ย้อนยุคให้ดูว่ามาเฟียจีนเริ่มเข้ามาในเมืองไทยในยุคนไหน สมัยไหน ทำอย่างไรบ้าง

พูดถึงเครือข่ายที่เกี่ยวพันกับบิ๊กทางการเมืองและตำรวจไทย

เปิดเรื่องนี้ด้วยการยึดทรัพย์ 150 ล้านบาท สะท้อนความอัปยศของตำรวจและนักการเมืองไทย 26 ตุลาคม 2565 กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้เข้าตรวจค้นร้านจินหลิง ในพื้นที่ สน.ยานนาวา พบนักท่องเที่ยวที่ใช้ยาเสพติดกว่าร้อยราย พบยาเสพติดเป็นจำนวนมาก ตรวจและยึดรถยนต์หรูถึง 35 คัน 

ขยายผลตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เส้นทางลำเลียงยาเสพติดที่นำเข้ามาจำหน่ายในผับจินหลิง ปฏิบัติการและขยายผลอย่างเร่งด่วน

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งการให้ตำรวจเข้าค้นคอนโดมิเนียมหรูใจกลาง กทม. 2 จุด ตามหมายค้นศาลอาญา คือ อาคาร Banyan Tree Residences Riverside และ อาคารมหานคร (MahaNakhon) เพื่อตรวจยึดทรัพย์สิน เพื่อพิสูจน์การได้มาและการครอบครองว่ามีความเชื่อมโยงกับผับจินหลิงในลักษณะใด

เรามาดูรายละเอียดกันนิดหนึ่ง จำเป็นต้องดูรายละเอียด เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องราวต่างๆ ที่มีหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนี้

จุดแรกคืออาคาร Banyan Tree ห้องเลขที่ 1188/105 ชั้น 33 ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 17 แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเจ้าของห้องคือหลานชายของนายตู้ ห้าว ชื่อ นายหวัง เจิ้นหนาน อายุแค่ 21 ปี 

ยึดอะไรได้บ้าง ? รถยนต์โรลส์-รอยซ์ สีดำ 1 คัน ทะเบียน กย 9 สระบุรี รถเบนซ์สีดำ 1 คัน ทะเบียน 7 กส 7 กรุงเทพมหานคร รถเบนซ์สีน้ำตาล 1 คัน ทะเบียน ฆษ 7 กรุงเทพมหานคร TOYOTA VELLFIRE สีดำ 1 คัน ทะเบียน 5 กส 4841 กรุงเทพมหานคร TOYOTA ALPHARD สีดำ 1 คัน ติดสติกเกอร์สีม่วง-น้ำเงิน ทะเบียน ษธ 5888 กรุงเทพมหานคร มีโทรศัพท์ iPhone สีดำ โทรศัพท์ iPhone ในตู้เซฟ เงินสด 19 ล้านบาทในตู้เซฟ มีแม้กระทั่งกำไล HERMES ในตู้เซฟ นาฬิกา HERMES แหวน GUCCI กำไล GUCCI กำไล VANCLEEF ในตู้เซฟทั้งหมด มีโฉนดห้องชุดเลขที่ 1188/105 ในตู้เซฟ โฉนดห้องชุดเลขที่ 1188/106 ในตู้เซฟ โฉนดห้องเลขที่ 1188/107 ในตู้เซฟ มีกระเป๋า HERMES จำนวน 2 ใบ รองเท้ายี่ห้อ Chanel 1 คู่ สุราและไวน์ราคาแพงจำนวนมาก

จุดที่สอง คือ ตึกมหานคร ห้องเลขที่ 114/35-36 ชั้น 59 พบยาอีจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือจำนวนหนึ่ง ไพ่กระดาษ 60 สำรับ สุราราคาแพงหลากหลายยี่ห้อ 120 ขวด ขวดที่ราคาแพงที่สุด ราคา 2 ล้านบาท

พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า จากการขยายผลการตรวจค้นผับจินหลิงเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 พบรถหรู 31 คัน หนึ่งในนั้นคือรถโรลส์-รอยซ์ ป้ายแดง ตรวจสอบชื่อผู้ครอบครอง คือ นายหวัง เจิ้นหนาน อายุแค่ 21 ปี เอาเงินเอาทองจากไหนมาซื้อรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ป้ายแดง รถหรู ซึ่งนายหวัง เจิ้นหนาน รู้ตัว หลบหนีไปกับเพื่อนก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจค้น เมื่อตรวจสอบเส้นทางการหลบหนี พบว่าช่วงบ่ายวันที่ 26 ตุลาคม นายหวัง เจิ้นหนาน ได้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัว คือพูดง่ายๆ ว่า พอหนีตอนเช้า บ่ายขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่สนามบินภูเก็ต มุ่งหน้าไปสิงคโปร์

นายหวัง เจิ้นหนาน คือใคร ? เป็นหลานของนายตู้ ห้าว และยังถือสัญชาติกัมพูชาอีกหนึ่งสัญชาติ จากการตรวจสอบ ทราบว่านายหวัง เจิ้นหนาน มาซื้ออาคารชุดอยู่ที่อาคาร Banyan Tree Residences ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 1 แขวงและเขตคลองสาน ซื้อชั้น 33 เลขที่ 1188/105 ซื้อยกชั้นเลยท่านผู้ชมครับ มี 4 ห้อง ในราคา 120 ล้านบาท จากการเข้าไปตรวจค้นภายในห้อง พบผู้ดูแล 2 คน คือ นายจะหมี่ แซ่หลี่ อายุ 24 ปี และ น.ส.ณัฐชา แซ่หยาง อายุ 25 คือพูดง่ายๆ ว่าเป็นชาวดอย อาจจะเป็นพวกจีนฮ่อ จากการตรวจสอบ ยึดของกลางได้ทั้งหมด 150 ล้านบาท

หวัง เจิ้นหนาน คือใคร ? คือตัวการนำเข้ายาเสพติด เป็นม้าใช้ของนายตู้ ห้าว เพื่อส่งต่อให้ ตู้ ห้าว กระจายไปตามผับต่างๆ ซึ่งตำรวจเข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียม 2 แห่ง ยึดทรัพย์กว่า 150 ล้านบาท หลังจากที่เจ้าตัวนั่งเครื่องบินส่วนตัวหนีไป

เห็นได้ชัดว่าเครือข่ายของนายตู้ ห้าว วางไว้
นายหวัง เจิ้นหนาน อายุ 21 ปี ใช้เครื่องบินส่วนตัวไปรับยาเสพติดมา ซื้อเจ้าหน้าที่ศุลกากร ซื้อเจ้าหน้าที่ ตม.เอาของแล้วเอามาให้นายตู้ ห้าว เอาไปแจกจ่ายตามสถานบันเทิงเครือข่าย 

ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ตรวจค้นร้านจินหลิงในพื้นที่ สน.ยานนาวา ช่วงเช้ามืดวันที่ 26 ตุลาคม ทีมงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินคดีกับนายตำรวจ 3 นาย ช่วยเหลือผู้ต้องหาชาวจีน โดยหนึ่งในนั้นคือ พ.ต.ท.คมไพร ทองลาด รองผู้กำกับจราจร สน.ลาดพร้าว ซึ่งถูกดำเนินคดีในความผิดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันใดแก่เจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน เพื่อจูงใจให้ไม่กระทำการหรือประวิงการทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่

ท่านผู้ชมสงสัยหรือเปล่าว่าคนที่ชื่อ พ.ต.ท.คมไพร รองผู้กำกับจราจร สน.ลาดพร้าว มาเกี่ยวข้องกับคดีในท้องที่ สน.ยานนาวา ได้อย่างไร

คำตอบชัดเจน พ.ต.ท.คมไพร เคยอยู่ สน.ยานนาวา มาก่อน มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับนายตำรวจระดับสูงใน สตช. โดยที่ พ.ต.ท.คมไพร นี้เอง มีความสนิทสนมกับนายหวัง เจิ้นหนาน หลานของตู้ ห้าว ทำให้คืนเกิดเหตุ เช้าตรู่วันที่ 26 ตุลาคม หลานของนายตู้ ห้าว รอดตัวจากการเป็นผู้ต้องหาในคดีผับจินหลิง ก็คือถูกปล่อยตัว โดยฝีมือของ พ.ต.ท.คมไพร และนายตำรวจอีก 2 นาย คือ พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ พิมมานนท์ พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา และ ร.ต.อ.สมยศ บุญณะแก้ว พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ยานนาวา

สองคนนี้ได้รับการประสานงานจาก พ.ต.ท.คมไพร ให้ปล่อยผู้ต้องหาชาวจีน 2 คน ก็เลยถูกดำเนินคดีฐานเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สิน ก็คือว่า รับเงินรับทองเขามาเพื่อดำเนินการประวิงเวลา หรือปล่อยตัวผู้ต้องหา ตอนนี้โดนดำเนินคดีแล้ว

ที่สนุกกว่านั้น เหตุการณ์บุกตรวจค้นจับกุมผับจินหลิงของชาวจีน ซึ่งมีการค้ายา เล่นการพนัน ค้าประเวณีอย่างโจ๋งครึ่ม ในช่วงเช้าตรู่วันที่ 26 ตุลาคม 2565 แน่นอน ผู้กำกับ สน.ยานนาวา ชื่อ พ.ต.อ.ธนโชติ ฤกษ์ดี จะปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่รู้เรื่อง คงไม่ได้ เลยทำให้ตัวเองต้องถูกย้าย ถูกคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติราชการที่อื่น ที่ศูนย์ปฏิบัติราชการกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (ศปก.บก.น.6) ขาดจากตำแหน่งเดิม

เรื่องยังไม่จบ ความทุเรศทุรังและความเน่าเฟะของวงการตำรวจไทยยังไม่จบ พอ พ.ต.อ.ธนโชติ ผู้กำกับ สน.ยานนาวา ถูกย้ายออกมาปฏิบัติราชการที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 คนที่ถูกมอบหมายให้มาปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการ สน.ยานนาวา แทน ชื่อ พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ ซึ่งเป็นรองผู้บังคับการ น.6 รักษาการแทนตำแหน่งผู้กำกับ สน.ยานนาวา หลังจากผู้กำกับโดนย้ายไปแล้ว ปรากฏว่าหลังจาก พ.ต.อ.ณัฐพล มารักษาการแทนในตำแหน่งผู้กำกับ สน.ยานนาวา ได้มีการปล่อยรถหรูของกลางที่ยึดได้สามสิบกว่าคันจากผับจินหลิงไป 4 คัน ปล่อยเลยนะ มีรถ Porche, Bentley หายไปจากลิสต์ของกลาง โดยจากข่าวเบื้องลึกทราบว่ามีการปล่อยรถหรูออกไป 4 คัน เพื่อแลกกับเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท เป็นค่าปล่อยรถ

พ.ต.อ.ณัฐพล รอง ผบก.น.6 รักษาการแทนตำแหน่งผู้กำกับ สน.ยานนาวา ท่านต้องให้คำตอบ ว่ารถหรูของกลางปล่อยไปได้อย่างไร ใครเป็นคนรับผิดชอบเก็บของกลางเอาไว้ ใครเซ็นเอกสารปล่อย แล้วใครรับเงิน 2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยของกลางออกไปโดยมิชอบ หรือไม่?

ในข้อเท็จจริง การบุกและจับกุมผับจินหลิงเป็นหนึ่งในสามการก่ออาชญากรรมร้ายแรงจากแก๊งคนจีนสีเทา ที่เกิดเวลาเดียวกัน ใกล้เคียงกัน แต่สะท้อนให้เห็นถึงความเหิมเกริมของทุนสีเทา หรือสีดำ ของจีน ที่จับมือกับตำรวจและนักการเมืองไทย สยายปีกเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการก่ออาชญากรรมแทบจะทุกรูปแบบ ยาเสพติด บ่อนการพนัน โสเภณี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฟอกเงิน 

อย่าไปเข้าใจจีนผิด คนพวกนี้คือขยะของประเทศจีน หนีการปราบปรามของประเทศจีน แล้วหลบเข้าไปในกัมพูชา ในประเทศเพื่อนบ้าน แล้วเมื่อแต่ละประเทศเขาเริ่มปราบปรามหนัก ก็หนีเข้ามาในประเทศไทย เพราะประเทศไทยจ่ายสินบนให้ตำรวจและนักการเมืองง่ายกว่าทุกๆ ประเทศ

จำเรื่อง นายโทนี่ เตียว หรือ นายเตียว วุยฮวด ใน SONDHI TALK ตอนที่ 150 นายโทนี่ เตียว เป็นนักธุรกิจมาเลเซีย ฉากหน้าคือเจ้าของ MBI Group ฉากหลังคือองค์กรอาชญากรรม เข้ามาปฏิบัติการทางตอนใต้ ผมเคยเล่าอย่างละเอียดไปแล้ว ตอนที่ 150 วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม

ระหว่างกรณี ตู้ ห้าว กับ โทนี่ เตียว จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องเดียวกัน มีจุดที่แตกต่างออกไปคือเครือข่ายนักการเมืองคนละสาย โทนี่ เตียว เข้ามาสายใต้ เครือข่ายของเขาก็คือพรรคประชาธิปัตย์ คนบางคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นตัวปกป้อง ส่วนอีกสายหนึ่งเป็นตำรวจใหญ่กับนักการเมืองฝั่งที่สร้างอิทธิพลในเมืองหลวงและหัวเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ

เรากลับมาถึงสามคดีอาชญากรรมอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับมาเฟียจีนและธุรกิจสีเทาของชาวจีน ซึ่งสร้างความสะท้านสะเทือนไปทั่วประเทศไทย
คดีแรก ผับจินหลิงค้ายา บ่อนการพนัน ค้าประเวณี ที่ย่านสาทร เขตยานนาวา กทม. สอง คดีไฮโซนักท่องเที่ยวสาวจีนที่เสียชีวิตหลังเที่ยวสถานบริการ TOP ONE อยู่ในพื้นที่ สน.สุทธิสาร กทม. สาม คดีสถานบันเทิง CLUB ONE ในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี 

ทั้งสามคดีนี้เป็นสถานบริการที่มีการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีเจ้าของสถานบริการเป็นนายทุนชาวจีนที่มีเบื้องหลังหนุนอยู่ คือผู้มีอิทธิพลชาวไทยทั้งสิ้น ที่มาในรูปแบบของข้าราชการตำรวจ และบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองในประเทศไทย

คดีจินหลิง กับ ตู้ ห้าว ไปบ้างแล้ว เรามาดูคดีไฮโซนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เสียชีวิต หลังจากที่มาเที่ยวสถานบริการ TOP ONE ในพื้นที่ สน.สุทธิสาร สองเดือนที่แล้ว

ปลายเดือนกันยายน 2565 มีข่าวอื้อฉาวปะทุขึ้นมาในสื่อมวลชนประเทศจีน นี่สื่อประเทศจีน เมืองไทยไม่ลงเลย กรณีหญิงสาวชาวจีนคนหนึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย แล้วหายตัวไป

ตอนหลังถึงรู้ว่าตายไปแล้ว ชื่อ นางสาวโย่ว ซื่อ หัว อายุ 32 ปี สัญชาติจีน ภูมิลำเนาอยู่ที่มณฑลเจียงซู เสียชีวิตหลังจากไปเที่ยวผับ TOP ONE ถนนรัชดาภิเษก ห้วยขวาง ญาติของผู้เสียชีวิตติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ก็เลยประสานผ่านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย โดยที่ท่านอุปทูตจีน นายหยาง ซิน ได้ขอให้ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว และประสานข้อมูลขอความช่วยเหลือมายัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เพื่อให้ช่วยตรวจสอบ
จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตได้เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2565 มาพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงอีก 3 คน เข้าพักอยู่ที่โรงแรมหรูห้าดาว ก็คือ เคมปินสกี อาคารสินธร ย่านหลังสวน ต่อมาคืนวันที่ 16 กันยายน ทั้งสี่คนนี้ไปเที่ยวผับ ดิสโก้เธค ชื่อดัง คือ TOP ONE ชวนผู้ชายมาเพิ่มอีก 3 คน คือพวกโฮสต์ มาเอนเตอร์เทน ผู้หญิงจีนพวกนี้อายุสามสิบกว่าแล้ว มาเที่ยวทั้งทีก็อยากจะมีผู้ชายหล่อๆ มันก็มีแหล่งที่จะหาผู้ชายหล่อๆ หรือพวกโฮสต์

จากนั้น เวลาตีหนึ่งของวันที่ 17 กันยายน นางสาวโย่ว ซื่อ หัว มีการอาเจียน ช็อก หมดสติ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของร้านนำตัวส่งโรงพยาบาลพระรามเก้า และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

วันที่ 17 สาวจีนคนนี้ โย่ว ซื่อ หัว เสียชีวิตตอนประมาณตีหนึ่ง ภายในวันที่ 17 กันยายน มีชาวจีน 3 คน พร้อมคนขับรถไทยอีก 1 คน ได้ไปที่ห้องพักของผู้ตายที่โรงแรมเคมปินสกี ที่เจ้าตัวพัก เพื่อเอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของผู้ตายไปเผาทิ้ง

ผลการชันสูตรศพเบื้องต้น พบสาเหตุการตายเพราะพิษของสารยาเสพติด สารแอมเฟตามีนภายในร่างกาย เจ้าหน้าที่จึงเรียกตัวเพื่อนผู้ชายทั้ง 3 คน ที่มาเที่ยวกลางคืนดังกล่าว มาสอบปากคำ ทั้งสามคนยังปฏิเสธการใช้ยาเสพติด ทั้งสามคนประกอบด้วย นายจาง เหมิวโจว อายุ 26 ปี สัญชาติจีน นายหยู ชุนจุ้ย อายุ 30 ปี สัญชาติจีน นายหลี่ เจิ้งเสียน อายุ 30 ปี สัญชาติจีน เจ้าหน้าที่ก็เลยเพิกถอนใบอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และผลักดันออกนอกประเทศแล
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่