ชีวิตเคยมีพร้อมทุกอย่างและสูญสิ้นทุกอย่างเพราะโควิด เป็นโรคซึมเศร้าเคยคิดสั้น ใช้ใจเยียวยาจิตใจตัวเองจนดีขึ้น

วันนี้จะขอเล่าเหตุการณ์เลวร้ายเหมือนตายทั้งเป็นเพราะโควิดและวิธีเยียวยาสภาพจิตใจตัวเอง ชีวิตตั้งแต่เกิดมาไม่ค่อยขัดสนด้านการเงินเพราะครอบครัวคอยซัพพอร์ต เรียนจบปริญญาตรีที่บ้านก็เปิดร้านขายเสื้อผ้าให้ พอมีเงินเก็บเป็นของตัวเองก็เปิดร้านขายอาหารเพิ่ม ประสบความสำเร็จมีเงินเก็บหลักล้านตั้งแต่อายุ25ปี มีบ้านมีรถมีอนาคตที่สดใส อยากไปเที่ยวต่างประเทศก็ได้ไป และแต่งงานกับคนที่ครอบครัวอยากให้แต่งในช่วงอายุ29ปี มีลูกแฝดชายหญิง และขยับขยายธุรกิจการงาน แต่พอคลอดลูกได้ไม่นานก็เกิดโรคระบาดโควิด19 รายได้ลดลงรายจ่ายเพิ่มขึ้น จากมีเงินเก็บก็เริ่มขัดสน ประคับประคองร้านเรื่อยมาจนเงินหมดและเริ่มกู้ธนาคารมาลงทุน เครดิตดีธนาคารก็ปล่อยเต็มที่ ยังคงลงทุนค้าขายสู้กับโควิด จนกระทั่งมีคนป่วยโควิดมาเสียชีวิตไม่ไกลจากร้านขายอาหารของเราในช่วงนั้นคือระบาดหนักและคนเสียชีวิตเยอะมาก ไม่มีใครกล้ามาซื้อของ ต้องลงทุนแบบขาดทุนทุกวันจนหมดทุน ไม่มีเงินใช้หนี้ธนาคาร รถยนต์ที่เอาไปรีไฟแนนซ์ก็ปล่อยให้โดนยึดทั้ง2คัน เริ่มรู้ตัวว่าไม่ไหวต้องแบกรับหนี้สินมากมายตัดสินใจหย่าร้างกับสามี ลูกทั้งสองสามีพาไปอยู่กับปู่ย่า รอเวลาดีขึ้นค่อยกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เราก็ไปขายผักขายปลาตามตลาดนัด ได้วันละ300-400บาท เรื่องร้ายยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง พ่อเราก็มาเสียชีวิตกระทันหันจากอุบัติเหตุ ชีวิตพบแต่กับความเสียใจผิดหวัง ผ่านไปเดือนกว่าๆสามีก็มารับไปอยู่ด้วยกันที่บ้านพ่อแม่เขา จากชีวิตที่เคยมีพร้อมเคยมีคนนับหน้าถือตาคนเคยชื่นชมเรื่องประสบความสำเร็จ กลายเป็นคนที่ไม่เหลืออะไร เขาสอนให้ขับซาเล้งพ่วงข้างไปขายของ โดนครอบครัวสามีดูถูกสารพัด ด่าว่าเราพาลูกเขาล่มจม พาลูกเขาลำบาก ด่าว่าเรามาแต่ตัว ด่าต่ำๆเสียๆหายๆเวลาสามีไม่อยู่ กดดันทุกทางเพื่อให้เราไปพ้นจากชีวิตลูกเขา เราต้องทนอยู่แบบลำบากทั้งกายลำบากทั้งใจอดทนต่อไปเพื่อให้ได้อยู่กับลูก แต่สุดท้ายการพลัดพรากจากลูกอันเป็นที่รักก็มาถึง เราบันทึกเสียงที่เวลาแม่ของเขาด่าเราไปเปิดให้สามีฟังและเราชวนสามีไปเช่าห้องอยู่ไปเลี้ยงลูกตามมีตามเกิด ยังไงเราก็เลี้ยงได้เพราะเขาคือลูกของเรา สามีบอกไม่ไป เขาจะไม่พาลูกไปลำบากที่ไหนอย่างน้อยพ่อแม่เขาก็ดูแลลูกของเราได้ดีเพราะปู่ย่ารักหลานมาก  เราถูกกดดันทุกทางจนตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าออกมาพร้อมกับซาเล้ง 1คัน มาขออาศัยอยู่กับเพื่อนตอนออกมาเราเอาสร้อยทอง3บาทของลูกติดตัวมาด้วย ทองเป็นของแม่กับพี่เราเป็นคนซื้อรับขวัญตอนหลานเกิด เราเอาทองนั้นไปจำนำแล้วเอาเงินมาลงทุนทำวุ้นขายตามตลาดมันก็ไม่ได้กำไรมากมายพอกินไปวันๆ กลางคืนนอนร้องไห้คิดถึงลูก และแล้วความเครียดก็มาอีก หมายศาลจากการไม่ใช้หนี้ธนาคารก็ตามมา รวมๆหนี้สินทั้งหมดก็เกือบ2ล้าน ความเครียดสะสมกลายเป็นโรคแพนิกกลางดึก บางเวลาก็ซึมเศร้าเหมือนชีวิตไร้ค่าไร้ทางไป มองไปทางไหนก็มืดมนต์อ้างว้าง ญาติพี่น้องก็ซ้ำเติม ไปหาหมอได้ยารักษาแพนิกกับซึมเศร้ามา กินแล้วนอนอย่างเดียว ตื่นมาก็งงๆเบลอๆ สายตาฟ่าฟาง ไม่ได้ดีขึ้นเลย คิดถึงแต่ตอนที่ตัวเองประสบความสำเร็จ คิดถึงตอนมั่งมี คิดถึงตอนไปเที่ยวต่างประเทศ คิดถึงลูก คิดไปคิดมาก็คิดขึ้นได้ว่า ลูกก็คือลูกอย่างน้อยเขายังมีชีวิตที่ดีปู่ย่าป้าลุงเขาก็รักและเลี้ยงอย่างดี ส่วนชีวิตเราเกิดมาก็มาแต่ตัว ทุกคนมาแต่ตัวไปแต่ตัวเราจะเป็นทุกข์กับมันทำไม เราไม่ได้เจ๊งคนเดียว คนทั่วโลกได้รับผลกระทบ คนที่เขาทุกข์กว่าเรามีเยอะ เรายังมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง เราต้องทำงานให้หนักๆทำงานเยอะๆและเราต้องมีเป้าหมายในชีวิต เราต้องมีเงินฝากให้ลูก เราต้องได้ไปเที่ยวต่างประเทศอีก แรงบันดาลใจต่างๆเริ่มกลับมา เราก็นั่งคิดว่าเงินที่จำนำทองมาก็หลายหมื่น เราจะทำอะไรถึงจะเห็นผลกำไร ก็เลยลองทำอาหารทะเลดอง ขายตามตลาดผลตอบรับค่อนข้างดี 08.00-11.00น.เราไปรับจ้างทำความสะอาดคลีนิคทำฟันด้วย ขายของก็ขายตอนเย็น และก็ลองทำหมูย่างน้ำพริกปลาร้าขายตอนเช้า ผลตอบรับดีมาก เช้าขายหมูย่างน้ำพริกปลาร้า เย็นขายทะเลดอง เริ่มมีเงินเก็บก็ขยับขยายสาขา จ้างพี่ข้างห้องไปช่วยขาย พอมีเงินเก็บไปซื้อรถกระบะราคาแสนกว่าบาทมาขับขายของส่งลูกน้อง ในเวลาเกือบ1ปีเรามีร้าน4สาขา เรามีเพื่อนข้างร้านที่ดีเพื่อนกลุ่มนี้ต่างก็ผ่านมรสุมคล้ายๆกัน เรายังไปเจอลูกทุกวันอาทิตย์(พวกเขาไม่ต้อนรับสักเท่าไหร่) ลูกเรามีความสุขดีปู่ย่าพาไปเข้าโรงเรียนดีๆ สามีก็ดูแลลูกดีแต่เราไม่สามารถกลับไปอยู่กับเขาได้ พวกเขาให้เหตุผลว่า ประเพณีพวกเขาไม่เอาคนที่เดินออกมาเอง ประเพณีบ้าบอ(สามีลูกครึ่งจีนแขกผสมไทย) ไม่เป็นไร เขาไม่เอาเราเอง  และชีวิตเราก็ดีขึ้นมาบ้าง ทำงานจนลืมความเครียด ไม่กลัวอุปสรรคใดๆอีกแล้ว จะรุ่งหรือจะร่วงไม่มีผลต่อสภาพจิตใจเราเท่าไหร่แล้ว หนี้ธนาคารก็ใช้ไปตามความสามารถ ทุกข์จนขี้เกียจทุกข์ เรื่องร้ายอุปสรรคต่างๆไม่ค่อยกระทบกับสภาพจิตใจของเราเท่าไรเพราะเราทำใจให้ชินชากับมัน เป้าหมายเราคือทำงานเยอะๆ ออกกำลังกาย คิดสรรหาแต่เรื่องขยับขยาย ทำมาหาเก็บ ต่อใหัมีอุปสรรคอะไรเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นอีกก็ไม่สามารถทำลายชีวิตเราได้อีกแล้ว อาการซึมเศร้าตวามรู้สึกคิดสั้นมันตายไปจากเราแล้ว เราไม่จำเป็นต้องอายใครในตอนที่เราหมดตัว ความทุกข์ความเครียดมันเกิดจากใจเราเองเพราะฉนั้นเราต้องรักษาสุขภาพจิตใจด้วยใจเราเอง เป็นกำลังใจให้คนทีกำลังทุกข์กำลังท้อ ถ้าใจเราเข้มแข็งเรื่องร้ายๆมันจะผ่านไปเอง ตอนนี้เราไม่คาดหวังอะไรมากมายกับชีวิต  เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน

ปัจจุบันเราก็มีคนคบคนคุยคอยเป็นกำลังใจให้ แต่เราก็ไม่หวังอะไรมาก เพราะชีวิตเราผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านสุขผ่านทุกข์มามาก ต่อให้วันหนึงต้องผิดหวังเราก็เสียใจไม่นานเพราะชีวิตเราชินชากับความทุกข์ไปแล้ว แค่อยากมาเล่าเรื่องราวตัวเองเพื่อให้คนอ่านมีกำลังใจสู้ ชนะทุกอย่างด้วยใจตัวเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
อย่าลืมจดจำบทเรียนเก่านะครับ

พอธุรกิจเริ่มร่วง อย่าเอาเงินไปประคอง โดยเฉพาะเงินกู้ ต้องตัดจบแต่เนิ่นๆเลยครับ ธุรกิจไหนที่กำลังร่วงอย่าไปอุ้มเกิน สามเดือน หกเดือน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่