สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ไปญี่ปุ่น ผมใช้ App แปลเสียงให้เป็นเสียง ไทย - ญี่ปุ่น กะสื่อสารง่ายๆ กับคนที่นั่นให้พอเข้าใจ
เห็นลุงคนขายมันเผา แถวข้างสถานีรถไฟฟ้า อายุน่าจะ 70 Up
เลยพูดไปว่า ราคาเท่าไหร่ เปิดให้ลุงฟัง แล้วลุงพูดกลับ
ได้ข้อความโต้กลับมาว่า "สังคมเสือโคร่ง"
โอเคจบ
ใช้ภาษามือ
สรุป 2 ลูก 1000 เยน
แกยังใจดีแถมมาให้อีกลูก
เห็นลุงคนขายมันเผา แถวข้างสถานีรถไฟฟ้า อายุน่าจะ 70 Up
เลยพูดไปว่า ราคาเท่าไหร่ เปิดให้ลุงฟัง แล้วลุงพูดกลับ
ได้ข้อความโต้กลับมาว่า "สังคมเสือโคร่ง"
โอเคจบ
ใช้ภาษามือ
สรุป 2 ลูก 1000 เยน
แกยังใจดีแถมมาให้อีกลูก
ความคิดเห็นที่ 35
อย่าว่าแต่ AI เลยครับ ต่อให้ชาวตะวันตกที่เรียนภาษาทางเอเซียมานาน หากไม่เข้าใจ Subtext หรือบริบทที่ลึกกว่าบนตัวอักษร ก็ยังเข้าใจภาษาทางฝั่งนี้ผิดไปไกลเลยล่ะครับ (ฝั่งเค้ามาหาเราจะสับสนน้อยกว่า เพราะทางนั้นรากฐานความชัดเจน และความเชื่อแบบเอกนิยมมันฝังมาหลายพันปีแล้ว ภาษาเค้าจึงพยายามเลี่ยงรูปประโยคที่ตีความหมายเชิง semantic ไปได้หลายทางให้มากที่สุด ฝั่งเราไม่ได้มีความเชื่อแบบ absolute god หรือ truth อยู่แล้วเลยไม่ได้เน้นเท่าเค้า) อย่างนิยายนี่เคยเห็นขนาดอาจารย์นักแปล แปลจากภาษาญี่ปุ่นไปอังกฤษผิดบริบทด้วยซ้ำ (อ่านแล้วมันตะหงิด บอกไม่ถูก เลยต้องไปเช็คต้นฉบับดู) ปรากฏว่า แกเข้าใจประธานของประโยคผิด เพราะต้นฉบับญี่ปุ่นละไว้
ในความเห็นส่วนตัว ภาษามนุษย์นั้นถูกออกแบบ ขัดเกลา และพัฒนา ผ่านกระบวนการสื่อสารกันของ "มนุษย์" ซึ่งเรามนุษย์ก็ย่อมแฝง "ความเป็นมนุษย์"ไว้ในภาษาตนเองอยู่แล้ว (เพราะถ้ามันสื่อสารกันได้ไม่ดี อีกฝ่ายก็ไม่เข้าใจ สุดท้ายก็เลยต้องหาทางสื่อมันออกมาให้จนได้ เกิดเป็นวิธีการใช้ ภาษา หรือคำใหม่ๆ ที่แฝงความเป็นมนุษย์เหล่านั้นไว้)
ซึ่งไอ้เจ้าความเป็นมนุษย์เนี่ย ก็ย่อมมาพร้อมกับ อารมณ์ ความผูกพันธ์ ความเคารพ ความรักใคร่ ฯลฯ ที่ถูกยึดโยงโดยตั้งใจ และไม่ตั้งใจไว้กับ คำ หรือวิธีการสื่อบางประการ ซึ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งนามธรรม และช่างอยู่ห่างไกลจากความคุ้นชิน (ไม่ต้องพูดถึงความ"เข้าใจ") ของ AI ที่ไม่ได้แชร์เลือดเนื้อ อารมณ์ร่วมของร่างกาย และความสัมพันธ์เชิงสังคมของมนุษย์
ในแง่นึงก็ไม่ต่างกับการบรรยายถึงความหนาวที่ชาวรัสเซียได้สัมผัสตลอดช่วงฤดูหนาว จนขนาดแยกคำว่า หนาว ออกมาได้ถึง 5 คำเป็นอย่างน้อย เพราะสำหรับเราชาวไทยที่ชินกับความร้อนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หนาว ก็ได้แค่หนาว ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น (เต็มที่ก็เติมคำแุปสรรคอธิบายความหนาวไป) เพราะงั้นแค่จะแปลคำว่า "หนาว" จากภาษารัสเซียมาภาษาไทย ก็ย่อมต้องหากระบวนการ หรืออะไรก็ตามที่สามารถสื่อให้คนไทยเรา อย่างน้อยก็พอได้สัมผัสถึงความยะเยือก ความชาไปทั่วสรรพางค์ร่างกายให้พอได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ชาวรัสเซียได้สัมผัส และรู้สึก มากกว่าที่จะแปลมันดื้อๆว่า "หนาว"
นี่ขนาดแปลให้มนุษย์ด้วยกันยังสื่อกันยากขนาดนี้ AI ที่ให้ตายก็ไม่เคยสัมผัสความหนาวตลอดชั่ว"อายุขัย"ของมัน ยากมากที่จะสื่อความสิ่งที่ตัวเอง, หรือแม้แต่ผู้รับสาร, ไม่เคยสัมผัส ให้สามารถเข้าใจคอนเซปใหม่นั้นได้
ปล.ข้อความข้างบนนี้ ผมลองเขียนด้วยการเรียงประโยคแบบ"ไทย" ที่บางทีก็สลับเอากรรม มาไว้ข้างหน้า ละประธาน ละกิริยาบ้าง ซึ่งพออ่านอาจจะสับสนอยู่บ้าง แต่คิดว่าอย่างน้อยคนไทยก็น่าจะพออ่านเข้าใจได้บ้าง แต่พอลองไปใช้ Google translate ที่แม้จะพัฒนามาได้มากแล้ว ก็ยังแปลสลับ ผิดบริบท และเรียงประโยคออกมาเป็นภาษาอังกฤษที่อ่านรู้เรื่องได้ยากอยู่เลยครับ
ปล.2 ผมชอบคำพูดนึงของเกอเธ่มากที่บอกว่า "ผู้ที่ไม่รู้ภาษาต่างชาติ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภาษาตนเอง" การรู้ภาษาอื่นต่อให้มี AI มาทำแทนได้อย่างสบายแล้ว มันก็ยังมีประโยชน์อยู่ดีครับ เพราะมันช่วยให้สามารถเข้าใจภาษาตนเอง หรือก็คือกระบวนการคิดของตัวเราได้ดีขึ้นจริง อย่างน้อยๆก็ได้รับรู้ว่าของสิ่งเดียวกันสามารถ มอง และบรรยายออกมาได้หลากหลายวิธีมาก
แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเป็นเหตุผลที่ควรเรียนภาษา (ไม่ว่าภาษาตัวเอง หรือภาษาอื่น) ให้เข้าใจมันมากยิ่งๆขึ้นแล้วครับ
ในความเห็นส่วนตัว ภาษามนุษย์นั้นถูกออกแบบ ขัดเกลา และพัฒนา ผ่านกระบวนการสื่อสารกันของ "มนุษย์" ซึ่งเรามนุษย์ก็ย่อมแฝง "ความเป็นมนุษย์"ไว้ในภาษาตนเองอยู่แล้ว (เพราะถ้ามันสื่อสารกันได้ไม่ดี อีกฝ่ายก็ไม่เข้าใจ สุดท้ายก็เลยต้องหาทางสื่อมันออกมาให้จนได้ เกิดเป็นวิธีการใช้ ภาษา หรือคำใหม่ๆ ที่แฝงความเป็นมนุษย์เหล่านั้นไว้)
ซึ่งไอ้เจ้าความเป็นมนุษย์เนี่ย ก็ย่อมมาพร้อมกับ อารมณ์ ความผูกพันธ์ ความเคารพ ความรักใคร่ ฯลฯ ที่ถูกยึดโยงโดยตั้งใจ และไม่ตั้งใจไว้กับ คำ หรือวิธีการสื่อบางประการ ซึ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งนามธรรม และช่างอยู่ห่างไกลจากความคุ้นชิน (ไม่ต้องพูดถึงความ"เข้าใจ") ของ AI ที่ไม่ได้แชร์เลือดเนื้อ อารมณ์ร่วมของร่างกาย และความสัมพันธ์เชิงสังคมของมนุษย์
ในแง่นึงก็ไม่ต่างกับการบรรยายถึงความหนาวที่ชาวรัสเซียได้สัมผัสตลอดช่วงฤดูหนาว จนขนาดแยกคำว่า หนาว ออกมาได้ถึง 5 คำเป็นอย่างน้อย เพราะสำหรับเราชาวไทยที่ชินกับความร้อนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หนาว ก็ได้แค่หนาว ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น (เต็มที่ก็เติมคำแุปสรรคอธิบายความหนาวไป) เพราะงั้นแค่จะแปลคำว่า "หนาว" จากภาษารัสเซียมาภาษาไทย ก็ย่อมต้องหากระบวนการ หรืออะไรก็ตามที่สามารถสื่อให้คนไทยเรา อย่างน้อยก็พอได้สัมผัสถึงความยะเยือก ความชาไปทั่วสรรพางค์ร่างกายให้พอได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ชาวรัสเซียได้สัมผัส และรู้สึก มากกว่าที่จะแปลมันดื้อๆว่า "หนาว"
นี่ขนาดแปลให้มนุษย์ด้วยกันยังสื่อกันยากขนาดนี้ AI ที่ให้ตายก็ไม่เคยสัมผัสความหนาวตลอดชั่ว"อายุขัย"ของมัน ยากมากที่จะสื่อความสิ่งที่ตัวเอง, หรือแม้แต่ผู้รับสาร, ไม่เคยสัมผัส ให้สามารถเข้าใจคอนเซปใหม่นั้นได้
ปล.ข้อความข้างบนนี้ ผมลองเขียนด้วยการเรียงประโยคแบบ"ไทย" ที่บางทีก็สลับเอากรรม มาไว้ข้างหน้า ละประธาน ละกิริยาบ้าง ซึ่งพออ่านอาจจะสับสนอยู่บ้าง แต่คิดว่าอย่างน้อยคนไทยก็น่าจะพออ่านเข้าใจได้บ้าง แต่พอลองไปใช้ Google translate ที่แม้จะพัฒนามาได้มากแล้ว ก็ยังแปลสลับ ผิดบริบท และเรียงประโยคออกมาเป็นภาษาอังกฤษที่อ่านรู้เรื่องได้ยากอยู่เลยครับ
ปล.2 ผมชอบคำพูดนึงของเกอเธ่มากที่บอกว่า "ผู้ที่ไม่รู้ภาษาต่างชาติ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภาษาตนเอง" การรู้ภาษาอื่นต่อให้มี AI มาทำแทนได้อย่างสบายแล้ว มันก็ยังมีประโยชน์อยู่ดีครับ เพราะมันช่วยให้สามารถเข้าใจภาษาตนเอง หรือก็คือกระบวนการคิดของตัวเราได้ดีขึ้นจริง อย่างน้อยๆก็ได้รับรู้ว่าของสิ่งเดียวกันสามารถ มอง และบรรยายออกมาได้หลากหลายวิธีมาก
แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเป็นเหตุผลที่ควรเรียนภาษา (ไม่ว่าภาษาตัวเอง หรือภาษาอื่น) ให้เข้าใจมันมากยิ่งๆขึ้นแล้วครับ
แสดงความคิดเห็น
อีกนานเท่าใดที่เทคโนโลยีการแปลภาษาจะพัฒนาโดยสมบูรณ์จนอาจไม่จำเป็นต้องเรียนภาษาอีก
ในส่วนนี้ จขกท. มองว่าถ้ามีเทคโนโลยีแบบนี้ในอนาคตจริง กลุ่มอาชีพและวิชาการสายภาษาอาจเกิดการ Disruption ครั้งใหญ่เลยทีเดียว แต่กว่าจะถึงตอนนั้น เทคโนโลยีการแปลภาษาอาจต้องพัฒนาอีกสักระยะ เคยอ่าน National Geographic ฉบับปี 2002 เกี่ยวกับสหภาพยุโรป เล่าว่าเนื่องจากภาษาราชการทุกภาษาของประเทศสมาชิกจะเป็นภาษาราชการของสหภาพยุโรปด้วย ทำให้มีการแปลอย่างมหาศาลในแต่ละวันทั้งการแปลบทสนทนาและเอกสาร มีการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยแปล แม้จะแปลเอกสารได้หลายหมื่นหน้าต่อวัน แต่เอกสารเหล่านั้นก็ยังต้องผ่านการขัดเกลาโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญอยู่ดี ไม่รู้ว่าปี 2022 นี้จะเป็นยังไงบ้าง คหสต. มองว่าโปรแกรมอาจต้องมีการอัพเดตตลอด เพราะศัพท์แสงคำสแลงมีเพิ่มขึ้นตลอดเวลา เคยดูสารคดีอีกชิ้นประมาณ 10 ปีมาแล้ว เกี่ยวกับโปรแกรมแปลภาษา ผู้พัฒนายังบอกเลยว่า ในที่สุดพอใช้ไปได้สักพัก คนก็จะเริ่มเรียนรู้ที่จะพูดออกมาด้วยตัวเอง
ลองแสดงความเห็นกันดูครับ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบครับ