แม้แต่ตัวแทนปากเสียงของนักลงทุนอย่าง  FETCO  สภาธุรกิจตลาดทุนไทย  ที่ประกอบด้วย 7 องค์กร  ได้แก่
สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย   สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย   สมาคมบริษัทจัดการลงทุน   สมาคมนักวิเคราะห์
การลงทุน   สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย   สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย   และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ก็ยังมองข้ามหัวนักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเรา    ที่ชงเรื่องให้คลังเว้นเก็บภาษีให้กับ market maker และกองทุนรวม /
กองทุนบำนาญ / กองทุนสวัสดิการ   โดยอ้างอิงข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว   มาใช้กับประเทศ
ของเราซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนา     มันถูกต้องแล้วหรือ  ?   

              https://www.fetco.or.th/news/%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%a3/

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โลกปี 2566  ....... ทุกหน่วยงานย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าสภาพเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจาก
สถานการณ์การระบาดของโควิด19  ,  สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน   ปัญหาเงินเฟ้อ  และการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ของสหรัฐ   จึงอยากจะถามไปยังรัฐบาลว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วหรือไม่   ?  

      
            ปล.   อนาคตของตลาดทุนไทย  ต้องพัฒนาไปพร้อมกับนักลงทุนรายย่อย   พวกเราขอเป็นผู้กำหนด   ไม่ใช่คนที่มีอำนาจ 
                    ในบ้านเมืองเป็นคนกำหนด .....   พวกเราทุกคนต้องช่วยกันครับ    ถ้าจะเก็บต้องเก็บทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียมกัน