขายมากกว่า 40 Million Copies และยังได้ครองรางวัล Game of The year ประจำปี 2015 อีกด้วยจ้า
อดีตเกม FPS (First Person Shooter) Exclusive ชื่อดังของ Xbox ในปี 2004 ที่เราจะได้รับบทเป็น Master Chief ที่ต้องต่อกรกับเหล่า Alien ที่มาจากต่างดาว ซึ่งในภาค 2 นี้ตัวเกมได้ใช้ Engine ใหม่ในการพัฒนาและเพิ่มระบบ Multiplayer เข้าไป
โดยใช้ทุนในการพัฒนามากถึง 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อวางจำหน่าย Halo ก็กลายเป็นวิดีโอเกมยอดนิยมบน Xbox และมีภาคต่อมากมายให้กับเครื่องรุ่นปัจจุบันเรื่อยๆค่ะ
เกม FPS (First Person Shooter) สุดสมจริงที่เน้นบรรยากาศให้ผู้เล่นได้รู้สึกเหมือนอยู่ในสงครามจริงๆ จากค่าย EA
โดยในภาค 4 นี้ทาง DICE ทีมผู้พัฒนาต้องการให้สมจริงยิ่งขึ้นไปอีก โดยการเน้นระบบฟิสิกส์ของการถล่มสิ่งก่อสร้างที่เหมือนจริงและแผนที่สู้รบในระบบ Multiplayer ที่สมจริง ซึ่งในภาคนี้ได้ใช้ทุนพัฒนาสูงถึง $100 ดอลลาร์สหรัฐ เลยทีเดียว ถึงแม้ว่าหลังจากที่เกมวางจำหน่ายแล้ว
ตัวเกมจะเต็มไปด้วย Bug หรือ Glitch ต่างๆ แต่ก็ทำยอดขายไปมากกว่า 7 Million Copies ซึ่งถือได้ว่าประสบความสำเร็จพอสมควรค่า
เกมภาคต่อลำดับที่ 3 ของเกม Tomb Raider ฉบับ Reboot ที่เราจะได้บทเป็น "Lala croft" นักผจญภัยล่าสมบัติ
ที่มาในภาคนี้ผู้เล่นจะได้ออกสำรวจอารยธรรมของชนเผ่ามายัน
และตัวเกมในภาคนี้ได้ใช้ทุนพัฒนามากถึง $135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเนรมิตฉากต่างๆให้ออกมาสวยงาม
ซึ่งหลังจากเกมวางจำหน่ายแล้ว ตัวเกมก็ได้รับกระแสตอบรับในระดับที่ดี แต่ก็ไม่ถึงกับดีมาก เพราะทั้งGraphic และระบบ Gameplay ยังไม่ค่อยต่างจากภาคที่ผ่านมา แต่ทางทีมพัฒนา Eidos-Montréal ก็พอใจกับเสียงตอบรับจ้า
5.Final Fantasy VII ฉบับ Original
เกมแนว RPG Turnbase ลำดับที่ 7 ของ Franchise Final Fantasy จากค่าย Square Enix
ในภาค 7 นี้ทางทีมผู้พัฒนาตั้งใจออกแบบ Graphic ตัวละครและ Background ให้เป็นแบบ 3D
และใช้ทุนพัฒนาเกมนี้มากถึง $145 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหลังจากวางจำหน่ายแล้ว ตัวเกมก็ได้รับเสียงตอบรับจากผู้เล่นอย่างล้นหลาม
และส่งผลให้เกมโด่งดัง จนผู้พัฒนาต้องทำภาค Spin-off และทำภาพยนต์เพื่อสนองความต้องการของแฟนๆ อีกด้วยค่า
เกมแนว Cowboy แบบ Openword ชื่อดังจากค่าย Rockstar Games
ซึ่งในภาค 2 นี้ได้ทิ้งช่วงจากภาคแรกไปถึง 8 ปี และใช้งบในการพัฒนาราวๆ $200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และเมื่อเกมวางจำหน่ายก็สมกับที่ผู้เล่นรอคอย เพราะโลกในเกมนี้ทำออกมาได้สวยงามมากๆ ตัวเกมเด่นทั้งเนื้อเรื่องและระบบ Gameplay ที่หลากหลาย ให้ผู้ได้ทำภารกิจต่างๆในแบบฉบับของคาวบอย ถือได้ว่าเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จมากๆอีกเกมหนึ่งเลยค่า นอกจากนี้ Red Dead Redemption 2 ยังติดใน 1 ของเกมที่ขายดีที่สุด และยังมีชื่อเข้าท้าชิง Game of The Year ประจำปี 2018 อีกด้วยจ้า
เกม FPS (First Person Shooter) จากทีม Infinity Ward ที่สานต่อความสำเร็จของภาค Modern Warfare
ซึ่งในภาค 2 นี้ตัวเกมมาพร้อมกับ Gameplay ที่สนุกและภารกิจที่บีบใจผู้เล่นโดยเฉพาะภารกิจ No Russian
ที่เราจะรับบทเป็นผู้ก่อการร้ายในสนามบิน จนเกิดดราม่าจากหลายสื่อว่าภารกิจนี้เหมาะสมหรือไม่?
และถึงแม้จะเกิดดราม่าอย่างนั้น ก็ทำให้ Gamer หลายคนได้รู้จักเกมนี้มากขึ้น
แถมตัวเกมก็ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายมากกว่า 22 Million Copies และอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจในเกมนี้ก็คือ เกมนี้ใช้ทุนพัฒนาเพียง $50 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่ใช้ทุนในการโฆษณามากถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมทั้งหมดที่ลงทุนไปกับเกมนี้คือ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นั่นเองจ้า
เกม Action Openworld ชื่อดังจากค่าย Rockstar Games ที่มาในภาค 5 นี้เราได้จะสวมบทเป็นอาชญากร ณ เมือง Los Santos และต้องทำภารกิจต่างๆตามเนื้อเรื่อง ตัวเกมในภาคนี้ได้ใช้ทุนในการพัฒนามากถึง $265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการเนรมิตรเมือง Los Santos ที่ถอดแบบออกมาจาก Los Angeles ให้มีความสมจริงและมีชีวิตชีวามากขึ้น ซึ่งหลังจากเกมวางจำหน่ายแล้ว ตัวเกมก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีทั้งด้านรีวิวและยอดขาย
โดยทำยอดขายไปแล้วกว่า 238 Million Copies ทั่วโลก และยังติดอันดับ 2 ของเกมที่ขายดีที่สุดตลอดกาลอีกด้วยค่า
เกม RPG Openworld โลกยุคอนาคต จาก CD Projekt Red ซึ่งเกมนี้ได้ใช้ทุนในการพัฒนามากถึง 316 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการออกแบบเมือง Nigchcity ให้มีความสวยงามและสมจริง รวมไปถึงการออกแบบระบบ Gameplay และภารกิจต่างๆที่มีความซับซ้อนและหลากหลาย
เกมนี้ถือเป็นอีกหนึ่งในเกมที่ผู้เล่นทั่วโลกคาดหวังเอาไว้ว่าจะออกมาดี แต่เมื่อเกมวางจำหน่ายตัวเกมกับเต็มไปด้วย Bug และบนเครื่อง Console อย่าง PS4และXbox One ก็มีปัญหาภาพเบลอและเกม Crash จนทำให้ให้ผู้เล่นหลายคนไม่พอใจและทำการขอคืนเงิน
ในปัจจุบันตัวเกมได้แก้ปัญหาในการออก Patch มาแก้ Bug แล้วเรียบร้อย และทางทีมงานก็ได้เข็นอนิเมชั่น Cyberpunk Edgerunners มาให้ชมบน NETFLIX ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นกลับมาเล่นเกมนี้มากขึ้น และทำยอดขายได้มากกว่า 20 Million Copies
ที่มา : prestigeonline.com
Youtube : RUTCHSTATION
Facebook : RUTCH STATION