แจงลักษณะไกด์แท้และไกด์เทียม (หัวหน้าทัวร์)

จากนี้ไปใครจะซื้อทัวร์ไปเที่ยวญี่ปุ่นให้ถามเอเย่นต์ทัวร์ (เอาแพคเกจทัวร์ของโฮลเซลล์มาขาย) ด้วยนะคะ ว่าไกด์ที่ขึ้นไปกับกรุ๊ปทัวร์สามารถพูดสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้หรือไม่ จะมีไกด์อยู่สองประเภทที่บริษัททัวร์โฮลเซลล์(ออกทัวร์เอง)เลือกใช้ คือ
     ไกด์ที่สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ ข้อดีคือ อธิบายบรรณยายประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถานการณ์ที่ท่องเที่ยว รู้ลึกข้อมูลเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นเมื่อลูกค้าเกิดปัญหาใดๆที่ญี่ปุ่นเช่น ถึงสนามบินที่ญี่ปุ่นแล้ว ลูกทัวร์มีปัญหาเรื่องสัมภาระและอื่นๆ ไกด์จะเป็นฝ่ายประสานงานกับพนักงานสายการบินชาวญี่ปุ่นได้ทันที ลืมสิ่งของสำคัญไว้ที่โรงแรมที่พัก ไกด์ที่ได้ภาษาสามารถที่จะติดต่อประสานงานพนักงานโรงแรมให้ได้โดยไม่ต้องผ่าน Sitting Guide หรือ Sitting Call
         และ หัวหน้าทัวร์ที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ สังเกตง่ายๆเลย จากเมืองไทยจะมีไกด์พากรุ๊ปขึ้นไปด้วย แต่พอถึงญี่ปุ่นจะมีคนไทยมารอเพิ่มอีก 1 คน คนนี้แหละที่จะมาเป็นคนคอยประสานงานทางภาษาญี่ปุ่นให้ (ไม่ใช่ล่าม เพราะบางคนภาษาญี่ปุ่นยังไม่ค่อยจะได้เลยด้วย) ไกด์จะต้องจ่ายค่าบริการคนพวกนี้วันละ 1 หมื่นเยน  และค่าโรงแรมอีก 3,000 เยนต่อคืนให้กับผู้ประสานงาน ต่อทริปไกด์จะต้องจ่ายอย่างต่ำ 30,000-40,000 เยนเองโดยที่เบิกบริษัททัวร์ไม่ได้ลักษณะงานแบบนี้เรียกว่า Sitting Guide ไกด์ประเภทนี้จะเน้นการขาย ขายทุกวัน บรรยายแต่สรรพคุณของสินค้า
         และในปัจจุบันพัฒนาขึ้นมาเป็น Sitting Call ก็คือ ราคาค่าจ้างจะถูกกว่าSitting Call เพื่อลดต้นทุนบางกรุ๊ปไกด์ขาดทุน ไกด์ที่ไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นเกิดปัญหาระหว่างการทำทัวร์ ก็จะโทรหา Sitting Call ให้ประสานงานการแก้ปัญหาให้ ซึ่งบางปัญหาไม่สามารอได้เช่น ต้องพาลูกทัวร์ไปโรงพยาบาล ลูกทัวร์แพ้อาหารอย่างหนัก เกิดอุบัติเหตุลื่นล้มกระดูกหัก พาสปอร์ตหาย ซึ่งราคาค่าจ้าง Sitting Call ถูกมาก เหมาจ่ายต่อกรุ๊ปจะอยู่ที่ 1 หมื่นเยน คิดเอาเองนะคะว่า ไกด์ประเภทนี้ทำไมถึงยอมจ่าย
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่