ครอบครัวเรามีอยู่สี่คน "พ่อ แม่ พี่ เรา"เป็นคนน้อง
พี่เราเป็นคนที่เรียนเก่งตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาลัยจบมหาลัยก็ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมอเอกชนแถวรังสิตพ่อแม่เลยภาคภูมิใจคนพี่ที่เรียนได้ดี ที่บ้านไม่ได้มีฐานะดีเลิศเลอ ฐานะปานกลาง
เริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า
ตอนประมาณม.ต้น(จำไม่ได้ว่าม.อะไร)พี่ทำข้อตกลงพ่อกับแม่ว่าสอบได้เกรดสี่จะได้ไอแพดซึ่งก็เป็นไปตามนั้น
ส่วนของเราตอนม.ต้นที่สอบเข้ารร.เอกชนแห่งนึงเราสัญญากับแม่ว่าสอบได้ห้องสองจะขอไอโฟนหกซึ่งแม่ก็ผิดสัญญา
เราและพี่เรียนรร.เดียวกันตอนมัธยมซึ่งรร.ก็ไม่ใช่ระดับจังหวัดหรืออะไรเเต่คนเก่งก็ค่อนข้างเยอะ
ห้องหนึ่ง สำหรับเด็กเรียนสองภาษา
ห้องสอง สำหรับเด็กที่เรียนเก่งมาก
ห้องสาม สำหรับเด็กที่เรียนเก่งรองลงมา
ห้องสี่ สำหรับเด็กที่เรียนได้บ๊วย
เรากับพี่ห่างกันเจ็ดปีซึ่งตอนพี่เราเรียนหลักสูตรตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันเลย ตอนที่พี่เราเรียนช่วงมัธยมเป็นช่วงที่ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนหลักสูตร
ส่วนของเราเป็นรุ่นที่ซวยจัดๆมีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรพอดีถ้าเรียนม.1ก็จะต้องเรียนหลักสูตรของม.2 สำหรับเราก็คิดว่ายากนะที่ต้องเรียนข้ามขั้นไป
เราเลยรู้สึกว่าการเรียนสมัยก่อนกับสมัยนี้หลักสูตรค่อนข้างต่างกันเยอะพอสมควร แต่ทำไมแม่ถึงพูดว่ามันแค่ฟลุ๊คที่ติดห้องสอง เราในตอนนั้นเราก็รู้สึกนอยๆที่แม่ไม่เป็นอย่างที่พูด
เราก็ไม่ได้เป็นคนที่เรียนเก่งเหมือนกับพี่เลยสักนิด พอเรียนได้ถูๆไถๆไปแค่ไม่มีติดศูนย์ ติดรอ ได้เกรด3กว่าๆ อ่อแล้วอีกอย่างพี่เราเรียนพิเศษตั้งแต่ป.6-ม.6 แต่พอเราบอกว่าอยากเรียนพิเศษบ้างพ่อกับแม่กลับไม่สนับสนุนบอกว่ากลัวเรียนแล้วไม่ได้เรื่องตามคนอื่นไม่ทัน
ต่อ…5555
ตอนช่วงม.ปลายพี่เราได้ทั้งMacBook IPhone Applewatch ตอนนั้นเราเรียนอยู่ช่วงประถมก็เลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องของพวกนี้สักเท่าไหร่ว่าทำไมถึงได้ไปแล้วทำไมเราถึงไม่ได้บ้าง แต่พอขึ้นม.ต้นมาช่วงม.3เราก็เริ่มคิดทำไมเขาถึงได้ทำไมเราไม่ได้ขนาดตอนนั้นแค่ขอโทรศัพท์แม่ไว้ยังไม่ได้เลย
ตอนช่วงมหาลัยของพี่ วันนั้นพี่กลับมาบ้านพร้อมกับเพื่อนตอนนั้นเราเห็นโทรศัพท์อันใหม่อยู่ที่มือพี่เราก็สงสัยว่าของใครพอถามพี่ไปก็บอกของเพื่อน ช่วงนั้นIPhone xrเพิ่งออกมาช่วงปีแรกๆได้ทราคาก็น่าจะพุ่งแหละหลายหมื่น พอทุกวันนี้รู้ความจริงก็สงสัยว่าทำไมต้องโกหกส่วนแม่ก็ไม่บอกอะไรเลยว่าซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้พี่นะ แต่แม่ก็บอกเหตุผลมานะว่าตอนนั้นโทรศัพท์พี่จะพังเลยซื้อให้ใหม่(ไม่ได้บอกตอนช่วงแรกๆที่ซื้อนะคะบอกช่วง1ปีกว่าให้หลัง) แต่เราต้องไปเค้นถามด้วยตัวเองถึงจะรู้ แล้วก็มี IMac เราก็ไม่รู่ว่าแม่ซื้อให้ตอนไหนอะไรยังไงมารู้ตอนหลังจากที่ให้มาเกือบครึ่งปี เหตุผลอันนี้ไม่เคยถามว่าทำไมถึงซื้อให้แต่ราคาIMacช่วงออกมาแรกๆครึ่งแสน ไหนจะกล้อง canon eos m50 อีกซื้อให้เพราะต้องใช้ตอนเรียนมหาลัยเพราะว่าพี่เรียนคณะนิเทศ เลยจำเป็นต้องใช้ถ่ายอันนี้เราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันน่าน้อยใจเพราะเหตุผลมันดูฟังขึ้น
เราไม่ได้รู้สึกอิจฉาที่พี่ได้ดีกว่าตัวเองนะ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ว่าขอแค่บอกสักนิดนึงก็ยังดี แล้วทำไมต้องเป็นของแพง? แบบอื่นใช้ไม่ได้หรอแล้วก็รู้สึกน้อยใจตอนที่ตัวเองขอทำไมถึงไม่ได้บ้างเราก็มีเหตุผลมารองรับตลอดเวลาจะขอก็ทำข้อตกลงก่อนตลอดแต่ทำไมเราถึงกลับไม่ได้บ้าง พอเราทำได้จริงๆแม่ก็จะชอบมีนิสัยที่แบบว่า"อะไรพูดไว้ตอนไหนจำไม่เห็นได้เลย"เราเคยไปคุยกับพี่ พี่ก็บอกว่าก็เพราะเขาเรียนม.ปลายมันเลยจำเป็นต้องใช้macbook เขาเรียนดีก็เลยก็เลยทำข้อตกลงพ่อกับแม่ไว้ว่าจะซื้อให้ เราก็เลยเปลี่ยนความคิดตัวเองตั้งแต่ตอนนั้นที่คุยกับพี่ว่าทำไมเขาถึงได้ของพวกนั้นไป เราก็สงสัยตัวเองแล้วทำไมไม่เปลี่ยนตัวเองให้เรียนดีเหมือนพี่บ้างวะ ถ้าเรียนดีป่านนี้ก็คงไม่มานั่งน้อยใจหรอกอะไรประมาณนั้น55555
ญาติเราคนนีงเคยพูดกับแม่ว่าพี่เราเป็นพวกที่อินกับของapple ติดหรูติดของแพงของแบรนด์
มาช่วงตอนที่พี่เรียนปี4กำลังเข้าขั้นฝึกงาน หางาน ช่วงนี้เป็นช่วงที่พี่ขอเงินบ่อยมาก บอกขอไปจ่ายค่าลงเรียนแต่ละวิชาเราไม่รู้เรียกว่าอะไรแต่ช่วงนี้ขอเงินที่บ้านบ่อยมากๆๆตอนช่วงแรกๆที่บ้านก็ไม่ได้เอะใจกับการขอเงินไปจ่ายค่านู่นค่านี่ แต่พอหลังๆมาพ่อเริ่มสงสัยว่าเอาไปจ่ายค่าอะไรเพราะเห็นขอบ่อยเดือนนึงมาขอสองหมื่นได้ยังไม่รวมค่ากินค่าหอ ค่าของเครื่องใช้ต่างๆนาๆ แล้วก็โกหกเรื่องเงินเดือนช่วงฝึกงานเขาไม่มีให้ ก่อนหน้านี้ก็ขอเงินแม่ลงทุนทำขนมขายหลักหมื่นแม่ก็ไปกู้เงินธนาคารมาให้สรุปก็พัง ภาระตกเป็นของคนที่บ้านหาเงินมาใช้หนี้ให้
แล้วพอช่วงจบปี4พี่คิดอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตัวเองเอาของมีค่าทั้งหมดไปขาย ลำบากไปจนถึงยายยายต้องเอาทอง2สลึงไปขายเพื่อให้พี่จะได้ไปแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เพราะที่บ้านไม่ได้มีกำลังสนับสนุนขนาดนั้นเพราะมันไม่ได้แค่ค่าตั๋วบินไปกลับแน่นอน
ช่วงทำงานมีเงินเดือนเป็นหลักเป็นแหล่ง
มาอยู่คอนโดค่าห้องที่บ้านก็ต้องจ่ายให้ในช่วงแรกๆพอหลังๆพ่อบอกว่าจะให้จ่ายเองด้วยซ้ำเพราะมีงานแล้วที่บ้านก็มีหนี้สินที่กู้มาเพื่อส่งพี่เรียนมหาลัยไว้เยอะแยะมากมายเป็นแสน แต่สรุปก็ให้จ่ายคนละครึ่งช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็มีปัญหาเรื่องเงินไปกู้ยืมมาหลักหมื่น พ่อแม่ก็ต้องช่วยโดยการเอารถไปเข้าธนาคารเพื่อเอามาจ่ายให้แล้วก่อนหน้านี้บอกให้พ่อกับแม่ไปกู้เงินทาห้าหมื่นเพื่อให้เขาลงุทนขายของโอ้ยย…จะเอาเงินที่ไหนมาให้กู้จ้ะหล่อนเราฟังแล้วหงุดหงิดมากเงินทุกวันนี้จะกินจะใช้คนในบ้านเนี่ยคิดแล้วคิดอีกตัวเองอยู่กรุงเทพกินหรูอยู่สบายไปเที่ยวไปผับ ล่าสุดเป็นหนี้ติดคนอื่นรวมๆเกือบหกหมื่นบอกพ่อกับแม่ให้เอารถที่บ้านไปเข้าธนาคารอีกเพื่อที่จะเอามาจ่ายให้แต่ของเก่าก็ยังใช้ไม่หมดสร้างปัญหาภาระมาให้ที่บ้านอีกและ พ่อก็ไม่อยากช่วยเพราะปัญหาเรื่องเงินมีเข้ามาบ่อยหนี้สินที่บ้านก็ยังมีคนในบ้านจะเครียดตายอยู่และพอบอกจะไม่ช่วยตัวเองก็จะฆตต. แต่สรุปพ่อแม่ก็ช่วยตามเดิมนั่นแหละค่ะดีที่แม่ถูกลอตเตอรี่ไม่งั้นก็ต้องเอารถเข้าธนาคารที่บ้านก็ช่วยจนเคยตัวแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ ของที่เคยซื้อไว้ให้ที่กล่าวมาทั้งหมดขายไปตั้งแต่ต้นปีเพราะมีปัญหาเรื่องเงินที่บอกจะไปต่างประเทศแต่ก็งงว่าไม่ได้ไปแล้วเงินไปไหนหมดมันก็ควรมีเงินก้อนอยู่ดี ปากบอกให้เราสงสารพ่อแม่ให้ช่วยเหลือที่บ้านแต่ตัวเองกลับสร้างปัญหามาสะเอง
สิ่งที่เราน้อยใจและโกรธคือพ่อกับแม่ช่วยเหลือตลอดจนเคยตัว ไม่เคยสงสัยหรือเอะใจอะไรสักอย่างที่ผ่านๆมาว่าเงินที่ขอจ่ายค่าอะไรขอทุกครั้งก็ให้ทุกครั้งสลิปการจ่ายค่านู่นค่านี่ไม่เคยมี เวลาขอยืมเงินแม่ก็ไม่ค่อยคืนพอเราไปทวงให้แม่ก็ด่ากลับมาว่า"เงินแม่ไม่ใช่เงินจะเดือดร้อนทำไม เมื่อก่อนก็เป็น" ใช่ค่ะเมื่อก่อนเราเป็นแต่เดี๋ยวนี้เราอยู่กับคนที่บ้านก็สงสารครอบครัว แล้วก็บางทีพี่เราสั่งของมาส่งที่บ้านเก็บปลายทางแม่ก็จ่ายให้เราก็ถามนะว่าเขาจะให้เงินตอนไหน แม่ก็จะบอกว่าเดี๋ยวกลับมาเอาเงินสดมาให้แต่สรุปก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พูดเลยจนกลับมาแล้วก็กลับขึ้นกรุงเทพก็ไม่ได้จ่ายให้ พอทวงให้แม่ก็คำพูดเดิมเลยค่ะ"เมื่อก่อนก็เป็น" อะแต่พอเป็นในกรณีของเราบ้างมีเก็บปลายทางแม่ก็จะทวงหรือหักกับค่าจ้างที่เราช่วยทางบ้าน ตอนช่วงที่พี่เราต้องกลับกรุงเทพเราทวงเงินที่แม่จ่ายค่าของให้ในรถ พ่อก็บอกว่านิดๆหน่อยๆเองไม่เป็นไรหรอก….มันน่าน้อยใจมั้ยอะทีทำไมเราไม่เห็นเป็นงี้บ้าง แล้วมันเป็นสิ่งที่ทำให้พี่เราติดเป็นนิสัยไม่รู้คุณค่าของเงินเลยยยย และอีกกรณีนึงพี่เราเคยกรีดแขนตัวเองเพราะมาแม่มีชู้ตอนนั้นแม่เข้าไปปลอบพี่และบอกขอโทษพอเป็นเราที่กรีดแขนตัวเองเพราะคำพูดของแม่ แม่กลับซ้ำเติมเรา ถึงคำพูดมันไม่ได้ร้ายแรงแต่มันเก็บสะสมมาตลอดเรื่อยๆบางทีมันก็ถึงขีดจำกัดของคนเหมือนกันค่ะ คงไม่มีใครสามารถเป็นที่รับรองอารมณ์ของคนๆนึงได้ตลอดเวลา คนฟังจะแย่เอา
รู้สึกน้อยใจครอบครัวที่เห็นอกเห็นใจคนเป็นพี่มากกว่า
พี่เราเป็นคนที่เรียนเก่งตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาลัยจบมหาลัยก็ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมอเอกชนแถวรังสิตพ่อแม่เลยภาคภูมิใจคนพี่ที่เรียนได้ดี ที่บ้านไม่ได้มีฐานะดีเลิศเลอ ฐานะปานกลาง
เริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า
ตอนประมาณม.ต้น(จำไม่ได้ว่าม.อะไร)พี่ทำข้อตกลงพ่อกับแม่ว่าสอบได้เกรดสี่จะได้ไอแพดซึ่งก็เป็นไปตามนั้น
ส่วนของเราตอนม.ต้นที่สอบเข้ารร.เอกชนแห่งนึงเราสัญญากับแม่ว่าสอบได้ห้องสองจะขอไอโฟนหกซึ่งแม่ก็ผิดสัญญา
เราและพี่เรียนรร.เดียวกันตอนมัธยมซึ่งรร.ก็ไม่ใช่ระดับจังหวัดหรืออะไรเเต่คนเก่งก็ค่อนข้างเยอะ
ห้องหนึ่ง สำหรับเด็กเรียนสองภาษา
ห้องสอง สำหรับเด็กที่เรียนเก่งมาก
ห้องสาม สำหรับเด็กที่เรียนเก่งรองลงมา
ห้องสี่ สำหรับเด็กที่เรียนได้บ๊วย
เรากับพี่ห่างกันเจ็ดปีซึ่งตอนพี่เราเรียนหลักสูตรตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันเลย ตอนที่พี่เราเรียนช่วงมัธยมเป็นช่วงที่ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนหลักสูตร
ส่วนของเราเป็นรุ่นที่ซวยจัดๆมีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรพอดีถ้าเรียนม.1ก็จะต้องเรียนหลักสูตรของม.2 สำหรับเราก็คิดว่ายากนะที่ต้องเรียนข้ามขั้นไป
เราเลยรู้สึกว่าการเรียนสมัยก่อนกับสมัยนี้หลักสูตรค่อนข้างต่างกันเยอะพอสมควร แต่ทำไมแม่ถึงพูดว่ามันแค่ฟลุ๊คที่ติดห้องสอง เราในตอนนั้นเราก็รู้สึกนอยๆที่แม่ไม่เป็นอย่างที่พูด
เราก็ไม่ได้เป็นคนที่เรียนเก่งเหมือนกับพี่เลยสักนิด พอเรียนได้ถูๆไถๆไปแค่ไม่มีติดศูนย์ ติดรอ ได้เกรด3กว่าๆ อ่อแล้วอีกอย่างพี่เราเรียนพิเศษตั้งแต่ป.6-ม.6 แต่พอเราบอกว่าอยากเรียนพิเศษบ้างพ่อกับแม่กลับไม่สนับสนุนบอกว่ากลัวเรียนแล้วไม่ได้เรื่องตามคนอื่นไม่ทัน
ต่อ…5555
ตอนช่วงม.ปลายพี่เราได้ทั้งMacBook IPhone Applewatch ตอนนั้นเราเรียนอยู่ช่วงประถมก็เลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องของพวกนี้สักเท่าไหร่ว่าทำไมถึงได้ไปแล้วทำไมเราถึงไม่ได้บ้าง แต่พอขึ้นม.ต้นมาช่วงม.3เราก็เริ่มคิดทำไมเขาถึงได้ทำไมเราไม่ได้ขนาดตอนนั้นแค่ขอโทรศัพท์แม่ไว้ยังไม่ได้เลย
ตอนช่วงมหาลัยของพี่ วันนั้นพี่กลับมาบ้านพร้อมกับเพื่อนตอนนั้นเราเห็นโทรศัพท์อันใหม่อยู่ที่มือพี่เราก็สงสัยว่าของใครพอถามพี่ไปก็บอกของเพื่อน ช่วงนั้นIPhone xrเพิ่งออกมาช่วงปีแรกๆได้ทราคาก็น่าจะพุ่งแหละหลายหมื่น พอทุกวันนี้รู้ความจริงก็สงสัยว่าทำไมต้องโกหกส่วนแม่ก็ไม่บอกอะไรเลยว่าซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้พี่นะ แต่แม่ก็บอกเหตุผลมานะว่าตอนนั้นโทรศัพท์พี่จะพังเลยซื้อให้ใหม่(ไม่ได้บอกตอนช่วงแรกๆที่ซื้อนะคะบอกช่วง1ปีกว่าให้หลัง) แต่เราต้องไปเค้นถามด้วยตัวเองถึงจะรู้ แล้วก็มี IMac เราก็ไม่รู่ว่าแม่ซื้อให้ตอนไหนอะไรยังไงมารู้ตอนหลังจากที่ให้มาเกือบครึ่งปี เหตุผลอันนี้ไม่เคยถามว่าทำไมถึงซื้อให้แต่ราคาIMacช่วงออกมาแรกๆครึ่งแสน ไหนจะกล้อง canon eos m50 อีกซื้อให้เพราะต้องใช้ตอนเรียนมหาลัยเพราะว่าพี่เรียนคณะนิเทศ เลยจำเป็นต้องใช้ถ่ายอันนี้เราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันน่าน้อยใจเพราะเหตุผลมันดูฟังขึ้น
เราไม่ได้รู้สึกอิจฉาที่พี่ได้ดีกว่าตัวเองนะ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ว่าขอแค่บอกสักนิดนึงก็ยังดี แล้วทำไมต้องเป็นของแพง? แบบอื่นใช้ไม่ได้หรอแล้วก็รู้สึกน้อยใจตอนที่ตัวเองขอทำไมถึงไม่ได้บ้างเราก็มีเหตุผลมารองรับตลอดเวลาจะขอก็ทำข้อตกลงก่อนตลอดแต่ทำไมเราถึงกลับไม่ได้บ้าง พอเราทำได้จริงๆแม่ก็จะชอบมีนิสัยที่แบบว่า"อะไรพูดไว้ตอนไหนจำไม่เห็นได้เลย"เราเคยไปคุยกับพี่ พี่ก็บอกว่าก็เพราะเขาเรียนม.ปลายมันเลยจำเป็นต้องใช้macbook เขาเรียนดีก็เลยก็เลยทำข้อตกลงพ่อกับแม่ไว้ว่าจะซื้อให้ เราก็เลยเปลี่ยนความคิดตัวเองตั้งแต่ตอนนั้นที่คุยกับพี่ว่าทำไมเขาถึงได้ของพวกนั้นไป เราก็สงสัยตัวเองแล้วทำไมไม่เปลี่ยนตัวเองให้เรียนดีเหมือนพี่บ้างวะ ถ้าเรียนดีป่านนี้ก็คงไม่มานั่งน้อยใจหรอกอะไรประมาณนั้น55555
ญาติเราคนนีงเคยพูดกับแม่ว่าพี่เราเป็นพวกที่อินกับของapple ติดหรูติดของแพงของแบรนด์
มาช่วงตอนที่พี่เรียนปี4กำลังเข้าขั้นฝึกงาน หางาน ช่วงนี้เป็นช่วงที่พี่ขอเงินบ่อยมาก บอกขอไปจ่ายค่าลงเรียนแต่ละวิชาเราไม่รู้เรียกว่าอะไรแต่ช่วงนี้ขอเงินที่บ้านบ่อยมากๆๆตอนช่วงแรกๆที่บ้านก็ไม่ได้เอะใจกับการขอเงินไปจ่ายค่านู่นค่านี่ แต่พอหลังๆมาพ่อเริ่มสงสัยว่าเอาไปจ่ายค่าอะไรเพราะเห็นขอบ่อยเดือนนึงมาขอสองหมื่นได้ยังไม่รวมค่ากินค่าหอ ค่าของเครื่องใช้ต่างๆนาๆ แล้วก็โกหกเรื่องเงินเดือนช่วงฝึกงานเขาไม่มีให้ ก่อนหน้านี้ก็ขอเงินแม่ลงทุนทำขนมขายหลักหมื่นแม่ก็ไปกู้เงินธนาคารมาให้สรุปก็พัง ภาระตกเป็นของคนที่บ้านหาเงินมาใช้หนี้ให้
แล้วพอช่วงจบปี4พี่คิดอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตัวเองเอาของมีค่าทั้งหมดไปขาย ลำบากไปจนถึงยายยายต้องเอาทอง2สลึงไปขายเพื่อให้พี่จะได้ไปแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เพราะที่บ้านไม่ได้มีกำลังสนับสนุนขนาดนั้นเพราะมันไม่ได้แค่ค่าตั๋วบินไปกลับแน่นอน
ช่วงทำงานมีเงินเดือนเป็นหลักเป็นแหล่ง
มาอยู่คอนโดค่าห้องที่บ้านก็ต้องจ่ายให้ในช่วงแรกๆพอหลังๆพ่อบอกว่าจะให้จ่ายเองด้วยซ้ำเพราะมีงานแล้วที่บ้านก็มีหนี้สินที่กู้มาเพื่อส่งพี่เรียนมหาลัยไว้เยอะแยะมากมายเป็นแสน แต่สรุปก็ให้จ่ายคนละครึ่งช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็มีปัญหาเรื่องเงินไปกู้ยืมมาหลักหมื่น พ่อแม่ก็ต้องช่วยโดยการเอารถไปเข้าธนาคารเพื่อเอามาจ่ายให้แล้วก่อนหน้านี้บอกให้พ่อกับแม่ไปกู้เงินทาห้าหมื่นเพื่อให้เขาลงุทนขายของโอ้ยย…จะเอาเงินที่ไหนมาให้กู้จ้ะหล่อนเราฟังแล้วหงุดหงิดมากเงินทุกวันนี้จะกินจะใช้คนในบ้านเนี่ยคิดแล้วคิดอีกตัวเองอยู่กรุงเทพกินหรูอยู่สบายไปเที่ยวไปผับ ล่าสุดเป็นหนี้ติดคนอื่นรวมๆเกือบหกหมื่นบอกพ่อกับแม่ให้เอารถที่บ้านไปเข้าธนาคารอีกเพื่อที่จะเอามาจ่ายให้แต่ของเก่าก็ยังใช้ไม่หมดสร้างปัญหาภาระมาให้ที่บ้านอีกและ พ่อก็ไม่อยากช่วยเพราะปัญหาเรื่องเงินมีเข้ามาบ่อยหนี้สินที่บ้านก็ยังมีคนในบ้านจะเครียดตายอยู่และพอบอกจะไม่ช่วยตัวเองก็จะฆตต. แต่สรุปพ่อแม่ก็ช่วยตามเดิมนั่นแหละค่ะดีที่แม่ถูกลอตเตอรี่ไม่งั้นก็ต้องเอารถเข้าธนาคารที่บ้านก็ช่วยจนเคยตัวแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ ของที่เคยซื้อไว้ให้ที่กล่าวมาทั้งหมดขายไปตั้งแต่ต้นปีเพราะมีปัญหาเรื่องเงินที่บอกจะไปต่างประเทศแต่ก็งงว่าไม่ได้ไปแล้วเงินไปไหนหมดมันก็ควรมีเงินก้อนอยู่ดี ปากบอกให้เราสงสารพ่อแม่ให้ช่วยเหลือที่บ้านแต่ตัวเองกลับสร้างปัญหามาสะเอง
สิ่งที่เราน้อยใจและโกรธคือพ่อกับแม่ช่วยเหลือตลอดจนเคยตัว ไม่เคยสงสัยหรือเอะใจอะไรสักอย่างที่ผ่านๆมาว่าเงินที่ขอจ่ายค่าอะไรขอทุกครั้งก็ให้ทุกครั้งสลิปการจ่ายค่านู่นค่านี่ไม่เคยมี เวลาขอยืมเงินแม่ก็ไม่ค่อยคืนพอเราไปทวงให้แม่ก็ด่ากลับมาว่า"เงินแม่ไม่ใช่เงินจะเดือดร้อนทำไม เมื่อก่อนก็เป็น" ใช่ค่ะเมื่อก่อนเราเป็นแต่เดี๋ยวนี้เราอยู่กับคนที่บ้านก็สงสารครอบครัว แล้วก็บางทีพี่เราสั่งของมาส่งที่บ้านเก็บปลายทางแม่ก็จ่ายให้เราก็ถามนะว่าเขาจะให้เงินตอนไหน แม่ก็จะบอกว่าเดี๋ยวกลับมาเอาเงินสดมาให้แต่สรุปก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พูดเลยจนกลับมาแล้วก็กลับขึ้นกรุงเทพก็ไม่ได้จ่ายให้ พอทวงให้แม่ก็คำพูดเดิมเลยค่ะ"เมื่อก่อนก็เป็น" อะแต่พอเป็นในกรณีของเราบ้างมีเก็บปลายทางแม่ก็จะทวงหรือหักกับค่าจ้างที่เราช่วยทางบ้าน ตอนช่วงที่พี่เราต้องกลับกรุงเทพเราทวงเงินที่แม่จ่ายค่าของให้ในรถ พ่อก็บอกว่านิดๆหน่อยๆเองไม่เป็นไรหรอก….มันน่าน้อยใจมั้ยอะทีทำไมเราไม่เห็นเป็นงี้บ้าง แล้วมันเป็นสิ่งที่ทำให้พี่เราติดเป็นนิสัยไม่รู้คุณค่าของเงินเลยยยย และอีกกรณีนึงพี่เราเคยกรีดแขนตัวเองเพราะมาแม่มีชู้ตอนนั้นแม่เข้าไปปลอบพี่และบอกขอโทษพอเป็นเราที่กรีดแขนตัวเองเพราะคำพูดของแม่ แม่กลับซ้ำเติมเรา ถึงคำพูดมันไม่ได้ร้ายแรงแต่มันเก็บสะสมมาตลอดเรื่อยๆบางทีมันก็ถึงขีดจำกัดของคนเหมือนกันค่ะ คงไม่มีใครสามารถเป็นที่รับรองอารมณ์ของคนๆนึงได้ตลอดเวลา คนฟังจะแย่เอา