คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 35
ภิกษุทั้งหลาย ! ลำแม่น้ำคงคา มีธรรมดาลุ่มลาดเอียงเทไปยังทิศตะวันออก.
ครั้งนั้นหมู่คนเป็นอันมาก พาเอาจอบและกะทอสำหรับขนดินมาด้วย
ความตั้งใจว่า “พวกเราทั้งหลาย จักทำการทดแม่น้ำคงคานี้ให้ไหลกลับหลัง” ดังนี้.
ดูก่อนภิกษุ ท. ! พวกเธอจะเข้าใจความหมายข้อนี้ว่าอย่างไร : จะทำได้สำเร็จละหรือ ตามที่หมู่คนเป็นอันมากต้องการทดแม่น้ำคงคาให้ไหลกลับหลัง ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ไม่สำเร็จดอก พระเจ้าข้า”. ภิกษุ ท. ! ข้อที่ทำไม่สำเร็จนั้น เป็นเพราะเหตุไรเล่า ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เพราะเหตุว่า ลำแม่น้ำคงคา มีธรรมดาลุ่มลาดเอียงเทไปยังทิศตะวันออก,
มันไม่เป็นการง่ายเลย ที่จะทดแม่น้ำคงคาให้ไหลย้อนกลับหลัง ;
มีแต่จะให้หมู่คนเป็นอันมากนั้น ได้รับส่วนแห่งความเหน็ดเหนื่อยลำบากเปล่า และมีความเดือดร้อนอย่างเดียวตลอดเวลาที่ทำการนั้น พระเจ้าข้า”.
ภิกษุ ท. ! ฉันใดก็ฉันนั้น ที่พระราชา หรืออำมาตย์ผู้ใหญ่ของพระราชา มิตรสหายหรือญาติสาโลหิต จะพึงปวารณาด้วยโภคสมบัติ ที่อนุญาตให้ใช้ตามพอใจ แก่ภิกษุ ผู้กำลังอบรมอริยมรรคมีองค์ 8 กระทำอริยมรรคมีองค์ 8 ให้มากว่า
“มาเถิด พ่อคนเจริญ, การนุ่งห่มผ้าย้อมด้วยน้ำฝาดเหล่านี้ จะมีประโยชน์อะไรสำหรับท่านนัก,
จะเป็นคนหัวโล้น ถือกระเบื้องเที่ยวขอทานกินไปทำไมกัน, เชิญท่านสึกออกมา บริโภคสมบัติ และทำบุญเอาเถิด” ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! ข้อที่ภิกษุนั้น ซึ่งกำลังอบรมอริยมรรคมีองค์ 8 อยู่ กระทำอริยมรรคมีองค์ 8 ให้มากอยู่ จักบอกเลิกสิกขา หมุนกลับคืนไปสู่เพศต่ำแห่งคฤหัสถ์นั้น เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้.
ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
ดูก่อนภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า การที่จิตของภิกษุนั้น น้อมไปในวิเวก ลุ่มลาดไปในวิเวก เอียงเทไปในวิเวก ตลอดกาลนานจักหมุนกลับคืนไปสู่เพศต่ำ นั้น เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ย่อมอบรมอริยมรรคมีองค์ 8 กระทำอริยมรรคมีองค์ 8 ให้มาก เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมอบรมสัมมาทิฏฐิ, ย่อมอบรม สัมมาสังกัปปะ, ย่อมอบรม สัมมาวาจา, ย่อมอบรม สัมมากัมมันตะ, ย่อมอบรม สัมมาอาชีวะ*, ย่อมอบรมสัมมาวายามะ, ย่อมอบรม สัมมาสติ, ย่อมอบรม สัมมาสมาธิ,
อัน (แต่ละอย่าง) ย่อม อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ และน้อมไปเพื่อความปล่อย.
ดูก่อนภิกษุ ท. ! ภิกษุ ย่อมอบรมอริยมรรคมีองค์ 8 กระทำอริยมรรคมีองค์ 8 ให้มาก ด้วยอาการอย่างนี้แล.
-บาลี พระพุทธภาษิต มหาวาร. สํ. ๑๙/๗๙/๒๙๖.
ดูก่อนภิกษุ ท. ! มิจฉาอาชีวะ เป็นอย่างไรเล่า ?
การพูดโกหก (กุหนา) การพูดหลอกลวง (ลปนา) การพูดหว่านล้อม (เนมิตฺตกตา)
การพูดทำให้เจ็บใจจนต้องยอมตกลง (นิปฺเปสิกตา) การล่อลาภด้วยลาภ (ลาเภนลาภํชิคึสนตา).
ภิกษุ ท. ! นี้คือ มิจฉาอาชีวะ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมาอาชีวะ อันเป็นอริยะ ไม่เป็นไปด้วยอาสวะ นำขึ้นสู่ระดับเหนือโลก
เป็นองค์ประกอบแห่งหนทางเพื่อนิพพาน นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ธรรมคือ การงด การเว้น การเว้นขาด และเจตนาเป็นเครื่องเว้นจากมิจฉาอาชีวะ
ของผู้มีอริยจิต ของผู้มีอานาสวจิต ของผู้เป็นอริยมัคคสมัคคี ผู้เจริญอยู่ซึ่งอริยมรรค ใดแล ;
ภิกษุ ท. ! นี้คือ สัมมาอาชีวะ อันเป็นอริยะ ไม่เป็นไปด้วยอาสวะ นำขึ้นสู่ระดับเหนือโลก
เป็นองค์ประกอบแห่งหนทางเพื่อนิพพาน.
เขานั้น เพียรพยายามเพื่อละเสียซึ่งมิจฉาอาชีวะ เพื่อทำสัมมาอาชีวะให้ถึงพร้อม;
ความเพียรพยายามของเขานั้น เป็น สัมมาวายามะ. เขามีสติสะเสียซึ่งมิจฉาอาชีวะ มีสติทำสัมมาอาชีวะให้ถึงพร้อม แล้วแลอยู่;
สติของเขานั้นเป็นสัมมาสติ.
ด้วยอาการอย่างนี้ เป็นอันว่า ธรรม 3 อย่าง นั้น ย่อม ติดตามแวดล้อมซึ่งสัมมาอาชีวะ; สามอย่างนั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ
(ความเห็นชอบ, ความพากเพียรชอบ, ความระลึกชอบ).
- อุปริ. ม. ๑๔/๑๘๑ - ๑๘๖/๒๕๔ - ๒๗๘.
ดูก่อนภิกษุ ท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เพราะสิ้นรอบแห่งสัญโญชน์ 3
ย่อมเป็นผู้แรกถึงกระแส๑นิพพานมีอันไม่กลับตกต่ำเป็นธรรมดา ผู้เที่ยงแท้ ผู้แน่ที่จะตรัสรู้ข้างหน้า. นี้แลสมณะ (ที่ 1-).
๑.สารีบุตร ! อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นแหละ ชื่อว่า กระแส (โสต) ได้แก่สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ๒ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
⥵แม่น้ำ ย่อมไหลไปสู่พระนิพพาน.
⥳ธรรมอันไปทวนกระแสของปฏิจจสมุปบาท(ถึงการดับซึ่งการปรุงแต่งของปัจจัยทั้งหลาย)
กล่าวคือไม่แล่นไปตามกระแสแห่งภพอยู่ ย่อมไม่เข้าถึงหรือไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ย่อมเดินไปไม่ผิดทางนั้น(มิจฉาปฏิปทา).⥨
😣(พยายามทวนกระแส)⥳
คำว่า ‘ทวนกระแส’ เป็นชื่อแห่งเนกขัมมะ.
.
ครั้งนั้นหมู่คนเป็นอันมาก พาเอาจอบและกะทอสำหรับขนดินมาด้วย
ความตั้งใจว่า “พวกเราทั้งหลาย จักทำการทดแม่น้ำคงคานี้ให้ไหลกลับหลัง” ดังนี้.
ดูก่อนภิกษุ ท. ! พวกเธอจะเข้าใจความหมายข้อนี้ว่าอย่างไร : จะทำได้สำเร็จละหรือ ตามที่หมู่คนเป็นอันมากต้องการทดแม่น้ำคงคาให้ไหลกลับหลัง ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ไม่สำเร็จดอก พระเจ้าข้า”. ภิกษุ ท. ! ข้อที่ทำไม่สำเร็จนั้น เป็นเพราะเหตุไรเล่า ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เพราะเหตุว่า ลำแม่น้ำคงคา มีธรรมดาลุ่มลาดเอียงเทไปยังทิศตะวันออก,
มันไม่เป็นการง่ายเลย ที่จะทดแม่น้ำคงคาให้ไหลย้อนกลับหลัง ;
มีแต่จะให้หมู่คนเป็นอันมากนั้น ได้รับส่วนแห่งความเหน็ดเหนื่อยลำบากเปล่า และมีความเดือดร้อนอย่างเดียวตลอดเวลาที่ทำการนั้น พระเจ้าข้า”.
ภิกษุ ท. ! ฉันใดก็ฉันนั้น ที่พระราชา หรืออำมาตย์ผู้ใหญ่ของพระราชา มิตรสหายหรือญาติสาโลหิต จะพึงปวารณาด้วยโภคสมบัติ ที่อนุญาตให้ใช้ตามพอใจ แก่ภิกษุ ผู้กำลังอบรมอริยมรรคมีองค์ 8 กระทำอริยมรรคมีองค์ 8 ให้มากว่า
“มาเถิด พ่อคนเจริญ, การนุ่งห่มผ้าย้อมด้วยน้ำฝาดเหล่านี้ จะมีประโยชน์อะไรสำหรับท่านนัก,
จะเป็นคนหัวโล้น ถือกระเบื้องเที่ยวขอทานกินไปทำไมกัน, เชิญท่านสึกออกมา บริโภคสมบัติ และทำบุญเอาเถิด” ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! ข้อที่ภิกษุนั้น ซึ่งกำลังอบรมอริยมรรคมีองค์ 8 อยู่ กระทำอริยมรรคมีองค์ 8 ให้มากอยู่ จักบอกเลิกสิกขา หมุนกลับคืนไปสู่เพศต่ำแห่งคฤหัสถ์นั้น เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้.
ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
ดูก่อนภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า การที่จิตของภิกษุนั้น น้อมไปในวิเวก ลุ่มลาดไปในวิเวก เอียงเทไปในวิเวก ตลอดกาลนานจักหมุนกลับคืนไปสู่เพศต่ำ นั้น เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ย่อมอบรมอริยมรรคมีองค์ 8 กระทำอริยมรรคมีองค์ 8 ให้มาก เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมอบรมสัมมาทิฏฐิ, ย่อมอบรม สัมมาสังกัปปะ, ย่อมอบรม สัมมาวาจา, ย่อมอบรม สัมมากัมมันตะ, ย่อมอบรม สัมมาอาชีวะ*, ย่อมอบรมสัมมาวายามะ, ย่อมอบรม สัมมาสติ, ย่อมอบรม สัมมาสมาธิ,
อัน (แต่ละอย่าง) ย่อม อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ และน้อมไปเพื่อความปล่อย.
ดูก่อนภิกษุ ท. ! ภิกษุ ย่อมอบรมอริยมรรคมีองค์ 8 กระทำอริยมรรคมีองค์ 8 ให้มาก ด้วยอาการอย่างนี้แล.
-บาลี พระพุทธภาษิต มหาวาร. สํ. ๑๙/๗๙/๒๙๖.
ดูก่อนภิกษุ ท. ! มิจฉาอาชีวะ เป็นอย่างไรเล่า ?
การพูดโกหก (กุหนา) การพูดหลอกลวง (ลปนา) การพูดหว่านล้อม (เนมิตฺตกตา)
การพูดทำให้เจ็บใจจนต้องยอมตกลง (นิปฺเปสิกตา) การล่อลาภด้วยลาภ (ลาเภนลาภํชิคึสนตา).
ภิกษุ ท. ! นี้คือ มิจฉาอาชีวะ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมาอาชีวะ อันเป็นอริยะ ไม่เป็นไปด้วยอาสวะ นำขึ้นสู่ระดับเหนือโลก
เป็นองค์ประกอบแห่งหนทางเพื่อนิพพาน นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ธรรมคือ การงด การเว้น การเว้นขาด และเจตนาเป็นเครื่องเว้นจากมิจฉาอาชีวะ
ของผู้มีอริยจิต ของผู้มีอานาสวจิต ของผู้เป็นอริยมัคคสมัคคี ผู้เจริญอยู่ซึ่งอริยมรรค ใดแล ;
ภิกษุ ท. ! นี้คือ สัมมาอาชีวะ อันเป็นอริยะ ไม่เป็นไปด้วยอาสวะ นำขึ้นสู่ระดับเหนือโลก
เป็นองค์ประกอบแห่งหนทางเพื่อนิพพาน.
เขานั้น เพียรพยายามเพื่อละเสียซึ่งมิจฉาอาชีวะ เพื่อทำสัมมาอาชีวะให้ถึงพร้อม;
ความเพียรพยายามของเขานั้น เป็น สัมมาวายามะ. เขามีสติสะเสียซึ่งมิจฉาอาชีวะ มีสติทำสัมมาอาชีวะให้ถึงพร้อม แล้วแลอยู่;
สติของเขานั้นเป็นสัมมาสติ.
ด้วยอาการอย่างนี้ เป็นอันว่า ธรรม 3 อย่าง นั้น ย่อม ติดตามแวดล้อมซึ่งสัมมาอาชีวะ; สามอย่างนั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ
(ความเห็นชอบ, ความพากเพียรชอบ, ความระลึกชอบ).
- อุปริ. ม. ๑๔/๑๘๑ - ๑๘๖/๒๕๔ - ๒๗๘.
ดูก่อนภิกษุ ท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เพราะสิ้นรอบแห่งสัญโญชน์ 3
ย่อมเป็นผู้แรกถึงกระแส๑นิพพานมีอันไม่กลับตกต่ำเป็นธรรมดา ผู้เที่ยงแท้ ผู้แน่ที่จะตรัสรู้ข้างหน้า. นี้แลสมณะ (ที่ 1-).
๑.สารีบุตร ! อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นแหละ ชื่อว่า กระแส (โสต) ได้แก่สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ๒ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
⥵แม่น้ำ ย่อมไหลไปสู่พระนิพพาน.
⥳ธรรมอันไปทวนกระแสของปฏิจจสมุปบาท(ถึงการดับซึ่งการปรุงแต่งของปัจจัยทั้งหลาย)
กล่าวคือไม่แล่นไปตามกระแสแห่งภพอยู่ ย่อมไม่เข้าถึงหรือไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ย่อมเดินไปไม่ผิดทางนั้น(มิจฉาปฏิปทา).⥨
😣(พยายามทวนกระแส)⥳
คำว่า ‘ทวนกระแส’ เป็นชื่อแห่งเนกขัมมะ.
.
แสดงความคิดเห็น
อริยสาวกชั้นโสดาบัน สามารถติดทีมชาติเล่นฟุตบอลอาชีพได้มั๊ย ?