ฮือฮา! เพื่อไทยเปิดตัว 'ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์' อดีตอธิบดีน้ำบาดาล ชิงเก้าอี้ส.ส.กาญจนบุรี'
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7396581
ฮือฮา! เพื่อไทยเปิดตัว ‘ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์’ อดีตอธิบดีน้ำบาดาล ชิงเก้าอี้ส.ส.กาญจนบุรี อีกเขตเปิดตัวส.จ.ไก่ ร่วมชิงส.ส.ด้วย
วันที่ 2 ธ.ค.65 หลังจากนพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นาย
สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นาย
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย นาย
เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช กลุ่มงานบริหารพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง 57 คน
โดยพรรคเพื่อไทยประกาศรายชื่อว่าที่ผู้สมัครของจ.กาญจนบุรี เพิ้มอีก 2 คน ประกอบด้วย 1.นาย
ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ทส) เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 4 และ 2.นาย
พนม โพธิ์แก้ว หรือสจ.ไก่ สมาชิกสภา อบจ.กาญจนบุรี เขต 1 อ.ไทรโยค เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 5
สำหรับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 2 ของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ สร้างความฮือฮาให้ชาว จ.กาญจนบุรี เป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมานาย
ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ และนาย
พนม โพธิ์แก้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองระดับชาติให้เห็นมาก่อน แต่มีเพียงแค่กระแสข่าวเท่านั้น
ซึ่งจ.กาญจนบุรี มี ส.ส.ได้ 5 คน ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยประกาศเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่จ.กาญจนบุรีมาแล้ว 2 คน ประกอบด้วย เขต 1 นาย
อัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ หรือ
กอล์ฟ ผู้บริหารธุรกิจอาหารเสริมชื่อดัง และเขต 2 นาย
ชูเกียรติ จีนาภักดิ์ สมาชิกสภา อบจ.กาญจนบุรี เขต 4 อ.ท่าม่วง ซึ่งขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เปิดตัวผู้สมัครอยู่อีก 1 เขต คือผู้สมัคร เขต 3 คาดว่าคงอยู่ระหว่างการคัดเลือกตัวผู้สมัครที่เหมาะสม
สำหรับนาย
ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ปัจจุบัน อายุ 61 ปี เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ จบโรงเรียนป่าไม้ จ.แพร่ รุ่น 24 จบปริญญาโทการบริหารทรัพยากรป่าไม้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผ่านการอบรมหลักสูตรจากสถาบันจิตวิทยาความมั่นคงสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สจว.88) หลักสูตรนักปกครองระดับสูง สถาบันดำรงราชานุภาพ (นปส.53) หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.59) หลักสูตรนักบริหารการเงินการคลังภาครัฐระดับสูง (นงส.5) และหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.10) ได้รับประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะนักบริหารระดับสูง สถาบันพระปกเกล้า (ปศส.13)
เริ่มรับราชการครั้งแรกเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จากนั้นย้ายไปปฏิบัติงานในหลายจังหวัดตามวิถีชีวิตของข้าราชการ กระทั่งเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ 8 เป็น ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) เป็น ผอ.ทสจ. ปัตตานี เป็น ผอ.สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กรมอุทยานฯ ผอ.สำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ และรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จากนั้นเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ต่อมาดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ คือตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อไทย รับข้อเรียกร้องวิทยุชุมชนกว่า 4 พันสถานี
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_458886/
เพื่อไทย รับข้อเรียกร้องวิทยุชุมชนเกือบ 4,000 สถานี ‘ชลน่าน’ ชี้หากแก้ไข กม.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ เข้าสภา ไม่ทันปีนี้ เพื่อไทยพร้อมนำไปสานต่อ
นายแพทย์
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นาย
คมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์ ประธานคณะทำงานวิทยุชุมชนพรรคเพื่อไทย และคณะ ร่วมแถลงข่าวรับข้อเรียกร้องจากเครือข่ายวิทยุชุมชน รวม 3,967 สถานี ขอให้พรรคเพื่อไทยแก้กฎหมายยกเลิกการประมูลคลื่นความถี่วิทยุภาคประชาชนทั่วประเทศ
ซึ่งสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกประกาศเมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ในการเปลี่ยนผ่านการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง (วิทยุชุมชน) ไปสู่ระบบการอนุญาตแบบประมูล โดยให้ออกอากาศถึงวันที่ 3 เมษายน 2565 ยกเลิกสถานะจาก ‘
ผู้ประกอบการวิทยุชุมชน’ มาเป็น ‘
ผู้ทดลองออกอากาศ’ และขอให้ใช้คลื่นความถี่ระบบเอฟ.เอ็ม กำลังส่งต่ำ (50 วัตต์) จากเดิมที่ใช้กำลังส่ง 500 วัตต์
โดยนาย
วรพจน์ ลัภโต ผู้แทน องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย ขอให้พรรคเพื่อไทย ยกร่างแก้ไขกฎหมาย และร่างแก้ไของค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ผลักดันเข้าสู่การกระบวนการทางสภาแล้ว พร้อมเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ดำเนินการตามข้อเสนอ 4 ข้อดังนี้
1. ขอให้กำหนดให้การมีอยู่ของวิทยุชุมชนโดยผู้ประกอบการรายเล็กเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรค เพื่อให้ให้ได้ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนระดับท้องถิ่นต่อไป
2. ขอให้ผลักดันการแก้ไขกฎหมายประมูลคลื่นความถี่วิทยุชุมชนซึ่งไม่มีความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการรายเล็ก
3 .ขอให้พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพจัดตั้งสมาคมวิทยุกระจายเสียงเพื่อประชาชน เพื่อให้เกิดความอิสระต่อการประกอบกิจการ และยังคงไว้ซึ่งการสื่อสารมวลชนระดับท้องถิ่น และ
4. ขอให้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษากฎหมายด้านอาหารและยา ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับการออกอากาศของวิทยุชุมชน
ทั้งนี้ กสทช.ยังได้ประกาศมายังผู้ประกอบการวิทยุชุมชนว่าจะมีการเรียกคืนคลื่นวิทยุชุมชนก่อนกำหนดเดิม 6 เดือน จากเดิมจะหมดลงในปี 2567 ด้วย ซึ่งถือเป็นความเดือดร้อนของผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก
ด้านนายแพทย์
ชลน่าน รู้สึกเห็นใจผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐในช่วงที่ผ่านมา ทั้งที่ผู้ประกอบการเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของทุกจังหวัด ซึ่งหลังจากพรรคเพื่อไทยได้รับข้อเสนอจากผู้ประกอบการแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ จึงได้จัดทำร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม2ฉบับ เพื่อให้สถานะของผู้ประกอบการวิทยุชุมชนยังคงอยู่ ได้นำเสนอต่อประธานสภาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการลงนามจากนายกรัฐมนตรีให้หารือในสภา จึงใช้กลไกตั้งกระทู้ถามสด เพื่อสอบถามไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้เลื่อนการดำเนินการตามประกาศของ กสทช.ในปี 2567 แล้ว
สำหรับข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ ถือเป็นหลักการของสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารไปถึงมวลชนและเป็นอาชีพ วิทยุชุมชนเป็นผู้สร้างความรู้ความเข้าใจ สร้างอัตลักษณ์ของชุมชนได้ เป็นคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของพรรค หากร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภา พรรคเพื่อไทยขอรับไว้พิจารณา ซึ่งความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเราใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการนำสิ่งเหล่านั้นมาขับเคลื่อนต่อไป
ผู้ว่าฯสั่ง 'ที่ดิน' เพิกถอนที่ดินป่าดงพะทาย 'สหายแสง' โดนไป 39 แปลง ผิดซื้อขายใบจอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3706308
ผู้ว่าฯนครพนมมอบเจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบปมที่ดินป่าดงพะทาย หลัง ‘สหายแสง-ศุภชัย โพธิ์สุ’ ถูกร้อง ครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ล่าสุดผู้ว่าฯออกคำสั่งจำหน่ายเพิกถอน คืนสภาพแล้วเกือบ 100 แปลง พบเป็นของครูแก้ว 39 แปลง เนื้อที่เกือบ 200 ไร่ ได้มาผิดเงื่อนไขกฎหมายที่ดิน ลุ้นประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาความผิดด้านจริยธรรม หลังรับเข้าวาระพิจารณาแล้ว
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ผู้สื่อข่าว จ.นครพนม รายงานความคืบหน้ากรณีการร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองป่าดงพะทาย ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ของ นาย
ศุภชัย โพธิ์สุ หรือ ครู
แก้ว หรือ สหายแสง ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ภายหลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ด้าน พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปรามปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) ออกมาแถลงเกี่ยวกับข้อร้องเรียน พร้อมสรุปข้อมูลรวบรวมหลักฐานเสนอไปยัง ป.ป.ช.พิจารณาให้เอาผิด
นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรโดย นาย
ชวน หลีกภัย ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเป็นวาระการประชุมพิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมีกฎหมายเรื่องจริยธรรม ส.ส.เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเท็จจริง คาดว่าจะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า หากผิดจริง คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรจะเสนอเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาเกี่ยวกับความผิดให้พ้นตำแหน่ง รวมถึงตัดสิทธิทางการเมือง และรอกระบวนการ ป.ป.ช.พิจารณาความผิดเกี่ยวกับการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรได้ให้นายศุภชัยชี้แจงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวยืนยันว่าครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรว่ามีความผิดหรือไม่
นาย
บุญนาก ถิระสวัสดี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ที่ดินป่าดงพะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เดิมเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลจัดสรรให้คนยากจน ไร้ที่ดินทำกินมาตั้งแต่ปี 2517 มีจำนวนกว่า 2,000 แปลง รวมกว่า 20,000 ไร่ มีการออกไปจองให้กับชาวบ้านที่เข้าหลักเกณฑ์ไปแล้วบางส่วน สำหรับประเด็นปัญหาสำคัญที่เกิดข้อร้องเรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้รับมอบอำนาจจากอธิบดีกรมที่ดินให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทั่งพบปัญหาว่าพื้นที่ดังกล่าวที่เคยได้รับการจัดสรรมีบุคคลที่ได้รับใบจับจองนำไปจำหน่าย ถือว่าผิดเงื่อนไขตามระเบียบกฎหมายที่ดิน ไม่สามารถนำไปซื้อขายจำหน่ายได้ แต่สามารถรับมอบเป็นมรดกได้
นาย
บุญนากกล่าวว่า ล่าสุดที่ดินจังหวัดนครพนมได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อพิจารณาออกคำสั่งจำหน่าย เพิกถอน โดยผู้ว่าฯนครพนมมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565 มีพื้นที่ถูกจำหน่ายเพิกถอน คืนสภาพ รวม กว่า 90 แปลง ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่ของนาย
ศุภชัยถึง 39 แปลง เนื้อที่เกือบ 200 ไร่ โดยเป็นที่ดินจับจองได้มาจากการซื้อขายใบจับจอง ถือว่าผิดเงื่อนไข จะต้องมีการจำหน่าย เพิกถอน คืนสภาพ จากการตรวจสอบส่วนใหญ่พบว่าเป็นพื้นที่รกร้าง
“
ส่วนการดำเนินการต่อไปจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย ในการออกประกาศเพื่อเดินสำรวจออกโฉนดจัดสรรให้เกษตรกรอีกรอบ ตามเงื่อนไขระเบียบกฎหมายที่ดิน นอกจากนี้ การพิจารณาว่าบุกรุกป่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่เดิม หากเป็นที่รกร้างไม่ถือว่าบุกรุก แต่หากเป็นพื้นที่ป่าสาธารณะ หรือป่าสงวน บุคคลที่เข้าไปครอบครองถือว่าเป็นการบุกรุก” นาย
บุญนากกล่าว
นาย
บุญนากกล่าวอีกว่า สำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนมยืนยันว่าจะดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่ดินทุกขั้นตอน หากพบว่าบุคคลที่รับใบจับจองแล้วกระทำผิดเงื่อนไข นำไปซื้อขาย จำหน่าย จะต้องดำเนินการจำหน่ายเพิกถอนทุกราย โดยพื้นที่ จ.นครพนม มีเป้าหมายดำเนินการ ออกคำสั่งจำหน่ายคืนสภาพอีกกว่า 700 แปลง อยู่ระหว่างการดำเนินการ
“ฝากย้ำเกษตรกร เมื่อได้รับการจัดสรรจากรัฐแล้ว ควรดำเนินการทำกินตามระเบียบ เพราะไม่มีสิทธิซื้อขาย แต่สามารถมอบให้เป็นมรดกของทายาทได้ หากใครไม่ทำตามเงื่อนไขถือว่าขาดสิทธิ ไม่มีสิทธิครอบครองอีกต่อไป
JJNY : 5in1 พท.เปิดตัวศักดิ์ดา│พท.รับข้อเรียกร้องวิทยุ│'สหายแสง'โดนไป39แปลง│เตรียมนำร่างกม.ลูก│‘ยุโรป’ไม่แข็งแกร่งพอ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7396581
วันที่ 2 ธ.ค.65 หลังจากนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช กลุ่มงานบริหารพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง 57 คน
โดยพรรคเพื่อไทยประกาศรายชื่อว่าที่ผู้สมัครของจ.กาญจนบุรี เพิ้มอีก 2 คน ประกอบด้วย 1.นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ทส) เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 4 และ 2.นายพนม โพธิ์แก้ว หรือสจ.ไก่ สมาชิกสภา อบจ.กาญจนบุรี เขต 1 อ.ไทรโยค เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 5
สำหรับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 2 ของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ สร้างความฮือฮาให้ชาว จ.กาญจนบุรี เป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมานายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ และนายพนม โพธิ์แก้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองระดับชาติให้เห็นมาก่อน แต่มีเพียงแค่กระแสข่าวเท่านั้น
ซึ่งจ.กาญจนบุรี มี ส.ส.ได้ 5 คน ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยประกาศเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่จ.กาญจนบุรีมาแล้ว 2 คน ประกอบด้วย เขต 1 นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ หรือกอล์ฟ ผู้บริหารธุรกิจอาหารเสริมชื่อดัง และเขต 2 นายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ สมาชิกสภา อบจ.กาญจนบุรี เขต 4 อ.ท่าม่วง ซึ่งขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เปิดตัวผู้สมัครอยู่อีก 1 เขต คือผู้สมัคร เขต 3 คาดว่าคงอยู่ระหว่างการคัดเลือกตัวผู้สมัครที่เหมาะสม
สำหรับนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ปัจจุบัน อายุ 61 ปี เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ จบโรงเรียนป่าไม้ จ.แพร่ รุ่น 24 จบปริญญาโทการบริหารทรัพยากรป่าไม้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผ่านการอบรมหลักสูตรจากสถาบันจิตวิทยาความมั่นคงสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สจว.88) หลักสูตรนักปกครองระดับสูง สถาบันดำรงราชานุภาพ (นปส.53) หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.59) หลักสูตรนักบริหารการเงินการคลังภาครัฐระดับสูง (นงส.5) และหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.10) ได้รับประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะนักบริหารระดับสูง สถาบันพระปกเกล้า (ปศส.13)
เริ่มรับราชการครั้งแรกเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จากนั้นย้ายไปปฏิบัติงานในหลายจังหวัดตามวิถีชีวิตของข้าราชการ กระทั่งเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ 8 เป็น ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) เป็น ผอ.ทสจ. ปัตตานี เป็น ผอ.สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กรมอุทยานฯ ผอ.สำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ และรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จากนั้นเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ต่อมาดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ คือตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อไทย รับข้อเรียกร้องวิทยุชุมชนกว่า 4 พันสถานี
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_458886/
เพื่อไทย รับข้อเรียกร้องวิทยุชุมชนเกือบ 4,000 สถานี ‘ชลน่าน’ ชี้หากแก้ไข กม.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ เข้าสภา ไม่ทันปีนี้ เพื่อไทยพร้อมนำไปสานต่อ
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์ ประธานคณะทำงานวิทยุชุมชนพรรคเพื่อไทย และคณะ ร่วมแถลงข่าวรับข้อเรียกร้องจากเครือข่ายวิทยุชุมชน รวม 3,967 สถานี ขอให้พรรคเพื่อไทยแก้กฎหมายยกเลิกการประมูลคลื่นความถี่วิทยุภาคประชาชนทั่วประเทศ
ซึ่งสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกประกาศเมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ในการเปลี่ยนผ่านการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง (วิทยุชุมชน) ไปสู่ระบบการอนุญาตแบบประมูล โดยให้ออกอากาศถึงวันที่ 3 เมษายน 2565 ยกเลิกสถานะจาก ‘ผู้ประกอบการวิทยุชุมชน’ มาเป็น ‘ผู้ทดลองออกอากาศ’ และขอให้ใช้คลื่นความถี่ระบบเอฟ.เอ็ม กำลังส่งต่ำ (50 วัตต์) จากเดิมที่ใช้กำลังส่ง 500 วัตต์
โดยนายวรพจน์ ลัภโต ผู้แทน องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย ขอให้พรรคเพื่อไทย ยกร่างแก้ไขกฎหมาย และร่างแก้ไของค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ผลักดันเข้าสู่การกระบวนการทางสภาแล้ว พร้อมเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ดำเนินการตามข้อเสนอ 4 ข้อดังนี้
1. ขอให้กำหนดให้การมีอยู่ของวิทยุชุมชนโดยผู้ประกอบการรายเล็กเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรค เพื่อให้ให้ได้ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนระดับท้องถิ่นต่อไป
2. ขอให้ผลักดันการแก้ไขกฎหมายประมูลคลื่นความถี่วิทยุชุมชนซึ่งไม่มีความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการรายเล็ก
3 .ขอให้พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพจัดตั้งสมาคมวิทยุกระจายเสียงเพื่อประชาชน เพื่อให้เกิดความอิสระต่อการประกอบกิจการ และยังคงไว้ซึ่งการสื่อสารมวลชนระดับท้องถิ่น และ
4. ขอให้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษากฎหมายด้านอาหารและยา ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับการออกอากาศของวิทยุชุมชน
ทั้งนี้ กสทช.ยังได้ประกาศมายังผู้ประกอบการวิทยุชุมชนว่าจะมีการเรียกคืนคลื่นวิทยุชุมชนก่อนกำหนดเดิม 6 เดือน จากเดิมจะหมดลงในปี 2567 ด้วย ซึ่งถือเป็นความเดือดร้อนของผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก
ด้านนายแพทย์ชลน่าน รู้สึกเห็นใจผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐในช่วงที่ผ่านมา ทั้งที่ผู้ประกอบการเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของทุกจังหวัด ซึ่งหลังจากพรรคเพื่อไทยได้รับข้อเสนอจากผู้ประกอบการแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ จึงได้จัดทำร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม2ฉบับ เพื่อให้สถานะของผู้ประกอบการวิทยุชุมชนยังคงอยู่ ได้นำเสนอต่อประธานสภาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการลงนามจากนายกรัฐมนตรีให้หารือในสภา จึงใช้กลไกตั้งกระทู้ถามสด เพื่อสอบถามไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้เลื่อนการดำเนินการตามประกาศของ กสทช.ในปี 2567 แล้ว
สำหรับข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ ถือเป็นหลักการของสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารไปถึงมวลชนและเป็นอาชีพ วิทยุชุมชนเป็นผู้สร้างความรู้ความเข้าใจ สร้างอัตลักษณ์ของชุมชนได้ เป็นคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของพรรค หากร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภา พรรคเพื่อไทยขอรับไว้พิจารณา ซึ่งความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเราใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการนำสิ่งเหล่านั้นมาขับเคลื่อนต่อไป
ผู้ว่าฯสั่ง 'ที่ดิน' เพิกถอนที่ดินป่าดงพะทาย 'สหายแสง' โดนไป 39 แปลง ผิดซื้อขายใบจอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3706308
ผู้ว่าฯนครพนมมอบเจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบปมที่ดินป่าดงพะทาย หลัง ‘สหายแสง-ศุภชัย โพธิ์สุ’ ถูกร้อง ครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ล่าสุดผู้ว่าฯออกคำสั่งจำหน่ายเพิกถอน คืนสภาพแล้วเกือบ 100 แปลง พบเป็นของครูแก้ว 39 แปลง เนื้อที่เกือบ 200 ไร่ ได้มาผิดเงื่อนไขกฎหมายที่ดิน ลุ้นประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาความผิดด้านจริยธรรม หลังรับเข้าวาระพิจารณาแล้ว
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ผู้สื่อข่าว จ.นครพนม รายงานความคืบหน้ากรณีการร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองป่าดงพะทาย ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ของ นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ ครูแก้ว หรือ สหายแสง ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ภายหลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปรามปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) ออกมาแถลงเกี่ยวกับข้อร้องเรียน พร้อมสรุปข้อมูลรวบรวมหลักฐานเสนอไปยัง ป.ป.ช.พิจารณาให้เอาผิด
นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรโดย นายชวน หลีกภัย ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเป็นวาระการประชุมพิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมีกฎหมายเรื่องจริยธรรม ส.ส.เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเท็จจริง คาดว่าจะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า หากผิดจริง คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรจะเสนอเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาเกี่ยวกับความผิดให้พ้นตำแหน่ง รวมถึงตัดสิทธิทางการเมือง และรอกระบวนการ ป.ป.ช.พิจารณาความผิดเกี่ยวกับการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรได้ให้นายศุภชัยชี้แจงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวยืนยันว่าครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรว่ามีความผิดหรือไม่
นายบุญนาก ถิระสวัสดี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ที่ดินป่าดงพะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เดิมเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลจัดสรรให้คนยากจน ไร้ที่ดินทำกินมาตั้งแต่ปี 2517 มีจำนวนกว่า 2,000 แปลง รวมกว่า 20,000 ไร่ มีการออกไปจองให้กับชาวบ้านที่เข้าหลักเกณฑ์ไปแล้วบางส่วน สำหรับประเด็นปัญหาสำคัญที่เกิดข้อร้องเรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้รับมอบอำนาจจากอธิบดีกรมที่ดินให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทั่งพบปัญหาว่าพื้นที่ดังกล่าวที่เคยได้รับการจัดสรรมีบุคคลที่ได้รับใบจับจองนำไปจำหน่าย ถือว่าผิดเงื่อนไขตามระเบียบกฎหมายที่ดิน ไม่สามารถนำไปซื้อขายจำหน่ายได้ แต่สามารถรับมอบเป็นมรดกได้
นายบุญนากกล่าวว่า ล่าสุดที่ดินจังหวัดนครพนมได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อพิจารณาออกคำสั่งจำหน่าย เพิกถอน โดยผู้ว่าฯนครพนมมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565 มีพื้นที่ถูกจำหน่ายเพิกถอน คืนสภาพ รวม กว่า 90 แปลง ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่ของนายศุภชัยถึง 39 แปลง เนื้อที่เกือบ 200 ไร่ โดยเป็นที่ดินจับจองได้มาจากการซื้อขายใบจับจอง ถือว่าผิดเงื่อนไข จะต้องมีการจำหน่าย เพิกถอน คืนสภาพ จากการตรวจสอบส่วนใหญ่พบว่าเป็นพื้นที่รกร้าง
“ส่วนการดำเนินการต่อไปจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย ในการออกประกาศเพื่อเดินสำรวจออกโฉนดจัดสรรให้เกษตรกรอีกรอบ ตามเงื่อนไขระเบียบกฎหมายที่ดิน นอกจากนี้ การพิจารณาว่าบุกรุกป่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่เดิม หากเป็นที่รกร้างไม่ถือว่าบุกรุก แต่หากเป็นพื้นที่ป่าสาธารณะ หรือป่าสงวน บุคคลที่เข้าไปครอบครองถือว่าเป็นการบุกรุก” นายบุญนากกล่าว
นายบุญนากกล่าวอีกว่า สำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนมยืนยันว่าจะดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่ดินทุกขั้นตอน หากพบว่าบุคคลที่รับใบจับจองแล้วกระทำผิดเงื่อนไข นำไปซื้อขาย จำหน่าย จะต้องดำเนินการจำหน่ายเพิกถอนทุกราย โดยพื้นที่ จ.นครพนม มีเป้าหมายดำเนินการ ออกคำสั่งจำหน่ายคืนสภาพอีกกว่า 700 แปลง อยู่ระหว่างการดำเนินการ
“ฝากย้ำเกษตรกร เมื่อได้รับการจัดสรรจากรัฐแล้ว ควรดำเนินการทำกินตามระเบียบ เพราะไม่มีสิทธิซื้อขาย แต่สามารถมอบให้เป็นมรดกของทายาทได้ หากใครไม่ทำตามเงื่อนไขถือว่าขาดสิทธิ ไม่มีสิทธิครอบครองอีกต่อไป