สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
มันผิดทางครับ กลับลำตอนนี้ทันมั้ย
ถ้ายังทันก็ควรหยุดทำเกษตร แล้วกลับมาทำงานใช้หนี้ให้จบก่อน
ถ้าฝืนทำต่อไป อาจจะรักษาอะไรไว้ไม่ได้เลย จะเสียทุกอย่างไปทั้งหมด
ชีวิตนี้ มันมีสิ่งที่ต้องทำและสิ่งที่อยากทำ ถึงมันจะเบื่อเหนื่อย หมดไฟในการเป็นลูกจ้าง
แต่ถ้าจำเป็นต้องทำ ก็ต้องทำครับ
ผมไม่รู้นะว่าสามีคุณ ทำการเกษตรแบบไหน
ปลูกข้าวขายอย่างเดียว ใช้ปุ๋ยเคมี หรือทำเกษตรอินทรี แบบปลูกพืชหลายชนิด
ถ้าปลูกข้าวขายอย่างเดียว ไม่มีทางรอดครับ ราคาข้าวมันไม่สูงเมื่อเทียบกับต้นทุนที่สูงลิบลิ่ว
ข้าวต้องใช้เวลา3เดือน ในการปลูก เคยทำบัญชีจิ้มเครื่องคิดเลขมั้ยครับ ว่าข้าวที่ปลูกมันกำไรหรือขาดทุน
เพราะถ้าคิดต้นทุนโดยยังไม่ได้บวกค่าแรงรายวัน แล้วได้กำไรหลักพันหรือหมื่นหน่อยๆ ถือว่าขาดทุนครับ
ผมมองเห็นอยู่ 4 แนวทาง
1. ปลูกพืชอายุสั้น ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว 25-60 วัน ข้อมูลส่วนนี้คุณไปวางแผนเอาครับ
ผมไม่รู้ว่าที่ดินที่มีอยู่นั้นกี่ไร่ สมมุติว่า 4ไร่แล้วกัน แบ่งเป็นปลูกข้าว 2ไร่
พืชอายุสั้น ก็แบ่งไป อย่างละ 2 งาน (ปลูก4ชนิดวนไป =8งาน) =2 ไร่พอดี
คุณจะต้องหาช่องทางในการจัดจำหน่ายไว้รอรับผลผลิตที่จะส่งขายไว้ก่อน แล้วเริ่มลงมือปลูก
การปลูกพืชอายุสั้น อย่างผักบุ้งจีน คุณจะมีรายได้ ภายใน1เดือน (ผักบุ้งจีนอายุเก็บเกี่ยว 25-30 วัน)
ให้ปลูกทยอยกันครับ เรียงตามลำดับไล่อายุเก็บเกี่ยวไปเลย เพื่อที่รอบการขายจะได้ไม่ขาดช่วง
เช่น ปลูก ผักบุ้งจีน(25-30 วัน) คะน้า (30-35วัน) ต้นหอม ผักชี กระเพราตัดยอด คื่นช่าย กวางตุ้ง
เรื่องการวางแผนคุณก็ไปวางแผนเอาเอง ผมแค่แนะนำเป็นแนวทางเท่านั้น
ถ้าที่ดินเป็นที่นา ก็ไม่ต้องถมครับ เอารถลงตีพรวน แล้วชักร่องขึ้นมาเลย
2.เปลี่ยนแนวทางการเกษตร จากเคมี เป็นผสม หรืออินทรีย์
จริงอยู่ว่าในระยะแรก เกษตรอินทรี พืชงามไม่เท่าเคมี แต่ในระยะยาว คุณจะลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้มาก เพราะดินอุดมดีอยู่แล้ว
3.หารายได้เพิ่ม เช่นการเผาถ่าน ทำปุ๋ยหมัก ดินเกษตร (ระยะเวลาหมักดิน ก็ 30-60 วัน)
4.เลิกทำเกษตรเลยครับ แล้วกลับไปหางานประจำทำ กัดฟันหาเงินใช้หนี้ให้หมด หรือจะพยายามทำควบคู่กันไป ก็แล้วแต่จะตัดสินใจ
ในระหว่างนี้จะได้มีเวลาทบทวน และหาความรู้+มองตลาดช่องทางเพิ่มขึ้น
ถ้าเลือกที่จะเลิกทำเกษตร ก็ไม่ต้องปล่อยที่ทิ้งเปล่า ปลูกกล้วย มะม่วง
เพื่อเอามาแปรรูป จะเป็นมะม่วงกวน ดอง หยี๋ กล้วยเชื่อม กล้วยตาก อบ ก็ว่ากันไป
ที่ผมแนะนำ พืช 2ชนิดนี้ เพราะว่า มันไม่ต้องดูแลมากนัก ถ้าจะเอามาแปรรูป
ขยันก็จริง แต่ผิดที่ผิดวิธี ทำจนตายก็ไม่รวย มีแต่เจ๊งกับเจ๊งครับ
สิ่งนี้สำคัญครับ ต้องพิจารณา บางคนทำเกษตร รวยเอ๊ารวยเอา บางคนก็จนลงจนลง จนหมดเนื้อหมดตัว
เพราะมันต่างที่วิธีคิด วิธีทำ
แถวดำเนิน เขาทำสวนมะเขือยาว ค้างมะเขืออยู่ข้างบน ข้างล่างค้างมะเขือคือผักชี กับคื่นช่าย เก็บพร้อมกัน
หมดชุดนี้ก็สลับไปปลูกคะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้งจีน พอหมดชุดนี้ก็ไปปลูกฟัก ข้างล่างเป็นต้นหอม ไม่มีใครทำพืชเชิงเดี่ยวเลยครับ
รอบๆสวนก็เป็นมะพร้าว มะม่วง
การทำพืชเชิงเดี่ยว อยู่ไม่ได้ครับ เจ๊งลูกเดียว
ถ้ายังทันก็ควรหยุดทำเกษตร แล้วกลับมาทำงานใช้หนี้ให้จบก่อน
ถ้าฝืนทำต่อไป อาจจะรักษาอะไรไว้ไม่ได้เลย จะเสียทุกอย่างไปทั้งหมด
ชีวิตนี้ มันมีสิ่งที่ต้องทำและสิ่งที่อยากทำ ถึงมันจะเบื่อเหนื่อย หมดไฟในการเป็นลูกจ้าง
แต่ถ้าจำเป็นต้องทำ ก็ต้องทำครับ
ผมไม่รู้นะว่าสามีคุณ ทำการเกษตรแบบไหน
ปลูกข้าวขายอย่างเดียว ใช้ปุ๋ยเคมี หรือทำเกษตรอินทรี แบบปลูกพืชหลายชนิด
ถ้าปลูกข้าวขายอย่างเดียว ไม่มีทางรอดครับ ราคาข้าวมันไม่สูงเมื่อเทียบกับต้นทุนที่สูงลิบลิ่ว
ข้าวต้องใช้เวลา3เดือน ในการปลูก เคยทำบัญชีจิ้มเครื่องคิดเลขมั้ยครับ ว่าข้าวที่ปลูกมันกำไรหรือขาดทุน
เพราะถ้าคิดต้นทุนโดยยังไม่ได้บวกค่าแรงรายวัน แล้วได้กำไรหลักพันหรือหมื่นหน่อยๆ ถือว่าขาดทุนครับ
ผมมองเห็นอยู่ 4 แนวทาง
1. ปลูกพืชอายุสั้น ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว 25-60 วัน ข้อมูลส่วนนี้คุณไปวางแผนเอาครับ
ผมไม่รู้ว่าที่ดินที่มีอยู่นั้นกี่ไร่ สมมุติว่า 4ไร่แล้วกัน แบ่งเป็นปลูกข้าว 2ไร่
พืชอายุสั้น ก็แบ่งไป อย่างละ 2 งาน (ปลูก4ชนิดวนไป =8งาน) =2 ไร่พอดี
คุณจะต้องหาช่องทางในการจัดจำหน่ายไว้รอรับผลผลิตที่จะส่งขายไว้ก่อน แล้วเริ่มลงมือปลูก
การปลูกพืชอายุสั้น อย่างผักบุ้งจีน คุณจะมีรายได้ ภายใน1เดือน (ผักบุ้งจีนอายุเก็บเกี่ยว 25-30 วัน)
ให้ปลูกทยอยกันครับ เรียงตามลำดับไล่อายุเก็บเกี่ยวไปเลย เพื่อที่รอบการขายจะได้ไม่ขาดช่วง
เช่น ปลูก ผักบุ้งจีน(25-30 วัน) คะน้า (30-35วัน) ต้นหอม ผักชี กระเพราตัดยอด คื่นช่าย กวางตุ้ง
เรื่องการวางแผนคุณก็ไปวางแผนเอาเอง ผมแค่แนะนำเป็นแนวทางเท่านั้น
ถ้าที่ดินเป็นที่นา ก็ไม่ต้องถมครับ เอารถลงตีพรวน แล้วชักร่องขึ้นมาเลย
2.เปลี่ยนแนวทางการเกษตร จากเคมี เป็นผสม หรืออินทรีย์
จริงอยู่ว่าในระยะแรก เกษตรอินทรี พืชงามไม่เท่าเคมี แต่ในระยะยาว คุณจะลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้มาก เพราะดินอุดมดีอยู่แล้ว
3.หารายได้เพิ่ม เช่นการเผาถ่าน ทำปุ๋ยหมัก ดินเกษตร (ระยะเวลาหมักดิน ก็ 30-60 วัน)
4.เลิกทำเกษตรเลยครับ แล้วกลับไปหางานประจำทำ กัดฟันหาเงินใช้หนี้ให้หมด หรือจะพยายามทำควบคู่กันไป ก็แล้วแต่จะตัดสินใจ
ในระหว่างนี้จะได้มีเวลาทบทวน และหาความรู้+มองตลาดช่องทางเพิ่มขึ้น
ถ้าเลือกที่จะเลิกทำเกษตร ก็ไม่ต้องปล่อยที่ทิ้งเปล่า ปลูกกล้วย มะม่วง
เพื่อเอามาแปรรูป จะเป็นมะม่วงกวน ดอง หยี๋ กล้วยเชื่อม กล้วยตาก อบ ก็ว่ากันไป
ที่ผมแนะนำ พืช 2ชนิดนี้ เพราะว่า มันไม่ต้องดูแลมากนัก ถ้าจะเอามาแปรรูป
ขยันก็จริง แต่ผิดที่ผิดวิธี ทำจนตายก็ไม่รวย มีแต่เจ๊งกับเจ๊งครับ
สิ่งนี้สำคัญครับ ต้องพิจารณา บางคนทำเกษตร รวยเอ๊ารวยเอา บางคนก็จนลงจนลง จนหมดเนื้อหมดตัว
เพราะมันต่างที่วิธีคิด วิธีทำ
แถวดำเนิน เขาทำสวนมะเขือยาว ค้างมะเขืออยู่ข้างบน ข้างล่างค้างมะเขือคือผักชี กับคื่นช่าย เก็บพร้อมกัน
หมดชุดนี้ก็สลับไปปลูกคะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้งจีน พอหมดชุดนี้ก็ไปปลูกฟัก ข้างล่างเป็นต้นหอม ไม่มีใครทำพืชเชิงเดี่ยวเลยครับ
รอบๆสวนก็เป็นมะพร้าว มะม่วง
การทำพืชเชิงเดี่ยว อยู่ไม่ได้ครับ เจ๊งลูกเดียว
ความคิดเห็นที่ 1
เวลามีหนี้ อย่ารีบสรุปว่ามันจำเป็น การมีหนี้เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายรายเดือน ทำให้เงินเหลือใช้น้อยลง
การมีหนี้มากเกินไป คือ มีหนี้มากเกินความจำเป็น ซึ่งคุณประสบอยู่
root cause ของคุณ คือ มีรายได้ลดลง แต่ไม่ปรับลดค่าใช้จ่าย (การมีหนี้ก็ถือเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่าย)
สิ่งที่เป็นไปได้ ก็มีไม่กี่อย่าง
เพิ่มรายได้
ลดค่าใช้จ่าย
ขายทรัพย์สิน (เพื่อเพิ่มกระแสเงินสด หรือเพื่อตัดหนี้)
การมีหนี้มากเกินไป คือ มีหนี้มากเกินความจำเป็น ซึ่งคุณประสบอยู่
root cause ของคุณ คือ มีรายได้ลดลง แต่ไม่ปรับลดค่าใช้จ่าย (การมีหนี้ก็ถือเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่าย)
สิ่งที่เป็นไปได้ ก็มีไม่กี่อย่าง
เพิ่มรายได้
ลดค่าใช้จ่าย
ขายทรัพย์สิน (เพื่อเพิ่มกระแสเงินสด หรือเพื่อตัดหนี้)
แสดงความคิดเห็น
สามีเป็นคนขยันแต่รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายทำอย่างไรดี
รายได้จากการทำสวนก็ได้นิดหน่อยพอเลี้ยงปากท้องได้ ทำนาจะได้มาก็ 3-4 ครั้งนึง จำนวนเงินก็เอาไปแลกกับค่าข้าวเปลือกค่าน้ำมันตั้งเครื่องสูบน้ำ และหนี้สินทางการเกษตร สิ่งที่คิดหวังไว้ไม่เป็นไปตามนั้น หนี้เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ จากสิ่งนี้ จำนองที่ดินทำทุกสิ่งอย่างที่จะได้มาเป็นเงิน ทองที่เราเก็บไว้ก็ขายหมดแล้วเอาไปเป็นค่าเทอมบ้าง ค่าใช้จ่ายในบ้านบ้าง
ตอนนี้ที่เป็นปัญหาคือไม่มีเงินจะไปทำต่อแล้ว เหลือแต่ที่บ้านเราที่จะเอาไปจำนองแต่เราและแม่ของเรามีความคิดเห็นตรงกันคือถ้าเราและสามีเป็นอะไรไป แม่และลูกของเราจะอยู่กันยังงัย หนี้สินเยอะ บ้านก็ติดจำนอง เค้าจะอยู่กันไม่ได้ (เราคิดแบบนี้ และไปปรึกษาแม่ ก็คิดแบบเราเหมือนกันโดยที่ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้มาก่อน)
เงินเดือนเรา 25,000.- - จ่ายค่าบัตรเครดิต 3 ใบ ประมาณ 6,000.- (เป็นคชจ. กันการซื้อของกินของใช้ในบ้าน)
- ผ่อนรถเดือนละ 7,500.- (แม่เราแก่มากแล้ว ไป รพ.บ่อย สิ่งนึ้เราคิดว่าจำเป็นนะ และเราก็ใช้ขับไปทำงานด้วย)
- ให้แม่เดือน 5,000.- สำหรับข้าวกิน ของแม่และลูกค้าเรา ในทุกๆ วัน
- ค่าข้าวลูกไปโรงเรียน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ฯลฯ
เราไปทำงานช่วงเข้าออกไปซื้อกับข้าวให้แม่ก่อนในบางวันแล้วก็มาส่งลูกที่หน้าปากซอย ถึงจะไปทำงานได้ กลับถึงบ้าน ก็ประมาณ 2-3 ทุ่ม
ถ้าเราจำนองบ้านของเราไปหนี้สินจะมาถึงทางตันมั๊ย เพราะเป็นทรัพย์สินชี้นสุดท้ายแล้ว
อยากขอคำแนะนำดีๆ ว่าเราจะทำอย่างไร ถึงจะไม่ต้องจำนองบ้าน