JJNY : มันเกิดอะไรขึ้น| ‘ยุทธพงศ์’ชี้ร.ล.สุโขทัยล่ม| เหน็บ"ตู่" แก้ยาเสพติดไม่เป็น| พิธาร่วมงานปีใหม่ชาวม้งเข็กน้อย

มันเกิดอะไรขึ้น โรงแรม ห้างร้าน ในเมืองโคราชแห่ติดป้ายขาย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7430528
 
อาคารพาณิชย์ โรงแรม ในเมืองโคราช แห่ติดประกาศขายทั่วเมือง​ ประธานหอการค้าโคราช เร่งหารือทุกภาคส่วน จัดแคมเปญท่องเที่ยว หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ เริ่มต้นปี 66
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ประเทศไทย ได้มีการปลดล็อกมาตรการโควิด-19 พร้อมทั้งเปิดประเทศ เพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทย ให้ฟื้นตัว หลังประสบกับปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 มาหลายปี แต่จากการสำรวจเศรษฐกิจในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลับพบว่าบรรยากาศการทำมาค้าขายซบเซาเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมากราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมาเพิ่มขึ้น
 
แต่บรรดาพ่อค้า แม่ค้า และร้านต่างๆ โดยรอบลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือลานย่าโม กลับเงียบเหงา แทบจะไม่มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนเลย ทำให้ร้านขายของฝากที่มาเช่าอาคารพาณิชย์ หน้าลานย่าโม ทนแบกรับภาระค่าเช่าไม่ไหว ต้องปิดตัวไปหลายร้าน เช่นเดียวกันพ่อค้า แม่ค้า หาบเร่ ก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าแต่ละวันแทบจะไม่มีลูกค้ามาอุดหนุนเลย
 
โดยนางติชิลา บูรณาทิต อายุ 54 ปี แม่ค้าขายผลไม้แช่อิ่ม หน้าลานย่าโม กล่าวว่า ตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก็ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมากราบสักการะย่าโม หายไปเกือบหมด กระทั่งตอนนี้แม้จะมีการปลดล็อกมาตรการต่างๆ แล้วก็ตาม นักท่องเที่ยวที่มา ก็มักจะผ่านไปเลย เพราะไม่มีที่จอดรถ ทำให้ตอนนี้เศรษฐกิจในตัวเมืองโคราช ซบเซามาก ตึกรามบ้านช่อง ห้องเช่า ห้างท้องถิ่น และโรงแรมต่างๆ มีการปิดป้ายประกาศขายกันเป็นจำนวนมาก เพราะในตัวเมืองทำมาค้าขายอะไรไม่ได้เลย จึงอยากฝากถึงรัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือทำอะไรก็ได้ เพื่อที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เมืองโคราชกลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว
 
นอกจากนี้จากการสำรวจในตัวเมืองโคราช พบว่าอาคารพาณิชย์ ห้องเช่า ห้างสรรพสินค้า และโรงแรมต่างๆ ได้มีการนำป้ายประกาศขายมาติดไว้เป็นจำนวนมาก อย่างเช่นห้างสรรพสินค้าคลังพลาซ่า สาขาถนนอัษฎางค์ ซึ่งเป็นห้างท้องถิ่นเก่าแก่ เปิดมานานเกือบ 40 ปี ก็ได้ปิดกิจการลงไป โดยมีการปิดป้ายประกาศให้เช่าสถานที่ขายของแทน เช่นเดียวกับโรงแรมศรีพัฒนา ถนนสุรนารี ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงแรมเก่าแก่เปิดมานานกว่า 50 ปี ก็ได้ทำการปิดตัวลง พร้อมปิดป้ายประกาศขายโรงแรม รวมทั้งได้นำโต๊ะ เก้าอี้ และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในโรงแรม มาตั้งขายให้กับผู้ที่สนใจเข้ามาเลือกซื้อทุกวันเสาร์–อาทิตย์ อีกด้วย
 
นายศักดิ์ชาย ผลพานิช ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของเมืองโคราชเริ่มซบเซามาตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 จนถึงตอนนี้ แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศ ปลดล็อกมาตรการต่างๆ แต่เศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ อาจจะเกิดจากภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้คนเที่ยวน้อยลง และผู้ประกอบการต่างๆ ยังไม่มีเงินทุนที่จะลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงแรมต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวน้อยลง
 
จึงได้มีการประกาศขายโรงแรม เพื่อนำเงินที่ได้ไปลงทุนในธุรกิจแบบอื่นแทน ถึงอย่างไรก็ตาม ทางหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้มีการหารือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อที่จะจัดแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวในหลากหลายรูปแบบ โดยคาดว่าจะเริ่มมีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม 2566 เป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในตัวเมืองโคราช ให้กลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว
  

  
‘ยุทธพงศ์’ ชี้ ร.ล.สุโขทัยล่ม เพราะอุตุฯพยากรณ์คลาด จ่อนํายื่นอภิปราย ม.152 เย้ย รทสช.แห้วภาคอีสาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3742616
 
‘ยุทธพงศ์’ ชี้ ร.ล.สุโขทัยล่ม เพราะอุตุฯพยากรณ์คลาด จ่อนํายื่นอภิปราย ม.152 เย้ย รทสช.แห้วภาคอีสาน
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค และนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี แถลงข่าวถึงกรณีเรือหลวง (ร.ล.) สุโขทัย อัปปาง เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยนายยุทธพงศ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาดของกรมอุตุนิยมวิทยาที่พยากรณ์อากาศคลาดเคลื่อน โดยอ้างถึงประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาฉบับที่ 2 ในวันที่ 14 ธันวาคม ว่าบริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2 ถึง 8 เมตร มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ถึง 20 ธันวาคม และยังระบุว่าภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดนํ้าท่วมฉับพลัน ซึ่งระบุพิกัด จ.สุราษฎร์ธานี จ.พัทลุง จ.สงขลา แต่เหตุ ร.ล. สุโขทัย เกิดขึ้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งไม่ตรงกับการพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา
 
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ความผิดพลาดของกรมอุตุนิยมวิทยาครั้งนี้ เป็นผลมาจากนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เสนอชื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้ง น.ส.ชมภารี ชมภูรัตน์ ดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ทั้งที่ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และไม่เคยปฏิบัติหน้าที่ในกรมอุตุนิยมวิทยามาก่อน และถือว่า น.ส.ชมภารี ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
 
นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวว่า จะนําประเด็นดังกล่าวยื่นอภิปราย ตามมาตรา 152 ถึงพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงนายชัยวุฒิ ซึ่งมีความรับผิดชอบในการแต่งตั้ง น.ส.ชมภารี เป็นอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา
 
ทั้งนี้ หลังแถลงเสร็จสิ้น นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯให้แก่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อีกทั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ และหัวหน้าพรรค รทสช. ลงพื้นที่เปิดตัวผู้สมัครในภาคอีสาน จะกระทบกับพรรค พท. หรือไม่ ว่า ตนในฐานะรองหัวหน้าพรรค เชื่อมั่นว่าพรรค พท. แลนด์สไลด์ในภาคอีสานอย่างแน่นอน และเชื่อว่าพรรค รทสช. ไม่ได้ ส.ส.เขตในภาคอีสานสักคน เพราะคนอีสานได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งเรื่องค่าครองชีพแพง ค่านํ้ามันแพง ค่าไฟฟ้าแพง ค่าปุ๋ยแพง จึงไม่มีใครเลือก
 

 
"รองเลขาฯเพื่อไทย" เหน็บ "บิ๊กตู่" แก้ยาเสพติดไม่เป็นอย่าฝืน เลิกอ้างสานงานต่อ อยู่มา 8 ปีไม่ทำ 
https://siamrath.co.th/n/410189
 
วันที่ 25 ธ.ค.65 ดร. ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง ปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยในขณะนี้  ได้สะท้อนให้เห็นชัดถึงความผิดพลาด และล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการจัดการปัญหายาเสพติดในทุกด้านตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปราบปราม ป้องกัน และการฟื้นฟูเยียวยา  จากรายงานของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไตรมาส 3 ปี 2565  พบว่า คนไทยมีแนวโน้มเป็นผู้ป่วยประสบภาวะเครียด และซึมเศร้าประมาณ 1.36 ล้านคน โดยเดือนกันยายนมีผู้เข้ารับการรักษาอยู่ที่ร้อยละ 90.6 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปี 64 เกือบ 6% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าคนไทยในปัจุจบันมีความเครียดเพิ่มขึ้น ซึ่งความเครียดเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้ประสบภาวะเครียดหาทางออกหลายคนจึงต้องพึ่งพายาเสพติดเพราะไปต่อไม่ได้ 
 
นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้ป่วยจิตเวชยังมีการใช้สารเสพติดสูงถึง 622,172 ราย ในปี 2564 ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องได้รับบำบัดรักษาต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อป้องกันการกลับมาใช้สารเสพติดซ้ำ
 
แต่จากรายงานผลการดำเนินงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ในปี 2565 พบว่า กลุ่มผู้ป่วยยาเสพติดเพียงครึ่งเท่านั้นที่ได้รับการดูแล คือร้อยละ 57.74 ยิ่งในผู้ป่วยยาเสพติดที่มีความเสี่ยงก่อความรุนแรงกว่า  53,484 ราย กลับไม่ได้รับการดูแลกว่า 25,234 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 47.18 ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้สนใจ ไม่ใส่ใจ หรือวางแผนการจัดการปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและยั่งยืน และกำลังทำให้ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตของคนไทยตกต่ำลง นอกจากปัญหาเก่า “ยาเสพติด” แก้ไม่ได้ ยังเพิ่มปัญหาใหม่ “กัญชาเสรี” เพราะร่างพ.ร.บ.กัญชง กัญชา และมีช่องโหว่ทางกฎหมายมากมาย กำลังจะเป็นภัยร้ายที่จะส่งผลในอนาคตต่อเด็ก และเยาวชนไทย  
 
ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่ออีกว่า การแก้ปัญหายาเสพติดต้องดำเนินการให้ครบวงจร นอกจากการปราบปราม ต้องรู้จักการป้องกัน วันนี้ รัฐบาลต้องสำรวจศูนย์บำบัดพักฟื้นและเจ้าหน้าที่ แพทย์ ให้เพียงพอ การติดตามผู้ป่วยต้องใกล้ชิด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้  และในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตาม ม.152 ในเดือนมกราคมปี 2566   พรรคเพื่อไทยจะชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความผิดพลาด และล้มเหลวของรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์  ตั้งแต่ต้นทางในการปราบปรามยาเสพติดที่ล้มเหลว จนทำให้ยาบ้าถูกกว่าก๋วยเตี๋ยว และการป้องกัน ฟื้นฟูเยียวยาที่ไร้ประสิทธิภาพ และชี้ถึงเหตุผลว่าทำไมคนไทยควรพอได้แล้วกับผู้นำที่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 
 
 ยาเสพติดแพร่หลาย ทำลายอนาคตลูกหลาน การทุจริตคอร์รัปชันเติบโต ธุรกิจการเมืองเฟื่องฟู นิติรัฐ นิติธรรมถูกตั้งคำถาม อย่าอ้างมีงานต้องทำต่อ เพราะประชาชนทุกวันนี้รู้แล้วว่า มีเวลาตั้ง 8 ปีทำไมไม่ทำ ” ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่