คณะกฐินเมื่อมาถึงวัดแล้ว ได้นำผ้ากฐินพร้อมทั้งเครื่องอันเป็นบริวารขึ้นไปวางบนศาลา
เพื่อรอเวลาพระบิณฑบาตและฉันเสร็จก่อนจึงค่อยทอดถวาย
ในขณะที่พระกลับมาจากบิณฑบาต จัดแจกอาหารลงบาตร
เสร็จและให้พรแล้วลงมือฉันตามปกติ
ญาติโยมคณะกฐินได้ถือโอกาศนั้น
ลงไปเดินชมดูบริเวณวัดพลาง ๆ
ไปก่อน เพื่อไม่ให้เสียเวลา
สักครู่ใหญ่เมื่อเห็นพระเณรทยอย
ถือบาตรลงจากศาลาหอฉัน
ไปล้างบาตรในที่สำหรับล้าง
นั่นแสดงว่าพระเณรท่านฉันจังหันเสร็จแล้ว
พวกโยมคณะกฐินจึงพากันขึ้นมาที่ศาลา มาถึงเห็นพระอาจารย์มั่น
นั่งบนอาสนะ
กำลังทำสรีรกิจส่วนตัวหลังฉันภัตตาหาร มีการล้างมือ บ้วนปาก
ชำระฟัน เป็นต้น
พอท่านพระอาจารย์มั่น เห็นว่าญาติโยมขึ้นไปบนศาลาแล้ว
" พ่อออก...สิเฮ็ดจั้งใด ของหมู่นี้ "
( หมายความว่า พวกโยมจะทำยังไงต่อไปกับของเหล่านี้ )
โยมผู้เป็นเจ้าภาพนำผ้ากฐินมาจึงตอบท่านว่า
" แล้วแต่พ่อแม่ครูบาอาจารย์
จะพิจารณาขอรับ "
ท่านพระอาจารย์มั่นจึงพูดขึ้นว่า
" ถ้าจั้งซั่นให้พากันไปหาฟดไม้หรือใบไม้มาปกปิดเสียก่อน "
พวกญาติโยมเมื่อได้ฟังดังนั้น
จึงพากันรีบลงไปหาฟดไม้หรือใบไม้นำมาปกปิดกองผ้ากฐินเรียบร้อยแล้วจึงถอยห่างออกมาอยู่ข้างนอก
สักครู่ท่านพระอาจารย์มั่นจึงลุกไปพิจารณากองผ้าเหล่านั้นเป็นผ้าบังสุกุล
เสร็จแล้วท่านพระอาจารย์มั่น
จึงกล่าวกับญาติโยมว่า
" ของหมู่นั่นเสร็จเรียบร้อยแล้วเน้อ
พวกญาติโยมที่มาที่นี้ก็ได้บุญได้กุศลแล้วทุกคนเน้อ "
แล้วท่านก็พูดคุนกับญาติโยมที่มาทำบุญในวันนั้นอีกบ้างพอสมควร
หลังจากนั้นพวกญาติโยมก็ได้กราบแล้วลงจากศาลาไปรับประทานอาหารจากเศษข้าวก้นบาตรจนเสร็จเรียบร้อย
จึงพร้อมกันไปกราบลาท่านพระอาจารย์มั่นกลับบ้านงานจึงเป็นอันเสร็จสิ้นลงเพียงเท่านี้
ส่วนพระรูปที่ฝึกซ้อมตระเตรียมท่องคำอปโลกน์กฐินและสวดญัตติทุติยกรรมวาจา อย่างดิบดีอย่างที่กล่าวมาแล้วนั้น
คิดว่าจะได้สวดแสดงในการ
กรานกฐินครั้งนี้ เมื่อเหตุการณ์
เปลี่ยนแปลงไปเช่นนั้น
เรื่องต่าง ๆ เหล่านั้นก็เป็นอันว่าจบลงเพียงแค่นั้นแล
ภายหลังหมู่พระทั้งหลายจึงมาพูดกับหมู่เพื่อนว่า
" ท่านพระอาจารย์ใหญ่เราเด็ดขาดจริง ๆ ไม่สะทกสะท้าน สงสัยในเรื่องพิธีการเหล่านี้เลย "
จึงทำให้หมู่พระลูกศิษย์สมัยนั้นคิดสงวนภูมิใจอยู่องค์เดียวมาจนถึงทุกวันนี้
#องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า
สาธุ.
#คัดลอกจากหนังสือบูรพาจารย์
คลิกอ่านเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/hashtag/คัดลอกจากหนังสือบูรพาจารย์
เมื่อวันทอดกฐินมาถึงเจ้าภาพเขานำผ้ากฐินมาถวายในตอนเช้า
เพื่อรอเวลาพระบิณฑบาตและฉันเสร็จก่อนจึงค่อยทอดถวาย
ในขณะที่พระกลับมาจากบิณฑบาต จัดแจกอาหารลงบาตร
เสร็จและให้พรแล้วลงมือฉันตามปกติ
ญาติโยมคณะกฐินได้ถือโอกาศนั้น
ลงไปเดินชมดูบริเวณวัดพลาง ๆ
ไปก่อน เพื่อไม่ให้เสียเวลา
สักครู่ใหญ่เมื่อเห็นพระเณรทยอย
ถือบาตรลงจากศาลาหอฉัน
ไปล้างบาตรในที่สำหรับล้าง
นั่นแสดงว่าพระเณรท่านฉันจังหันเสร็จแล้ว
พวกโยมคณะกฐินจึงพากันขึ้นมาที่ศาลา มาถึงเห็นพระอาจารย์มั่น
นั่งบนอาสนะ
กำลังทำสรีรกิจส่วนตัวหลังฉันภัตตาหาร มีการล้างมือ บ้วนปาก
ชำระฟัน เป็นต้น
พอท่านพระอาจารย์มั่น เห็นว่าญาติโยมขึ้นไปบนศาลาแล้ว
" พ่อออก...สิเฮ็ดจั้งใด ของหมู่นี้ "
( หมายความว่า พวกโยมจะทำยังไงต่อไปกับของเหล่านี้ )
โยมผู้เป็นเจ้าภาพนำผ้ากฐินมาจึงตอบท่านว่า
" แล้วแต่พ่อแม่ครูบาอาจารย์
จะพิจารณาขอรับ "
ท่านพระอาจารย์มั่นจึงพูดขึ้นว่า
" ถ้าจั้งซั่นให้พากันไปหาฟดไม้หรือใบไม้มาปกปิดเสียก่อน "
พวกญาติโยมเมื่อได้ฟังดังนั้น
จึงพากันรีบลงไปหาฟดไม้หรือใบไม้นำมาปกปิดกองผ้ากฐินเรียบร้อยแล้วจึงถอยห่างออกมาอยู่ข้างนอก
สักครู่ท่านพระอาจารย์มั่นจึงลุกไปพิจารณากองผ้าเหล่านั้นเป็นผ้าบังสุกุล
เสร็จแล้วท่านพระอาจารย์มั่น
จึงกล่าวกับญาติโยมว่า
" ของหมู่นั่นเสร็จเรียบร้อยแล้วเน้อ
พวกญาติโยมที่มาที่นี้ก็ได้บุญได้กุศลแล้วทุกคนเน้อ "
แล้วท่านก็พูดคุนกับญาติโยมที่มาทำบุญในวันนั้นอีกบ้างพอสมควร
หลังจากนั้นพวกญาติโยมก็ได้กราบแล้วลงจากศาลาไปรับประทานอาหารจากเศษข้าวก้นบาตรจนเสร็จเรียบร้อย
จึงพร้อมกันไปกราบลาท่านพระอาจารย์มั่นกลับบ้านงานจึงเป็นอันเสร็จสิ้นลงเพียงเท่านี้
ส่วนพระรูปที่ฝึกซ้อมตระเตรียมท่องคำอปโลกน์กฐินและสวดญัตติทุติยกรรมวาจา อย่างดิบดีอย่างที่กล่าวมาแล้วนั้น
คิดว่าจะได้สวดแสดงในการ
กรานกฐินครั้งนี้ เมื่อเหตุการณ์
เปลี่ยนแปลงไปเช่นนั้น
เรื่องต่าง ๆ เหล่านั้นก็เป็นอันว่าจบลงเพียงแค่นั้นแล
ภายหลังหมู่พระทั้งหลายจึงมาพูดกับหมู่เพื่อนว่า
" ท่านพระอาจารย์ใหญ่เราเด็ดขาดจริง ๆ ไม่สะทกสะท้าน สงสัยในเรื่องพิธีการเหล่านี้เลย "
จึงทำให้หมู่พระลูกศิษย์สมัยนั้นคิดสงวนภูมิใจอยู่องค์เดียวมาจนถึงทุกวันนี้
#องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า
สาธุ.
#คัดลอกจากหนังสือบูรพาจารย์
คลิกอ่านเพิ่มเติม https://www.facebook.com/hashtag/คัดลอกจากหนังสือบูรพาจารย์