คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8

ศธ.กำชับสถานศึกษา เพิ่มมาตรการป้องกัน ควบคุมโควิดแพร่ระบาดอย่างเต็มที่ จัดการเรียนการสอนภายใต้มาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงมาตรการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสถานศึกษา โดยเฉพาะในช่วงวันคริสมาสต์และช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้จะถึงนี้ ว่า ที่ผ่านมากระทรวง ศธ.ได้กำชับสถานศึกษาทุกแห่งให้เพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันและควบคุมดูแลอย่างต่อเนื่อง พร้อมประสานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถจัดการเรียนการสอนได้ภายใต้มาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ทั้งการล้างมือ การเว้นระยะห่าง การสวมใส่หน้ากากอนามัย เป็นต้น แต่หากเชื้อมีความรุนแรงขึ้น ก็จะต้องมีการปรับมาตรการและเพิ่มความเข้มข้นในการดูแลความเรียบร้อยเพื่อให้นักเรียน และครูมีความปลอดภัยจากการติดเชื้อ
ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นให้กับนักเรียนนั้น ศธ.ได้ดำเนินการในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานไปฉีดตามจุดให้บริการต่างๆ ได้ ทั้งที่โรงพยาบาลและศูนย์ฯ บริการใกล้บ้าน
ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02nAMgo64wAofVZEGB7474G33NbU43sASsZ4yG6qdDWjzvFsC23GazuUKaxL7pfLT5l

กรมอนามัย เตือนประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง ห่วงกลุ่มเปราะบางที่อาจป่วยง่าย
เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ รวมทั้งประชาชนทุกคนควรดูแลสุขภาพตนเอง
หวั่นร่างกายปรับตัวไม่ทัน ภูมิต้านทานลดต่ำลง ในช่วงสภาพอากาศแปรปรวน
ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid034QjL9SPzPh43jGcGywP17qphdYnTnw7wDp2TjWWQMpGzgijuSUmV7gD7K8VCyDEel

ประชาชนควรได้รับวัคซีน อย่างน้อย 4 เข็ม
เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ในปัจจุบันมีแนวโน้ม ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในฤดูหนาว เมื่อมีกิจกรรมรวมคนและผ่อนคลายมาตรการ
ทุกคนควรรับวัคซีนโควิด 19 อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608
หากท่านรับวัคซีนเข็มสุดท้าย นานเกิน 4 เดือน ให้รับวัคซีนเพิ่มเติม
สามารถขอรับวัคซีนได้ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน
ที่มา : กรุงเทพมหานคร
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid031UoMwKfmgo3nmQJUwb14pThsiJUnvKu6ShLHgzoEBZnVdXM3qgMzq4k5qyXQERpBl

สธ.ชี้! เด็กเล็กฉีดวัคซีนพื้นฐานลดลง หวั่น "หัด-คอตีบ-ไอกรน" หวนระบาดซ้ำ แนะรีบพาบุตรหลานมาฉีด
วันนี้ (8 ธ.ค.2565) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากที่ประเทศไทยมีการระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้จำเป็นต้องประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ความครอบคลุมการได้รับวัคซีนในกลุ่มเด็กตามแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคลดลงไปด้วย
สถานการณ์ดังกล่าว สถานพยาบาลจำเป็นต้องจำกัดจำนวนผู้เข้ารับบริการ หรือลดความถี่ในการบริการฉีดวัคซีนเด็ก รวมถึงผู้ปกครองอาจมีความกังวลในการพาบุตรหลานไปรับการฉีดวัคซีนในสถานพยาบาลซึ่งทำให้การได้รับวัคซีนลดลง อาจก่อให้เกิดการระบาดของโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน เช่น โรคหัด โรคคอตีบ โรคไอกรน เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ได้ออกประกาศเตือนทุกประเทศว่า “การลดลงของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด กำลังทำให้โรคหัดซึ่งเป็นโรคทางเดินหายใจที่ระบาดได้ง่าย กลายเป็นภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในทุกภูมิภาค โดยโรคหัดทำให้เกิดอาการไข้ ตาแดง ไอ ผื่นแดงขึ้นกระจายทั่วตัว ในเด็กเล็กอาจมีภาวะปอดบวมแทรกซ้อนจนเสียชีวิตได้”
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเสริมว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีแผนเร่งรัดการฉีดวัคซีนตามแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยกรมควบคุมโรคได้มีการลงพื้นที่เพื่อหารือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในเรื่องกลยุทธ์การเร่งรัดฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายเด็ก จากการติดตามผลบริการฉีดวัคซีนภาพรวมได้ลดลงทุกวัคซีน เช่น ในเดือน ต.ค. 2565 พบความครอบคลุมการฉีดวัคซีนหัดเข็มที่ 1 เป็นร้อยละ 86 และเข็มที่ 2 เป็นร้อยละ 82 ซึ่งได้ลดลงจากปี 2562 พบความครอบคลุมการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ร้อยละ 92 และเข็มที่ 2 ร้อยละ 90 ตามลำดับ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากโรคหัดเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่เกิดการแพร่เชื้อได้ง่ายมาก และจะเกิดผลแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หากมีการติดเชื้อในกลุ่มเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมด้านวัคซีนป้องกันโรคหัดไว้แล้ว โดย สปสช. จะเป็นผู้สนับสนุนวัคซีนหัดในเด็กเล็ก ซึ่งสามารถรับวัคซีนเข็มที่ 1 ได้เมื่ออายุ 9 เดือน และรับวัคซีนเข็มที่ 2 ได้เมื่ออายุ 1 ปีครึ่ง และกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้สนับสนุนวัคซีนหัดในผู้ใหญ่กลุ่มเสี่ยง โดยทุกกลุ่มเป้าหมาย “สามารถติดต่อขอรับบริการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลของรัฐใกล้บ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
ศ.พญ.ธันยวีร์ ภูธนกิจ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ได้กล่าวว่า ไวรัสโรคหัดติดต่อได้ง่ายมาก ผ่านได้ทั้งทางฝอยละอองขนาดเล็กที่ฟุ้งในอากาศและการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย อาการแสดงของโรคหัดจะเริ่มจากไข้ ตาแดง ไอ ต่อมาผื่นแดงขึ้นกระจายทั่วตัว ในเด็กเล็กอาจมีภาวะปอดบวมแทรกซ้อน การรับวัคซีนโรคหัดเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด โดยกระทรวงสาธารณสุข มีวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน ให้กับเด็กทุกคน โดยเริ่มฉีดเข็มแรกได้ตั้งแต่ อายุ 9 เดือนขึ้นไป ซึ่งการได้รับวัคซีนครบสองเข็มจะป้องกันโรคหัดได้มากกว่าร้อยละ 97
จึงขอเชิญชวนให้พ่อแม่ผู้ปกครองนำบุตรหลานมารับวัคซีนให้ครบตามกำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
https://web.facebook.com/NBT2HDTV/posts/pfbid029VvhLULyCy2fpjFyCigLTCAY8AdMDoX14n1nTfqkZvx1MRrK3bykGkNsGVN7W6r1l

ศธ.กำชับสถานศึกษา เพิ่มมาตรการป้องกัน ควบคุมโควิดแพร่ระบาดอย่างเต็มที่ จัดการเรียนการสอนภายใต้มาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงมาตรการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสถานศึกษา โดยเฉพาะในช่วงวันคริสมาสต์และช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้จะถึงนี้ ว่า ที่ผ่านมากระทรวง ศธ.ได้กำชับสถานศึกษาทุกแห่งให้เพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันและควบคุมดูแลอย่างต่อเนื่อง พร้อมประสานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถจัดการเรียนการสอนได้ภายใต้มาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ทั้งการล้างมือ การเว้นระยะห่าง การสวมใส่หน้ากากอนามัย เป็นต้น แต่หากเชื้อมีความรุนแรงขึ้น ก็จะต้องมีการปรับมาตรการและเพิ่มความเข้มข้นในการดูแลความเรียบร้อยเพื่อให้นักเรียน และครูมีความปลอดภัยจากการติดเชื้อ
ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นให้กับนักเรียนนั้น ศธ.ได้ดำเนินการในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานไปฉีดตามจุดให้บริการต่างๆ ได้ ทั้งที่โรงพยาบาลและศูนย์ฯ บริการใกล้บ้าน
ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02nAMgo64wAofVZEGB7474G33NbU43sASsZ4yG6qdDWjzvFsC23GazuUKaxL7pfLT5l

กรมอนามัย เตือนประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง ห่วงกลุ่มเปราะบางที่อาจป่วยง่าย
เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ รวมทั้งประชาชนทุกคนควรดูแลสุขภาพตนเอง
หวั่นร่างกายปรับตัวไม่ทัน ภูมิต้านทานลดต่ำลง ในช่วงสภาพอากาศแปรปรวน
ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid034QjL9SPzPh43jGcGywP17qphdYnTnw7wDp2TjWWQMpGzgijuSUmV7gD7K8VCyDEel

ประชาชนควรได้รับวัคซีน อย่างน้อย 4 เข็ม
เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ในปัจจุบันมีแนวโน้ม ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในฤดูหนาว เมื่อมีกิจกรรมรวมคนและผ่อนคลายมาตรการ
ทุกคนควรรับวัคซีนโควิด 19 อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608
หากท่านรับวัคซีนเข็มสุดท้าย นานเกิน 4 เดือน ให้รับวัคซีนเพิ่มเติม
สามารถขอรับวัคซีนได้ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน
ที่มา : กรุงเทพมหานคร
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid031UoMwKfmgo3nmQJUwb14pThsiJUnvKu6ShLHgzoEBZnVdXM3qgMzq4k5qyXQERpBl

สธ.ชี้! เด็กเล็กฉีดวัคซีนพื้นฐานลดลง หวั่น "หัด-คอตีบ-ไอกรน" หวนระบาดซ้ำ แนะรีบพาบุตรหลานมาฉีด
วันนี้ (8 ธ.ค.2565) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากที่ประเทศไทยมีการระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้จำเป็นต้องประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ความครอบคลุมการได้รับวัคซีนในกลุ่มเด็กตามแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคลดลงไปด้วย
สถานการณ์ดังกล่าว สถานพยาบาลจำเป็นต้องจำกัดจำนวนผู้เข้ารับบริการ หรือลดความถี่ในการบริการฉีดวัคซีนเด็ก รวมถึงผู้ปกครองอาจมีความกังวลในการพาบุตรหลานไปรับการฉีดวัคซีนในสถานพยาบาลซึ่งทำให้การได้รับวัคซีนลดลง อาจก่อให้เกิดการระบาดของโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน เช่น โรคหัด โรคคอตีบ โรคไอกรน เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ได้ออกประกาศเตือนทุกประเทศว่า “การลดลงของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด กำลังทำให้โรคหัดซึ่งเป็นโรคทางเดินหายใจที่ระบาดได้ง่าย กลายเป็นภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในทุกภูมิภาค โดยโรคหัดทำให้เกิดอาการไข้ ตาแดง ไอ ผื่นแดงขึ้นกระจายทั่วตัว ในเด็กเล็กอาจมีภาวะปอดบวมแทรกซ้อนจนเสียชีวิตได้”
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเสริมว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีแผนเร่งรัดการฉีดวัคซีนตามแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยกรมควบคุมโรคได้มีการลงพื้นที่เพื่อหารือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในเรื่องกลยุทธ์การเร่งรัดฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายเด็ก จากการติดตามผลบริการฉีดวัคซีนภาพรวมได้ลดลงทุกวัคซีน เช่น ในเดือน ต.ค. 2565 พบความครอบคลุมการฉีดวัคซีนหัดเข็มที่ 1 เป็นร้อยละ 86 และเข็มที่ 2 เป็นร้อยละ 82 ซึ่งได้ลดลงจากปี 2562 พบความครอบคลุมการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ร้อยละ 92 และเข็มที่ 2 ร้อยละ 90 ตามลำดับ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากโรคหัดเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่เกิดการแพร่เชื้อได้ง่ายมาก และจะเกิดผลแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หากมีการติดเชื้อในกลุ่มเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมด้านวัคซีนป้องกันโรคหัดไว้แล้ว โดย สปสช. จะเป็นผู้สนับสนุนวัคซีนหัดในเด็กเล็ก ซึ่งสามารถรับวัคซีนเข็มที่ 1 ได้เมื่ออายุ 9 เดือน และรับวัคซีนเข็มที่ 2 ได้เมื่ออายุ 1 ปีครึ่ง และกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้สนับสนุนวัคซีนหัดในผู้ใหญ่กลุ่มเสี่ยง โดยทุกกลุ่มเป้าหมาย “สามารถติดต่อขอรับบริการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลของรัฐใกล้บ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
ศ.พญ.ธันยวีร์ ภูธนกิจ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ได้กล่าวว่า ไวรัสโรคหัดติดต่อได้ง่ายมาก ผ่านได้ทั้งทางฝอยละอองขนาดเล็กที่ฟุ้งในอากาศและการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย อาการแสดงของโรคหัดจะเริ่มจากไข้ ตาแดง ไอ ต่อมาผื่นแดงขึ้นกระจายทั่วตัว ในเด็กเล็กอาจมีภาวะปอดบวมแทรกซ้อน การรับวัคซีนโรคหัดเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด โดยกระทรวงสาธารณสุข มีวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน ให้กับเด็กทุกคน โดยเริ่มฉีดเข็มแรกได้ตั้งแต่ อายุ 9 เดือนขึ้นไป ซึ่งการได้รับวัคซีนครบสองเข็มจะป้องกันโรคหัดได้มากกว่าร้อยละ 97
จึงขอเชิญชวนให้พ่อแม่ผู้ปกครองนำบุตรหลานมารับวัคซีนให้ครบตามกำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
https://web.facebook.com/NBT2HDTV/posts/pfbid029VvhLULyCy2fpjFyCigLTCAY8AdMDoX14n1nTfqkZvx1MRrK3bykGkNsGVN7W6r1l
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭🧡มาลาริน🧡🇹🇭สธ.ชี้ "โควิด" ทำเด็กไทยรับวัคซีนพื้นฐานลดลง หวั่น"หัด-คอตีบ-ไอกรน" หวนระบาดซ้ำ แนะรีบพาบุตรหลานมาฉีด
สธ.ห่วง "เด็กไทย" ฉีดวัคซีนพื้นฐานครอบคลุมลดลง จากการระบาดโควิด พบได้วัคซีนหัดเหลือ 86% จากเดิมปี 62 เคยได้ 92% ห่วงหลายโรคกลับมาแพร่ซ้ำทั้งที่ป้องกันได้ ทั้งหัด คอตีบ ไอกรน สอดคล้อง WHO-CDC เตือนทั่วโลกฉีดวัคซีนหัดลดลง อาจทำให้หัดระบาดง่ายเป็นภัยคุกคามทั่วโลก แนะพาบุตรหลานรับให้ครบ 2 เข็ม
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การระบาดของโรคโควิด 19 ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมการระบาด ทำให้การรับวัคซีนตามแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในกลุ่มเด็กมีความครอบคลุมลดลง เนื่องจากสถานพยาบาลต้องจำกัดผู้เข้ารับบริการหรือลดความถี่บริการฉีดวัคซีนเด็ก รวมถึงผู้ปกครองกังวลการพาบุตรหลานไปรับการฉีดวัคซีนใน รพ. ทั้งนี้ ความครอบคลุมการรับวัคซีนลดลง อาจก่อให้เกิดการระบาดของโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนขึ้น เช่น โรคหัด โรคคอตีบ โรคไอกรน เป็นต้น สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ที่ออกประกาศเตือนทุกประเทศว่า การลดลงของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด กำลังทำให้โรคหัดซึ่งเป็นโรคทางเดินหายใจที่ระบาดได้ง่าย กลายเป็นภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในทุกภูมิภาค โดยโรคหัดทำให้เกิดอาการไข้ ตาแดง ไอ ผื่นแดงขึ้นกระจายทั่วตัว ในเด็กเล็กอาจมีภาวะปอดบวมแทรกซ้อนจนเสียชีวิตได้
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีแผนเร่งรัดฉีดวัคซีนตามแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยกรมควบคุมโรคลงพื้นที่หารือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เรื่องกลยุทธ์การเร่งรัดฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมายเด็ก จากการติดตามผลบริการฉีดวัคซีนภาพรวมได้ลดลงทุกวัคซีน เช่น ต.ค. 2565 ความครอบคลุมฉีดวัคซีนหัดเข็มที่ 1 ร้อยละ 86 และเข็มที่ 2 เป็นร้อยละ 82 ลดลงจากปี 2562 เข็มที่ 1 ร้อยละ 92 และเข็มที่ 2 ร้อยละ 90 ตามลำดับ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากโรคหัดแพร่เชื้อได้ง่ายมากและเกิดผลแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หากมีการติดเชื้อในกลุ่มเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ สธ.ได้เตรียมความพร้อมด้านวัคซีนป้องกันโรคหัดแล้ว โดย สปสช. จะสนับสนุนวัคซีนหัดในเด็กเล็ก สามารถรับเข็มที่ 1 ได้เมื่ออายุ 9 เดือน และเข็มที่ 2 ได้เมื่ออายุ 1 ปีครึ่ง และกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้สนับสนุนวัคซีนหัดในผู้ใหญ่กลุ่มเสี่ยง ทุกกลุ่มเป้าหมายสามารถขอรับบริการได้ที่ รพ.รัฐใกล้บ้าน ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ศ.พญ.ธันยวีร์ ภูธนกิจ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ กล่าวว่า ไวรัสโรคหัดติดต่อง่ายมาก ผ่านฝอยละอองขนาดเล็กที่ฟุ้งในอากาศและสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย อาการแสดงของโรคหัดเริ่มจากไข้ ตาแดง ไอ ต่อมาผื่นแดงขึ้นกระจายทั่วตัว เด็กเล็กอาจมีภาวะปอดบวมแทรกซ้อน การรับวัคซีนโรคหัดเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด โดย สธ.มีวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน ให้กับเด็กทุกคน โดยเริ่มฉีดเข็มแรกได้ตั้งแต่อายุ 9 เดือนขึ้นไป การรับครบสองเข็มจะป้องกันโรคหัดได้มากกว่าร้อยละ 97 ขอเชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครองนำบุตรหลานมารับวัคซีนให้ครบตามกำหนด
https://mgronline.com/qol/detail/9650000116744
ติดตามข่าวและเรื่องราวที่เกี่ยวกับโควิด-19กันต่อไปค่ะ