สวัสดีค่ะ เรื่องนี่อาจจะยาวและค่อยข้างสับสนนิดนึง ถ้าอ่านแล้วงงหรือไม่ค่อยเข้าใจถามเราได้นะคะ บ้างทีเราอ่านจะพิมพ์ไม่ค่อยรู้เรื่อง(ปกติก็พูดไม่รู้เรื่องค่ะ😂)
เริ่มเลยนะคะ เราอายุ23 ตอนนี้ปี4ใกล้จะเรียนจบ แฟนเราอายุ21 เราคบกันมาประมาณ1ปี ตอนคบกันที่บ้านรับรู้ทั้ง2ฝ่าย เราได้ย้ายมาอยู่บ้านแฟนช่วงที่คบกันเดือนที่2 เพราะว่าเราได้งานที่อยู่ใกล้บ้านแฟนเป็นงานโรงหนังซึ่งเลิกงานค่อนข้างดึกถ้ากลับบ้านเราเองค่อยข้างอันตราย ทางบ้านของพวกเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรและเราได้มีการช่วยจ่ายค่าไฟ-น้ำ ทุกเดือน 1,000/เดือน แต่พอเรามาบ้านแฟนเราพึ่งจะรู้ว่าแม่ (ป้าที่แฟนนับถือเป็นแม่จะขอเรียกว่าแม่นะคะ) ไม่ค่อยลงรอยกับน้องชายและภรรยาเขาสักเท่าไหร่ ตอนที่เรามาครั้งแรกเราก็สวัสดีทุกคน นอบน้อมปกติเลยจานเวลาที่เราลงไปล้างของตัวเองเราเห็นเขาแช่ไว้เราก็ล้างหมด แต่แม่ของแฟนบอกเราว่าไม่ต้องไปยุ่งเพราะว่าเขาอยู่กันแบบตัวใครตัวมันไม่ยุ่งกัน ถ้าไม่ยุ่งกับของเขาก็จะโดนด่าเปล่าๆ เราเลยอยู่แบบที่แม่เขาบอกจะยุ่งแค่ของตัวเองกับของแม่เท่านั้น พวกทำความสะอาดก็จะทำแค่ข้างบนส่วนที่อยู่กับแม่ ชั้นล่างที่เป็นของครอบครัวน้องชายแม่เราจะไม่ได้ไปยุ่งอะไรเลยเพราะชั้นนั้นจะเป็นของเขาทั้งหมด แต่ตั้งแต่เรามาเราก็โดนภรรยาของลุงกัด หรือด่าเราลับหลังตลอด เอาเราไปพูดไม่ดีกับคนรอบข้างบ้านบ้างว่าเราวันๆไม่ทำอะไรนอนอย่างเดียว ซึ่วความจริงแล้วเราทำงานและเรียนเลิกดึกตลอด ในวันไหนที่เราไม่มีเรียนหรือวันหยุดเราก็จะนอนช่วงกลางวันเพราะเราทำงานกะดึก หลังๆมาเราเลยเริ่มรู้สึกไม่โอเคกับเรา เพราะเราเป็นคนที่ไม่ค่อยยอมคนถ้าเราไม่ได้ผิดแต่ทำได้แค่อดทนเพราะแฟนไม่อยากให้มีปัญหา และเราได้รู้ว่าบ้านเขามีปัญหาเรื่องการเงิน ขอเท้าความก่อนเลยว่าบ้านของแฟนเป็นตึกแถวที่คุณย่า(เสียไปแล้ว)ซื้อไว้ แต่ลุงได้นำตึกไปจำนองกับธนาคารและเป็นหนี้ แต่ก็ได้ปล่อยบ้านชั้นล่างไว้ให้คนเช่าและเก็บเงินทั้งหมดไปใช้ส่วนตัว ไม่ได้เก็บไว้เป็นกงสี และได้เรียกเก็บค่าน้ำ-ไฟ จากทุกคนในบ้าน เพราะได้ค้างค่าไฟไว้หลักแสน!
และตั้งแต่นั้นเราก็โดนเราว่าหนักขึ้นๆ เพราะเขาหาว่าเราใช้ไฟเยอะแต่จ่ายค่าไฟน้อย ซึ่งในห้องของเรามีแอร์แค่1ตัว และเป็นแอร์ใหม่ เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอื่นก็มีแค่หลอดไฟ ไดร์ฟเป่าผม แค่นั้น แต่ของเขามีทั้งเตาอบขนมไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำอุ่น แอร์ คอมพิวเตอร์ที่ลูกชายเขาเล่นทั้งวันทั้งคืนและของทุกอย่างอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า7ปี ส่วนเวลาเปิดแอร์เราก็จะเปิดแค่ตอนนอนพอแฟนเราออกไปทำงานช่วงเช้าก็จะปิดตลอดทั้งวัน เปิดอีกทีคือแฟนเราเลิกงาน แต่ก็จะมีบ้างวันที่พลาดคือแฟนเราไปทำงานเช้ามากประมาณตี4-5 แล้วเราที่พึ่งนอนเลยตื่นสายลืมปิดแอร์ก็จะโดนด่าตลอด แต่เขาจะไม่เคยพูดต่อหน้าเราจะเอาไปด่าเสียๆหายๆตลอด
เราอดทนมาจนปีที่2แล้วเริ่มรู้สึกแย่จนนิสัยเราเปลี่ยน เสียสุขภาพจิต และอะไรหลายๆอย่าง จนเราพูดกับแฟนว่าเราไม่ไหวแล้วเขาจะเอาอะไรนักหนากับเด็กที่อายุแค่นี้ เราสงสารแฟนเราเพราะว่าแฟนเราเหมือนโดนทอดทิ้งตั้งแต่ที่ย่าเสีย ย่าเป็นคนเรียกแฟนเราขึ้นมาอยู่กรุงเทพจะเป็นคนเลี้ยงดูเอง แต่พอเสียไปก็ไม่มีคนสนใจถึงขนาดที่ไม่ส่งเรียนต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่ม.2 ต้องหาเงินกินข้าวเอง หมดหนทางจนถึงขั้นขโมยของมากิน แต่พอแฟนเรามีเราเริ่มหาทางได้สู้หาเงินกันมาจนเราให้แฟนไปเรียนต่อช่วยกันหาค่าเทอม มีรถเพื่อใช้ทำงานได้มากขึ้น เขาก็เริ่มที่จะมาขอเงินเพิ่ม เก็บค่าที่จอดรถ ขอค่าไฟเพิ่มโดยใช้เหตุผลเดิม เมื่อประมาณ2-3เดือนก่อน ก็หนักขึ้นอีกโดนเขียนข้อความแปะในห้องน้ำที่ใช้ส่วนรวม จนแผ่นสุดท้ายที่เขียนคือ “ไปอยู่ที่อื่นเถอะ” เราเลยถามแฟนว่าเราออกกันเถอะ เขาไม่เห็นเธอเป็นลูกเป็นหลานด้วยซ้ำ ถ้ายังไม่พร้อมที่จะออกมาอยู่เองไปบ้านเราก่อนก็ได้ บ้านเราก็ไม่ได้ลำบากอะไร ช่วยจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟนิดหน่อยก็ได้ เดี้ยวเราลาออกจากงานก็ได้เพราะเราก็ใกล้จะจบแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังโดนอยู่เรายังไม่ได้ออกมาเพราะกำลังทำห้องที่บ้านเราเพื่อจะย้ายกลับไปอยู่ และป่วยหนัก ก็โดนว่าว่าเป็นองค์หญิงมาจากไหนวันๆไม่ออกมาจากห้อง เราเลยงงว่าจะให้เราออกไปทำอะไร ให้เราไปนั่งเล่นอยู่ชั้นคุณหรอ ให้เราไปทำความสะอาดให้คุณหรอ เราก็คิดว่าบางทีเป็นเพราะเราเองหรือเปล่าที่ไม่ผูกมิตรกับเขาตามที่แม่บอก แต่เขาก็ทำเราก่อนด้วยเราเลยเลือกทำแบบนี้ขนาดแค่รับไหว้ยังไม่รับเลย
อีกเรื่องคือเรื่องรถตั้งแต่เรา2คนมีรถ แม่ที่เราคิดมาตลอดว่าเขาเอ็นดูเรา แต่เหมือนมันจะไม่ใช่ เราเริ่มจะด่าว่าเรากับแฟนเวลาที่เราไปข้างนอก หรือเวลาที่ไม่พาเขาไปในที่ๆเขาต้องการ พิมพ์ข้อความมาด่าแฟนเราแต่เป็นเฟสเรา โทรมาด่าแล้ววางสาย โดนพี่สาวเอารถไปใช้ตามใจ แต่ไม่เติมน้ำมันให้ แถมยังโทรมาให้เราโอนเงินไปเพราะว่าจะเติมน้ำมันโดยพูดว่าสุดท้ายเราก็เป็นคนใช้รถ บางทีเราเติมน้ำมันไว้เต็มเขาก็ใช้จนหมดและไม่เติม ไม่ให้เงิน แล้วเราไม่สามารถพูดอะไรได้เลย ทั้งๆที่เรากับแฟนเป็นคนช่วยกันออก เราเลยตัดสินใจว่าถ้าเราย้ายออกไปเราจะตัดขาด ขอเจอแค่ที่จำเป็นดีกว่าถ้าแฟนเราจะไปกินข้าวหรือไปพบเขาเราขอไม่ไปดีกว่าถ้าไม่จำเป็น เราไม่สามารถพูดกับใครได้เลย เพื่อนก็ไม่เข้าใจเพราะเขาไม่เคยเจอแบบนี้ ทำไมต้องทนขนาดนี้แต่มันไม่ได้ง่ายเลยเพราะเราก็มีค่าใช้จ่ายเลยออกมาไม่ได้ในตอนนี้ที่เริ่มดีขึ้นเลยตัดสินใจออกมา
ทุกคนคิดว่ายังไงคะเคยเจอปัญหาแบบนี้กันไหม เราทำถูกแล้วหรือเปล่า เป็นเราที่ผิดเองหรือเปล่า เราควรทำยังไงดีคะ ขอบคุณที่ให้ระบายและปรึกษาเรื่องอาจจะเยอะนิดนึงนะคะขอบคุณอีกครั้งที่อ่านเรื่องของเราค่ะ
ปล.อาจจะพิมพ์งงต้องขออภัยดิวยค่ะพยายามเรียบเรียงแล้วเพราะเหตุการณ์ทุกอย่างคือสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด1ปีที่ผ่านมา
?เคยเจอปัญหาแบบนี้กันบ้างไหมคะ?
เริ่มเลยนะคะ เราอายุ23 ตอนนี้ปี4ใกล้จะเรียนจบ แฟนเราอายุ21 เราคบกันมาประมาณ1ปี ตอนคบกันที่บ้านรับรู้ทั้ง2ฝ่าย เราได้ย้ายมาอยู่บ้านแฟนช่วงที่คบกันเดือนที่2 เพราะว่าเราได้งานที่อยู่ใกล้บ้านแฟนเป็นงานโรงหนังซึ่งเลิกงานค่อนข้างดึกถ้ากลับบ้านเราเองค่อยข้างอันตราย ทางบ้านของพวกเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรและเราได้มีการช่วยจ่ายค่าไฟ-น้ำ ทุกเดือน 1,000/เดือน แต่พอเรามาบ้านแฟนเราพึ่งจะรู้ว่าแม่ (ป้าที่แฟนนับถือเป็นแม่จะขอเรียกว่าแม่นะคะ) ไม่ค่อยลงรอยกับน้องชายและภรรยาเขาสักเท่าไหร่ ตอนที่เรามาครั้งแรกเราก็สวัสดีทุกคน นอบน้อมปกติเลยจานเวลาที่เราลงไปล้างของตัวเองเราเห็นเขาแช่ไว้เราก็ล้างหมด แต่แม่ของแฟนบอกเราว่าไม่ต้องไปยุ่งเพราะว่าเขาอยู่กันแบบตัวใครตัวมันไม่ยุ่งกัน ถ้าไม่ยุ่งกับของเขาก็จะโดนด่าเปล่าๆ เราเลยอยู่แบบที่แม่เขาบอกจะยุ่งแค่ของตัวเองกับของแม่เท่านั้น พวกทำความสะอาดก็จะทำแค่ข้างบนส่วนที่อยู่กับแม่ ชั้นล่างที่เป็นของครอบครัวน้องชายแม่เราจะไม่ได้ไปยุ่งอะไรเลยเพราะชั้นนั้นจะเป็นของเขาทั้งหมด แต่ตั้งแต่เรามาเราก็โดนภรรยาของลุงกัด หรือด่าเราลับหลังตลอด เอาเราไปพูดไม่ดีกับคนรอบข้างบ้านบ้างว่าเราวันๆไม่ทำอะไรนอนอย่างเดียว ซึ่วความจริงแล้วเราทำงานและเรียนเลิกดึกตลอด ในวันไหนที่เราไม่มีเรียนหรือวันหยุดเราก็จะนอนช่วงกลางวันเพราะเราทำงานกะดึก หลังๆมาเราเลยเริ่มรู้สึกไม่โอเคกับเรา เพราะเราเป็นคนที่ไม่ค่อยยอมคนถ้าเราไม่ได้ผิดแต่ทำได้แค่อดทนเพราะแฟนไม่อยากให้มีปัญหา และเราได้รู้ว่าบ้านเขามีปัญหาเรื่องการเงิน ขอเท้าความก่อนเลยว่าบ้านของแฟนเป็นตึกแถวที่คุณย่า(เสียไปแล้ว)ซื้อไว้ แต่ลุงได้นำตึกไปจำนองกับธนาคารและเป็นหนี้ แต่ก็ได้ปล่อยบ้านชั้นล่างไว้ให้คนเช่าและเก็บเงินทั้งหมดไปใช้ส่วนตัว ไม่ได้เก็บไว้เป็นกงสี และได้เรียกเก็บค่าน้ำ-ไฟ จากทุกคนในบ้าน เพราะได้ค้างค่าไฟไว้หลักแสน!
และตั้งแต่นั้นเราก็โดนเราว่าหนักขึ้นๆ เพราะเขาหาว่าเราใช้ไฟเยอะแต่จ่ายค่าไฟน้อย ซึ่งในห้องของเรามีแอร์แค่1ตัว และเป็นแอร์ใหม่ เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอื่นก็มีแค่หลอดไฟ ไดร์ฟเป่าผม แค่นั้น แต่ของเขามีทั้งเตาอบขนมไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำอุ่น แอร์ คอมพิวเตอร์ที่ลูกชายเขาเล่นทั้งวันทั้งคืนและของทุกอย่างอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า7ปี ส่วนเวลาเปิดแอร์เราก็จะเปิดแค่ตอนนอนพอแฟนเราออกไปทำงานช่วงเช้าก็จะปิดตลอดทั้งวัน เปิดอีกทีคือแฟนเราเลิกงาน แต่ก็จะมีบ้างวันที่พลาดคือแฟนเราไปทำงานเช้ามากประมาณตี4-5 แล้วเราที่พึ่งนอนเลยตื่นสายลืมปิดแอร์ก็จะโดนด่าตลอด แต่เขาจะไม่เคยพูดต่อหน้าเราจะเอาไปด่าเสียๆหายๆตลอด
เราอดทนมาจนปีที่2แล้วเริ่มรู้สึกแย่จนนิสัยเราเปลี่ยน เสียสุขภาพจิต และอะไรหลายๆอย่าง จนเราพูดกับแฟนว่าเราไม่ไหวแล้วเขาจะเอาอะไรนักหนากับเด็กที่อายุแค่นี้ เราสงสารแฟนเราเพราะว่าแฟนเราเหมือนโดนทอดทิ้งตั้งแต่ที่ย่าเสีย ย่าเป็นคนเรียกแฟนเราขึ้นมาอยู่กรุงเทพจะเป็นคนเลี้ยงดูเอง แต่พอเสียไปก็ไม่มีคนสนใจถึงขนาดที่ไม่ส่งเรียนต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่ม.2 ต้องหาเงินกินข้าวเอง หมดหนทางจนถึงขั้นขโมยของมากิน แต่พอแฟนเรามีเราเริ่มหาทางได้สู้หาเงินกันมาจนเราให้แฟนไปเรียนต่อช่วยกันหาค่าเทอม มีรถเพื่อใช้ทำงานได้มากขึ้น เขาก็เริ่มที่จะมาขอเงินเพิ่ม เก็บค่าที่จอดรถ ขอค่าไฟเพิ่มโดยใช้เหตุผลเดิม เมื่อประมาณ2-3เดือนก่อน ก็หนักขึ้นอีกโดนเขียนข้อความแปะในห้องน้ำที่ใช้ส่วนรวม จนแผ่นสุดท้ายที่เขียนคือ “ไปอยู่ที่อื่นเถอะ” เราเลยถามแฟนว่าเราออกกันเถอะ เขาไม่เห็นเธอเป็นลูกเป็นหลานด้วยซ้ำ ถ้ายังไม่พร้อมที่จะออกมาอยู่เองไปบ้านเราก่อนก็ได้ บ้านเราก็ไม่ได้ลำบากอะไร ช่วยจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟนิดหน่อยก็ได้ เดี้ยวเราลาออกจากงานก็ได้เพราะเราก็ใกล้จะจบแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังโดนอยู่เรายังไม่ได้ออกมาเพราะกำลังทำห้องที่บ้านเราเพื่อจะย้ายกลับไปอยู่ และป่วยหนัก ก็โดนว่าว่าเป็นองค์หญิงมาจากไหนวันๆไม่ออกมาจากห้อง เราเลยงงว่าจะให้เราออกไปทำอะไร ให้เราไปนั่งเล่นอยู่ชั้นคุณหรอ ให้เราไปทำความสะอาดให้คุณหรอ เราก็คิดว่าบางทีเป็นเพราะเราเองหรือเปล่าที่ไม่ผูกมิตรกับเขาตามที่แม่บอก แต่เขาก็ทำเราก่อนด้วยเราเลยเลือกทำแบบนี้ขนาดแค่รับไหว้ยังไม่รับเลย
อีกเรื่องคือเรื่องรถตั้งแต่เรา2คนมีรถ แม่ที่เราคิดมาตลอดว่าเขาเอ็นดูเรา แต่เหมือนมันจะไม่ใช่ เราเริ่มจะด่าว่าเรากับแฟนเวลาที่เราไปข้างนอก หรือเวลาที่ไม่พาเขาไปในที่ๆเขาต้องการ พิมพ์ข้อความมาด่าแฟนเราแต่เป็นเฟสเรา โทรมาด่าแล้ววางสาย โดนพี่สาวเอารถไปใช้ตามใจ แต่ไม่เติมน้ำมันให้ แถมยังโทรมาให้เราโอนเงินไปเพราะว่าจะเติมน้ำมันโดยพูดว่าสุดท้ายเราก็เป็นคนใช้รถ บางทีเราเติมน้ำมันไว้เต็มเขาก็ใช้จนหมดและไม่เติม ไม่ให้เงิน แล้วเราไม่สามารถพูดอะไรได้เลย ทั้งๆที่เรากับแฟนเป็นคนช่วยกันออก เราเลยตัดสินใจว่าถ้าเราย้ายออกไปเราจะตัดขาด ขอเจอแค่ที่จำเป็นดีกว่าถ้าแฟนเราจะไปกินข้าวหรือไปพบเขาเราขอไม่ไปดีกว่าถ้าไม่จำเป็น เราไม่สามารถพูดกับใครได้เลย เพื่อนก็ไม่เข้าใจเพราะเขาไม่เคยเจอแบบนี้ ทำไมต้องทนขนาดนี้แต่มันไม่ได้ง่ายเลยเพราะเราก็มีค่าใช้จ่ายเลยออกมาไม่ได้ในตอนนี้ที่เริ่มดีขึ้นเลยตัดสินใจออกมา
ทุกคนคิดว่ายังไงคะเคยเจอปัญหาแบบนี้กันไหม เราทำถูกแล้วหรือเปล่า เป็นเราที่ผิดเองหรือเปล่า เราควรทำยังไงดีคะ ขอบคุณที่ให้ระบายและปรึกษาเรื่องอาจจะเยอะนิดนึงนะคะขอบคุณอีกครั้งที่อ่านเรื่องของเราค่ะ
ปล.อาจจะพิมพ์งงต้องขออภัยดิวยค่ะพยายามเรียบเรียงแล้วเพราะเหตุการณ์ทุกอย่างคือสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด1ปีที่ผ่านมา