สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวยุโรปกันนะคะ ก่อนเดินทางจะไปเที่ยวยุโรปได้ สิ่งแรกที่เราต้องมีคือ วีซ่าเชงเก้น จากประสบการณ์วีซ่า Schengen Spain เป็นประเทศที่ได้ไว และทำง่ายที่สุดจากที่ขอวีซ่าของเชงเก้นมาหลายประเทศค่ะ ข้อดีคือไม่จำเป็นต้องกรอกวีซ่าผ่านระบบก่อน แค่เข้าไปในเว็บเลือกวันที่จะไปทำวีซ่าผ่าน BLS ค่ะ ปริ้น Form Visa ออกมากรอกที่หลังค่ะ ถึงการยื่นวีซ่าจะได้จองง่ายและได้ไว ไม่ใช่ทุกคนจะไปทำได้นะคะ ต้องยึดตามหลักเชงเก้นว่าเราอยู่ประเทศไหนนานสุด ให้ไปทำประเทศนั้นๆและกรณีที่เราอยู่แต่ละประเทศจำนวนวันเท่ากัน ให้ขอประเทศแรกที่บินถึงค่ะ ไม่รวมประเทศที่ Transit ในเชงเก้นค่ะ
เอกสารยื่น Visa Schengen
- ใบนัดทำวีซ่า Appointment
- Passport เล่มปัจจุบัน
- สำเนา Passport เล่มปัจจุบันที่มีตราปั้มทุกหน้า
- รูปถ่ายพื้นหลังสีขาว 2 รูปขนาด 2.5*1.5 นิ้ว
- Application Form ที่เรากรอก
- Statement ย้อนหลัง 6 เดือน และเอกสารรับรองเงินแปลงเป็น EU ขอได้ที่ธนาคารของเรา
- หน้าสำเนา Bookbank พร้อมแปล
- หนังสือรับรองเงินเดือน ระบุวันเดินทาง
- แผนการเดินทางอย่างละเอียด ไปไหน วันไหนบ้าง
- ตั๋วเครื่องบินจองจริง ของพี่โดนโทรมาตามขอตั๋วจริงค่ะ
- ตั๋วเดินทางข้ามประเทศแต่ละประเทศ เช่น ตั๋วรถไฟ ตั๋วเครื่องบินใน Schengen
- ใบจองโรงแรมทุกคืน
- จดหมายแนะนำตัว เราขอให้เขาช่วยพิจารณาวีซ่ายาวเพราะมีแผนการเดินทางทุกปี พร้อมแนบตั๋วทริปถัดไปให้เขาดูด้วยค่ะ
ไปยื่น Visa Schengen
วันทำวีซ่า มาตรงเวลานัดเป๊ะ สถานที่ทำวีซ่าของสเปนไม่ใหญ่ค่ะ เขาจะไม่ให้เราเข้าไปรอก่อนเวลา ตั้งอยู่ตรง ชั้น B2 ตึก Interchange ข้าง Food Court ลงสถานี BTS Asoke หรือ MRT สุขุมวิทค่ะ ใช้เวลาในการยื่นวีซ่าเชงเก้นสเปน ผ่าน BLS ประมาณ 15 นาทีทุกอย่างเสร็จ ตั้งแต่ตรวจเอกสาร BIO เจ้าหน้าที่แจ้งว่าใช้เวลารอ 5-10 วันทำการ ค่าธรรมเนียม 3,650 บาท จ่ายด้วยเงินสดเท่านั้นค่ะ ใช้เวลารวมรับเล่ม 5 วันค่ะ ได้วีซ่ายาวถึงวันหมดอายุ Passport ค่ะ ปล. Passport มีอายุเหลือปีกว่าๆเอง
Visa ผ่านครบ มาถึงว่าจะไปไหนบ้าง แผนของทริปนี้ พาพี่สาวที่ไม่เคยไปเที่ยวยุโรปเลยสักครั้งไปเที่ยวครั้งแรก รอบนี้ก็เลยจะพาไปเรียงจากFrance - Spain - Belgium - Netherlands - Germany - Austria อาจจะไม่ได้ดื่มด่ำอะไรมาก เน้นชิมเมืองอย่างละนิดอย่างละหน่อย ได้ประเทศก็มาเลือกโรงแรมแต่ละที่ ส่วนมากจะจองแบบ Prepaid จ่ายให้หมดก่อนเดินทางผ่าน Agoda Trip.com Traveloka และ Booking เพราะแต่ละ agency โรงแรมเดียวกัน แต่จองจากต่าง agency ราคาก็จะต่างกันค่ะ ใช้วิธีเช็คจาก Google ก่อน จองจากที่ไหนถูกสุดค่ะ อย่าลืมคำนวณ City Tax ของแต่ละโรงแรมที่เราต้องไปจ่ายหน้างานด้วยนะคะ ส่วนนี้จะไม่รวมกับค่าโรงแรม ส่วนมากจะราคาไม่เกิน 1 EU ต่อคนต่อคืนค่ะ มีของ Netherlands จะแพงกว่าประเทศอื่นค่ะ
จองรถไฟและรถบัสระหว่างประเทศ
วิธีเดินทางข้ามประเทศของเราจะใช้หลักการ ไม่ต่อรถไฟ ไม่ต่อรถบัส เพราะว่าไม่อยากเสี่ยงต่อการตกรถถ้าล่าช้า เราจะเทียบราคาดูก่อนว่ารถไฟ เครื่องบิน รถบัสราคาเท่าไร ถ้ารถไฟแพงกว่าไม่มากก็จะเลือกรถไฟค่ะ รถบัสใช้บริการเจ้า Flixbusในยุโรปตลอดทริป ถึงแม้จะมีข้อเสียจุกจิก เช่น ไม่มี wifi บ้าง ไม่แวะห้องน้ำบ้าง ช้าบ้าง แต่โดยรวมคือไม่แพงและdirect bus ทำให้เราเลือกใช้บริการมาตลอดค่ะ และเครื่องบินใช้ Ryan Air เนื่องจากตั๋วราคาไม่แพง มาแพงส่วน Add-on เช่น กระเป๋าเดินทาง ที่นั่ง ก่อนไปอย่าลืมศึกษาวิธีการเดินทางในประเทศนั้นๆด้วยนะคะ ว่าควรใช้ Ticket แบบไหน Day Pass คุ้มไหม
ส่วนรถไฟต้องจองผ่าน App ของแต่ละประเทศค่ะ
ฝรั่งเศส จองผ่าน SNCF Connect
สเปน จองผ่าน RENFE
เบลเยี่ยม จองผ่าน SNCB
เยอรมัน จองผ่าน DB
เนเธอแลนด์ จองผ่าน NS
ออสเตรีย จองผ่าน OBB
ที่เหลือจัดการให้ครบ
- ซิมส์เดินทาง ใช้ Instasim ตลอด เพราะว่าสามารถใช้ติดต่อโทรออกเบอร์ในยุโรปได้
- ทำประกันเดินทาง ครอบคลุมกระเป๋าแตก ล่าช้า ยกเลิก กระเป๋าเดินทางมาช้า ให้ครบค่ะ
พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันค่ะ …
สวัสดียามเช้าค่ะวันนี้เราอยู่กันที่สนามบินสุวรรณภูมินะคะเตรียมตัวจะบินไปที่สนามบิน CDG Paris ประเทศฝรั่งเศสค่ะ เช็คอินออนไลน์เลือกที่นั่งมาเรียบร้อยแล้วค่ะ แค่มา Drop Luggage ที่ Row K เคาน์เตอร์สิงคโปร์แอร์ไลน์
ผ่าน ตม. และ Security Check วันนี้คนไม่ค่อยเยอะ ใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 1 ชั่วโมง เหลือเวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าก่อน Boarding time ไปใช้บริการ Miracle Lounge กันค่ะ ตอนนี้ทุก concourse เปิดให้บริการครบละนะคะ เลือกใกล้ concourse ที่ใกล้ Gate เราจะได้เดินใกล้ๆค่ะ Miracle Lounge ใช้บริการได้คนละ 2 ชั่วโมง ตามสิทธิ์บัตรเครดิตต่างๆ ซึ่งแต่ละเดือนจะมีโปรโมรชั่นแตกต่างกันออกไปค่ะ
เดินทางจากกรุงเทพมาสิงคโปร์ประมาณ 2 ชั่วโมง ตามกำหนดการณ์เดิมเรามีเวลา Transit ต่อเครื่อง 50 นาทีที่สนามบินชางงี ตอนแรกก็กังวลจะทันไหมเวลาต่อเครื่องสั้นมาก เพราะว่ามีแบบ 50 นาที แล้วก็เป็นTransit ครึ่งวันขั้นต่ำไม่อยากต่อเครื่องนาน ก่อนจองโทรไปเช็คสายการบิน เจ้าหน้าที่แจ้งว่าทันเวลาแน่นอน พอมาถึงหน้างานเบ็ดเสร็จกว่าจะได้ลงจากเครื่องเหลือ 30 นาทีค่ะ วิ่งมาถึงหน้า Gate Boarding ทันเวลาพอดี วิ่งเกือบกิโลได้ค่ะ จาก D วิ่งมา B ไกลสุดๆ ไม่แนะนำสำหรับคนที่เดินทางกับผู้ใหญ่นะคะ
ใช้เวลาบนเครื่อง 14 ชั่วโมงจากสิงคโปร์มาที่ปารีส ถามว่าเบื่อไหม มีอะไรให้ทำ ทางนี้ซื้อ wifi on board เล่นตลอดการเดินทางค่ะ Internet โอเคเลยนะคะ มีหลาย Package ให้เลือกค่ะ เราเลือกแบบ 200 MB เล่น Line Facebook ได้ไม่ติดขัด ถ้าเราไม่อยากเล่นก็สามารถ Pause ไว้แล้วมาเล่นต่อ
ดูวิวไปด้วย อ่านหนังสือออนไลน์ที่ download offline ไว้
บนเครื่องเสิร์ฟอาหาร 2 มื้อ เป็นอาหารกลางวันและดินเนอร์ เลือกอาหารไว้ก่อนเป็น Non-Seafood Meal และ Seafood Meal ค่ะ ข้อดีของการเลือกอาหารล่วงหน้านะคะเวลาเสิร์ฟจะทำให้เราได้รับอาหารเร็วกว่าคนอื่นค่ะ ส่วนใครที่ไม่อิ่มนะ ด้านหลังเครื่องจะมีขนมของว่างขนมปังให้หยิบได้ตลอดเวลาค่ะสามารถเดินไปหยิบมาทานได้นะ ทางนี้วนไปหยิบ Kitkat มาหลายแท่งเลย อร่อยยย ของหวานแจกเป็นไอติม เราฝากไอติมไว้ทานตอนดูหนัง เพลินๆค่ะ

ลงเครื่องมาปุ๊ป Singapore Airlines ลงที่ Terminal 2A Sims ที่ซื้อมาทำงานทันทีได้รับเมลล์จากสายการบินว่ากระเป๋า Delay 1 ใบ จะมาถึงวันพรุ่งนี้เช้า 07:30 น. มาติดต่อเจ้าหน้าที่สายการบิน เจ้าหน้าที่ให้เลือกระหว่างจะส่งกระเป๋าไปที่โรงแรมหรือมารับเอง เลือกมารับเองเพราะดูจากปริมาณกระเป๋าที่ค้างส่งด้านหลังคิดว่าไม่น่าจะได้ในเร็วๆพรุ่งนี้เช้าค่ะ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าควรสำรองเสื้อผ้าออกมาสักชุดนึงติดตัวไว้และประกันเดินทางสำคัญนะคะ ถ้าเราทำประกันมาให้ขอเอกสารจากสายการบินเพื่อเคลมประกัน ออกค่าใช้จ่ายไปก่อนสำหรับซื้อเสื้อผ้าระหว่างรอกระเป๋าเสื้อผ้ามาส่งและเบิกค่ารถที่เรานั่งมาสนามบินไปกลับเพื่อรับกระเป๋าค่ะ
ตอนนี้เป็นเวลา 22:30 น. ได้เอกสารแล้วไปโรงแรมกัน ถ้านั่งรถไฟต้องเดินไปที่ Terminal 2 และกว่าจะต่อรถใต้ดินมันดึกไปน่ากลัว เรียกรถผ่าน Bolt Application ดีกว่า ลงทะเบียนครั้งแรกได้ส่วนลด 50% ฟรี 5 ครั้ง คุ้มมากๆค่ะ ผูกบัตร Travel Card ได้ พอหารกันแล้วค่ารถถูกกว่านั่งรถไฟไปลง Gare Du Nord ค่ะ ตกคนละ 9.5 EU
รถจาก Bolt พาเราส่งที่โรงแรม hotelF1 Paris Saint Denis Stade check in ผ่านตู้ check in kiosk โรงแรมนี้ Reception เปิดถึง 3 ทุ่มค่ะ ทำไม่ยากแค่กรอก Booking No. และชื่อนามสกุล ได้เลขห้องและรหัสเข้าห้อง แค่นี้เองค่ะ มาถึงห้องแล้ว ห้องเราขนาดเล็กๆ เป็นห้องเตียงใหญ่ มีห้องน้ำในตัว
วันนี้ต้องพยายามนอนให้ได้ สู้ๆค่ะ
[CR] เที่ยวยุโรป…แบบฉบับวางแผนเองเที่ยวเองและไปตามรอยได้สบาย
- ใบนัดทำวีซ่า Appointment
- Passport เล่มปัจจุบัน
- สำเนา Passport เล่มปัจจุบันที่มีตราปั้มทุกหน้า
- รูปถ่ายพื้นหลังสีขาว 2 รูปขนาด 2.5*1.5 นิ้ว
- Application Form ที่เรากรอก
- Statement ย้อนหลัง 6 เดือน และเอกสารรับรองเงินแปลงเป็น EU ขอได้ที่ธนาคารของเรา
- หน้าสำเนา Bookbank พร้อมแปล
- หนังสือรับรองเงินเดือน ระบุวันเดินทาง
- แผนการเดินทางอย่างละเอียด ไปไหน วันไหนบ้าง
- ตั๋วเครื่องบินจองจริง ของพี่โดนโทรมาตามขอตั๋วจริงค่ะ
- ตั๋วเดินทางข้ามประเทศแต่ละประเทศ เช่น ตั๋วรถไฟ ตั๋วเครื่องบินใน Schengen
- ใบจองโรงแรมทุกคืน
- จดหมายแนะนำตัว เราขอให้เขาช่วยพิจารณาวีซ่ายาวเพราะมีแผนการเดินทางทุกปี พร้อมแนบตั๋วทริปถัดไปให้เขาดูด้วยค่ะ
ไปยื่น Visa Schengen
วิธีเดินทางข้ามประเทศของเราจะใช้หลักการ ไม่ต่อรถไฟ ไม่ต่อรถบัส เพราะว่าไม่อยากเสี่ยงต่อการตกรถถ้าล่าช้า เราจะเทียบราคาดูก่อนว่ารถไฟ เครื่องบิน รถบัสราคาเท่าไร ถ้ารถไฟแพงกว่าไม่มากก็จะเลือกรถไฟค่ะ รถบัสใช้บริการเจ้า Flixbusในยุโรปตลอดทริป ถึงแม้จะมีข้อเสียจุกจิก เช่น ไม่มี wifi บ้าง ไม่แวะห้องน้ำบ้าง ช้าบ้าง แต่โดยรวมคือไม่แพงและdirect bus ทำให้เราเลือกใช้บริการมาตลอดค่ะ และเครื่องบินใช้ Ryan Air เนื่องจากตั๋วราคาไม่แพง มาแพงส่วน Add-on เช่น กระเป๋าเดินทาง ที่นั่ง ก่อนไปอย่าลืมศึกษาวิธีการเดินทางในประเทศนั้นๆด้วยนะคะ ว่าควรใช้ Ticket แบบไหน Day Pass คุ้มไหม
ส่วนรถไฟต้องจองผ่าน App ของแต่ละประเทศค่ะ
ฝรั่งเศส จองผ่าน SNCF Connect
สเปน จองผ่าน RENFE
เบลเยี่ยม จองผ่าน SNCB
เยอรมัน จองผ่าน DB
เนเธอแลนด์ จองผ่าน NS
ออสเตรีย จองผ่าน OBB
- ซิมส์เดินทาง ใช้ Instasim ตลอด เพราะว่าสามารถใช้ติดต่อโทรออกเบอร์ในยุโรปได้
- ทำประกันเดินทาง ครอบคลุมกระเป๋าแตก ล่าช้า ยกเลิก กระเป๋าเดินทางมาช้า ให้ครบค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้