กระทู้สิ้นปี๒๕๖๕ ฝ่าโควิด
ทุกคนล้วนแต่ต้องเผชิญเชื้อโรคที่ลอยอยู่ในอากาศจนต้องใส่หน้ากากจนถือเป็นเรื่องปกติไปทั่วโลก
ส่วนหนึ่งเดียวคนนี้เจอกับการแพ้วัคซีนไฟเซ่อร์เข็มสามใช้เวลาฤทธิ์วัคซีนสลาย11 เดือนพอดี รอดความระทึกจากการเต้นหัวใจเกิน200bpm มาหลายครั้ง พระเจ้ายังไม่ได้มารับไป ด้วยต้องตั้งกระทู้นี้ก่อนก็เป็นได้
อาจมีคนอ่านนึกในใจว่า มันน่าจะตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
ยโสโมหังดันทุรังอคติอัปเปหิวินาสสันติมิอินังทุกขะฐานัง อะโหสิกัมมัง
อะไรก็เกิดขึ้นได้..
และที่เกิดขี้นมาแล้วคืออะไร?
เขาว่ากันว่าคนเราตอนป่วยมีเวลาสดับความคิดที่ล่วงเลยมาแล้ว ทั้งวจีกรรม อักษรกรรม ในสื่อทางเน็ตมากน้อยก็ลองอ่านดู
ในนามของนักเขียนคนหนึ่งที่รวบรวมเรื่องในรอบปีนี้เป็นข้อเขียนทั่วไปที่ไม่ต้องไปตามล่าหาความจริงที่อาจบิดเบือนมา
สร้างเป็นอักษรก็ย่อมได้
ทุกครั้งที่นึกและเขียนสู่สาธารณะของคนเรา ในโลกใบน้อยที่แคบอันมีชื่อว่าห้องนักเขียน เราอยู่อย่างอบอุ่นบางครา ลุ่มๆดอนๆบางครั้ง และร้อนรนเป็นบางโอกาส
ทุกอักษรที่เขียนมานำพาวินาศสันตะโรมาด้วยไม่มากนัก แค่สัมพันธ์ ขาดสะบั้นแค่นั้นเอง
ที่สุดในความนึกของคนใกล้ตายมักจะทบทวนสิ่งที่ฝังอยู่ในใจคงเป็นเช่นนั้นจริงแท้ เขียนก่อนตายเสียดายถ้าไม่ได้เขียนก็ยังมีคนพูดไว้
วันหนึ่งได้อ่านข้อความคนที่ได้เสียชีวิตไปแล้วก็ยังอดคิดถึงไม่ได้ คุณเจียวต้าย คือคนที่พูดถึง คุณเจียวต้ายมีผลงานเขียนไว้มากมาย
เรามิได้ชำนาญในการเขียนจนตีพิมพ์เป็นเล่มขนาดนั้น หากแต่เราเขียนเพราะมีจุดกระตุ้นให้ต้องเขียนๆแล้วเลยติดพัน ท้ายสุดก็คือมีเรื่องคำที่ว่า..
นักเรียนนอก!
อ้าว..พูดเพราะเหยียด..เยาะเย้ย.. หมั่นไส้ หรือไฉน?
แน่นอนเป็นอักษรจากการไม่พอใจ ที่แสดงออกมาอย่างให้ได้รับรู้ รู้แล้วก็ลำดับว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง..ไม่ได้ต่อคำพูดว่า..
นักเรียนนอกแล้วไง?
มันคงยาวยืดเยื้อไปอีก จะเสียเวลาว่าไร้สาระมั้ย?
มีนะมีคนหลังไมค์มาบอกว่า.. เรื้องไร้สาระ คงบอกเพราะอ่าน นิยาย 'หักศรกามเทพ' ไป
ตามจรรยาบรรณนักเขียน ย่อมต้องไม่ตอบโต้นักอ่านของเรา จะเพราะอะไรไปนึกดูว่า มีคำพูดถูกต้องแล้วว่า..
จะเอาอะไรกับนิยาย..
แต่.. พึงเฉลียวคิดสักนิดว่า คนที่อุตส่าห์บอกกลับมานั้นเป็นใคร คนชั้นไหนควรเงี่ยหูฟังเอาไปปรับปรุงหรือเปล่า มิใช่เอามาบ่นด้วยความรังเกียจ หรือลำพองใจว่า การเขียนของข้าประเสริฐสุดแล้ว
นักเขียนๆได้สารพัดจะดีเลวใส่นิสัยในตัวละครที่สร้างขึ้นมาเองได้ เหตุไฉนไม่สร้างภาพพจน์ตัวผู้เขียนให้สวยงามเป็นที่น่าชื่นชมเลื่อมใสของผู้อ่าน ปานดาราเล่า..
หรือว่าเป็นผู้ที่ยอมรับความจริงไม่ได้ แรงดันของนิสัยแท้จริงตีขึ้นจนเสียกริยาปานนั้น
ผู้ไม่พร้อมในด้านการแสดงบทนักเขียนอยู่ เป็นความจริงเกิดกับนักเขียนอีกหนึ่งผู้ล่วงลับไปแล้วที่มีโมหจริตครอบงำจนเสียศูนย์ และเสียอีกหลายอย่างตามมา..
การใช้คำพูดเชิงยั่วยุ เพื่อสร้างตัวละครในนิยายก็ทำมาแล้ว เปรียบเสมือนดาราที่ว่าถ้าเก่งต้องเล่นได้ทุกบท นั่นมันเป็นคำพูดใครก็ไม่รู้ ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม นึกได้ เขียนไม่ได้เพราะเป็นผู้ดีเกินเขียนก็ไม่ควรทำ
เช่นบทคนกร่างกับกุ๊ย..
" มืงรู้มั้ยว่ากูลูกใคร?"
" ต้องไปถามแม่มืงนะว่า ไปนอนกะใครมามืงจึงเกิด"
ไม่ต้องเดาว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร แค่คำพูดไม่กี่คำ พูดแบบนี้คนพูด' ฎิบหาย' แน่นอน
อย่าว่าแต่คำพูดแค่นั้น พูดออกมาแค่ประโยคว่า.
...."บ้าหรือเปล่า?"
หยุดสนิท.. ทุกอย่างหยุดบัดดลจากเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา โถ..ไม่ต้องต่อความบอกกล่าวอะไรกันอีกต่อไป
เมื่อนักเขียนได้เสวนากับนักอ่าน ใครจะไปนึกว่า มันคุยอะไรกันนัก เป็นสี่ห้าปี คุยกันแทบทุกวันราว 300 วันในหนึ่งปี กี่ชั่วโมง กี่ล้านกี่แสนอักษรที่ส่งถึงกัน เปรียบไปก็คล้ายลมปากที่สูญสลายไปในอากาศ จับต้องไม่ได้
เหตุต้องมีจึงมีเหตุและผล
ด้วยคำพูดอันฉกาจฉกรรจ์ว่า
" อย่าล้ำเส้นก็แล้วกัน"
" อพิโธ่เอ๋ย..คนชนิดไหนคุยกันเป็นขวบปีไม่เคยเห็นหน้า ทั้งหวานเป็นลมก็ไม่ปานในคำพูด
...ขอบคุณพันทิป ขอบคุณอะไรก็ได้ที่ทำให้เรามาพบกัน.....#&€£¥
ถ้าอยากประชิดคงล้ำเส้นไปนานแล้ว ไม่รอดกฎเกณฑ์อารมณ์ต่างๆของมนุษย์หรอก
เพราะการคบไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์สเป็คในสมอง เส้นที่ว่าไม่ควรข้ามเป็นอันขาด น่าจะมีเส้นเดียวกระมัง ที่เรียกว่า
"
สองสลึง!"
เกียรติยศย่อมเกิดจากการกระทำที่สุจริต
'พลอยแดง'
🎭🐉💟 ภาพลวงตา...ภาษาลวงใจ 💟🐉🎭.
ทุกคนล้วนแต่ต้องเผชิญเชื้อโรคที่ลอยอยู่ในอากาศจนต้องใส่หน้ากากจนถือเป็นเรื่องปกติไปทั่วโลก
ส่วนหนึ่งเดียวคนนี้เจอกับการแพ้วัคซีนไฟเซ่อร์เข็มสามใช้เวลาฤทธิ์วัคซีนสลาย11 เดือนพอดี รอดความระทึกจากการเต้นหัวใจเกิน200bpm มาหลายครั้ง พระเจ้ายังไม่ได้มารับไป ด้วยต้องตั้งกระทู้นี้ก่อนก็เป็นได้
อาจมีคนอ่านนึกในใจว่า มันน่าจะตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
ยโสโมหังดันทุรังอคติอัปเปหิวินาสสันติมิอินังทุกขะฐานัง อะโหสิกัมมัง
อะไรก็เกิดขึ้นได้..
และที่เกิดขี้นมาแล้วคืออะไร?
เขาว่ากันว่าคนเราตอนป่วยมีเวลาสดับความคิดที่ล่วงเลยมาแล้ว ทั้งวจีกรรม อักษรกรรม ในสื่อทางเน็ตมากน้อยก็ลองอ่านดู
ในนามของนักเขียนคนหนึ่งที่รวบรวมเรื่องในรอบปีนี้เป็นข้อเขียนทั่วไปที่ไม่ต้องไปตามล่าหาความจริงที่อาจบิดเบือนมา
สร้างเป็นอักษรก็ย่อมได้
ทุกครั้งที่นึกและเขียนสู่สาธารณะของคนเรา ในโลกใบน้อยที่แคบอันมีชื่อว่าห้องนักเขียน เราอยู่อย่างอบอุ่นบางครา ลุ่มๆดอนๆบางครั้ง และร้อนรนเป็นบางโอกาส
ทุกอักษรที่เขียนมานำพาวินาศสันตะโรมาด้วยไม่มากนัก แค่สัมพันธ์ ขาดสะบั้นแค่นั้นเอง
ที่สุดในความนึกของคนใกล้ตายมักจะทบทวนสิ่งที่ฝังอยู่ในใจคงเป็นเช่นนั้นจริงแท้ เขียนก่อนตายเสียดายถ้าไม่ได้เขียนก็ยังมีคนพูดไว้
วันหนึ่งได้อ่านข้อความคนที่ได้เสียชีวิตไปแล้วก็ยังอดคิดถึงไม่ได้ คุณเจียวต้าย คือคนที่พูดถึง คุณเจียวต้ายมีผลงานเขียนไว้มากมาย
เรามิได้ชำนาญในการเขียนจนตีพิมพ์เป็นเล่มขนาดนั้น หากแต่เราเขียนเพราะมีจุดกระตุ้นให้ต้องเขียนๆแล้วเลยติดพัน ท้ายสุดก็คือมีเรื่องคำที่ว่า..
นักเรียนนอก!
อ้าว..พูดเพราะเหยียด..เยาะเย้ย.. หมั่นไส้ หรือไฉน?
แน่นอนเป็นอักษรจากการไม่พอใจ ที่แสดงออกมาอย่างให้ได้รับรู้ รู้แล้วก็ลำดับว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง..ไม่ได้ต่อคำพูดว่า..
นักเรียนนอกแล้วไง?
มันคงยาวยืดเยื้อไปอีก จะเสียเวลาว่าไร้สาระมั้ย?
มีนะมีคนหลังไมค์มาบอกว่า.. เรื้องไร้สาระ คงบอกเพราะอ่าน นิยาย 'หักศรกามเทพ' ไป
ตามจรรยาบรรณนักเขียน ย่อมต้องไม่ตอบโต้นักอ่านของเรา จะเพราะอะไรไปนึกดูว่า มีคำพูดถูกต้องแล้วว่า..
จะเอาอะไรกับนิยาย..
แต่.. พึงเฉลียวคิดสักนิดว่า คนที่อุตส่าห์บอกกลับมานั้นเป็นใคร คนชั้นไหนควรเงี่ยหูฟังเอาไปปรับปรุงหรือเปล่า มิใช่เอามาบ่นด้วยความรังเกียจ หรือลำพองใจว่า การเขียนของข้าประเสริฐสุดแล้ว
นักเขียนๆได้สารพัดจะดีเลวใส่นิสัยในตัวละครที่สร้างขึ้นมาเองได้ เหตุไฉนไม่สร้างภาพพจน์ตัวผู้เขียนให้สวยงามเป็นที่น่าชื่นชมเลื่อมใสของผู้อ่าน ปานดาราเล่า..
หรือว่าเป็นผู้ที่ยอมรับความจริงไม่ได้ แรงดันของนิสัยแท้จริงตีขึ้นจนเสียกริยาปานนั้น
ผู้ไม่พร้อมในด้านการแสดงบทนักเขียนอยู่ เป็นความจริงเกิดกับนักเขียนอีกหนึ่งผู้ล่วงลับไปแล้วที่มีโมหจริตครอบงำจนเสียศูนย์ และเสียอีกหลายอย่างตามมา..
การใช้คำพูดเชิงยั่วยุ เพื่อสร้างตัวละครในนิยายก็ทำมาแล้ว เปรียบเสมือนดาราที่ว่าถ้าเก่งต้องเล่นได้ทุกบท นั่นมันเป็นคำพูดใครก็ไม่รู้ ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม นึกได้ เขียนไม่ได้เพราะเป็นผู้ดีเกินเขียนก็ไม่ควรทำ
เช่นบทคนกร่างกับกุ๊ย..
" มืงรู้มั้ยว่ากูลูกใคร?"
" ต้องไปถามแม่มืงนะว่า ไปนอนกะใครมามืงจึงเกิด"
ไม่ต้องเดาว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร แค่คำพูดไม่กี่คำ พูดแบบนี้คนพูด' ฎิบหาย' แน่นอน
อย่าว่าแต่คำพูดแค่นั้น พูดออกมาแค่ประโยคว่า.
...."บ้าหรือเปล่า?"
หยุดสนิท.. ทุกอย่างหยุดบัดดลจากเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา โถ..ไม่ต้องต่อความบอกกล่าวอะไรกันอีกต่อไป
เมื่อนักเขียนได้เสวนากับนักอ่าน ใครจะไปนึกว่า มันคุยอะไรกันนัก เป็นสี่ห้าปี คุยกันแทบทุกวันราว 300 วันในหนึ่งปี กี่ชั่วโมง กี่ล้านกี่แสนอักษรที่ส่งถึงกัน เปรียบไปก็คล้ายลมปากที่สูญสลายไปในอากาศ จับต้องไม่ได้
เหตุต้องมีจึงมีเหตุและผล
ด้วยคำพูดอันฉกาจฉกรรจ์ว่า
" อย่าล้ำเส้นก็แล้วกัน"
" อพิโธ่เอ๋ย..คนชนิดไหนคุยกันเป็นขวบปีไม่เคยเห็นหน้า ทั้งหวานเป็นลมก็ไม่ปานในคำพูด
...ขอบคุณพันทิป ขอบคุณอะไรก็ได้ที่ทำให้เรามาพบกัน.....#&€£¥
ถ้าอยากประชิดคงล้ำเส้นไปนานแล้ว ไม่รอดกฎเกณฑ์อารมณ์ต่างๆของมนุษย์หรอก
เพราะการคบไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์สเป็คในสมอง เส้นที่ว่าไม่ควรข้ามเป็นอันขาด น่าจะมีเส้นเดียวกระมัง ที่เรียกว่า
"สองสลึง!"
เกียรติยศย่อมเกิดจากการกระทำที่สุจริต
'พลอยแดง'