วาด้วยเหตุแห่งนามรูป.....

อัคคิเวสสนะ !  ก็กายนี้ (กรรมเก่าอันได้แล้ว) มีรูป ซึ่งประกอบด้วยมหาภูตสี่ (หรือว่า มหาภูตรูป) มีมารดาบิดา เป็นแดนเกิด เจริญขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสด ทั้งที่มีการขัดสีนวดฟั้นอยู่ก็ยังมีการแตกสลายกระจัดกระจายเพราะความไม่เที่ยงนั่นเองเป็นธรรมดา 
อันบุคคลควรตามเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ เป็นดังผู้อื่น เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตนอยู่. 

เมื่อบุคคคลนั้น ตามเห็นอยู่ซึ่งกายนี้โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ เป็นดังผู้อื่น เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของซึ่งไม่ใช่ตน, ความพอใจในกาย ความสิเนหาในกาย ความตกอยู่ในอำนาจของกาย ที่มีอยู่ภายในกาย เขาย่อมละเสียได้.  

อัคคิเวสสนะ !  เวทนามีสามอย่างเหล่านี้.  สามอย่างเหล่าไหนเล่า ?  สามอย่างคือ  สุขเวทนา  ทุกขเวทนา  และอทุกขมสุขเวทนา. 
อัคคิเวสสนะ !  สมัยใด เสวยสุขเวทนาอยู่  สมัยนั้น  ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา  และไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา  สมัยนั้น  ได้เสวยแต่สุขเวทนาอย่างเดียว. 
อัคคิเวสสนะ !  สมัยใด เสวยทุกขเวทนาอยู่  สมัยนั้น  ไม่ได้เสวยสุขเวทนา  และไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา  สมัยนั้น  ได้เสวยแต่ทุกขเวทนาอย่างเดียว. 
อัคคิเวสสนะ !  สมัยใด  เสวยอทุกขมสุขเวทนาอยู่  สมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา และไม่ได้เสวยทุกขเวทนา  สมัยนั้น ได้เสวยแต่อทุกขมสุขเวทนาอย่างเดียว. 
อัคคิเวสสนะ !  สุขเวทนา  เป็นของไม่เที่ยง  อันปัจจัยปรุงแต่งแล้วอาศัยเหตุเกิดขึ้นแล้ว  มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา  มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดามีความจางคลายไปเป็นธรรมดา  มีความดับเป็นธรรมดา.  
อัคคิเวสสนะ !  แม้ทุกขเวทนา  ก็เป็นของไม่เที่ยง  อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว  อาศัยเหตุเกิดขึ้นแล้วมีความสิ้นไปเป็นธรรมดา  มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา  มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา  มีความดับเป็นธรรมดา.  
อัคคิเวสสนะ !  แม้ อทุกขมสุขเวทนา  เล่า  ก็เป็นของไม่เที่ยง  อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว  อาศัยเหตุเกิดขึ้นแล้วมีความสิ้นไปเป็นธรรมดา  มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา  มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา  มีความดับเป็นธรรมดา  แล. 

ป.ล.เป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนซึ่งไร้ความหมายแห่งความเป็นตัวตนของตนนั่นเอง)
 .....

อัคคิเวสสนะ !  อริยสาวกผู้มีการสดับ เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสุขเวทนา แม้ในทุกขเวทนา แม้ในอทุกขมสุขเวทนา ; เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด ; เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น ; เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว. 
อริยสาวกนั้น ย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอย่างอื่นที่จะต้องทำ เพื่อความหลุดพ้นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้.  

อัคคิเวสสนะ !  ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล .....ฯลฯ (ซึ่งเป็นเช่นนั้นเอง).
-ทีฆนขสูตร ที่ ๔. - ม.ม. ๑๓/๒๖๖-๒๖๗/๒๗๒-๒๗๓.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่