สภาพการเงินตอนนี้เงินเดือนสุทธิหักค่าผ่อนบ้าน และค่าใช้จ่าย fix cost อยู่ที่ 5 หมื่นปลายๆ เกือบ 6 หมื่นบาท มีเงินก้อนสำหรับดาวน์รถเพียง 3-4 แสนเท่านั้น มีคันแรกเป็น C Segment อยู่แล้วและ กำลังมองหารถคันที่2 และเอาคันแรกให้แฟนใช้ไป ตอนแรกมอง D Segment ที่เป็นไฮบริดอย่าง Accord กับ Camry ไว้ ไม่ก็พวกรถยุโรป BMW มือสองที่ราคาอยู่ประมาน 9 แสน - 1.2 ล. แต่การมาของเทสล่ารอบนี้ทำให้ผมลังเลมากๆครับ
จากที่ศึกษาคร่าวๆ ตัว Software ของเทสล่า ไม่ว่าจะความเร็ว ลูกเล่นต่างๆ เหนือกว่ารถไฮบริดญี่ปุ่นอย่างพี่โตพี่ฮอนค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะอัตราเร่งนึ่เทียบเท่ารถสปอร์ต ทำให้เกิดอาการหน้ามืดไปชั่วขณะจนเกือบมือบอนกดจ่ายค่าจองไป พอตั้งสติได้ก็มีข้อกังวลอยู่หลายเรื่องครับ
- ความแข็งแรงทนทานของตัวรถเป็นอย่างไร ถ้าเทียบกับพี่โตพี่ฮอนไฮบริด หรือรถยุโรป เพราะเห็นบางคนบอกว่าวัสดุไม่ค่อยดี
- แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเป็นอย่างไร คิดว่าสดใสพอที่จะออกรถไฟฟ้า100% ราคาเกือบเท่ารถแบรนด์ยุโรปคันนี้ในเวลานี้หรือเปล่า เพราะเท่าที่ทราบปี 66 เขาเพิ่งเริ่มตั้งสถานี ศูนย์บริการของเทสล่าเอง
- ค่าใช้จ่ายต่างๆ วันรับรถทั้งค่าประกัน ซุปเปอร์ชาร์จ ไหนจะค่าเลือกสีที่แพงมหาโหดราคาครึ่งแสนสิริรวมแล้วมีค่าใช้จ่ายนอกจากค่ารถเพิ่มมาอีกแสนเลยนี่จริงป่าวครับ
- มีโปรโมชัน แนวทางการผ่อนดาวน์เป็นอย่างไร ผู้ที่ได้จองไปได้รับการติดต่อจากเซลล์ในเรื่องนี้บ้างไหมครับ
- ฟีดแบคเรื่องบริการหลังการขายเป็นอย่างไร สำหรับผู้เคยใช้เทสล่า ไม่ว่าจะในไทยหรือต่างประเทศ
- ราคามือสองของเทสลาเป็นอย่างไร เมื่อขายมือ2ราคาจะตกเยอะหรือไม่
- หากไปเล่นรถยุโรปมือสองพวก bmw benz ปีเก่าซัก 2014 -2018 จะคุ้มค่ากว่าหรือไม่ บางคนบอกถ้ามีช่างที่ไว้ใจได้มาช่วยดูให้ และมีอู่นอกที่ไว้ใจได้เวลาจะซ่อมบำรุงก็คุ้ม บางคนไซโคว่าไม่คุ้ม จ่าย 8 แสน - ล้านต้นๆ เพื่อเอารถที่ความเร็วน้อยกว่า เหมาะแค่เอาไว้โชว์ประดับบารมี
ทั้งนี้ เคยลองถามคนที่อยู่ในวงการขายรถ เขายังคงแนะนำรถไฮบริดแบรนด์ญี่ปุ่นอยู่ ด้วยงบเพียงเท่านี้ และมองว่าหลังจากที่เทสล่าเริ่มส่งมอบรถในไทยในปี66 รถไฮบริดญี่ปุ่น d segment ทั้งหลายมีแนวโน้มว่าจะให้ Option และออกโปรโมชันที่น่าสนใจมากขึ้น เพื่อสู้กับเทสล่า ส่วนแบรนด์หรูของยุโรปจะลอยตัว ปล่อยให้เทสล่าลงมาฆ่าพวก d segment แบรนด์ญี่ปุ่นกันเอง แต่อยากได้ความเห็นที่หลากหลายของทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ ขอบคุณครับ
Tesla Model 3 ที่เพิ่งเปิดให้จองไปนี้น่าเล่นไหมครับ สำหรับรถคันที่2 ถ้าเทียบกับรถไฮบริด หรือรถยุโรปมือสอง
จากที่ศึกษาคร่าวๆ ตัว Software ของเทสล่า ไม่ว่าจะความเร็ว ลูกเล่นต่างๆ เหนือกว่ารถไฮบริดญี่ปุ่นอย่างพี่โตพี่ฮอนค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะอัตราเร่งนึ่เทียบเท่ารถสปอร์ต ทำให้เกิดอาการหน้ามืดไปชั่วขณะจนเกือบมือบอนกดจ่ายค่าจองไป พอตั้งสติได้ก็มีข้อกังวลอยู่หลายเรื่องครับ
- ความแข็งแรงทนทานของตัวรถเป็นอย่างไร ถ้าเทียบกับพี่โตพี่ฮอนไฮบริด หรือรถยุโรป เพราะเห็นบางคนบอกว่าวัสดุไม่ค่อยดี
- แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเป็นอย่างไร คิดว่าสดใสพอที่จะออกรถไฟฟ้า100% ราคาเกือบเท่ารถแบรนด์ยุโรปคันนี้ในเวลานี้หรือเปล่า เพราะเท่าที่ทราบปี 66 เขาเพิ่งเริ่มตั้งสถานี ศูนย์บริการของเทสล่าเอง
- ค่าใช้จ่ายต่างๆ วันรับรถทั้งค่าประกัน ซุปเปอร์ชาร์จ ไหนจะค่าเลือกสีที่แพงมหาโหดราคาครึ่งแสนสิริรวมแล้วมีค่าใช้จ่ายนอกจากค่ารถเพิ่มมาอีกแสนเลยนี่จริงป่าวครับ
- มีโปรโมชัน แนวทางการผ่อนดาวน์เป็นอย่างไร ผู้ที่ได้จองไปได้รับการติดต่อจากเซลล์ในเรื่องนี้บ้างไหมครับ
- ฟีดแบคเรื่องบริการหลังการขายเป็นอย่างไร สำหรับผู้เคยใช้เทสล่า ไม่ว่าจะในไทยหรือต่างประเทศ
- ราคามือสองของเทสลาเป็นอย่างไร เมื่อขายมือ2ราคาจะตกเยอะหรือไม่
- หากไปเล่นรถยุโรปมือสองพวก bmw benz ปีเก่าซัก 2014 -2018 จะคุ้มค่ากว่าหรือไม่ บางคนบอกถ้ามีช่างที่ไว้ใจได้มาช่วยดูให้ และมีอู่นอกที่ไว้ใจได้เวลาจะซ่อมบำรุงก็คุ้ม บางคนไซโคว่าไม่คุ้ม จ่าย 8 แสน - ล้านต้นๆ เพื่อเอารถที่ความเร็วน้อยกว่า เหมาะแค่เอาไว้โชว์ประดับบารมี
ทั้งนี้ เคยลองถามคนที่อยู่ในวงการขายรถ เขายังคงแนะนำรถไฮบริดแบรนด์ญี่ปุ่นอยู่ ด้วยงบเพียงเท่านี้ และมองว่าหลังจากที่เทสล่าเริ่มส่งมอบรถในไทยในปี66 รถไฮบริดญี่ปุ่น d segment ทั้งหลายมีแนวโน้มว่าจะให้ Option และออกโปรโมชันที่น่าสนใจมากขึ้น เพื่อสู้กับเทสล่า ส่วนแบรนด์หรูของยุโรปจะลอยตัว ปล่อยให้เทสล่าลงมาฆ่าพวก d segment แบรนด์ญี่ปุ่นกันเอง แต่อยากได้ความเห็นที่หลากหลายของทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ ขอบคุณครับ