💜มาลาริน💜V-Shape...'เกาะสมุย'คึกคักเรือสำราญขนาดใหญ่นำ นทท.เกือบ 2 พันขึ้นเกาะแม่ค้ายิ้มแก้มปริ ลุงตู่ยิ้มปลื้มยินดี

นายกฯ ยินดี "สมุย" รับนักท่องเที่ยว เรือสำราญ 2.5 พันคน ย้ำเที่ยวไทยฟื้น

นายกฯ ยินดี วันนี้ (17 ธ.ค.) เกาะสมุยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากเรือสำราญอีก 2,500 คน ตอกย้ำเที่ยวไทยคึกคัก กำชับเพิ่มความเข้มงวด ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร ให้บริการเป็นธรรม แท็กซี่ต้องกดมิเตอร์ ร่วมกันดูแลภาพลักษณ์ประเทศ


วันที่ 17 ธ.ค. 65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความยินดีภายหลังได้รับรายงานว่าวันนี้(17 ธ.ค. 65) เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย จะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากยุโรปพร้อมกับเรือสำราญไมน์ ชิฟฟ์ 5 (Mein Schiff 5) กว่า 2,500 คน ที่มาแวะท่องเที่ยวเกาะสมุยแบบ One Day Trip ซึ่งหน่วยงานในเกาะสมุย และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมเตรียมการต้อนรับ เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวลงไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในเกาะสมุย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ให้เกิดการกระจายรายได้สู่ประชาชนในพื้นที่อย่างทั่วถึง


ทั้งนี้ เรือ ไมน์ ชิฟฟ์ 5 ถือเป็นเรือสำราญจากยุโรปลำที่ 2 ที่เดินทางมายังเกาะสมุย ต่อจากลำแรกที่เข้ามาประเทศไทยในรอบ 3 ปีหลังเกิดสถานการณ์โควิด19 เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา และหลังจากนี้ ในวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธ.ค. 65 จะมีเข้ามาอีก 1 ลำ และข้อมูลจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระบุว่าในปี 2566 และ 2567 มีเรือสำราญกำหนดจะเข้ามาเยือนเกาะสมุย เบื้องต้น 31 ลำ และ 32 ลำตามลำดับ

“การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทางเรือสำราญจากต่างประเทศ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นอีกสัญญาณที่ตอกย้ำถึงความคึกคักของการท่องเที่ยวไทย สอดคล้องกับการเดินทางเข้าในช่องทางอื่นๆ ทั้งทางอากาศและด่านทางบก ทำให้ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มั่นใจว่าถึงสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยตามเป้าหมาย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ขณะที่การท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัวได้ดี นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมกันเพิ่มความเข้มงวดกวดขันไม่ให้เกิดกรณีผู้ประกอบการ ทั้งร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ผับ บาร์ เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว รวมถึงกรณีรถโดยสารสาธารณะเช่นรถแท็กซี่ ต้องดูแลกำชับให้มีการกดมิเตอร์ หากพบกรณีเอาเปรียบนักท่องเที่ยวขอให้มีมาตรการลงโทษที่เด็ดขาด

นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องดูแลให้นักท่องเที่ยวได้รับบริการที่เป็นธรรมนี้ก็เพื่อดูแลภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ ไม่ให้มีกรณีนักท่องเที่ยวถูกหลอกให้ซื้อสินค้าคุณภาพต่ำ การต้องจ่ายค่าอาหารหรือเครื่องดื่มราคาที่แพงกว่าคุณภาพบริการที่ได้รับ แท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์ หรือคิดราคาเหมาไม่เป็นไปตามที่ตกลงกัน หากเกิดปัญหาแล้วข่าวสารเผยแพร่ออกไปในต่างประเทศจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศได้

https://www.thairath.co.th/news/


เกาะสมุย'คึกคักเรือสำราญขนาดใหญ่นำ นทท.เกือบ 2 พันขึ้นเกาะแม่ค้ายิ้มแก้มปริ

วันเสาร์ ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 11.13 น.

วันที่ 17 ธ.ค.65 บริเวณท่าเทียบเรือแห่งที่ 1 อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายชยพล อินทรสุภา นายอำเภอเกาะสมุย นางศุภกาญจน์ ยอดฉุน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายอรุญ บุปผโก ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเกาะสมุย สำนักงานเกาะสมุย พ.ต.ท.พิงคะรัตน์ ซ้ายขวัญ รอง ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) นายทวีวัฒน์ กีรติวานิชย์ สรรพากรพื้นที่สุราษฎร์ธานี 2 นางสาวนันท์นภัส โชติ สรรพสามิตพื้นที่สาขาเกาะสมุย นางสาวอัจฉรา โพธิ์พันธุ์ นายด่านศุลกากรเกาะสมุย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้การต้อนรับเรือสำราย เอ็ม.วี.ไมน์ ชิฟฟ์ 5 ที่เดินทางมาจากประเทศเวียดนาม โดยบรรยากาซการต้อนรับเป็นไปอย่างคึกคัก โดยหน่วยงานที่มาให้การต้อนรับได้แจกของที่ระลึกให้กับนกัทอ่งเที่ยว นอกจากนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเกาะสมุยได้จัดชุดการแสดงศิลปะพื้นบ้านมโนราห์มาโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างมาก



การเดินทางมาอีกครั้งของเรือสำราญ เอ็ม.วี.ไมน์ ชิฟฟ์ 5 เป็นการกลับมาครั้งแรกหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ส่งผลให้เรือต้องหยุดให้บริการนักท่องเที่ยวไปกวสองปี และหลังจากที่ประเทศไทยได้ยกเลิกมาตรการในการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยว โดยไม่ต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ส่งผลทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายในการท่องเที่ยวอีกหนึ่งประเทศที่นักท่องเที่ยวยุโรปต้องการเดินทางมาพักผ่อนชมธรรมชาติ
 
การเดินทางมาเกาะสมุยของเรือสำราญ เอ็ม.วี.ไมน์ ชิฟฟ์ 5 ครั้งนี้ได้นำผู้โดยสารต่างชาติจำนวน 1,897 คน ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่สัญชาติเยอรมันเดินทางมาพร้อมด้วยลูกเรือจำนวน 917 คน สำหรับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะนิยมท่องเที่ยวชมธรรมชาติรอบเกาะสมุย นอกจากนี้ ยังได้ซื้อทัวร์ท่องเที่ยวเกาะแตน เกาะมัดสุม รวมถึงอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองซึ่งเป็นเกาะบริวารของเกาะสมุย สำหรับเรือสำราญ เอ็ม.วี.ไมน์ ชิฟฟ์ 5 เสร็จภารกิจที่เกาะสมุยและจะนำนักท่องเที่ยวเดินทางต่อไปยังท่าเทียบเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ต่อไป


นางสาวสุภาพร ทองนอก ผู้ให้บริการรถท่องเที่ยวกล่าวว่า การที่เรือสำราญนำนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นเที่ยวเกาะสมุยตนเองรู้สึกตื่นเต้นที่เกาะสมุยกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากโควิด สิ่งสำคัญอยากฝากถึงเพื่อนร่วมอาชีพขอให้บริการด้วยใจและบริการนักท่องเที่ยวให้ดีที่สุด เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความรู้สึกว่าเกาะสมุยเป็นเมืองที่น่าอยู่น่าท่องเที่ยว

จากการตรวจสอบจำนวนเรือสำราญที่จะมาเกาะสมุยในปี 2566 พบว่าเรือสำราญได้ลดปริมาณการเดินทางมายังเกาะสมุยเหลือที่ยืนยันการเดินทาง ณ ขณะนี้เพียง 30 เที่ยวที่จะมาจอดแวะเกาะสมุย ต่างจากอดีตที่ในแต่ละปีจะมีเรือสำราญมาจอดแวะนำนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะกว่า 60 เที่ยว ปัจจัยเกิดจากเรือสำราญได้เปลี่ยนเจ้าของเรือ และเรือสำราญบางประเภทได้ยกเลิกการเดินทางท่องเที่ยวเส้นทางเอเชีย 



https://www.naewna.com/likesara/698765

กว่าจะสิ้นปีในอีกไม่กี่วันขอให้ได้นักท่องเที่ยวเกิน 11ล้านคนในปีนี้ค่ะ..ลุงกล้าเปิดประเทศ กล้าตัดสินใจ เศรษฐกิจการท่องเที่ยวเลยฟื้นไว เป็นไปตามคาดหวังนะคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
นายกฯ หวังต่างชาติแห่เที่ยวไทยทะลุ 15 ล้านคน



ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 16 ธ.ค. – นายกฯ หวังนักท่องเที่ยวแห่เที่ยวไทยทะลุ 15 ล้านคน บอกทำได้สบายๆ ผู้นำต่างชาติชมเมืองไทย อยากมาท่องเที่ยว ยอมรับทำการตลาดไม่เก่ง-หน้าไม่ยิ้ม แต่ตัวจริงเป็นคนอารมณ์ดี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมเที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” ระหว่างวันที่ 15-18 ธันวาคม 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้าร่วม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งานที่จัดขึ้นนี้ ทำให้ผู้ประกอบการและธุรกิจท่องเที่ยวได้มีการนำเสนอธุรกิจท่องเที่ยวในอีกรูปแบบหนึ่งให้กับประชาชน รวมถึงมีสินค้าราคาพิเศษเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน และได้ดื่มด่ำกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของไทย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง 2-3 ปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบอย่างมากจากโควิด-19 และเราจะต้องก้าวข้ามผ่านด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนและรัฐบาลที่ได้จับมือกันฝ่าฟันวิกฤตดังกล่าวมาได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่การท่องเที่ยวของไทยได้พลิกฟื้นและกลับมาคึกคักอีกครั้ง และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ทำให้บรรยากาศคึกคักมากขึ้น รัฐบาลได้ตั้งเป้าว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะสร้างรายได้ให้ไทย 1.5 ล้านล้านบาท ภายในปีนี้

นายกรัฐมนตรีได้เล่าถึงการเดินทางไปประชุมอาเซียน-อียู ที่ประเทศเบลเยียม ว่า บรรยากาศนั้นแตกต่างจากบ้านเรา เพราะบรรยากาศบ้านเราไม่เหมือนที่ไหนในโลก ไม่ว่าจะเป็นประชาชน สถานที่ท่องเที่ยว ทุกประเทศมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ไม่มีความหลากหลายเหมือนกับของไทย ซึ่งไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวตั้งแต่ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ให้คนมาเลือกเที่ยวชม ซึ่งไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาถึง 10 ล้านคน ตนได้พูดอย่างภาคภูมิใจกับผู้นำต่างประเทศ ว่านี่คือประเทศไทย เป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม ดินแดนแห่งการท่องเที่ยว ดินแดนแห่งสันติภาพและสันติสุข ทุกคนคาดหวังว่าอยากจะมาเที่ยว ซึ่งผู้นำหลายคนยืนยันว่าจะต้องหาทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยให้ได้ นี่คือสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีนั้นเป็นคนกำหนดนโยบายและกำหนดแนวทางปฏิบัติจะทำอย่างไรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เราจำเป็นต้องปรับการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น ทันสมัย มีการบริการที่สะดวก การสัญจรไปมาที่ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับรองเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพ ซึ่งมั่นใจว่าเรามีความพร้อมทุกอย่าง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีของตน ไม่ได้คิดเองทุกเรื่อง แต่อาศัยการเรียนรู้ ดูโทรทัศน์ ดู YouTube ดูจากโปรแกรมการท่องเที่ยวของต่างประเทศ และกลับมาก็มีแนวคิดของตนในการให้แนวทางไปสู่การปฏิบัติ ดังนั้น ทุกคนต้องเปิดกว้าง เราจะทำแบบเดิมไม่ได้อีกแล้วในโลกใบนี้ โดยเฉพาะโลกที่กำลังเจริญเติบโตด้วยดิจิทัล ประเทศไทยมีความโดดเด่นหลายด้าน ทั้งธรรมชาติ กีฬา การท่องเที่ยว ด้านสุขภาพ ต้องหาจุดเด่นตรงนี้ให้เจอ เปิดดูจาก YouTube หลายจังหวัดแสดงให้เห็นถึงความพร้อม แสดงให้เห็นถึงการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ทำให้บ้านเมืองสงบ มีเสถียรภาพ มีความปลอดภัย ลดความขัดแย้ง นี่แหละคือประเทศไทยที่จะเจริญเติบโตต่อไปในวันข้างหน้า

ขอฝากทุกคนว่า เรามีอะไรที่ดีมากอยู่แล้ว ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และมีจิตวิญญาณของความเป็นคนไทย ดังนั้น สิ่งนี้เราทิ้งไปไม่ได้ จะทำอย่างไรให้หลายคนเดินทางกลับมายังประเทศไทยอีก ซึ่งผู้นำต่างประเทศบอกว่าอยากเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย อยากมาดูว่าเหตุใดคนจึงเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยจำนวนมาก ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกัน ไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่าๆ เราต้องร่วมมือกันเพื่อก้าวไปข้างหน้า รวมถึงต้องให้ความสำคัญกับสิ่งใหม่ๆ ที่ประเทศต้องทำต่อไป ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การใช้ดิจิทัลมาบริหารราชการและการค้าขาย ตนต้องการให้ทุกพื้นที่ ทุกชุมชน ทุกจังหวัด มีรายได้ที่สูงขึ้น ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งสามารถแก้ได้ด้วยตัวเราเอง และรัฐบาลจะหาวิธีการที่เป็นไปได้ และสามารถลดช่องว่างได้ ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถให้เปล่าได้ทั้งหมด ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเป็นนายกรัฐมนตรีเข้าปีที่ 8 เห็นหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก หลายอย่างเปลี่ยนแปลงด้วยตัวของทุกคน และหลายอย่างเปลี่ยนแปลงด้วยรัฐบาล ทุกคนต้องสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้าของแต่ละคน มีการศึกษาทางการตลาดและการออกแบบ เพื่อให้นำไปสู่การจำหน่ายได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ว่าใครจะอยู่ ใครจะเป็น ใครจะมา ใครจะไป ประเทศไทยต้องอยู่ได้ ไม่มีตน ก็ต้องมีคนอื่น และต้องเป็นพวกเราทุกคนที่จะชี้ชะตาประเทศไทยเจริญได้อย่างไรในอนาคต เพื่อลูกหลานของท่าน ทั้งนี้ วันนี้อาจจะพูดแรงไป อาจจะเมาเครื่องบิน เพราะเพิ่งเดินทางกลับมาจากยุโรป

“อย่าหาว่าผมเครียดไปเลย แต่ก็เครียดนะ มีงานตั้งแต่เช้า เจอโน่นเจอนี่ ตอบนั่นตอบนี่ ไลน์ไปมาทั้งวัน คือเป็นหน้าที่ ทุกคนมาอยู่กับผมก็ต้องเป็นแบบผม ใครไม่ทำ ก็ใช้ไม่ได้ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่สัญญากันไว้ 11.5 ล้านคน ไม่ใช่ 15 ล้าน หรือคาดหวังอะไรมากๆ ไว้หน่อยก็ดี 11.5 ล้านคน ตนว่าได้แน่ๆ ทำให้ดี บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่มีปัญหา ไม่มีความขัดแย้ง ตนคิดว่า 15 ล้านคนสบาย ต่างชาติจับตามองดูอยู่” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนทำการตลาดไม่เก่ง หน้าตาอาจจะไม่ค่อยยิ้ม แต่เป็นคนอารมณ์ดี

“ผมอาจทำการตลาดไม่เก่ง หน้าไม่ค่อยยิ้ม แต่จริงๆ แล้ว ผมเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ได้หงุดหงิดอะไร เว้นแต่เจอคำถามที่หงุดหงิด ผมเป็นคนอารมณ์ดีจริงๆ แล้วเป็นคนแบบนั้น ตอนนี้คอแห้ง อากาศเย็น และวันนี้ดีใจได้กลับมาตรงนี้อีกครั้ง เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ในการประชุมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ทุกคนประทับใจและชื่นชมการทำงานของเราในการประชุมเอเปคที่ผ่านมา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังได้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ผนึกกำลังสร้างรายได้ให้กับประเทศของเราอย่างยั่งยืน ขอบคุณนักท่องเที่ยวทุกคนที่ช่วยออกมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ทำให้ช่วยกันสร้างรายได้อย่างเข้มแข็ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเปิดงาน ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินชมบูธภายในงาน ได้มีกลุ่มผู้ประกอบการส่งเสียงให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี พร้อมกล่าวว่า “รักลุงตู่ อยากให้อยู่นานๆ” โดยนายกรัฐมนตรีหันมาตอบว่า “รักกันจริงอย่าทิ้งกันนะ” – สำนักข่าวไทย


https://tna.mcot.net/politics-1077424
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่