เราจะได้ยินข่าวกันเรื่อย ๆ เวลามีบอลโลกหรือบอลยูโรว่าโค้ชจะกำหนดวันว่างให้ภรรยาหรือแฟนเข้าไปหานักบอลในค่ายได้ ทัวร์นาเมนท์ที่เอาผู้เล่นมาอยู่กินร่วมกันนาน ๆ เป็นเดือนอย่างฟุตบอลโลก โค้ชที่ประสบความสำเร็จจะเก่งเรื่องแท็กติกอย่างเดียวไม่ได้ โค้ชต้องสนใจการบำรุงสภาพจิตใจนักบอลให้มีความสุขและสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียวด้วย
แต่กรณีของโมร็อกโก โค้ช “วาลิด เรกรากุย” เลือกใช้วิธีบำรุงจิตใจที่ต่างออกไป เขาเจาะจงวางแผนให้นักฟุตบอลพาพ่อแม่มาเข้าค่ายด้วยกันที่กาตาร์ เราก็เลยได้เห็นภาพน่ารัก ๆ เช่น โซฟียาน บูฟาล พาแม่ลงไปเต้นในสนามหลังชนะโปรตุเกส, อัชราฟ ฮาคิมี่ วิ่งเอาแก้มไปให้แม่หอมหลังชนะสเปน หรือแม่โค้ชวาลิดเองก็หอมแก้มลูกชายออกกล้องหลังชนะโปรตุเกส
โค้ชวาลิดขอให้สมาคมฟุตบอลโมร็อกโก ออกเงินให้พ่อแม่นักฟุตบอลมาเข้าค่ายร่วมกันที่ประเทศกาตาร์ รวมทั้งแม่ของโค้ชเองก็มาด้วย (โค้ชเกิดที่ฝรั่งเศส มีพ่อแม่อพยพจากโมร็อคโค เหมือนนักบอลส่วนใหญ่ในทีม) บรรยากาศในค่ายจึงครึกครื้นราวกับพ่อแม่พาลูกมาเข้าค่ายลูกเสือ
ทำไมโค้ชวาลิดเลือกวิธีนี้ และทำไมจึงเป็นวิธีที่ประสบความสำเร็จสำหรับทีมชาติโมร็อคโค?
1. คนทุกคนรักพ่อแม่ อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว แต่นักบอลโมร็อคโคชุดนี้จะผูกพันและสำนึกบุญคุณพ่อแม่มากกว่าปกติ เพราะส่วนใหญ่ของทีมชุดนี้เป็นลูกผู้อพยพชาวโมร็อคโคในยุโรป พ่อแม่อพยพจากความลำบากในบ้านเกิดไปหาอนาคตใหม่ ไปใช้ชีวิตลำบากยากจนในต่างถิ่น ต้องทำงานหนักเพื่อหาอนาคตที่ดีให้ลูก หนุ่ม ๆ พวกนี้ได้เรียนหนังสือได้เล่นฟุตบอลก็เพราะการทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำของแม่ เช่น แม่ของฮาคิมีเป็นพนักงานทำความสะอาด พ่อเป็นคนขายของข้างถนน ฮาคิมีบอกว่าพ่อกับแม่เสียสละทุกอย่างเพื่อให้เขาประสบความสำเร็จ จนทุกวันนี้เขาได้เป็นนักบอลทีมระดับโลกอย่างเปเอสเช
2. ผู้เล่นในทีมชุดนี้เกิดกันคนละประเทศ พูดกันหลากหลายภาษา ไม่มีประสบการณ์ร่วมกันในโมร็อคโค จึงเป็นปัญหาน่าหนักใจว่าจะสร้างความสามัคคีได้ยังไง วิธีของโค้ชที่เอาพ่อแม่มาอยู่ในค่ายด้วย จึงเป็นการสร้าง “ความเป็นโมร็อคโค” ที่เป็นหนึ่งเดียวขึ้นมาในค่าย พวกพ่อ ๆ แม่ ๆ เหล่านี้พูดภาษาเดียวกัน เกิดที่โมร็อคโคด้วยกัน เข้ากันสนิทกันได้ง่าย พวกลูกชายเห็นพ่อแม่จับวงเม้าท์กันสนิทกัน ก็คงรู้สึกถึงความเป็นพวกเดียวกันมากขึ้น และเหล่าพ่อแม่ก็สร้างบรรยากาศความเป็นโมร็อคโคให้อบอวลในค่าย
นักบอลทีมชาติโมร็อคโคเกิดที่ต่างประเทศก็จริง แต่เกือบทั้งหมดมีทั้งพ่อและแม่เป็นชาวโมร็อคโคแท้ ๆ พวกเขาไม่ใช่ลูกครึ่ง มีเลือดโมร็อคโคเต็ม ๆ ในตัว แล้วโค้ชวาลิดก็ฉลาดหาวิธีปลุกเลือดนี้ขึ้นมาโดยใช้พ่อ ๆ แม่ ๆ เป็นเครื่องมือ
อ้างอิง
https://www.aljazeera.com/news/2022/12/6/moroccos-world-cup-magic-potion-football-moms-and-dads-in-qatar
“รักแม่นะครับ” เปิดวิธีโค้ชโมร็อคโคใช้เหล่าพ่อแม่รวมใจนักบอลเป็นหนึ่งเดียว
แต่กรณีของโมร็อกโก โค้ช “วาลิด เรกรากุย” เลือกใช้วิธีบำรุงจิตใจที่ต่างออกไป เขาเจาะจงวางแผนให้นักฟุตบอลพาพ่อแม่มาเข้าค่ายด้วยกันที่กาตาร์ เราก็เลยได้เห็นภาพน่ารัก ๆ เช่น โซฟียาน บูฟาล พาแม่ลงไปเต้นในสนามหลังชนะโปรตุเกส, อัชราฟ ฮาคิมี่ วิ่งเอาแก้มไปให้แม่หอมหลังชนะสเปน หรือแม่โค้ชวาลิดเองก็หอมแก้มลูกชายออกกล้องหลังชนะโปรตุเกส
โค้ชวาลิดขอให้สมาคมฟุตบอลโมร็อกโก ออกเงินให้พ่อแม่นักฟุตบอลมาเข้าค่ายร่วมกันที่ประเทศกาตาร์ รวมทั้งแม่ของโค้ชเองก็มาด้วย (โค้ชเกิดที่ฝรั่งเศส มีพ่อแม่อพยพจากโมร็อคโค เหมือนนักบอลส่วนใหญ่ในทีม) บรรยากาศในค่ายจึงครึกครื้นราวกับพ่อแม่พาลูกมาเข้าค่ายลูกเสือ
ทำไมโค้ชวาลิดเลือกวิธีนี้ และทำไมจึงเป็นวิธีที่ประสบความสำเร็จสำหรับทีมชาติโมร็อคโค?
1. คนทุกคนรักพ่อแม่ อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว แต่นักบอลโมร็อคโคชุดนี้จะผูกพันและสำนึกบุญคุณพ่อแม่มากกว่าปกติ เพราะส่วนใหญ่ของทีมชุดนี้เป็นลูกผู้อพยพชาวโมร็อคโคในยุโรป พ่อแม่อพยพจากความลำบากในบ้านเกิดไปหาอนาคตใหม่ ไปใช้ชีวิตลำบากยากจนในต่างถิ่น ต้องทำงานหนักเพื่อหาอนาคตที่ดีให้ลูก หนุ่ม ๆ พวกนี้ได้เรียนหนังสือได้เล่นฟุตบอลก็เพราะการทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำของแม่ เช่น แม่ของฮาคิมีเป็นพนักงานทำความสะอาด พ่อเป็นคนขายของข้างถนน ฮาคิมีบอกว่าพ่อกับแม่เสียสละทุกอย่างเพื่อให้เขาประสบความสำเร็จ จนทุกวันนี้เขาได้เป็นนักบอลทีมระดับโลกอย่างเปเอสเช
2. ผู้เล่นในทีมชุดนี้เกิดกันคนละประเทศ พูดกันหลากหลายภาษา ไม่มีประสบการณ์ร่วมกันในโมร็อคโค จึงเป็นปัญหาน่าหนักใจว่าจะสร้างความสามัคคีได้ยังไง วิธีของโค้ชที่เอาพ่อแม่มาอยู่ในค่ายด้วย จึงเป็นการสร้าง “ความเป็นโมร็อคโค” ที่เป็นหนึ่งเดียวขึ้นมาในค่าย พวกพ่อ ๆ แม่ ๆ เหล่านี้พูดภาษาเดียวกัน เกิดที่โมร็อคโคด้วยกัน เข้ากันสนิทกันได้ง่าย พวกลูกชายเห็นพ่อแม่จับวงเม้าท์กันสนิทกัน ก็คงรู้สึกถึงความเป็นพวกเดียวกันมากขึ้น และเหล่าพ่อแม่ก็สร้างบรรยากาศความเป็นโมร็อคโคให้อบอวลในค่าย
นักบอลทีมชาติโมร็อคโคเกิดที่ต่างประเทศก็จริง แต่เกือบทั้งหมดมีทั้งพ่อและแม่เป็นชาวโมร็อคโคแท้ ๆ พวกเขาไม่ใช่ลูกครึ่ง มีเลือดโมร็อคโคเต็ม ๆ ในตัว แล้วโค้ชวาลิดก็ฉลาดหาวิธีปลุกเลือดนี้ขึ้นมาโดยใช้พ่อ ๆ แม่ ๆ เป็นเครื่องมือ
อ้างอิง
https://www.aljazeera.com/news/2022/12/6/moroccos-world-cup-magic-potion-football-moms-and-dads-in-qatar