JJNY : สื่อสารการเมืองยอดเยี่ยม-ยอดแย่│เพื่อไทยลงสาทร ระงม 8ปีศก.แย่│ก้าวไกลเชื่อปีนี้ได้เลือกตั้ง│“ก้าวไกล”อัดประยุทธ์

เอื้อย talk : ดร.นันทนา สื่อสารการเมืองยอดเยี่ยม-ยอดแย่ปี 65 รางวัลพิเศษ “ปากทองคำ”
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_3752985
 
 
รายการเอื้อยTalk ตอนพิเศษ ส่งท่ายปี65 ต้อนรับปี 2566 สนทนากับ รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง ม.เกริก จัดอันดับ การสื่อสารทางการเมือง ยอดเยี่ยมปี65VS การสื่อสารทางการเมืองยอดแย่ปี65 ปีนี้มีรางวัลพิเศษ “ปากทองคำ”  ชมคลิปด้านล่าง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 

  
เพื่อไทย ลงพื้นที่สาทร ระงม 8 ปีศก.แย่ เดือดร้อน ค่าไฟ-ก๊าซพุ่ง ทั้งที่ราคาตลาดโลกลดแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3753676

“คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย” ลงพื้นที่สาทร พบ ประชาชนเดือดร้อนกันหนักมาก ค่าไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซ พุ่งสูง ทั้งที่ ราคาน้ำมันตลาดโลกลดแล้ว มั่นใจ คน กทม. ชื่นชมนโยบายพรรคเพื่อไทย อยากให้เข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็ว
  
เมื่อวันที่ 2 มกราคม นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน และ โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ ตนได้ลงพื้นที่เขตสาทร พร้อมนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ เพื่อพบประชาชนรับทราบความเห็น และสอบถามความเดือดร้อน โดยประชาชนส่วนใหญ่เดือดร้อนอย่างมากจากที่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูง และยังมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นอีก ค่าน้ำมัน และ ก๊าซหุงต้มที่สูงมาก และค่าครองชีพที่แพงมาก ราคาสินค้าที่ขึ้นอย่างมาก อยากให้มีการแก้ไขโดยด่วน

นอกจากนี้ ปัจจุบันราคาน้ำมันตลาดโลกได้ลดลงมาเท่ากับราคาก่อนที่จะมีสงครามรัสเซียยูเครนแล้ว แต่ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศไทยยังสูงมาก ดังนั้นจึงอยากให้ลดราคา จากการตรวจสอบพบว่ามีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันถึงลิตรละ 4.40 บาท ซึ่งน่าจะเก็บลดลงมาได้ เพื่อทำให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลงเพื่อช่วยลดภาระของประชาชน และลดเงินเฟ้อลงได้ ปัญหาราคาพลังงานที่สูงขึ้นเป็นเรื่องที่ชาวสาทรกังวลและเป็นห่วงอย่างมาก ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าหากได้รับความไว้ใจจากประชาชนให้เข้าบริหารประเทศ จะลดราคาไฟฟ้า น้ำมัน และ ก๊าซหุงต้นโดยทันที เพราะมีแผนงานเตรียมไว้แล้ว โดยพิจารณาจากโครงสร้างราคาของพลังงาน ที่ทำได้จริงและเคยทำมาแล้ว
 
นอกจากนี้จากการพูดคุยกับชาวสาทร พบว่าคนส่วนใหญ่ถูกใจค่าแรงวันละ 600 บาทมาก ขนาดผู้ประกอบการเองก็ยังรับได้ เพราะเชื่อว่าแรงงานจะอยู่ลำบากถ้าแรงงานไม่ได้รายได้ขนาดนั้น คำถามคือประเทศไทยจะหาธุรกิจที่ทำรายได้ที่จะจ้างงานขนาดนั้นได้อย่างไร ซึ่งเป็นการบ้านสำหรับรัฐบาลใหม่ที่จะทำให้สำเร็จ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีแผนงานพร้อมแล้ว
   
อีกนโยบายหนึ่งที่เป็นที่นิยมของชาวสาทรคือ 30 บาทรักษาทุกโรค เพราะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งนี้การพัฒนาปรับปรุงนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค จะทำให้เกิดความพึงพอใจมากขึ้น ทั้งการลดเวลาการรอพบแพทย์ ระบบ Telemedicine และ การให้บริการฉีดป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรี จะทำให้การบริกการดีขึ้น

อีกเรื่องที่บ่นกันมากในสาทรคือปัญหาการเก็บภาษีของรัฐบาลทั้งภาษีที่ดินและทรัพย์สิน ภาษีการขายหุ้น ภาษีความหวานและภาษีความเค็ม ซึ่งโดยหลักการแล้วในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รัฐบาลควรจะลดภาษีมากกว่าที่จะเก็บภาษีเพิ่ม และรัฐบาลควรรอจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแล้วถึงจะเก็บภาษี ซึ่งตอนนั้นประชาชนน่าจะยินดีและพร้อมที่จะจ่ายภาษีเพิ่มมากกว่า
 
ทั้งนี้โดยรวมแล้ว ประชาชนชาวสาทรรู้สึกว่าตลอด 8 ปีเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ ประชาชนลำบากกันอย่างมาก อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง และ อยากให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เพราะทุกครั้งที่พรรคเพื่อไทย ที่สืบทอดมาจาก พรรคไทยรักไทย และ พรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลเศรษฐกิจจะดีมาก ประชาชนมีกินมีใช้ ไม่ลำบาก มีเงินหมุนเวียนดี มีนโยบายที่โดนใจประชาชน และอยากให้พรรคเพื่อไทยกลับมาบริหารประเทศอีกครั้ง ดังนั้นจึงอยากขอให้ประชาชนได้เลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะแบบแลนสไลด์ เพื่อพรรคเพื่อไทยจะได้จัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน คนจะได้พ้นจากความลำบาก และมองเห็นอนาคตที่สดใส ไม่ใช่มืดมนเหมือนในปัจจุบัน



ก้าวไกล เชื่อปีนี้ได้เลือกตั้ง ‘นายกฯคนใหม่’ สำคัญ ชี้หากเหมือนปี’62 ปชช.คงไม่ทนอีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3753528
 
ก้าวไกล เชื่อ ปี 66 ได้เลือกตั้งแน่ ชี้ ชื่อนายกฯ คนใหม่ มีความสำคัญต่ออนาคตและทิศทางการเมือง บอก หากเหมือนปี 62 ปชช.จะไม่ทน
 
เมื่อวันที่ 2 มกราคม นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2566 ว่า สถานการณ์การเมืองต้องดูใน 2 เงื่อนไข คือ 1.ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นอภิปรายทั่วไปรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 แล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดอภิปรายได้ปลายเดือนมกราคม ก็อยากให้ติดตามชมดูว่าข้อมูลที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้นำเสนอนั้น แม้จะเป็นการอภิปรายทั่วไปแต่น้ำหนักหรือประเด็นที่ จะอภิปรายเทียบเท่ากับการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ฉะนั้น อาจจะสั่งสะเทือนต่อรัฐบาลตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ได้
 
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า 2.เราเชื่อมั่นว่าในปี 2566 นั้นจะต้องเกิดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นแน่ๆ เร็วสุดอาจจะเป็นเดือนมีนาคมนี้ หรือช้าสุดก็อาจจะเป็นต้นเดือนพฤษภาคม ฉะนั้น เมื่อเกิดการเลือกตั้งคงต้องขอดูคณิตศาสตร์ทางการเมือง ตัวเลขสุดท้ายว่าแต่ละพรรคการเมืองจะมีคะแนนรวมเท่าไหร่ แต่ตนเชื่อว่าหากเป็นฝ่ายค้านในปัจจุบัน หรือเป็นฝ่ายประชาธิปไตย หากคะแนนมากพอ ก็น่าจะนำไปสู่การปิดสวิตช์ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรีไปโดยอัตโนมัติ แม้ในทางกฎหมายอาจจะปิดไม่ได้
 
ฉะนั้น ชื่อของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะมีความสำคัญต่ออนาคตและทิศทางการเมืองของประเทศไทย ส่วนเงื่อนไขอีกประการหนึ่งซึ่งเป็นปัจจัยที่จะตามมาคือ ในกรณีที่หาคณิตศาสตร์ทางการเมือง หรือท้ายที่สุดผลการเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ตรงกับสิ่งที่ประชาชนมอบความไว้วางใจกับพรรคการเมือง เช่น อาจจะมีการผิดมารยาททางการเมือง ในการที่พรรคบางพรรค โดยเฉพาะพรรคที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดอำนาจ และไม่ได้คะแนนสูงสุด ส่งแคนดิเดตลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่กลับได้รับแรงสนับสนุนจากส.ว. เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2562
 
แบบนี้ผมไม่อยากคาดเดา แต่เชื่อว่า หากเป็นสถานการณ์เช่นนั้นจริง จะเป็นอีกครั้งที่พี่น้องประชาชนจะไม่ทนอีกแล้ว เพราะทนมาจริงๆ หากถึงปีหน้าจะครบ 9 ปี เพราะไม่ใช่แค่ประเด็นทางการเมืองแต่ส่งผลกระทบต่อปัญหาปากท้อง ซึ่งหากเงื่อนไขที่ 2 ไม่เป็นตามนั้นเงื่อนไขนี้ก็จะตามมา” นายณัฐวุฒิ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่