JJNY : 5in1 พท.เปิดตัวศักดิ์ดา│พท.รับข้อเรียกร้องวิทยุ│'สหายแสง'โดนไป39แปลง│เตรียมนำร่างกม.ลูก│‘ยุโรป’ไม่แข็งแกร่งพอ

ฮือฮา! เพื่อไทยเปิดตัว 'ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์' อดีตอธิบดีน้ำบาดาล ชิงเก้าอี้ส.ส.กาญจนบุรี'
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7396581
  
ฮือฮา! เพื่อไทยเปิดตัว ‘ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์’ อดีตอธิบดีน้ำบาดาล ชิงเก้าอี้ส.ส.กาญจนบุรี อีกเขตเปิดตัวส.จ.ไก่ ร่วมชิงส.ส.ด้วย
 
วันที่ 2 ธ.ค.65 หลังจากนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง  เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช กลุ่มงานบริหารพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง 57 คน
 
โดยพรรคเพื่อไทยประกาศรายชื่อว่าที่ผู้สมัครของจ.กาญจนบุรี เพิ้มอีก 2 คน ประกอบด้วย 1.นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ทส) เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 4 และ 2.นายพนม โพธิ์แก้ว หรือสจ.ไก่ สมาชิกสภา อบจ.กาญจนบุรี เขต 1 อ.ไทรโยค เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 5
  
สำหรับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 2 ของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ สร้างความฮือฮาให้ชาว จ.กาญจนบุรี เป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมานายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ และนายพนม โพธิ์แก้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองระดับชาติให้เห็นมาก่อน แต่มีเพียงแค่กระแสข่าวเท่านั้น
 
ซึ่งจ.กาญจนบุรี มี ส.ส.ได้ 5 คน ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยประกาศเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่จ.กาญจนบุรีมาแล้ว 2 คน ประกอบด้วย เขต 1 นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ หรือกอล์ฟ ผู้บริหารธุรกิจอาหารเสริมชื่อดัง และเขต 2 นายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ สมาชิกสภา อบจ.กาญจนบุรี เขต 4 อ.ท่าม่วง ซึ่งขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เปิดตัวผู้สมัครอยู่อีก 1 เขต คือผู้สมัคร เขต 3 คาดว่าคงอยู่ระหว่างการคัดเลือกตัวผู้สมัครที่เหมาะสม
 
สำหรับนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ปัจจุบัน อายุ 61 ปี เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ จบโรงเรียนป่าไม้ จ.แพร่ รุ่น 24 จบปริญญาโทการบริหารทรัพยากรป่าไม้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผ่านการอบรมหลักสูตรจากสถาบันจิตวิทยาความมั่นคงสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สจว.88) หลักสูตรนักปกครองระดับสูง สถาบันดำรงราชานุภาพ (นปส.53) หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.59) หลักสูตรนักบริหารการเงินการคลังภาครัฐระดับสูง (นงส.5) และหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.10) ได้รับประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะนักบริหารระดับสูง สถาบันพระปกเกล้า (ปศส.13)
 
เริ่มรับราชการครั้งแรกเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จากนั้นย้ายไปปฏิบัติงานในหลายจังหวัดตามวิถีชีวิตของข้าราชการ กระทั่งเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ 8 เป็น ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) เป็น ผอ.ทสจ. ปัตตานี เป็น ผอ.สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กรมอุทยานฯ ผอ.สำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ และรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จากนั้นเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ต่อมาดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ คือตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
 

 
เพื่อไทย รับข้อเรียกร้องวิทยุชุมชนกว่า 4 พันสถานี
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_458886/
  
เพื่อไทย รับข้อเรียกร้องวิทยุชุมชนเกือบ 4,000 สถานี ‘ชลน่าน’ ชี้หากแก้ไข กม.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ เข้าสภา ไม่ทันปีนี้ เพื่อไทยพร้อมนำไปสานต่อ 
  
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์ ประธานคณะทำงานวิทยุชุมชนพรรคเพื่อไทย และคณะ ร่วมแถลงข่าวรับข้อเรียกร้องจากเครือข่ายวิทยุชุมชน รวม 3,967 สถานี ขอให้พรรคเพื่อไทยแก้กฎหมายยกเลิกการประมูลคลื่นความถี่วิทยุภาคประชาชนทั่วประเทศ
  
ซึ่งสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกประกาศเมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ในการเปลี่ยนผ่านการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง (วิทยุชุมชน) ไปสู่ระบบการอนุญาตแบบประมูล โดยให้ออกอากาศถึงวันที่ 3 เมษายน 2565 ยกเลิกสถานะจาก ‘ผู้ประกอบการวิทยุชุมชน’ มาเป็น ‘ผู้ทดลองออกอากาศ’ และขอให้ใช้คลื่นความถี่ระบบเอฟ.เอ็ม กำลังส่งต่ำ (50 วัตต์) จากเดิมที่ใช้กำลังส่ง 500 วัตต์
  
โดยนายวรพจน์ ลัภโต ผู้แทน องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย ขอให้พรรคเพื่อไทย ยกร่างแก้ไขกฎหมาย และร่างแก้ไของค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ผลักดันเข้าสู่การกระบวนการทางสภาแล้ว พร้อมเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ดำเนินการตามข้อเสนอ 4 ข้อดังนี้
  
1. ขอให้กำหนดให้การมีอยู่ของวิทยุชุมชนโดยผู้ประกอบการรายเล็กเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรค เพื่อให้ให้ได้ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนระดับท้องถิ่นต่อไป
2. ขอให้ผลักดันการแก้ไขกฎหมายประมูลคลื่นความถี่วิทยุชุมชนซึ่งไม่มีความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการรายเล็ก
3 .ขอให้พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพจัดตั้งสมาคมวิทยุกระจายเสียงเพื่อประชาชน เพื่อให้เกิดความอิสระต่อการประกอบกิจการ และยังคงไว้ซึ่งการสื่อสารมวลชนระดับท้องถิ่น และ
4. ขอให้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษากฎหมายด้านอาหารและยา ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับการออกอากาศของวิทยุชุมชน
  
ทั้งนี้ กสทช.ยังได้ประกาศมายังผู้ประกอบการวิทยุชุมชนว่าจะมีการเรียกคืนคลื่นวิทยุชุมชนก่อนกำหนดเดิม 6 เดือน จากเดิมจะหมดลงในปี 2567 ด้วย ซึ่งถือเป็นความเดือดร้อนของผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก
 
ด้านนายแพทย์ชลน่าน รู้สึกเห็นใจผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐในช่วงที่ผ่านมา ทั้งที่ผู้ประกอบการเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของทุกจังหวัด ซึ่งหลังจากพรรคเพื่อไทยได้รับข้อเสนอจากผู้ประกอบการแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ จึงได้จัดทำร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม2ฉบับ เพื่อให้สถานะของผู้ประกอบการวิทยุชุมชนยังคงอยู่ ได้นำเสนอต่อประธานสภาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการลงนามจากนายกรัฐมนตรีให้หารือในสภา จึงใช้กลไกตั้งกระทู้ถามสด เพื่อสอบถามไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้เลื่อนการดำเนินการตามประกาศของ กสทช.ในปี 2567 แล้ว
  
สำหรับข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ ถือเป็นหลักการของสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารไปถึงมวลชนและเป็นอาชีพ วิทยุชุมชนเป็นผู้สร้างความรู้ความเข้าใจ สร้างอัตลักษณ์ของชุมชนได้ เป็นคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของพรรค หากร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภา พรรคเพื่อไทยขอรับไว้พิจารณา ซึ่งความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเราใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการนำสิ่งเหล่านั้นมาขับเคลื่อนต่อไป
  

   
ผู้ว่าฯสั่ง 'ที่ดิน' เพิกถอนที่ดินป่าดงพะทาย 'สหายแสง' โดนไป 39 แปลง ผิดซื้อขายใบจอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3706308
 
ผู้ว่าฯนครพนมมอบเจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบปมที่ดินป่าดงพะทาย หลัง ‘สหายแสง-ศุภชัย โพธิ์สุ’ ถูกร้อง ครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ล่าสุดผู้ว่าฯออกคำสั่งจำหน่ายเพิกถอน คืนสภาพแล้วเกือบ 100 แปลง พบเป็นของครูแก้ว 39 แปลง เนื้อที่เกือบ 200 ไร่ ได้มาผิดเงื่อนไขกฎหมายที่ดิน ลุ้นประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาความผิดด้านจริยธรรม หลังรับเข้าวาระพิจารณาแล้ว
 
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ผู้สื่อข่าว จ.นครพนม รายงานความคืบหน้ากรณีการร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองป่าดงพะทาย ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ของ นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ ครูแก้ว หรือ สหายแสง ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ภายหลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
 
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปรามปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) ออกมาแถลงเกี่ยวกับข้อร้องเรียน พร้อมสรุปข้อมูลรวบรวมหลักฐานเสนอไปยัง ป.ป.ช.พิจารณาให้เอาผิด
 
นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรโดย นายชวน หลีกภัย ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเป็นวาระการประชุมพิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมีกฎหมายเรื่องจริยธรรม ส.ส.เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเท็จจริง คาดว่าจะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า หากผิดจริง คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรจะเสนอเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาเกี่ยวกับความผิดให้พ้นตำแหน่ง รวมถึงตัดสิทธิทางการเมือง และรอกระบวนการ ป.ป.ช.พิจารณาความผิดเกี่ยวกับการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อไป
 
ทั้งนี้ คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรได้ให้นายศุภชัยชี้แจงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวยืนยันว่าครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรว่ามีความผิดหรือไม่
 
นายบุญนาก ถิระสวัสดี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ที่ดินป่าดงพะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เดิมเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลจัดสรรให้คนยากจน ไร้ที่ดินทำกินมาตั้งแต่ปี 2517 มีจำนวนกว่า 2,000 แปลง รวมกว่า 20,000 ไร่ มีการออกไปจองให้กับชาวบ้านที่เข้าหลักเกณฑ์ไปแล้วบางส่วน สำหรับประเด็นปัญหาสำคัญที่เกิดข้อร้องเรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้รับมอบอำนาจจากอธิบดีกรมที่ดินให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทั่งพบปัญหาว่าพื้นที่ดังกล่าวที่เคยได้รับการจัดสรรมีบุคคลที่ได้รับใบจับจองนำไปจำหน่าย ถือว่าผิดเงื่อนไขตามระเบียบกฎหมายที่ดิน ไม่สามารถนำไปซื้อขายจำหน่ายได้ แต่สามารถรับมอบเป็นมรดกได้
  
นายบุญนากกล่าวว่า ล่าสุดที่ดินจังหวัดนครพนมได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อพิจารณาออกคำสั่งจำหน่าย เพิกถอน โดยผู้ว่าฯนครพนมมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565 มีพื้นที่ถูกจำหน่ายเพิกถอน คืนสภาพ รวม กว่า 90 แปลง ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่ของนายศุภชัยถึง 39 แปลง เนื้อที่เกือบ 200 ไร่ โดยเป็นที่ดินจับจองได้มาจากการซื้อขายใบจับจอง ถือว่าผิดเงื่อนไข จะต้องมีการจำหน่าย เพิกถอน คืนสภาพ จากการตรวจสอบส่วนใหญ่พบว่าเป็นพื้นที่รกร้าง
  
ส่วนการดำเนินการต่อไปจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย ในการออกประกาศเพื่อเดินสำรวจออกโฉนดจัดสรรให้เกษตรกรอีกรอบ ตามเงื่อนไขระเบียบกฎหมายที่ดิน นอกจากนี้ การพิจารณาว่าบุกรุกป่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่เดิม หากเป็นที่รกร้างไม่ถือว่าบุกรุก แต่หากเป็นพื้นที่ป่าสาธารณะ หรือป่าสงวน บุคคลที่เข้าไปครอบครองถือว่าเป็นการบุกรุก” นายบุญนากกล่าว
 
นายบุญนากกล่าวอีกว่า สำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนมยืนยันว่าจะดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่ดินทุกขั้นตอน หากพบว่าบุคคลที่รับใบจับจองแล้วกระทำผิดเงื่อนไข นำไปซื้อขาย จำหน่าย จะต้องดำเนินการจำหน่ายเพิกถอนทุกราย โดยพื้นที่ จ.นครพนม มีเป้าหมายดำเนินการ ออกคำสั่งจำหน่ายคืนสภาพอีกกว่า 700 แปลง อยู่ระหว่างการดำเนินการ
 
“ฝากย้ำเกษตรกร เมื่อได้รับการจัดสรรจากรัฐแล้ว ควรดำเนินการทำกินตามระเบียบ เพราะไม่มีสิทธิซื้อขาย แต่สามารถมอบให้เป็นมรดกของทายาทได้ หากใครไม่ทำตามเงื่อนไขถือว่าขาดสิทธิ ไม่มีสิทธิครอบครองอีกต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่