ผับกับยามักจะเป็นของคู่กัน อาแปะไม่อยากจะเชื่อว่ากลิ่นผับ"จินหลิง" จะหลุดรอดจมูก ปปส.มาได้หลายปี..

กระทู้คำถาม
อาแปะพยายามหาข้อมูลว่าผับจินหลิงเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีน ตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังหาไม่เจอ  ...
แต่อนุมานว่าผับจินหลิงเปิดหลังจากที่"ตู้ห่าว" ก่อตั้ง"กั๋วลี่กร๊ป" เมื่อปี พศ.2558 ซึ่งก็น่าจะหลัง คสช.และหลังรัฐบาลลุง..
ซึ่งก็อนามานต่อไปได้ว่า "ผับจินหลิง" ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีนมาหลายปีแล้ว..

ซึ่งหากเป็นไปตามที่อาแปะคาด  อาแปะไม่อยากเชื่อว่า ผับจินหลิงหลุดรอดสายตาของปปส.ที่มีนายกเป็นประธานกรรมการไปได้..
แม้ตามข้อมูลของปปส.จะมอบหมายให้รองนายกฯเป็นประธานกรรมการแทน  แต่โดยนัยยะก็ไม่น่าจะพ้นความรับผิดชอบของนายกไปได้..
เพราะปัญหาภัยยาเสพติด เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ จะไม่ได้กลิ่น จะไม่รู้ จะไม่เห็น จะไม่ได้รับรายงาน และจะไม่คุยปรึกษากัน เชียวหรือ.?

   เรื่องยาเสพติดกับผับนี้ หากไม่เกิดกรณีนักท่องเที่ยวสาวจีนตาย และท่านมหาเทพฯชูวิทย์เปิดเปิง  ชาวบ้านคงไม่ทราบว่าทุนเทาชาวจีนจะแผ่ขยายอิทธิพลสีเทาได้กว้างขวางมากมายขนาดนี้ ต้องขอบคุณมหาเทพฯชูวิทย์  จริงๆนะท่าน..   จะเรียกได้ว่าการเติบโตของผับจินหลิง เติบโตมาในยุคของลุงเลยก็ว่าได้   แต่มันมาสะดุดขาตัวเองเสียก่อนเพราะเรื่องยามันปูดที่คนตาย..

  อาแปะว่าควรจะมีการสังคายนาการท่องเที่ยวไทยใหม่แล้วแหละ การท่องเที่ยวเชิงสถานบันเทิงควรควบคุมให้มาก เข้มงวดตรวจตราอย่างใกล้ชิด และก็สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพให้มาก  อย่าไปเน้นเอานักท่องเที่ยวเชิงปริมาณ  แม้ปริมาณที่มากจะมาพร้อมเงินที่มากแต่มันก็สร้างปัญหามาก โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดที่มักจะมาพร้อมกับผับและธุรกิจสีเทาของการท่องเที่ยว

อาแปะ  สายขาว ฝากไว้ให้คิด..

ปรัชญาว่าด้วยกลิ่น"สาบเสือ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่