หลายเมืองทั่วโลกเตรียมฉลองนับถอยหลังสู่ปี 2023 อีกหลายเมืองยังเงียบ
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3751477
นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เริ่มมีการจุดดอกไม้ไฟส่งท้ายปี 2022 ก่อนการเฉลิมฉลองเข้าสู่ศักราชใหม่
จะเริ่มต้นขึ้นในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้าของนครซิดนีย์ ที่เป็นเมืองใหญ่ของโลกเมืองแรกที่เข้าสู่ปี 2023 (เอเอฟพี)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมว่า หลายเมืองใหญ่ทั่วโลกเตรียมตัวจัดฉลองนับถอยหลังส่งท้ายปี 2022 เข้าสู่ปี 2023 เริ่มที่ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ของโลกเมืองแรกที่จะเข้าสู่ปี 2023 ที่จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส แต่อีกหลายเมืองในโลกอย่าง กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย และในประเทศจีน ยังไม่กลับมาจัดงานเฉลิมฉลองอย่างคึกคักดังเช่นก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นาย
โคลเวอร์ มัวร์ นายกเทศมนตรีนครซิดนีย์ กล่าวถึงการจัดงานส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่นี้ว่า “
ในวันปีใหม่ของปีนี้ เราขอบอกว่าซิดนีย์ได้กลับมาแล้ว โดยเราจะเริ่มการจัดงานเฉลิมฉลองที่จะมีขึ้นทั่วโลก ต้อนรับปีใหม่ด้วยความครึกครึ้น” ในการเฉลิมฉลองการเข้าสู่ปี 2023 อ่าวซิดนีย์ฮาร์เบอร์ จะถูกประดับไปด้วยไฟสีรุ้ง อีกทั้งจะมีการจุดดอกไม้ไฟจำนวน 7 พันดอก บนสะพานซิดนีย์ ฮาร์เบอร์ โดยจะมีการยิงดอกไม้ไฟในหลายตำแหน่งของสะพานเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนๆ และจะมีการจุดดอกไม้ไฟอีก 2 พันดอกที่บริเวณโรงอุปรากรซิดนีย์ หรือรู้จักกันในชื่อของ ซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์
ยิ่งไปกว่านั้น เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ที่จะมีการยิงดอกไม้ไฟจากชั้นบนสุดของอาคาร จำนวน 4 หลังเพื่อสร้างความสวยงามให้กับท้องฟ้าของนครซิดนีย์ เพื่อฉลองการเข้าสู่ปี 2023
ในกรุงปารีส จะมีการยิงดอกไม้ไฟต้อนรับการเข้าสู่ปีใหม่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019 หลังการแสดงดอกไม้ไฟถูกยกเลิกในปี 2020 และปี 2021 จากการแพร่ระบาดของโควิด โดยจะมีการจุดดอกไม้ไฟเป็นระยะเวลา 10 นาทีเมื่อเวลาเที่ยงคืน และคาดว่าจะมีประชาชนราว 5 แสนคนมารวมตัวกันที่ถนนณองส์ เอลิเซส์ กลางกรุงปารีส เพื่อชมการแสดงดอกไม้ไฟอันตระการตาดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ในอีกหลายเมืองของโลกยังคงไม่มีการเฉลิมฉลองในบรรยากาศที่ครึกครึ้น อาทิ รัฐบาลมาเลเซียได้ยกเลิกกิจกรรมนับถอยหลังเข้าสู่ปี 2023 และยกเลิกการจุดดอกไม้ไฟที่จตุรัสเมอร์เดก้า ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ หลังประเทศมาเลเซียเพิ่งเผชิญกับน้ำท่วมหนัก ทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพ และดินถล่ม จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 31 รายในเดือนธันวาคม ส่วนตึกแฝดปิโตรนาส สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศ ประกาศว่าจะลดการจัดเฉลิมฉลอง และจะไม่มีการจัดการแสดง หรือจุดพลุ แต่อย่างใด
ในประเทศจีน บรรยากาศของการเฉลิมฉลองก็ต้องถูกขัดจังหวะจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด ชาวจีนหลายคนได้ออกมาแสดงความไม่พอใจผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย ที่ไม่สามารถฉลองการเข้าสู่ปีใหม่ได้เพราะโควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนัก ส่วนอีกหลายคนกล่าวขอพรปีใหม่ให้ในปี 2023 ชาวจีนจะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็นเมื่อครั้งก่อนที่จะมีการระบาดของโควิด-19
ส่วนหลายเมืองในประเทศโครเอเชีย รวมถึงกรุงซาเกร็บ เมืองหลวงของประเทศ ได้ยกเลิกการจุดพลุฉลองปีใหม่ หลังบรรดาคนรักสัตว์ ออกมาเตือนถึงผลกระทบทางเสียง และควันจากการจุดดอกไม้ไฟ ที่จะมีต่อคนและสัตว์ พร้อมกับเรียกร้องให้มีการเฉลิมฉลองที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
อดีตเลขาฯสมช. ชี้ปีใหม่ ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ยกบิ๊กป๊อกไม่ไปต่อ สัญญาณเตือนอีก 2 ป.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3751189
อดีตเลขาฯสมช. ชี้ปีใหม่ ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ยกบิ๊กป๊อกไม่ไปต่อ สัญญาณเตือนอีก 2 ป.
เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พล.ท.
ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองว่า ปีใหม่ปิดเกมนายกฯสืบทอดอำนาจ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า หนึ่งใน 3 ป. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) ได้กล่าวว่า ตัวเองอายุเยอะแล้วพร้อมย้ำว่า ”
ผมไม่ไปอยู่แล้วการเมือง อนาคตนายกฯเป็นคนไหนก็ไม่ทราบเราก็ไม่รู้” คำพูดนี้เสมือนคำเตือนส่งไปยังอีก 2 ป. คือ พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.
ประยุทธ์ ว่า เหล่า 3ป.ถึงเวลาลงจากอำนาจกันได้แล้ว เพราะที่หาเสียงคุยโวไว้ว่าความสงบจบที่ลุงตู่มันกลับแปรเปลี่ยนไปจบที่ความบัดซบแทน จนสื่อทำเนียบฯโหวตฉายารัฐบาลว่า”
หน้ากากคนดี” ส่วนตัวนายกฯสืบทอดอำนาจ8ปีก็ได้รับฉายาว่า”
แปดเปื้อน”
ซึ่งคำเตือนดังกล่าวยังแปลความแสดงถึงนัยสำคัญที่ซ่อนไว้อีกประการหนี่งด้วย ว่าภูมิคุ้มกันกำแพงเหล็กของนายกฯสืบทอดอำนาจกำลังจางหายจากเขาแล้ว มท.1 ป.ที่ 2 น้องกลางเป็นนกรู้จมูกไวรับรู้สัญญาณ จึงส่งคำเตือนออกมานอกจอเพื่อเตือนสติให้กันและกัน ถ้านายกฯสืบทอดอำนาจจะดันทุรังไปร่วมกับพรรคการเมืองใหม่ที่มีหัวหน้าพรรคเป็นอดีตผู้พิพากษาคดีความแต่แคนดิเดตนายกฯของพรรคดันเป็นคนยึดอำนาจทำผิดกฎหมายเสียเอง มันช่างย้อนแย้งดิสเครดิตกันเองสอดรับกับฉายาที่สื่อทำเนียบตั้งให้ แบบนี้ประชาชนคิดตัดสินใจง่ายว่าจะเลือกใครในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า การเมืองปีใหม่นี้จึงเป็นปีของการเปลี่ยนใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ ผลการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะจบลงด้วยผลชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ของพรรคการเมืองปีกประชาธิปไตยอย่างที่พี่น้องประชาชนคาดหวัง
“อนุสรณ์” ชี้ ของขวัญปีใหม่รบ.แค่หาเสียงล่วงหน้า
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_475081/
“อนุสรณ์” ชี้ ของขวัญปีใหม่รบ.แค่หาเสียงล่วงหน้า จี้ยุบสภาให้ประชาชนเลือกรัฐบาลใหม่
นาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี รัฐบาลออกมาตรการแจกของขวัญปีใหม่ 2566 ว่า ถ้ารัฐบาลพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะหวังแจกของขวัญปีใหม่ เพื่อหาเสียงล่วงหน้ามัดจำกับประชาชน คงไม่มีใครตื่นเต้นอะไรด้วย แทนที่จะแจกแล้วปัง กลับแป๊ก
หลายมาตรการยิ่งแจกบ่อย ยิ่งน้อยลง ไม่เกิดประโยชน์ ประชาชนอ่านเจตนาออกว่ารัฐบาลหว่านพืชย่อมหวังผล ลงทุนย่อมหวังกำไร เมื่อมุกแจกของขวัญปีใหม่แป๊ก พล.อ.
ประยุทธ์ ควรรับสภาพ นโยบายรัฐบาลนอกจากจะทำไม่ได้ ยังไม่พยายามทำ การปฏิรูปการเมืองเป็นเพียงวาทกรรมลวง ขาดความจริงใจ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ นอกจากจะไม่เกิดขึ้นจริง 3 ป.มาด้วยกันแท้ๆ ยังแตกกระสานซ่านเซ็น
กระเด็นกระดอนกันไปคนละทิศละทาง เรือแป๊ะที่ว่าแกร่ง สนิมเนื้อในกัดกินจนผุกร่อน 8ปีที่สูญเปล่า พล.อ.
ประยุทธ์ อย่าโกรธสื่อมวลชนที่ตั้งฉายาแปดเปื้อนให้เลย เพราะถ้าไม่เกรงใจจะหนักกว่านั้น ข้าราชการเกียร์ว่าง ส.ส.เหลือบางตา แห่ลาออกยังกับใบไม้ร่วง พรรคการเมืองของ 3 ป.ตักปลาในบ่อพวกเดียวกันแบบไม่เกรงใจกัน เวลาที่เหลือเจอหน้าในครม.ยังมองหน้ากันได้หรือไม่
ทั้งนี้ประชาชนคงไม่ขอ และไม่อยากได้ของขวัญปีใหม่อะไรจากพล.อ.ประยุทธ์แล้ว นอกจากให้ยุบสภา ถอยออกไป เปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกตั้ง ให้ได้รัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชน
ลูกค้ารายย่อย “กู้แพงขึ้น” หลัง 4แบงก์ใหญ่ขึ้นดอกตั้งแต่ 1ม.ค.2566
https://www.thansettakij.com/finance/551855
4ธนาคารใหญ่พร้อมใจขึ้นดอกเบี้ยอัตรา 0.40% ส่งผลดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีหรือMRR ค่ายไหนอัตราเท่าไร “ไทยพาณิชย์” ขยับ เป็น 6.52%ต่อปี “กรุงไทย” 6.77%ต่อปี “กรุงศรี” 6.65%ต่อปี “กสิกรไทย” 6.50%ต่อปี
จากกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ (Policy Normalization) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและชัดเจนขึ้น โดยธปท.ประกาศปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ให้กลับเข้าสู่อัตราปกติที่ 0.46% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566
จากที่ประกาศปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือ 0.23%ต่อปี เพื่อลดต้นทุนสถาบันการเงิน ให้ส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังภาคธุรกิจและภาคประชาชน โดยธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทลง 0.40% ไปแล้วก่อนหน้านี้
ส่งผลให้ธนาคารจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ในอัตรา 0.40% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
นำโดยธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)ได้ประกาศขึ้นอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา 0.40% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 โดยรายละเอียดเงินกู้ ประกอบด้วย
-อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เป็น 6.15% ต่อปี
-อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) เป็น 6.745% ต่อปี
-และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) เป็น 6.52% ต่อปี
ตามมาด้วย ธนาคารกรุงไทย(KTB)ขยับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้
-ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เท่ากับ 6.15% ต่อปี
-ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) เท่ากับ 6.72%ต่อปี และ
-อัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย (MRR) 6.77% ต่อปี
ถัดมาคือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา 0.40% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
-ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) เพิ่มขึ้น 0.40% เป็น 6.48%
-ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) เพิ่มขึ้น 0.40% เป็น 6.725%
-สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) เพิ่มขึ้น 0.40% เป็น 6.65%
และ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีผล 3 ม.ค.2566 ดังต่อไปนี้
-อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับเพิ่ม 40 % จาก 5.97% เป็น 6.37%
-อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับเพิ่ม 40% จาก 6.34% เป็น 6.74%
-อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับเพิ่ม 40% จาก 6.10% เป็น 6.50%
JJNY : 5in1 เตรียมฉลองนับถอยหลัง│ชี้ปีใหม่ สัญญาณเตือน│“อนุสรณ์”ชี้แค่หาเสียง│รายย่อย“กู้แพงขึ้น”│ดัชนีนิติรัฐยังคงต่ำ
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3751477
นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เริ่มมีการจุดดอกไม้ไฟส่งท้ายปี 2022 ก่อนการเฉลิมฉลองเข้าสู่ศักราชใหม่
จะเริ่มต้นขึ้นในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้าของนครซิดนีย์ ที่เป็นเมืองใหญ่ของโลกเมืองแรกที่เข้าสู่ปี 2023 (เอเอฟพี)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมว่า หลายเมืองใหญ่ทั่วโลกเตรียมตัวจัดฉลองนับถอยหลังส่งท้ายปี 2022 เข้าสู่ปี 2023 เริ่มที่ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ของโลกเมืองแรกที่จะเข้าสู่ปี 2023 ที่จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส แต่อีกหลายเมืองในโลกอย่าง กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย และในประเทศจีน ยังไม่กลับมาจัดงานเฉลิมฉลองอย่างคึกคักดังเช่นก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นายโคลเวอร์ มัวร์ นายกเทศมนตรีนครซิดนีย์ กล่าวถึงการจัดงานส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่นี้ว่า “ในวันปีใหม่ของปีนี้ เราขอบอกว่าซิดนีย์ได้กลับมาแล้ว โดยเราจะเริ่มการจัดงานเฉลิมฉลองที่จะมีขึ้นทั่วโลก ต้อนรับปีใหม่ด้วยความครึกครึ้น” ในการเฉลิมฉลองการเข้าสู่ปี 2023 อ่าวซิดนีย์ฮาร์เบอร์ จะถูกประดับไปด้วยไฟสีรุ้ง อีกทั้งจะมีการจุดดอกไม้ไฟจำนวน 7 พันดอก บนสะพานซิดนีย์ ฮาร์เบอร์ โดยจะมีการยิงดอกไม้ไฟในหลายตำแหน่งของสะพานเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนๆ และจะมีการจุดดอกไม้ไฟอีก 2 พันดอกที่บริเวณโรงอุปรากรซิดนีย์ หรือรู้จักกันในชื่อของ ซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์
ยิ่งไปกว่านั้น เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ที่จะมีการยิงดอกไม้ไฟจากชั้นบนสุดของอาคาร จำนวน 4 หลังเพื่อสร้างความสวยงามให้กับท้องฟ้าของนครซิดนีย์ เพื่อฉลองการเข้าสู่ปี 2023
ในกรุงปารีส จะมีการยิงดอกไม้ไฟต้อนรับการเข้าสู่ปีใหม่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019 หลังการแสดงดอกไม้ไฟถูกยกเลิกในปี 2020 และปี 2021 จากการแพร่ระบาดของโควิด โดยจะมีการจุดดอกไม้ไฟเป็นระยะเวลา 10 นาทีเมื่อเวลาเที่ยงคืน และคาดว่าจะมีประชาชนราว 5 แสนคนมารวมตัวกันที่ถนนณองส์ เอลิเซส์ กลางกรุงปารีส เพื่อชมการแสดงดอกไม้ไฟอันตระการตาดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ในอีกหลายเมืองของโลกยังคงไม่มีการเฉลิมฉลองในบรรยากาศที่ครึกครึ้น อาทิ รัฐบาลมาเลเซียได้ยกเลิกกิจกรรมนับถอยหลังเข้าสู่ปี 2023 และยกเลิกการจุดดอกไม้ไฟที่จตุรัสเมอร์เดก้า ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ หลังประเทศมาเลเซียเพิ่งเผชิญกับน้ำท่วมหนัก ทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพ และดินถล่ม จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 31 รายในเดือนธันวาคม ส่วนตึกแฝดปิโตรนาส สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศ ประกาศว่าจะลดการจัดเฉลิมฉลอง และจะไม่มีการจัดการแสดง หรือจุดพลุ แต่อย่างใด
ในประเทศจีน บรรยากาศของการเฉลิมฉลองก็ต้องถูกขัดจังหวะจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด ชาวจีนหลายคนได้ออกมาแสดงความไม่พอใจผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย ที่ไม่สามารถฉลองการเข้าสู่ปีใหม่ได้เพราะโควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนัก ส่วนอีกหลายคนกล่าวขอพรปีใหม่ให้ในปี 2023 ชาวจีนจะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็นเมื่อครั้งก่อนที่จะมีการระบาดของโควิด-19
ส่วนหลายเมืองในประเทศโครเอเชีย รวมถึงกรุงซาเกร็บ เมืองหลวงของประเทศ ได้ยกเลิกการจุดพลุฉลองปีใหม่ หลังบรรดาคนรักสัตว์ ออกมาเตือนถึงผลกระทบทางเสียง และควันจากการจุดดอกไม้ไฟ ที่จะมีต่อคนและสัตว์ พร้อมกับเรียกร้องให้มีการเฉลิมฉลองที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
อดีตเลขาฯสมช. ชี้ปีใหม่ ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ยกบิ๊กป๊อกไม่ไปต่อ สัญญาณเตือนอีก 2 ป.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3751189
อดีตเลขาฯสมช. ชี้ปีใหม่ ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ยกบิ๊กป๊อกไม่ไปต่อ สัญญาณเตือนอีก 2 ป.
เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองว่า ปีใหม่ปิดเกมนายกฯสืบทอดอำนาจ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า หนึ่งใน 3 ป. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) ได้กล่าวว่า ตัวเองอายุเยอะแล้วพร้อมย้ำว่า ”ผมไม่ไปอยู่แล้วการเมือง อนาคตนายกฯเป็นคนไหนก็ไม่ทราบเราก็ไม่รู้” คำพูดนี้เสมือนคำเตือนส่งไปยังอีก 2 ป. คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เหล่า 3ป.ถึงเวลาลงจากอำนาจกันได้แล้ว เพราะที่หาเสียงคุยโวไว้ว่าความสงบจบที่ลุงตู่มันกลับแปรเปลี่ยนไปจบที่ความบัดซบแทน จนสื่อทำเนียบฯโหวตฉายารัฐบาลว่า”หน้ากากคนดี” ส่วนตัวนายกฯสืบทอดอำนาจ8ปีก็ได้รับฉายาว่า”แปดเปื้อน”
ซึ่งคำเตือนดังกล่าวยังแปลความแสดงถึงนัยสำคัญที่ซ่อนไว้อีกประการหนี่งด้วย ว่าภูมิคุ้มกันกำแพงเหล็กของนายกฯสืบทอดอำนาจกำลังจางหายจากเขาแล้ว มท.1 ป.ที่ 2 น้องกลางเป็นนกรู้จมูกไวรับรู้สัญญาณ จึงส่งคำเตือนออกมานอกจอเพื่อเตือนสติให้กันและกัน ถ้านายกฯสืบทอดอำนาจจะดันทุรังไปร่วมกับพรรคการเมืองใหม่ที่มีหัวหน้าพรรคเป็นอดีตผู้พิพากษาคดีความแต่แคนดิเดตนายกฯของพรรคดันเป็นคนยึดอำนาจทำผิดกฎหมายเสียเอง มันช่างย้อนแย้งดิสเครดิตกันเองสอดรับกับฉายาที่สื่อทำเนียบตั้งให้ แบบนี้ประชาชนคิดตัดสินใจง่ายว่าจะเลือกใครในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า การเมืองปีใหม่นี้จึงเป็นปีของการเปลี่ยนใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ ผลการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะจบลงด้วยผลชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ของพรรคการเมืองปีกประชาธิปไตยอย่างที่พี่น้องประชาชนคาดหวัง
“อนุสรณ์” ชี้ ของขวัญปีใหม่รบ.แค่หาเสียงล่วงหน้า
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_475081/
“อนุสรณ์” ชี้ ของขวัญปีใหม่รบ.แค่หาเสียงล่วงหน้า จี้ยุบสภาให้ประชาชนเลือกรัฐบาลใหม่
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี รัฐบาลออกมาตรการแจกของขวัญปีใหม่ 2566 ว่า ถ้ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะหวังแจกของขวัญปีใหม่ เพื่อหาเสียงล่วงหน้ามัดจำกับประชาชน คงไม่มีใครตื่นเต้นอะไรด้วย แทนที่จะแจกแล้วปัง กลับแป๊ก
หลายมาตรการยิ่งแจกบ่อย ยิ่งน้อยลง ไม่เกิดประโยชน์ ประชาชนอ่านเจตนาออกว่ารัฐบาลหว่านพืชย่อมหวังผล ลงทุนย่อมหวังกำไร เมื่อมุกแจกของขวัญปีใหม่แป๊ก พล.อ.ประยุทธ์ ควรรับสภาพ นโยบายรัฐบาลนอกจากจะทำไม่ได้ ยังไม่พยายามทำ การปฏิรูปการเมืองเป็นเพียงวาทกรรมลวง ขาดความจริงใจ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ นอกจากจะไม่เกิดขึ้นจริง 3 ป.มาด้วยกันแท้ๆ ยังแตกกระสานซ่านเซ็น
กระเด็นกระดอนกันไปคนละทิศละทาง เรือแป๊ะที่ว่าแกร่ง สนิมเนื้อในกัดกินจนผุกร่อน 8ปีที่สูญเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ อย่าโกรธสื่อมวลชนที่ตั้งฉายาแปดเปื้อนให้เลย เพราะถ้าไม่เกรงใจจะหนักกว่านั้น ข้าราชการเกียร์ว่าง ส.ส.เหลือบางตา แห่ลาออกยังกับใบไม้ร่วง พรรคการเมืองของ 3 ป.ตักปลาในบ่อพวกเดียวกันแบบไม่เกรงใจกัน เวลาที่เหลือเจอหน้าในครม.ยังมองหน้ากันได้หรือไม่
ทั้งนี้ประชาชนคงไม่ขอ และไม่อยากได้ของขวัญปีใหม่อะไรจากพล.อ.ประยุทธ์แล้ว นอกจากให้ยุบสภา ถอยออกไป เปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกตั้ง ให้ได้รัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชน
ลูกค้ารายย่อย “กู้แพงขึ้น” หลัง 4แบงก์ใหญ่ขึ้นดอกตั้งแต่ 1ม.ค.2566
https://www.thansettakij.com/finance/551855
4ธนาคารใหญ่พร้อมใจขึ้นดอกเบี้ยอัตรา 0.40% ส่งผลดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีหรือMRR ค่ายไหนอัตราเท่าไร “ไทยพาณิชย์” ขยับ เป็น 6.52%ต่อปี “กรุงไทย” 6.77%ต่อปี “กรุงศรี” 6.65%ต่อปี “กสิกรไทย” 6.50%ต่อปี
จากกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ (Policy Normalization) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและชัดเจนขึ้น โดยธปท.ประกาศปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ให้กลับเข้าสู่อัตราปกติที่ 0.46% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566
จากที่ประกาศปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือ 0.23%ต่อปี เพื่อลดต้นทุนสถาบันการเงิน ให้ส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังภาคธุรกิจและภาคประชาชน โดยธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทลง 0.40% ไปแล้วก่อนหน้านี้
ส่งผลให้ธนาคารจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ในอัตรา 0.40% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
นำโดยธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)ได้ประกาศขึ้นอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา 0.40% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 โดยรายละเอียดเงินกู้ ประกอบด้วย
-อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เป็น 6.15% ต่อปี
-อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) เป็น 6.745% ต่อปี
-และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) เป็น 6.52% ต่อปี
ตามมาด้วย ธนาคารกรุงไทย(KTB)ขยับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้
-ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เท่ากับ 6.15% ต่อปี
-ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) เท่ากับ 6.72%ต่อปี และ
-อัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย (MRR) 6.77% ต่อปี
ถัดมาคือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา 0.40% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
-ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) เพิ่มขึ้น 0.40% เป็น 6.48%
-ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) เพิ่มขึ้น 0.40% เป็น 6.725%
-สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) เพิ่มขึ้น 0.40% เป็น 6.65%
และ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีผล 3 ม.ค.2566 ดังต่อไปนี้
-อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับเพิ่ม 40 % จาก 5.97% เป็น 6.37%
-อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับเพิ่ม 40% จาก 6.34% เป็น 6.74%
-อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับเพิ่ม 40% จาก 6.10% เป็น 6.50%