เราตรวจเจอโควิด และติดครั้งแรก วันเสาร์ที่ 12 พ.ย. ตรวจเจอประมาณ 18.00 น.
รับเชื้อมาจากน้องสาว วันศุกร์ที่ 11 พ.ย.
น้องสาวเราเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ซึ่งอาการจามตอนเช้าเป็นเรื่องปกติ ก็เลยไม่ได้กังวลอะไร
พอช่วงเย็นๆ น้องสาวโทรมาบอกว่า ติดโควิด เราเลยตรวจ แต่ไม่เจอ
กลางคืนวันศุกร์ และเช้าวันเสาร์ เริ่มมีอาการ ปวดหัว ไข้อ่อนๆ มีน้ำมูก ตรวจตอนเช้าไม่เจอ
ตอนเย็นประมาณ 18.00 น. ตรวจอีกรอบ ผลออกมาขึ้น 2 ขีด
ซึ่งการติดรอบนี้ ที่บ้านเราติดโควิด 3 คน คือ พ่อ เรา และน้องสาว
ส่วนแม่เราตรวจแล้ว ไม่ติดโควิด ระยะเวลาจากการรับเชื้อ และฟักตัวของเชื้อ 1 วัน (เร็วมากๆ )
ทำการแยกห้องน้ำ และห้องนอน ให้แม่ใช้ห้องน้ำชั้น 2 ส่วนพ่อ เรา และน้องสาว ใช้ห้องน้ำชั้น 3 ร่วมกัน
และแยกห้องกันนอนคนละห้อง
เราไปหาหมอที่โรงพยาบาลประกันสังคม ได้ยาตามอาการมา คือยาลดไข้ ยาแก้เจ็บคอ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ
และฟ้าทะลายโจร ซึ่งต้องกินมื้อละ 5 เม็ด 3 มื้อ ติดกัน 5 วัน
อาการที่เราเป็นคือ
[ วันที่ 1 วันแรกที่ตรวจเจอ ] วันเสาร์ที่ 12 พ.ย. ตรวจเจอ 2 ขีด ปวดหัว ไข้อ่อนๆ มีน้ำมูก
[ วันที่ 2 ] วันอาทิตย์ที่ 13 พ.ย. ไข้สูง ตอนเช้าวัดได้ 39 องศา และตอน 2 ทุ่มวัดได้ 39.2 องศา
มีอาการท้องเสียร่วมด้วย มีน้ำมูกอย่างเดียว
[ วันที่ 3 ] วันจันทร์ที่ 14 พ.ย. ไข้สูง ตอนเช้าวัดได้ 38.9 องศา และตอน 2 ทุ่มวัดได้ 38.8 องศา
เริ่มมีอาการมากขึ้นคือ ปวดเมื่อยเนื้อตัว ไอ จาม เจ็บคอ มีน้ำมูก คอขม และยังท้องเสียอยู่
[ วันที่ 4 ] วันอังคารที่ 15 พ.ย. ไข้ยังสูงอยู่ ตอนเช้าวัดได้ 39.1 องศา และตอน 2 ทุ่มวัดได้ 39.3 องศา
อาการต่างๆ ยังมีอยู่ แต่เริ่มเบื่ออาหารแล้ว
[ วันที่ 5 ] วันพุธที่ 16 พ.ย. ไข้ยังสูงอยู่ ตอนเช้าวัดได้ 38.6 องศา และตอน 2 ทุ่มวัดได้ 38.8 องศา
อาการต่างๆ ยังมีอยู่ เริ่มเบื่ออาหารแล้ว และเริ่มเหนื่อยมากขึ้น การขึ้น-ลง บันได เหนื่อยมาก เริ่มหายใจไม่ทัน
ตลอด 5 วัน ที่ผ่านมา เราทานยาตรงเวลาตลอด จนครบวันที่ทานฟ้าทะลายโจรหมด แต่อาการยังไม่ดีขึ้น
[ วันที่ 6 ] วันพฤหัสบดีที่ 17 พ.ย. ไข้ยังสูงอยู่ ตอนเช้าวัดได้ 38.5 องศา และตอน 2 ทุ่มวัดได้ 39.6 องศา (เป็นวันที่ไข้สูงที่สุด)
อาการต่างๆ ยังมีอยู่ แต่กินข้าวไม่ลง อาการคอขมไม่รับรสชัดมากขึ้น ทานได้กล้วยปิ้ง และกล้วยเป็นหวี
และข้าวต้มจืดๆ
วันที่ 6 ของการรับเชื้อ พ่อและน้องเราตรวจ ATK ผลออกมา 1 ขีดแล้ว
อาการของพ่อเราไม่มีอะไรเลย พ่อบอกว่าเหมือนเป็นไข้ธรรมดา กินข้าวลง และกินข้าวได้เยอะมาก
ส่วนของน้องเราไอหนักตั้งแต่วันแรกๆ เลยได้ยาโมลนูพิราเวียร์มา
[ วันที่ 7 ] วันศุกร์ที่ 18 พ.ย. ตอนเช้าไม่มีไข้ วัดได้ 36.1 องศา และพอตอน 2 ทุ่ม ไข้ขึ้นวัดได้ 38.8 องศา
ตรวจเทสยัง 2 ขีด เลยเริ่มกินยาจีน เหลียนฮัวชิงเวิน
[ วันที่ 8 ] วันเสาร์ที่ 19 พ.ย. ตอนเช้ายังมีไข้อยู่ วัดได้ 38.8 องศา วันนี้หมอนัดเลยไปโรงพยาบาล
หมอเห็นอาการไม่ดีขึ้นเลยให้ตรวจปอด และให้ยาเพิ่มมา และมาฟังผลวันพฤหัสที่ 24 พ.ย.
(อาการไม่ดีขึ้นตอนที่ไปหาหมอคือ เหนื่อย ไม่สามารถคุยนานๆ ได้ หายใจไม่ทัน มีไข้
แต่วัดออกซิเจนในเส้นเลือดปกติ ความดันโลหิตปกติ)
[ วันที่ 9 ] วันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย. ตรวจเทสยัง 2 ขีด ไม่มีไข้แล้ว แต่อาการเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ
การขึ้นลงบันไดจากชั้น 2 ไปชั้น 3 เพื่อเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก
พอลงจากชั้น 3 มาที่ห้อง ถึงกับหมดแรง หอบ เหนื่อย หายใจไม่ทัน
[ วันที่ 10 ] วันจันทร์ที่ 21 พ.ย. ตรวจเทสเหลือขีดเดียวแล้ว ไม่มีไข้ แต่อาการเหนื่อยเยอะขึ้นกว่าเดิม
[ วันที่ 11 ] วันอังคารที่ 22 พ.ย. ไม่มีแรง มาที่ทำงานเพื่อเคลียร์งาน ได้แต่นั่งทำงานเฉยๆ เพราะเหนื่อย และจะหายใจไม่ทัน
ไม่สามารถพูดเยอะๆ หรือยาวๆ หรือเดินเยอะๆ มาก เพราะหมดแรง
[ วันที่ 13 ] วันพุธที่ 23 พ.ย. อาการเหนื่อย หอบ มากกว่าทุกวันมาก หมดแรง ลุกมาทำอะไรไม่ได้เลย
[ วันที่ 14 ] วันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย. ไปฟังผล x-ray ปอด และเจาะเลือด ผลเลือดออกมาร่างกายปกติ
ไม่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตปกติ
แต่ผล x-ray ปอดเป็นฝ้า หมอบอกว่าปอดติดเชื้อ ทำการรักษาโดยการฉีดยาสเตียรอยเข้าเส้นเลือด
และให้ยา Prednisolone เป็นยาเม็ดเล็กๆ สีชมพูมากิน และต้องไปเจาะเลือดและ x-ray ปอดทุกอาทิตย์
จนถึงตอนนี้ เจาะเลือดและ x-ray ปอดไป 5 ครั้งละ และผลรักษาปัจจุบัน หมอบอกว่าปอดจะค่อยๆ ดีขึ้น
ยา Prednisolone ที่หมอให้มา แบ่งกินเป็น 3 ช่วงใหญ่ๆ คือ
อาทิตย์แรกและอาทิตย์ที่ 2 กินยาครั้งละ 2 เม็ดต่อมื้อ เช้าและเย็น ทุกวัน ห้ามขาด
อาทิตย์ที่ 3 กินยาครั้งละ 1 เม็ดต่อมื้อ เช้าและเย็น ทุกวัน ห้ามขาด
อาทิตย์ที่ 4 กินยาวันละ 1 เม็ด ช่วงเช้าช่วงเดียว
หมอบอกว่ายานี้มีผลข้างเคียง ต้องค่อยๆ ลดปริมาณยาลง จนครบ (หมอบอกว่าต้องถอนยา) ไม่งั้นอาจจะมีผลเสียได้
ตอนที่ติดโควิด เราไม่ได้คิดถึงเรื่องเชื้อลงที่ปอดเลย เพราะเรามั่นใจว่าเราฉีดวัคซีน 4 เข็มแล้ว (AZ 2 / FZ 2)
เลยคิดว่าติดโควิด ไม่น่าร้ายแรง เพราะญาติๆ เรา แม่เราที่เคยติดก่อนหน้านี้อาการไม่หนัก
และพ่อ และน้องสาวของเราที่ติดพร้อมกัน อาการก็ไม่หนัก
เราเลยชะล่าใจนึกว่าอาการที่เหนื่อย น่าจะเป็นอาการจากลองโควิด
ที่ไหนได้ เชื้อไปลงที่ปอดซะนี่
ส่วนอาการลองโควิดที่ตามมาคือ คอขม ไม่รับรส ประมาณเกือบเดือน ทานอะไรก็ไม่อร่อย
และมีไอแห้งบางครั้ง
เราเลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อแชร์อาการ และเตือนให้เพื่อนๆ ถ้าติดโควิดและรู้สึกเหนื่อยมากๆ อย่าปล่อยไว้เหมือนเรา
ให้รีบไปหาหมอดีกว่า ไม่งั้นอาจจะเป็นเหมือนเราที่เชื้อลงปอด
ณ วันนี้ เราไม่ต้องกินยาอีกแล้ว แต่ก็ยังเหนื่อยๆ อยู่
ล่าสุดลองขึ้นลงสะพานลอย รู้เลยว่าไม่ไหว เพราะเราเหนื่อยมากจนหูอื้อ หายใจไม่ทัน ต้องหายใจทางปาก เหมือนจะเป็นลม
แต่เราเริ่มออกกำลังกายเบาๆ ละ เช่นปั่นจักรยานรอบๆ หมู่บ้าน
ตอนนี้อาการเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ละ
แชร์ประสบการณ์ติดโควิดครั้งแรก และอาการเชื้อลงปอด
รับเชื้อมาจากน้องสาว วันศุกร์ที่ 11 พ.ย.
น้องสาวเราเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ซึ่งอาการจามตอนเช้าเป็นเรื่องปกติ ก็เลยไม่ได้กังวลอะไร
พอช่วงเย็นๆ น้องสาวโทรมาบอกว่า ติดโควิด เราเลยตรวจ แต่ไม่เจอ
กลางคืนวันศุกร์ และเช้าวันเสาร์ เริ่มมีอาการ ปวดหัว ไข้อ่อนๆ มีน้ำมูก ตรวจตอนเช้าไม่เจอ
ตอนเย็นประมาณ 18.00 น. ตรวจอีกรอบ ผลออกมาขึ้น 2 ขีด
ซึ่งการติดรอบนี้ ที่บ้านเราติดโควิด 3 คน คือ พ่อ เรา และน้องสาว
ส่วนแม่เราตรวจแล้ว ไม่ติดโควิด ระยะเวลาจากการรับเชื้อ และฟักตัวของเชื้อ 1 วัน (เร็วมากๆ )
ทำการแยกห้องน้ำ และห้องนอน ให้แม่ใช้ห้องน้ำชั้น 2 ส่วนพ่อ เรา และน้องสาว ใช้ห้องน้ำชั้น 3 ร่วมกัน
และแยกห้องกันนอนคนละห้อง
เราไปหาหมอที่โรงพยาบาลประกันสังคม ได้ยาตามอาการมา คือยาลดไข้ ยาแก้เจ็บคอ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ
และฟ้าทะลายโจร ซึ่งต้องกินมื้อละ 5 เม็ด 3 มื้อ ติดกัน 5 วัน
อาการที่เราเป็นคือ
[ วันที่ 1 วันแรกที่ตรวจเจอ ] วันเสาร์ที่ 12 พ.ย. ตรวจเจอ 2 ขีด ปวดหัว ไข้อ่อนๆ มีน้ำมูก
[ วันที่ 2 ] วันอาทิตย์ที่ 13 พ.ย. ไข้สูง ตอนเช้าวัดได้ 39 องศา และตอน 2 ทุ่มวัดได้ 39.2 องศา
มีอาการท้องเสียร่วมด้วย มีน้ำมูกอย่างเดียว
[ วันที่ 3 ] วันจันทร์ที่ 14 พ.ย. ไข้สูง ตอนเช้าวัดได้ 38.9 องศา และตอน 2 ทุ่มวัดได้ 38.8 องศา
เริ่มมีอาการมากขึ้นคือ ปวดเมื่อยเนื้อตัว ไอ จาม เจ็บคอ มีน้ำมูก คอขม และยังท้องเสียอยู่
[ วันที่ 4 ] วันอังคารที่ 15 พ.ย. ไข้ยังสูงอยู่ ตอนเช้าวัดได้ 39.1 องศา และตอน 2 ทุ่มวัดได้ 39.3 องศา
อาการต่างๆ ยังมีอยู่ แต่เริ่มเบื่ออาหารแล้ว
[ วันที่ 5 ] วันพุธที่ 16 พ.ย. ไข้ยังสูงอยู่ ตอนเช้าวัดได้ 38.6 องศา และตอน 2 ทุ่มวัดได้ 38.8 องศา
อาการต่างๆ ยังมีอยู่ เริ่มเบื่ออาหารแล้ว และเริ่มเหนื่อยมากขึ้น การขึ้น-ลง บันได เหนื่อยมาก เริ่มหายใจไม่ทัน
ตลอด 5 วัน ที่ผ่านมา เราทานยาตรงเวลาตลอด จนครบวันที่ทานฟ้าทะลายโจรหมด แต่อาการยังไม่ดีขึ้น
[ วันที่ 6 ] วันพฤหัสบดีที่ 17 พ.ย. ไข้ยังสูงอยู่ ตอนเช้าวัดได้ 38.5 องศา และตอน 2 ทุ่มวัดได้ 39.6 องศา (เป็นวันที่ไข้สูงที่สุด)
อาการต่างๆ ยังมีอยู่ แต่กินข้าวไม่ลง อาการคอขมไม่รับรสชัดมากขึ้น ทานได้กล้วยปิ้ง และกล้วยเป็นหวี
และข้าวต้มจืดๆ
วันที่ 6 ของการรับเชื้อ พ่อและน้องเราตรวจ ATK ผลออกมา 1 ขีดแล้ว
อาการของพ่อเราไม่มีอะไรเลย พ่อบอกว่าเหมือนเป็นไข้ธรรมดา กินข้าวลง และกินข้าวได้เยอะมาก
ส่วนของน้องเราไอหนักตั้งแต่วันแรกๆ เลยได้ยาโมลนูพิราเวียร์มา
[ วันที่ 7 ] วันศุกร์ที่ 18 พ.ย. ตอนเช้าไม่มีไข้ วัดได้ 36.1 องศา และพอตอน 2 ทุ่ม ไข้ขึ้นวัดได้ 38.8 องศา
ตรวจเทสยัง 2 ขีด เลยเริ่มกินยาจีน เหลียนฮัวชิงเวิน
[ วันที่ 8 ] วันเสาร์ที่ 19 พ.ย. ตอนเช้ายังมีไข้อยู่ วัดได้ 38.8 องศา วันนี้หมอนัดเลยไปโรงพยาบาล
หมอเห็นอาการไม่ดีขึ้นเลยให้ตรวจปอด และให้ยาเพิ่มมา และมาฟังผลวันพฤหัสที่ 24 พ.ย.
(อาการไม่ดีขึ้นตอนที่ไปหาหมอคือ เหนื่อย ไม่สามารถคุยนานๆ ได้ หายใจไม่ทัน มีไข้
แต่วัดออกซิเจนในเส้นเลือดปกติ ความดันโลหิตปกติ)
[ วันที่ 9 ] วันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย. ตรวจเทสยัง 2 ขีด ไม่มีไข้แล้ว แต่อาการเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ
การขึ้นลงบันไดจากชั้น 2 ไปชั้น 3 เพื่อเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก
พอลงจากชั้น 3 มาที่ห้อง ถึงกับหมดแรง หอบ เหนื่อย หายใจไม่ทัน
[ วันที่ 10 ] วันจันทร์ที่ 21 พ.ย. ตรวจเทสเหลือขีดเดียวแล้ว ไม่มีไข้ แต่อาการเหนื่อยเยอะขึ้นกว่าเดิม
[ วันที่ 11 ] วันอังคารที่ 22 พ.ย. ไม่มีแรง มาที่ทำงานเพื่อเคลียร์งาน ได้แต่นั่งทำงานเฉยๆ เพราะเหนื่อย และจะหายใจไม่ทัน
ไม่สามารถพูดเยอะๆ หรือยาวๆ หรือเดินเยอะๆ มาก เพราะหมดแรง
[ วันที่ 13 ] วันพุธที่ 23 พ.ย. อาการเหนื่อย หอบ มากกว่าทุกวันมาก หมดแรง ลุกมาทำอะไรไม่ได้เลย
[ วันที่ 14 ] วันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย. ไปฟังผล x-ray ปอด และเจาะเลือด ผลเลือดออกมาร่างกายปกติ
ไม่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตปกติ
แต่ผล x-ray ปอดเป็นฝ้า หมอบอกว่าปอดติดเชื้อ ทำการรักษาโดยการฉีดยาสเตียรอยเข้าเส้นเลือด
และให้ยา Prednisolone เป็นยาเม็ดเล็กๆ สีชมพูมากิน และต้องไปเจาะเลือดและ x-ray ปอดทุกอาทิตย์
จนถึงตอนนี้ เจาะเลือดและ x-ray ปอดไป 5 ครั้งละ และผลรักษาปัจจุบัน หมอบอกว่าปอดจะค่อยๆ ดีขึ้น
ยา Prednisolone ที่หมอให้มา แบ่งกินเป็น 3 ช่วงใหญ่ๆ คือ
อาทิตย์แรกและอาทิตย์ที่ 2 กินยาครั้งละ 2 เม็ดต่อมื้อ เช้าและเย็น ทุกวัน ห้ามขาด
อาทิตย์ที่ 3 กินยาครั้งละ 1 เม็ดต่อมื้อ เช้าและเย็น ทุกวัน ห้ามขาด
อาทิตย์ที่ 4 กินยาวันละ 1 เม็ด ช่วงเช้าช่วงเดียว
หมอบอกว่ายานี้มีผลข้างเคียง ต้องค่อยๆ ลดปริมาณยาลง จนครบ (หมอบอกว่าต้องถอนยา) ไม่งั้นอาจจะมีผลเสียได้
ตอนที่ติดโควิด เราไม่ได้คิดถึงเรื่องเชื้อลงที่ปอดเลย เพราะเรามั่นใจว่าเราฉีดวัคซีน 4 เข็มแล้ว (AZ 2 / FZ 2)
เลยคิดว่าติดโควิด ไม่น่าร้ายแรง เพราะญาติๆ เรา แม่เราที่เคยติดก่อนหน้านี้อาการไม่หนัก
และพ่อ และน้องสาวของเราที่ติดพร้อมกัน อาการก็ไม่หนัก
เราเลยชะล่าใจนึกว่าอาการที่เหนื่อย น่าจะเป็นอาการจากลองโควิด
ที่ไหนได้ เชื้อไปลงที่ปอดซะนี่
ส่วนอาการลองโควิดที่ตามมาคือ คอขม ไม่รับรส ประมาณเกือบเดือน ทานอะไรก็ไม่อร่อย
และมีไอแห้งบางครั้ง
เราเลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อแชร์อาการ และเตือนให้เพื่อนๆ ถ้าติดโควิดและรู้สึกเหนื่อยมากๆ อย่าปล่อยไว้เหมือนเรา
ให้รีบไปหาหมอดีกว่า ไม่งั้นอาจจะเป็นเหมือนเราที่เชื้อลงปอด
ณ วันนี้ เราไม่ต้องกินยาอีกแล้ว แต่ก็ยังเหนื่อยๆ อยู่
ล่าสุดลองขึ้นลงสะพานลอย รู้เลยว่าไม่ไหว เพราะเราเหนื่อยมากจนหูอื้อ หายใจไม่ทัน ต้องหายใจทางปาก เหมือนจะเป็นลม
แต่เราเริ่มออกกำลังกายเบาๆ ละ เช่นปั่นจักรยานรอบๆ หมู่บ้าน
ตอนนี้อาการเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ละ