'ก้าวไกล' แฉ กรมอุทยานฯ เรียกรับเงินเป็นกิโลกรัม หากอยากได้ตำแหน่งสูง จ่ายหนัก 20 ล้าน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7436219
‘ก้าวไกล’ แฉ กรมอุทยานฯ เรียกรับเงินเป็นกิโลกรัม หากอยากได้ตำแหน่งสูง ต้องจ่ายสูงสุด 20 ล้านจี้สางปม “อธิบดีกรมอุทยานฯ” รับส่วย วอนรัฐดูแลลูกจ้าง
วันที่ 29 ธ.ค.65 ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคก้าวไกล(กก.) นำโดย นายมานพ คีรีภูวดล นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมกันแถลงกรณี นาย
รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรียกรับส่วยจากผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งส่งรายเดือนและประจำปีงบประมาณ และส่งสวยเพื่อรักษาตำแหน่ง
นาย
สุเทพ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ดูแลเรื่องการจ้างเหมาช่วงที่ไม่เป็นธรรม ถูกเอารัดเอาเปรียบ จำนวนกว่า 8 แสนคน ที่เป็นแรงงานรับเหมาช่วงของหน่วยงานราชการในขณะนี้ อาทิ จ้างงานราคาถูกและไม่มีสวัสดิการใด ๆ
ด้าน นาย
ประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ล้มเหลว และขอเรียกร้องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ดำเนินการตรวจสอบหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลกรมอุทยานแห่งชาติ ฯ นอกจากนี้ ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ติดตามแก้ไขปัญหาพื้นที่การบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญด้วย
ขณะที่ นาย
มานพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทราบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ในกรมอุทยานฯ หากใครต้องการอยู่ในตำแหน่งสูงๆ ก็ต้องจ่ายเงินที่เรียกเป็นกิโลกรัม โดย 1 กิโลกรัมเท่ากับ 1 ล้านบาท เรียกเก็บตั้งแต่ 5 แสน- 20 ล้านบาท โดยเฉพาะอุทยานฯทางทะเลที่ทำเงินเป็นจำนวนมาก จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยเร่งกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการจัดการพื้นที่ต่างๆ
อมรัตน์ ฟาด ‘ราชทัณฑ์’ 2 มาตรฐาน ไม่เข้มดูแล ‘ประสิทธิ์’ เหมือนเยาวชนผู้เรียกร้อง ปชต.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3748470
‘อมรัตน์’ จวก ‘ราชทัณฑ์’ สองมาตรฐาน ด้าน ‘สมศักดิ์’ แจง ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ แอบฉกกุญแจหลบหนี ปลอมตัวเนียน ผู้คุมจำไม่ได้
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ธันวาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนาย
ชวน หลีกภัย ประธานสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระได้เปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
ต่อมาเวลา 11.20 น. ได้เข้าสู่วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจาของนาง
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถามนาย
สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรณี
ประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ว่า เรื่องของเรื่องนี้เหมือนภาพยนตร์เรื่อง Catch Me If You Can (จับให้ได้ถ้านายแน่จริง) เป็นเรื่องราวดราม่าหักมุม มีการแต่งชุดนักโทษและโซ่ตรวนที่เท้า เข้าไปในห้องน้ำพอเปิดประตูออกมาเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์เสื้อยืด แล้วผู้คุมก็ไม่รู้เรื่อง เพราะติดหนวดปลอม
คนที่เป็นผู้ต้องหาคือ นาย
ประสิทธิ์ คนนี้นักธุรกิจพันล้านผู้กลายมาเป็นผู้ต้องขังคดีฉ้อโกงประชาชน กรณีแชร์ลูกโซ่มีคดีหลัก 6 คดี และคดีฟอกเงินอีก 5 คดี รวมเป็น 11 คดี นาย
ประสิทธิ์ มีสร้อยห้อยท้ายนามสกุล
ประสิทธิ์ เจียวก๊ก คนดีคืนคุณแผ่นดิน ทำอาชญากรรมใหญ่ ถ้าไม่มีโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือทำไม่ได้ในประเทศนี้ ถ้าไม่ใช่นาย
ประสิทธิ์ คนที่มีภาพถ่ายคู่กับ พล.อ.
เปรม ติณสูลานนท์ อย่างใกล้ชิดภายในบ้านสี่เสาเทเวศร์ ถ้าไม่ใช่นายประสิทธิ์ ที่เป็นพลเรือนคนเดียวที่ได้ถ่ายภาพหมู่กับผู้นำกองทัพทุกกองทัพ ในวันสถาปนากรมทหารราบที่ 31 ถ้าไม่ใช่นาย
ประสิทธิ์ คนที่แอบอ้างตัวเองว่าเป็นผู้รักสถาบันกษัตริย์ เป็นวิทยากรจิตอาสา 904 และทำงานให้กองทัพเป็นวิทยากรผลิตไอโอโจมตีผู้เห็นต่างและยังได้ชื่อว่ามี 54,800 ทวิตเตอร์ซึ่งยังเป็นข้อกล่าวหาอยู่
จากนั้น นาง
อมรัตน์ ได้เปิดเพลง
ประสิทธิ์นักสู้ ของแอ๊ดคาราบาว เพื่อย้ำว่า นาย
ประสิทธิ์ มีเครดิตน่าเชื่อถือ ให้สามารถไปหลอกคนมาร่วมลงทุนได้
นาง
อมรัตน์กล่าวว่า ขอถามกรมราชทัณฑ์ ถึงผลการสอบสวน ซึ่งวันนี้ถือว่าครบกำหนด 7 วันแล้ว เหตุการณ์วันนั้นเกิดอะไรขึ้น และทำไมเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ไม่ใส่เครื่องแบบตามปกติ นอกจากนี้นักโทษทั่วไปที่ถูกนำตัวไปที่ศาลอาญาจะต้องเข้าห้องน้ำเฉพาะของโทษที่ชั้นใต้ถุนศาล ส่วนห้องน้ำชั้น 9 เป็นของผู้ติดต่อราชการ
“
การปฏิบัติต่อนายประสิทธิ์ถือเป็นสองมาตรฐาน พอเวลาเป็นน้องเยาวชนที่อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่แค่ไม่ได้มีนามสกุลเดียวกับนายประสิทธิ์คนดีแทนคุณแผ่นดิน ท่านกลับช่างสังเกตุและเคร่งครัดมากกว่าที่ควรจะเป็น และทำไมผู้คุมของกรมราชทัณฑ์ถึงวิ่งช้ากว่าตำรวจศาลที่ไปจับตัวนายประสิทธิ์ที่ชั้น 3 และอีกคำถามคือนายประสิทธิ์เอากุญแจไขหลุดออกไปได้อย่างไร”
นาง
อมรัตน์กล่าวว่า ทราบมาว่านาย
ประสิทธิ์ได้ติดต่อมายังภายนอก โดยทราบมาจากคลิปของเลขานุการคณะทำงานของนาย
ชวน หลีกภัย ประธานสภา ว่ามีข้อมูลที่นาย
ประสิทธิ์สื่อสารออกมาภายนอกเรือนจำ เป็นจดหมายมากกว่า 231 ฉบับและมีฉบับหนึ่งได้บอกให้เครือข่ายของตัวเองที่อยู่ข้างนอกไปที่วัดบัวขวัญ ในวันเดียวกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ไปที่วัดนั้น โดยสั่งมาให้เครือข่ายไปแสดงความขอบคุณที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่มีอำนาจดูแลเรือนจำให้การดูแล
ประสิทธิ์ มากเป็นพิเศษ เรื่องนี้มีคนไปถามกับอธิบดี ซึ่งอธิบดีตอบปฏิเสธว่าไม่ได้ไปเจอในวันนั้น ตนถามว่าถ้าถูกแอบอ้างแบบนี้และได้รับความเสียหายว่าตัวเองปฏิบัติกับนักโทษเป็นพิเศษทำไมถึงไม่ฟ้องร้องและไม่ปกป้องตัวเอง และขอให้ให้ความกระจ่างเรื่องกุญแจ ซึ่งเป็นสเปกของต่างประเทศ ไม่สามารถปั๊มขึ้นมาได้ ทำไมทีเรื่องอื่นไม่เห็นหละหลวมแบบนี้
“
ตกลงแล้วใครที่เป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ จากต่ำสุดไปสูงสุด ตนขอเสนอแนะไปยังกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะเรือนจำกลางเป็นกรมที่ใหญ่ที่สุดในกระทรวงยุติธรรม และได้งบประมาณปีนี้ถึง 27,000 ล้านบาท แต่กลับเป็นกรมที่มีความโปร่งใสน้อยที่สุด เป็นแดนสนธยาที่ตรวจสอบยากที่สุด เป็นดินแดนที่ใช้ระบบอำนาจนิยมมากที่สุด เพราะผู้ต้องขังไม่สามารถสื่อสารออกมาที่โลกภายนอกได้ นักโทษที่ออกมา เล่าให้ฟังว่าถูกผู้คุมปฏิบัติอย่างไรบ้าง”
นาง
อมรัตน์กล่าวว่า ตนขอถามถึงวิสัยทัศน์เรื่องแรงงานทาสในเรือนจำ เช่น การรับงานทำพวงมาลัยพับกล่องต่างๆ ท่านมีระบบการจ่ายเงินที่เป็นธรรมให้กับนักโทษหรือไม่ ซึ่งตนได้ยินมาว่าการพับริบบิ้นและการพับกล่องได้เงินเดือนเดือนละ 80 บาท หรือ 100 บาทเท่านั้น อัตราการทำผิดซ้ำและเข้าออกเรือนจำมีสูงมาก ทั้งที่มีงบประมาณในการปรับปรุงนิสัยของผู้ต้องหา แต่ท่านเอาแค่พระไปเทศน์ และความสำเร็จในการคืนคนดีสู่สังคมมีการเก็บสถิติหรือไม่ว่าได้ผลมากเพียงใดกับงบประมาณที่ลงไป รวมถึงการลิดรอนถึงสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องขังที่ไม่เปิดโอกาสให้รับรู้การสื่อสารภายนอกและจะทำให้กลับมาปรับตัวในสังคมภายนอกอย่างไร ท่านให้ดูแต่ละครน้ำเน่าเก่าๆ ท่านเคยมีแนวคิดให้นักโทษ 200,000 กว่าคน มีสิทธิในการใช้สิทธิเลือกตั้งได้เหมือนกับในประเทศอื่นหรือไม่ นอกจากนี้ การพานักโทษออกมาขุดลอกท่อ ก็ไม่มีเครื่องป้องกันอันตรายจากเชื้อโรค จึงขอให้จัดแจงชุดที่ปลอดภัยและเหมาะสมปกคลุมร่างกาย
ด้านนาย
สมศักดิ์ชี้แจงว่า นาย
ประสิทธิ์เป็นผู้ต้องขังอยู่ที่เรือนจำคลองเปรม ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2564 รวม 1 ปี 7 เดือน มาขึ้นศาลเป็นร้อยครั้งแล้ว วันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่นำตัวนาย
ประสิทธิ์มาที่ศาลอาญา เวลา 09.00 น. มาอยู่ที่ห้องชั้นล่างศาลอาญา มีห้องน้ำเฉพาะของนักโทษ แต่นายประสิทธิ์ไม่ใช้ห้องน้ำชั้นล่าง กระทั่งนำตัวนาย
ประสิทธิ์ไปที่ห้องพิจารณาคดี ชั้น 9 ระหว่างอยู่ในห้องพิจารณาคดี นาย
ประสิทธิ์ขออนุญาตเข้าห้องน้ำชั้น 9 และเกิดเหตุเปลี่ยนชุดหลบหนี ผู้คุมก็ไม่ได้สังเกตเป็นนาย
ประสิทธิ์หรือไม่ เพราะปลอมแปลงตัว เมื่อเข้าไปห้องน้ำไม่เจอตัว จึงวิ่งติดตาม วันดังกล่าวมีผู้ต้องขังมาขึ้นศาล 99 คน การดำเนินการบางอย่างอาจไม่เคร่งครัด ส่วนกุญแจที่นาย
ประสิทธิ์ไขหลบหนีนั้น เนื่องจากเมื่อนำตัวนายประสิทธิ์มาถึงแดนควบคุมกลาง เพื่อเตรียมติดเครื่องพันธนาการ จะมีที่เก็บกุญแจโดยเฉพาะ นาย
ประสิทธิ์มาขึ้นศาลเป็นร้อยครั้ง จึงทราบว่ากุญแจแขวนตรงไหน ช่วงที่ผู้คุมเผลอ จึงแอบหยิบกุญแจไป แม้จะติดเครื่องพันธนาการ แต่ก็แอบไปไขกุญแจออก เรื่องสถิติผู้ต้องขังหลบหนี ร้อยละ 99.99 สามารถตามกลับมาได้หมด ยืนยันดูแลผู้ต้องขังเท่าเทียมกัน ไม่มีเลือกที่รักมักที่ชัง ดูแลใครเป็นพิเศษ เรื่องที่ผู้ต้องขังได้ค่าแรงทำงานเดือนละ 80 บาท ขอให้ส่งข้อมูลมาจะตรวจสอบให้ ขณะที่เสรีภาพผู้ต้องขังอยากให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น ถ้าให้ไปใช้สิทธิได้ ตนคงได้คะแนนเยอะ เพราะดูแลผู้ถูกคุมขังอย่างดี แต่คิดว่ายังทำไม่ทัน ส่วนผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะนี้สอบสวนอยู่ในวันสุดท้าย ยังไม่ได้ส่งเรื่องให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ จึงยังไม่มีรายงานถึงตน แต่ใครทำผิดต้องว่าไปตามผิด
เพื่อไทย ยื่นกกต.สอบ ‘สนธิญา’ ร้องเท็จยุบพรรค ซัดสร้างความเข้าใจผิดปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3748721
ฟ้องมาฟ้องกลับ ‘เพื่อไทย’ ยื่นกกต.สอบ ‘สนธิญา’ ร้องเท็จยุบพรรค
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ธันวาคม ที่รัฐสภา นาย
สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) และรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พร้อมด้วยนาย
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรค พท. น.ส.
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคพท.ร่วมแถลงกรณีที่ นาย
สนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ยุบพรรคพท. เหตุที่ น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นบิดาที่ฮ่องกง โดยกล่าวหาว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง
โดย น.ส.
ธีรรัตน์ กล่าวว่า จากเรื่องดังกล่าวทางพรรคพท.ได้ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต.เพื่อขอให้สอบสวน ไต่สวนและดำเนินการกับนาย
สนธิญาแล้วกรณีฝ่าฝืนมาตรา 101 พ.ร.ป.พรรคการเมือง กรณีร้องเท็จโดยไม่มีมูล
น.ส.
ธีรรัตน์ กล่าวว่า สิ่งที่นาย
สนธิญาทำถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่สร้างสรรค์ เป็นการแจ้งความเท็จ บิดเบือนข้อมูลไปจากความเป็นจริง เพราะ น.ส.
แพทองธารเป็นบุตรสาวนาย
ทักษิณ การเดินทางไปพบกับครอบครัวในช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นเรื่องปกติ แต่นาย
สนธิญากลับพยายามทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน ดังนั้นพรรคพท.จึงต้องร้อง กกต. เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และทำให้พรรคพท.เกิดความเสียหาย
ด้านนาย
สมคิด กล่าวว่า ช่วงนี้ที่มีนักร้องหลายคนไม่รู้ว่ารับงานหรือมีการวางบิลกันหรือไม่ เพราะร้องโดยไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ทั้งนี้ ฝ่ายตรงข้ามกับพรรค พท.ที่ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจ ก็ตะโกนและร้องอย่างไม่มีเหตุผล แต่เห็นมีชีวิตสุขสบาย ไม่รู้ว่าได้ประโยชน์จากการร้องเพราะมีการวางบิลกันใช่หรือไม่ ได้งบอะไรหรือเปล่า ทั้งนี้ พรรค พท.ต้องปกป้องสมาชิกพรรค เราไม่ได้อยากหาเรื่องกับใคร แต่อยากอธิบายให้สังคมเข้าใจว่าพ่อลูกไปพบกันถือเป็นเรื่องปกติ
JJNY : 'ก้าวไกล'แฉกรมอุทยานฯ เรียกรับเงินเป็นกิโล| อมรัตน์ฟาด‘ราชทัณฑ์’| เพื่อไทยยื่นสอบ‘สนธิญา’| สมาคมรร.โอดรัฐ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7436219
วันที่ 29 ธ.ค.65 ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคก้าวไกล(กก.) นำโดย นายมานพ คีรีภูวดล นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมกันแถลงกรณี นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรียกรับส่วยจากผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งส่งรายเดือนและประจำปีงบประมาณ และส่งสวยเพื่อรักษาตำแหน่ง
นายสุเทพ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ดูแลเรื่องการจ้างเหมาช่วงที่ไม่เป็นธรรม ถูกเอารัดเอาเปรียบ จำนวนกว่า 8 แสนคน ที่เป็นแรงงานรับเหมาช่วงของหน่วยงานราชการในขณะนี้ อาทิ จ้างงานราคาถูกและไม่มีสวัสดิการใด ๆ
ด้าน นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ล้มเหลว และขอเรียกร้องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ดำเนินการตรวจสอบหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลกรมอุทยานแห่งชาติ ฯ นอกจากนี้ ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ติดตามแก้ไขปัญหาพื้นที่การบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญด้วย
ขณะที่ นายมานพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทราบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ในกรมอุทยานฯ หากใครต้องการอยู่ในตำแหน่งสูงๆ ก็ต้องจ่ายเงินที่เรียกเป็นกิโลกรัม โดย 1 กิโลกรัมเท่ากับ 1 ล้านบาท เรียกเก็บตั้งแต่ 5 แสน- 20 ล้านบาท โดยเฉพาะอุทยานฯทางทะเลที่ทำเงินเป็นจำนวนมาก จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยเร่งกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการจัดการพื้นที่ต่างๆ
อมรัตน์ ฟาด ‘ราชทัณฑ์’ 2 มาตรฐาน ไม่เข้มดูแล ‘ประสิทธิ์’ เหมือนเยาวชนผู้เรียกร้อง ปชต.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3748470
‘อมรัตน์’ จวก ‘ราชทัณฑ์’ สองมาตรฐาน ด้าน ‘สมศักดิ์’ แจง ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ แอบฉกกุญแจหลบหนี ปลอมตัวเนียน ผู้คุมจำไม่ได้
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ธันวาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระได้เปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
ต่อมาเวลา 11.20 น. ได้เข้าสู่วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจาของนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถามนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรณีประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ว่า เรื่องของเรื่องนี้เหมือนภาพยนตร์เรื่อง Catch Me If You Can (จับให้ได้ถ้านายแน่จริง) เป็นเรื่องราวดราม่าหักมุม มีการแต่งชุดนักโทษและโซ่ตรวนที่เท้า เข้าไปในห้องน้ำพอเปิดประตูออกมาเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์เสื้อยืด แล้วผู้คุมก็ไม่รู้เรื่อง เพราะติดหนวดปลอม
คนที่เป็นผู้ต้องหาคือ นายประสิทธิ์ คนนี้นักธุรกิจพันล้านผู้กลายมาเป็นผู้ต้องขังคดีฉ้อโกงประชาชน กรณีแชร์ลูกโซ่มีคดีหลัก 6 คดี และคดีฟอกเงินอีก 5 คดี รวมเป็น 11 คดี นายประสิทธิ์ มีสร้อยห้อยท้ายนามสกุลประสิทธิ์ เจียวก๊ก คนดีคืนคุณแผ่นดิน ทำอาชญากรรมใหญ่ ถ้าไม่มีโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือทำไม่ได้ในประเทศนี้ ถ้าไม่ใช่นายประสิทธิ์ คนที่มีภาพถ่ายคู่กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อย่างใกล้ชิดภายในบ้านสี่เสาเทเวศร์ ถ้าไม่ใช่นายประสิทธิ์ ที่เป็นพลเรือนคนเดียวที่ได้ถ่ายภาพหมู่กับผู้นำกองทัพทุกกองทัพ ในวันสถาปนากรมทหารราบที่ 31 ถ้าไม่ใช่นายประสิทธิ์ คนที่แอบอ้างตัวเองว่าเป็นผู้รักสถาบันกษัตริย์ เป็นวิทยากรจิตอาสา 904 และทำงานให้กองทัพเป็นวิทยากรผลิตไอโอโจมตีผู้เห็นต่างและยังได้ชื่อว่ามี 54,800 ทวิตเตอร์ซึ่งยังเป็นข้อกล่าวหาอยู่
จากนั้น นางอมรัตน์ ได้เปิดเพลงประสิทธิ์นักสู้ ของแอ๊ดคาราบาว เพื่อย้ำว่า นายประสิทธิ์ มีเครดิตน่าเชื่อถือ ให้สามารถไปหลอกคนมาร่วมลงทุนได้
นางอมรัตน์กล่าวว่า ขอถามกรมราชทัณฑ์ ถึงผลการสอบสวน ซึ่งวันนี้ถือว่าครบกำหนด 7 วันแล้ว เหตุการณ์วันนั้นเกิดอะไรขึ้น และทำไมเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ไม่ใส่เครื่องแบบตามปกติ นอกจากนี้นักโทษทั่วไปที่ถูกนำตัวไปที่ศาลอาญาจะต้องเข้าห้องน้ำเฉพาะของโทษที่ชั้นใต้ถุนศาล ส่วนห้องน้ำชั้น 9 เป็นของผู้ติดต่อราชการ
“การปฏิบัติต่อนายประสิทธิ์ถือเป็นสองมาตรฐาน พอเวลาเป็นน้องเยาวชนที่อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่แค่ไม่ได้มีนามสกุลเดียวกับนายประสิทธิ์คนดีแทนคุณแผ่นดิน ท่านกลับช่างสังเกตุและเคร่งครัดมากกว่าที่ควรจะเป็น และทำไมผู้คุมของกรมราชทัณฑ์ถึงวิ่งช้ากว่าตำรวจศาลที่ไปจับตัวนายประสิทธิ์ที่ชั้น 3 และอีกคำถามคือนายประสิทธิ์เอากุญแจไขหลุดออกไปได้อย่างไร”
นางอมรัตน์กล่าวว่า ทราบมาว่านายประสิทธิ์ได้ติดต่อมายังภายนอก โดยทราบมาจากคลิปของเลขานุการคณะทำงานของนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ว่ามีข้อมูลที่นายประสิทธิ์สื่อสารออกมาภายนอกเรือนจำ เป็นจดหมายมากกว่า 231 ฉบับและมีฉบับหนึ่งได้บอกให้เครือข่ายของตัวเองที่อยู่ข้างนอกไปที่วัดบัวขวัญ ในวันเดียวกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ไปที่วัดนั้น โดยสั่งมาให้เครือข่ายไปแสดงความขอบคุณที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่มีอำนาจดูแลเรือนจำให้การดูแลประสิทธิ์ มากเป็นพิเศษ เรื่องนี้มีคนไปถามกับอธิบดี ซึ่งอธิบดีตอบปฏิเสธว่าไม่ได้ไปเจอในวันนั้น ตนถามว่าถ้าถูกแอบอ้างแบบนี้และได้รับความเสียหายว่าตัวเองปฏิบัติกับนักโทษเป็นพิเศษทำไมถึงไม่ฟ้องร้องและไม่ปกป้องตัวเอง และขอให้ให้ความกระจ่างเรื่องกุญแจ ซึ่งเป็นสเปกของต่างประเทศ ไม่สามารถปั๊มขึ้นมาได้ ทำไมทีเรื่องอื่นไม่เห็นหละหลวมแบบนี้
“ตกลงแล้วใครที่เป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ จากต่ำสุดไปสูงสุด ตนขอเสนอแนะไปยังกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะเรือนจำกลางเป็นกรมที่ใหญ่ที่สุดในกระทรวงยุติธรรม และได้งบประมาณปีนี้ถึง 27,000 ล้านบาท แต่กลับเป็นกรมที่มีความโปร่งใสน้อยที่สุด เป็นแดนสนธยาที่ตรวจสอบยากที่สุด เป็นดินแดนที่ใช้ระบบอำนาจนิยมมากที่สุด เพราะผู้ต้องขังไม่สามารถสื่อสารออกมาที่โลกภายนอกได้ นักโทษที่ออกมา เล่าให้ฟังว่าถูกผู้คุมปฏิบัติอย่างไรบ้าง”
นางอมรัตน์กล่าวว่า ตนขอถามถึงวิสัยทัศน์เรื่องแรงงานทาสในเรือนจำ เช่น การรับงานทำพวงมาลัยพับกล่องต่างๆ ท่านมีระบบการจ่ายเงินที่เป็นธรรมให้กับนักโทษหรือไม่ ซึ่งตนได้ยินมาว่าการพับริบบิ้นและการพับกล่องได้เงินเดือนเดือนละ 80 บาท หรือ 100 บาทเท่านั้น อัตราการทำผิดซ้ำและเข้าออกเรือนจำมีสูงมาก ทั้งที่มีงบประมาณในการปรับปรุงนิสัยของผู้ต้องหา แต่ท่านเอาแค่พระไปเทศน์ และความสำเร็จในการคืนคนดีสู่สังคมมีการเก็บสถิติหรือไม่ว่าได้ผลมากเพียงใดกับงบประมาณที่ลงไป รวมถึงการลิดรอนถึงสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องขังที่ไม่เปิดโอกาสให้รับรู้การสื่อสารภายนอกและจะทำให้กลับมาปรับตัวในสังคมภายนอกอย่างไร ท่านให้ดูแต่ละครน้ำเน่าเก่าๆ ท่านเคยมีแนวคิดให้นักโทษ 200,000 กว่าคน มีสิทธิในการใช้สิทธิเลือกตั้งได้เหมือนกับในประเทศอื่นหรือไม่ นอกจากนี้ การพานักโทษออกมาขุดลอกท่อ ก็ไม่มีเครื่องป้องกันอันตรายจากเชื้อโรค จึงขอให้จัดแจงชุดที่ปลอดภัยและเหมาะสมปกคลุมร่างกาย
ด้านนายสมศักดิ์ชี้แจงว่า นายประสิทธิ์เป็นผู้ต้องขังอยู่ที่เรือนจำคลองเปรม ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2564 รวม 1 ปี 7 เดือน มาขึ้นศาลเป็นร้อยครั้งแล้ว วันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่นำตัวนายประสิทธิ์มาที่ศาลอาญา เวลา 09.00 น. มาอยู่ที่ห้องชั้นล่างศาลอาญา มีห้องน้ำเฉพาะของนักโทษ แต่นายประสิทธิ์ไม่ใช้ห้องน้ำชั้นล่าง กระทั่งนำตัวนายประสิทธิ์ไปที่ห้องพิจารณาคดี ชั้น 9 ระหว่างอยู่ในห้องพิจารณาคดี นายประสิทธิ์ขออนุญาตเข้าห้องน้ำชั้น 9 และเกิดเหตุเปลี่ยนชุดหลบหนี ผู้คุมก็ไม่ได้สังเกตเป็นนายประสิทธิ์หรือไม่ เพราะปลอมแปลงตัว เมื่อเข้าไปห้องน้ำไม่เจอตัว จึงวิ่งติดตาม วันดังกล่าวมีผู้ต้องขังมาขึ้นศาล 99 คน การดำเนินการบางอย่างอาจไม่เคร่งครัด ส่วนกุญแจที่นายประสิทธิ์ไขหลบหนีนั้น เนื่องจากเมื่อนำตัวนายประสิทธิ์มาถึงแดนควบคุมกลาง เพื่อเตรียมติดเครื่องพันธนาการ จะมีที่เก็บกุญแจโดยเฉพาะ นายประสิทธิ์มาขึ้นศาลเป็นร้อยครั้ง จึงทราบว่ากุญแจแขวนตรงไหน ช่วงที่ผู้คุมเผลอ จึงแอบหยิบกุญแจไป แม้จะติดเครื่องพันธนาการ แต่ก็แอบไปไขกุญแจออก เรื่องสถิติผู้ต้องขังหลบหนี ร้อยละ 99.99 สามารถตามกลับมาได้หมด ยืนยันดูแลผู้ต้องขังเท่าเทียมกัน ไม่มีเลือกที่รักมักที่ชัง ดูแลใครเป็นพิเศษ เรื่องที่ผู้ต้องขังได้ค่าแรงทำงานเดือนละ 80 บาท ขอให้ส่งข้อมูลมาจะตรวจสอบให้ ขณะที่เสรีภาพผู้ต้องขังอยากให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น ถ้าให้ไปใช้สิทธิได้ ตนคงได้คะแนนเยอะ เพราะดูแลผู้ถูกคุมขังอย่างดี แต่คิดว่ายังทำไม่ทัน ส่วนผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะนี้สอบสวนอยู่ในวันสุดท้าย ยังไม่ได้ส่งเรื่องให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ จึงยังไม่มีรายงานถึงตน แต่ใครทำผิดต้องว่าไปตามผิด
เพื่อไทย ยื่นกกต.สอบ ‘สนธิญา’ ร้องเท็จยุบพรรค ซัดสร้างความเข้าใจผิดปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3748721
ฟ้องมาฟ้องกลับ ‘เพื่อไทย’ ยื่นกกต.สอบ ‘สนธิญา’ ร้องเท็จยุบพรรค
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) และรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรค พท. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคพท.ร่วมแถลงกรณีที่ นายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ยุบพรรคพท. เหตุที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นบิดาที่ฮ่องกง โดยกล่าวหาว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง
โดย น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า จากเรื่องดังกล่าวทางพรรคพท.ได้ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต.เพื่อขอให้สอบสวน ไต่สวนและดำเนินการกับนายสนธิญาแล้วกรณีฝ่าฝืนมาตรา 101 พ.ร.ป.พรรคการเมือง กรณีร้องเท็จโดยไม่มีมูล
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า สิ่งที่นายสนธิญาทำถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่สร้างสรรค์ เป็นการแจ้งความเท็จ บิดเบือนข้อมูลไปจากความเป็นจริง เพราะ น.ส.แพทองธารเป็นบุตรสาวนายทักษิณ การเดินทางไปพบกับครอบครัวในช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นเรื่องปกติ แต่นายสนธิญากลับพยายามทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน ดังนั้นพรรคพท.จึงต้องร้อง กกต. เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และทำให้พรรคพท.เกิดความเสียหาย
ด้านนายสมคิด กล่าวว่า ช่วงนี้ที่มีนักร้องหลายคนไม่รู้ว่ารับงานหรือมีการวางบิลกันหรือไม่ เพราะร้องโดยไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ทั้งนี้ ฝ่ายตรงข้ามกับพรรค พท.ที่ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจ ก็ตะโกนและร้องอย่างไม่มีเหตุผล แต่เห็นมีชีวิตสุขสบาย ไม่รู้ว่าได้ประโยชน์จากการร้องเพราะมีการวางบิลกันใช่หรือไม่ ได้งบอะไรหรือเปล่า ทั้งนี้ พรรค พท.ต้องปกป้องสมาชิกพรรค เราไม่ได้อยากหาเรื่องกับใคร แต่อยากอธิบายให้สังคมเข้าใจว่าพ่อลูกไปพบกันถือเป็นเรื่องปกติ