สวัสดีครับ ผมขอใช้พื้นที่นี้เล่าถึงเรื่องที่ผมกำลังเจอ ผมอายุเยอะแล้วแต่ กำลังเรียนอยู่ชั้นปริญาตรีเพราะผมเข้าเรียนช้าซึ่งมันเป็นผลจากปัญหาชีวิตที่ผมก่อขึ้นด้วยตัวผมเอง
1 ปีก่อนตัดสินใจเรียนต่อปริญาตรี ผมคบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธออยู่กับผมมาตลอดจนถึงปัจจุบัน
ในตอนแรกเธอเข้าใจในตัวผมและปัญหาชีวิตที่ผมเจอ เธอบอกว่าเราช่วยกันสร้างได้ จึงคบกันมาได้ 4 ปี แต่ในช่วงหลัง เธอบอกว่า ผมเป็นนักศึกษาและเธอก็ลำบากต้องทำงานเลี้ยงครอบครัว ผมไม่ตอบโจทย์เธออีกต่อไป ผมจึงคุยกับเธอว่า ขอผมเข้าไปช่วยงานด้วยได้ไหม ไม่ว่างานอะไรก็ตาม ผมทำได้ และไม่คิดค่าตัว เธอตอบตกลง
ในช่วงแรกเธอจ่ายงานมาให้ ผมทำผิดบ้างถูกบ้าง เพราะลักษณะงานที่เธอทำ ผมยังใหม่กับงานประเภทนี้อยู่ ผ่านไปสักพักผมทำได้ดีขึ้น เนื้องานพัฒนาขึ้น สังเกตุได้ว่าเธอพอใจและดูเหนื่อยน้อยลง ในช่วงพักหลังเธอเริ่มว่าผมแรงๆ เช่น ยังเรียนไม่จบดูแลใครไม่ได้/ขับรถไม่เป็น/บางครั้งเธอบอกว่าหาเหตุผลไม่ได้ “มันสะสมมาตลอด”/เหตุทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ นำมาพัฒนาตัวเอง และแก้ปัญหาด้วยตัวคนเดียวมาตลอด ทำไมถึงตัวคนเดียว? เพราะทุกครั้งที่ถามรายละเอียดว่าเธอมักตอบว่า “ผมควรรู้ด้วยตัวเอง” ซึ่งประเด็นข้างต้นผมขออธิบายในส่วนของผมตามนี้ครับ
“ยังเรียนไม่จบดูแลใครไม่ได้”
ประเด็นนี้ผมยอมรับครับ ผมเรียนไม่จบ แต่ทุกวันที่ไปเรียนผมตั้งใจเรียนมาก วิชาที่ผมเรียนเป็น “วิชาชีพ” ประเภทหนึ่งที่ต้องใช้ความรู้จากหนังสือเพื่อทำงาน เกรดผมจัดอยู่ในเกณฑ์ดี ผมสนุกกับการเรียน และหาช่องทางฝึกใช้ความรู้ที่ผมเรียนมา “ตลอดเวลา” เพื่อในอนาคต เมื่อผมพร้อมเข้าตลาดแรงงานจะได้ถูกเลือกเพราะคู่แข่งผมคือน้องๆที่เรียนจบสาขาเดียวกัน เด็กกว่า สด ใหม่ กว่า อาจมีโอกาสถูกเลือกมากกว่าผมที่อายุเยอะแล้ว
ณ วันที่ผมโพสเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 ปี ก่อนผมจบ แต่เธอบอกว่าช้าไป อย่างไรก็ตาม ผมแบ่งเวลาอ่านหนังสือ มาทำงาน ช่วยงานเธอมากขึ้น หาของมาขาย เพื่อแบ่งเบาภาระและความเครียด แต่มันก็ไม่ได้เติมเต็มช่องว่างที่เธอต้องการได้
“ขับรถไม่เป็น”
ประเด็นนี้ผมก็ยอมรับครับ ผมขับรถไม่เป็นชอบนั่งรถโดยสารประจำทาง (ทุกประเภท) และ ผมก็เข้าใจว่าผู้ชายนั่งรถให้แฟนขับมันเป็นเรื่องน่าอาย วัยนี้ควรขับรถเป็นได้แล้ว ผมไม่ได้นิ่งนอนใจครับ ผมหัดขับรถ สอบใบขับขี่ จนขับได้คล่อง สุดท้ายเธอบอกว่า “ไม่ต้องการแล้ว”
“บางครั้งเธอบอกว่าหาเหตุผลไม่ได้ มันสะสมมาตลอด”
ประเด็นนี้ผมพยายามถามเธอทุกครั้ง เมื่อพยายามถามอย่างใจเย็น และ วางตัวเป็นผู้ฟังที่ดี คำตอบที่ได้กลับมา คือเรื่องที่ผมทำไม่ได้ตอนนี้ เช่น เธอต้องการคน Support... เดือนละ...บาท ไม่อยากลำบากอีกแล้ว บางครั้งเธออยากอยู่คนเดียว เธอไม่อยากมีใคร แต่ครั้งหนึ่งผมทราบเรื่องมาว่า *เธอนัดกินข้าวกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งผู้ชายคนนั้นเสนอเงินให้เธอ...บาท ในทุกครั้งที่เธอมากินข้าวด้วย (หากท่านอ่านมาถึงตรงนี้อย่าพึ่งตัดสินและช่วยให้เกียรติเธอด้วยนะครับเพราะเรื่องไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ท่านคิด) เธอบอกกับผมว่า “รู้สึกหวั่นไหว” แต่การทำแบบนี้เหมือนการขายศักดิ์ศรีตัวเองไปให้คนอื่น เรื่องนี้จึงจบไปและผู้ชายคนนั้นไม่ได้ติดต่อกลับมาอีก ผมจึงบอกเธอว่า “เงินเราช่วยกันหา ช่วยกันใช้ ดีกว่าใช้เงินคนอื่นนะครับมาสู้กันต่อนะ” และ บ่อยครั้งที่เธอรู้สึกล้าจากการทำงาน ผมมักเจอกับเหตุผลที่ว่า “เธอไม่อยากมีใครแล้ว” ก็เข้าใจบางโมเมนต์มนุษย์ทุกคนก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว แต่ประเด็นนี้มันไม่นิ่งพอที่ผมจะแก้ปัญหา
“เครียดอยากอยู่คนเดียวมีแฟนแล้วเหนื่อยเหมือนเดิม มีทำไม”
ประเด็นนี้ผมพยายามหาคำตอบมาตลอด ซึ่งคำตอบที่ได้มา คือ จุดที่เป็นปมของผม เช่น ชีวิตล้มเหลว อายุเยอะแล้วดูแก่ไม่ได้ทำงาน ให้เงินเขาไม่ได้ ทำงานก็ไม่ดี ชีวิตผมล้มเหลว ยอมรับครับไม่ปฎิเสธ ตลอด 3 ปี (ในรั้ว ม.) ที่ผ่านมาผมเลิกพฤติกรรมที่ผมเคยเป็น ฝึกนิสัยใหม่ มีวินัยกับการเรียน และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด เครื่องชี้วัด คือ เกรดที่ออกมา และ เงินที่ได้จากการทำงานนอก แม้ไม่มากพอ แต่ผมไม่ได้อยู่ที่เดิมแน่นอน ส่วนอายุเยอะแล้วดูแก่ไม่ได้ทำงาน ผมไม่ได้นิ่งนอนใจครับ ผมอายุเยอะเคยน้ำหนักถึง 100 ดูแก่ จึง ทำ IF จนน้ำหนักลดมาในระดับมาตรฐาน BMI (สมส่วน) และออกกำลังกายจนร่างกายอยู่ตัว ส่วนให้เงินเขาไม่ได้ ก็ไม่ปฎิเสธอีกเช่นกัน ผมพยายามหาของมาขาย แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันครับ ส่วนทำงานไม่ดี งานที่ผมช่วยเธอเป็นงานเอกสาร ผมพิมตกไป 1 ตัว ผมถูกว่าแรงๆ *จนถึงขนาดพาดพิงไปถึงเรื่องเธอไม่อยากทำงานแล้ว อยากมีคน Support ทำงานแล้วเหนื่อย... ผมจึงบอกเธอว่าผิดก็ช่วยกันแก้งานจะได้เดินไปข้างหน้า งานจะได้เสร็จ คำตอบที่ได้กลับมาคือ “ออกไปจากชีวิตของเราซะ”
ส่วนตัวผมรู้สึกว่า ชีวิตผมอยู่ในจุดที่กำลังเดินไปสู่ชีวิตการทำงานที่ดีงานนอกจะหนักแค่ไหนผมไม่เคยท้อ เพราะผมกลัวตัวเองจะตกไปอยู่จุดเดิมที่ผมเคยอยู่ ส่วนเรื่องเรียนช่วงแรกผมแบ่งแยกได้ หลังๆก็เซเพราะเครียดเรื่องนี้มากแต่ยังประคองตัวได้อยู่ครับ ตอนนี้ ผมรู้สึกสับสนว่าแท้จริงผมยังอยู่จุดเดิมหรือเปล่า หรือ ผมกำลังโดน Gaslighting อยู่หรือไม่ และรู้สึกสับสนกับพฤติกรรมของแฟนที่พยายามหาเหตุบอกเลิกได้มากมายขนาดนี้
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า สุขภาพจิตยังดี 100% ดังนั้น คอมเม้นท์แรงๆได้ครับ

ไม่หัวร้อนแน่นอน และ ผมมีเรื่องอยากขอร้องและอยากถามความเห็นเชิงวิเคราะห์จากทุกท่าน 4 ข้อครับ
1. ผมขอร้องให้ทุกท่านแสดงความคิดเห็นโดยให้เกียรติเธอ ส่วนของผมตามสบายเลยครับ
2. ผมมั่นใจว่าท่านที่อ่านส่วนใหญ่จะแนะนำให้ “เลิก” แต่หากท่านอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ท่านจะจัดการกับสถานการณ์เบื้องตนอย่างไร ก่อนตัดสินใจบอกเลิกครับ?
3.หากท่านอยู่ในสถานการณ์นี้ และพาตัวเองออกมาไม่ได้ในทันทีท่านจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้า ความรู้สึก และอารมณ์ตัวเองอย่างไรครับ?
4. ผมขอให้ท่านแชร์วิธีการวางตัวกับแฟน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น (เพื่อเป็นวิทยาทานแด่คนที่ผ่านมาในโพสนี้)
โพสนี้ไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด ผมอยากให้ท่านมองเป็นโจทย์ปัญหาข้อหนึ่ง ผมตั้งใจพิมพ์ให้มีแต่ข้อเท็จจริง หากมีส่วนของความรู้สึกผมปะปนไปด้วย หรือเขียนไม่รู้เรื่อง ขออภัย ณ ที่นี้ครับ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ
ขอบคุณที่แวะเข้ามานะครับ
ขอบคุณที่แสดงความคิดเห็นนะครับ
นักสู้คนหนึ่ง
รบกวนช่วยแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อยครับ
1 ปีก่อนตัดสินใจเรียนต่อปริญาตรี ผมคบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธออยู่กับผมมาตลอดจนถึงปัจจุบัน
ในตอนแรกเธอเข้าใจในตัวผมและปัญหาชีวิตที่ผมเจอ เธอบอกว่าเราช่วยกันสร้างได้ จึงคบกันมาได้ 4 ปี แต่ในช่วงหลัง เธอบอกว่า ผมเป็นนักศึกษาและเธอก็ลำบากต้องทำงานเลี้ยงครอบครัว ผมไม่ตอบโจทย์เธออีกต่อไป ผมจึงคุยกับเธอว่า ขอผมเข้าไปช่วยงานด้วยได้ไหม ไม่ว่างานอะไรก็ตาม ผมทำได้ และไม่คิดค่าตัว เธอตอบตกลง
ในช่วงแรกเธอจ่ายงานมาให้ ผมทำผิดบ้างถูกบ้าง เพราะลักษณะงานที่เธอทำ ผมยังใหม่กับงานประเภทนี้อยู่ ผ่านไปสักพักผมทำได้ดีขึ้น เนื้องานพัฒนาขึ้น สังเกตุได้ว่าเธอพอใจและดูเหนื่อยน้อยลง ในช่วงพักหลังเธอเริ่มว่าผมแรงๆ เช่น ยังเรียนไม่จบดูแลใครไม่ได้/ขับรถไม่เป็น/บางครั้งเธอบอกว่าหาเหตุผลไม่ได้ “มันสะสมมาตลอด”/เหตุทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ นำมาพัฒนาตัวเอง และแก้ปัญหาด้วยตัวคนเดียวมาตลอด ทำไมถึงตัวคนเดียว? เพราะทุกครั้งที่ถามรายละเอียดว่าเธอมักตอบว่า “ผมควรรู้ด้วยตัวเอง” ซึ่งประเด็นข้างต้นผมขออธิบายในส่วนของผมตามนี้ครับ
“ยังเรียนไม่จบดูแลใครไม่ได้”
ประเด็นนี้ผมยอมรับครับ ผมเรียนไม่จบ แต่ทุกวันที่ไปเรียนผมตั้งใจเรียนมาก วิชาที่ผมเรียนเป็น “วิชาชีพ” ประเภทหนึ่งที่ต้องใช้ความรู้จากหนังสือเพื่อทำงาน เกรดผมจัดอยู่ในเกณฑ์ดี ผมสนุกกับการเรียน และหาช่องทางฝึกใช้ความรู้ที่ผมเรียนมา “ตลอดเวลา” เพื่อในอนาคต เมื่อผมพร้อมเข้าตลาดแรงงานจะได้ถูกเลือกเพราะคู่แข่งผมคือน้องๆที่เรียนจบสาขาเดียวกัน เด็กกว่า สด ใหม่ กว่า อาจมีโอกาสถูกเลือกมากกว่าผมที่อายุเยอะแล้ว
ณ วันที่ผมโพสเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 ปี ก่อนผมจบ แต่เธอบอกว่าช้าไป อย่างไรก็ตาม ผมแบ่งเวลาอ่านหนังสือ มาทำงาน ช่วยงานเธอมากขึ้น หาของมาขาย เพื่อแบ่งเบาภาระและความเครียด แต่มันก็ไม่ได้เติมเต็มช่องว่างที่เธอต้องการได้
“ขับรถไม่เป็น”
ประเด็นนี้ผมก็ยอมรับครับ ผมขับรถไม่เป็นชอบนั่งรถโดยสารประจำทาง (ทุกประเภท) และ ผมก็เข้าใจว่าผู้ชายนั่งรถให้แฟนขับมันเป็นเรื่องน่าอาย วัยนี้ควรขับรถเป็นได้แล้ว ผมไม่ได้นิ่งนอนใจครับ ผมหัดขับรถ สอบใบขับขี่ จนขับได้คล่อง สุดท้ายเธอบอกว่า “ไม่ต้องการแล้ว”
“บางครั้งเธอบอกว่าหาเหตุผลไม่ได้ มันสะสมมาตลอด”
ประเด็นนี้ผมพยายามถามเธอทุกครั้ง เมื่อพยายามถามอย่างใจเย็น และ วางตัวเป็นผู้ฟังที่ดี คำตอบที่ได้กลับมา คือเรื่องที่ผมทำไม่ได้ตอนนี้ เช่น เธอต้องการคน Support... เดือนละ...บาท ไม่อยากลำบากอีกแล้ว บางครั้งเธออยากอยู่คนเดียว เธอไม่อยากมีใคร แต่ครั้งหนึ่งผมทราบเรื่องมาว่า *เธอนัดกินข้าวกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งผู้ชายคนนั้นเสนอเงินให้เธอ...บาท ในทุกครั้งที่เธอมากินข้าวด้วย (หากท่านอ่านมาถึงตรงนี้อย่าพึ่งตัดสินและช่วยให้เกียรติเธอด้วยนะครับเพราะเรื่องไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ท่านคิด) เธอบอกกับผมว่า “รู้สึกหวั่นไหว” แต่การทำแบบนี้เหมือนการขายศักดิ์ศรีตัวเองไปให้คนอื่น เรื่องนี้จึงจบไปและผู้ชายคนนั้นไม่ได้ติดต่อกลับมาอีก ผมจึงบอกเธอว่า “เงินเราช่วยกันหา ช่วยกันใช้ ดีกว่าใช้เงินคนอื่นนะครับมาสู้กันต่อนะ” และ บ่อยครั้งที่เธอรู้สึกล้าจากการทำงาน ผมมักเจอกับเหตุผลที่ว่า “เธอไม่อยากมีใครแล้ว” ก็เข้าใจบางโมเมนต์มนุษย์ทุกคนก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว แต่ประเด็นนี้มันไม่นิ่งพอที่ผมจะแก้ปัญหา
“เครียดอยากอยู่คนเดียวมีแฟนแล้วเหนื่อยเหมือนเดิม มีทำไม”
ประเด็นนี้ผมพยายามหาคำตอบมาตลอด ซึ่งคำตอบที่ได้มา คือ จุดที่เป็นปมของผม เช่น ชีวิตล้มเหลว อายุเยอะแล้วดูแก่ไม่ได้ทำงาน ให้เงินเขาไม่ได้ ทำงานก็ไม่ดี ชีวิตผมล้มเหลว ยอมรับครับไม่ปฎิเสธ ตลอด 3 ปี (ในรั้ว ม.) ที่ผ่านมาผมเลิกพฤติกรรมที่ผมเคยเป็น ฝึกนิสัยใหม่ มีวินัยกับการเรียน และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด เครื่องชี้วัด คือ เกรดที่ออกมา และ เงินที่ได้จากการทำงานนอก แม้ไม่มากพอ แต่ผมไม่ได้อยู่ที่เดิมแน่นอน ส่วนอายุเยอะแล้วดูแก่ไม่ได้ทำงาน ผมไม่ได้นิ่งนอนใจครับ ผมอายุเยอะเคยน้ำหนักถึง 100 ดูแก่ จึง ทำ IF จนน้ำหนักลดมาในระดับมาตรฐาน BMI (สมส่วน) และออกกำลังกายจนร่างกายอยู่ตัว ส่วนให้เงินเขาไม่ได้ ก็ไม่ปฎิเสธอีกเช่นกัน ผมพยายามหาของมาขาย แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันครับ ส่วนทำงานไม่ดี งานที่ผมช่วยเธอเป็นงานเอกสาร ผมพิมตกไป 1 ตัว ผมถูกว่าแรงๆ *จนถึงขนาดพาดพิงไปถึงเรื่องเธอไม่อยากทำงานแล้ว อยากมีคน Support ทำงานแล้วเหนื่อย... ผมจึงบอกเธอว่าผิดก็ช่วยกันแก้งานจะได้เดินไปข้างหน้า งานจะได้เสร็จ คำตอบที่ได้กลับมาคือ “ออกไปจากชีวิตของเราซะ”
ส่วนตัวผมรู้สึกว่า ชีวิตผมอยู่ในจุดที่กำลังเดินไปสู่ชีวิตการทำงานที่ดีงานนอกจะหนักแค่ไหนผมไม่เคยท้อ เพราะผมกลัวตัวเองจะตกไปอยู่จุดเดิมที่ผมเคยอยู่ ส่วนเรื่องเรียนช่วงแรกผมแบ่งแยกได้ หลังๆก็เซเพราะเครียดเรื่องนี้มากแต่ยังประคองตัวได้อยู่ครับ ตอนนี้ ผมรู้สึกสับสนว่าแท้จริงผมยังอยู่จุดเดิมหรือเปล่า หรือ ผมกำลังโดน Gaslighting อยู่หรือไม่ และรู้สึกสับสนกับพฤติกรรมของแฟนที่พยายามหาเหตุบอกเลิกได้มากมายขนาดนี้
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า สุขภาพจิตยังดี 100% ดังนั้น คอมเม้นท์แรงๆได้ครับ
1. ผมขอร้องให้ทุกท่านแสดงความคิดเห็นโดยให้เกียรติเธอ ส่วนของผมตามสบายเลยครับ
2. ผมมั่นใจว่าท่านที่อ่านส่วนใหญ่จะแนะนำให้ “เลิก” แต่หากท่านอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ท่านจะจัดการกับสถานการณ์เบื้องตนอย่างไร ก่อนตัดสินใจบอกเลิกครับ?
3.หากท่านอยู่ในสถานการณ์นี้ และพาตัวเองออกมาไม่ได้ในทันทีท่านจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้า ความรู้สึก และอารมณ์ตัวเองอย่างไรครับ?
4. ผมขอให้ท่านแชร์วิธีการวางตัวกับแฟน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น (เพื่อเป็นวิทยาทานแด่คนที่ผ่านมาในโพสนี้)
โพสนี้ไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด ผมอยากให้ท่านมองเป็นโจทย์ปัญหาข้อหนึ่ง ผมตั้งใจพิมพ์ให้มีแต่ข้อเท็จจริง หากมีส่วนของความรู้สึกผมปะปนไปด้วย หรือเขียนไม่รู้เรื่อง ขออภัย ณ ที่นี้ครับ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ
ขอบคุณที่แวะเข้ามานะครับ
ขอบคุณที่แสดงความคิดเห็นนะครับ
นักสู้คนหนึ่ง