คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
คุณกับแฟน เป็นคนจัดงาน เป็นคนออกเงิน งานจะออกมาแบบไหน แขกจะมากี่คน เป็นเรื่องของคุณกับแฟนเป็นคนจัดการ
แต่ถ้าพ่ออยากจัดใหญ่ ก็ต้องออกเงินส่วนที่เกินมา
เช่น คุณเชิญ 5 โต๊ะ 50คน พ่ออยากเชิญมาอีก 10โต๊ะ 100 คน โต๊ะ นั้นพ่อออกเงิน ส่วนซองพ่อก็เก็บไป ผมว่าแฟร์ดี
แล้วใน 100คนที่พ่อเชิญ ถ้าเขาเชิญไปงาน พ่อต้องเป็นฝ่ายออกเงินค่าซองให้เขา
คือ เรื่องงานแต่ง พ่อแม่ต้องปล่อยวาง ต่อให้คุณจัดใหญ่จัดเล็ก ก็ไม่พ้นเรื่องนินทา คุณไม่สามารถเชิญคนที่คุณรู้จักทั้งชีวิตมางานแต่งได้ วิธีประกาศว่า กูแต่งแล้ว ลูกกูมีผัวมีเมียแล้ว คือ ไลน์ เฟสบุ๊ค ไอจี หน้าหนังสือพิม ประกาศให้ชาวโลกรู้ไปเลย
แต่ย้ำว่า ก็ไม่พ้นคำนินทาอยู่ดี
ผัวมันมีเงินรึป่าว. เมียเป็นใคร.สินสอดมันให้เท่าไหร่. ทองเท่าไหร่. กับข้าวไม่อร่อย.
สารพัดคำนินทา
จาก คนผู้ที่ไปงานแต่งเป็น10ครั้ง ไม่มีสักครั้งที่ไม่ได้ยินคำพูดจากข้างบนที่กล่าวมา
ทำตามใจตัวเองดีที่สุด ยินดีด้วยครับ
แต่ถ้าพ่ออยากจัดใหญ่ ก็ต้องออกเงินส่วนที่เกินมา
เช่น คุณเชิญ 5 โต๊ะ 50คน พ่ออยากเชิญมาอีก 10โต๊ะ 100 คน โต๊ะ นั้นพ่อออกเงิน ส่วนซองพ่อก็เก็บไป ผมว่าแฟร์ดี
แล้วใน 100คนที่พ่อเชิญ ถ้าเขาเชิญไปงาน พ่อต้องเป็นฝ่ายออกเงินค่าซองให้เขา
คือ เรื่องงานแต่ง พ่อแม่ต้องปล่อยวาง ต่อให้คุณจัดใหญ่จัดเล็ก ก็ไม่พ้นเรื่องนินทา คุณไม่สามารถเชิญคนที่คุณรู้จักทั้งชีวิตมางานแต่งได้ วิธีประกาศว่า กูแต่งแล้ว ลูกกูมีผัวมีเมียแล้ว คือ ไลน์ เฟสบุ๊ค ไอจี หน้าหนังสือพิม ประกาศให้ชาวโลกรู้ไปเลย
แต่ย้ำว่า ก็ไม่พ้นคำนินทาอยู่ดี
ผัวมันมีเงินรึป่าว. เมียเป็นใคร.สินสอดมันให้เท่าไหร่. ทองเท่าไหร่. กับข้าวไม่อร่อย.
สารพัดคำนินทา
จาก คนผู้ที่ไปงานแต่งเป็น10ครั้ง ไม่มีสักครั้งที่ไม่ได้ยินคำพูดจากข้างบนที่กล่าวมา
ทำตามใจตัวเองดีที่สุด ยินดีด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
พ่อแม่อยากให้จัดงานแต่งใหญ่ แต่เราอยากจัดงานเล็ก
แรกเริ่มเดิมที เรากับแฟนอยากแค่จดทะเบียและผูกข้อไม้ข้อมือ
พวกเราเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวาย มากคนมากความ ชอบอะไรง่ายๆ และไม่สิ้นเปลือง
เราบอกพ่อมาตั้งแต่อายุยังไม่ 20 เลยด้วยว่าถ้าอนาคตเราจะแต่งงานเราอยากแค่จะทะเบียน
ไม่ได้พูดครั้งเดียวแต่พูดมาตลอด พอใกล้ถึงวันจริง จะต้องมาคุยเรื่องนี้กัน
พ่อแม่ไม่อยากให้แค่จดทะเบียนเพราะถ้าคนอื่นรู้ แล้วเอาเราไปพูดเสียๆ หายๆ
แบบ เอ้า มันไปแต่งกันตอนไหน มันท้องไหม ทำไมไม่จัดงาน บลาๆ
แม่บอกว่าถ้ามันเข้าหูแม่ แม่จะปรี๊ดและโมโหมากที่ได้ยินคนมาว่าลูกแม่แบบนี้
เราก็เลยอ่ะ โอเค เข้าใจได้ ก็เลยจะจัดงาน แต่....
พ่อบอกพ่ออยากได้งานที่เชิญคนเยอะ ญาติ เพื่อน คนรู้จัก คนแถวบ้าน
ด้วยความที่อยากมีหน้ามีตา ไม่อยากให้ใครมานินทาลูกได้ (เราเข้าใจพ่อ)
แต่เราไม่พร้อมทางด้านการเงินที่จะต้องมาสิ้นเปลืองกับอะไรแบบนี้
การจัดงานแต่งมันต้องมีทั้งค่าชุดทั้งบ่าวสาว ค่าสถานที่ ค่าอาหาร ของชำร่วย และจิปาถะ
ทุกวันนี้รถเราผ่อนหมดแล้วแต่มีค่าประกันที่ต้องจ่ายทุกปี ค่าน้ำ ค่าไฟ ทุกเดือน เงินที่ส่งให้พ่อแม่แต่ละเดือนอีก
ค่าเน็ต ค่าน้ำมัน ค่ากินเรา คือเราไม่อยากเอาเงินเราไปเสียอะไรกับเรื่องที่ไม่ควรเสีย
ก็เลยอยากเจอคนละครึ่งทาง เรายอมจัดงานได้ แต่เป็นงานเล็กๆ พอ (เอางานไม่ใหญ่จิรงๆ วิ 555555+)
ก็เลยบอกว่างั้นขอแค่ญาติฝั่งเรากับฝั่งแฟนเราพอ ฝั่งเราก็ประมาณ 15 คน ฝั่งแฟนก็น่าจะ 20-25 คน
เพื่อนพ่อ เพื่อนแม่ คนรู้จัก คนแถวบ้านไม่ต้องได้ไหม เค้าก็บอกว่า "แล้วเพื่อนพ่อจะรู้สึกยังไง
เค้าเห็นเรามาแต่เด็ก" (นานๆ เจอที และไม่ได้สนิทกับเรามากหรือมาเลี้ยงมามีบุญคุณอะไรกับเรา)
ถ้าพ่อเอารูปไปลงเฟสแล้วเพื่อนพ่อ คนรู้จักพ่อมาเห็นเค้าจะคิดยังไงว่าทำไมเราไม่เชิญ (เอ้า ก็คนไม่มีตังค์)
บ้านเราไม่ใช่ว่าเรา ก็มีพอกินพอใช้ บ้านแฟนก็เช่นกัน ไม่ได้หวือหวาหรูหราอะไรขนาดนั้น
เราอยากขอให้คนที่ผ่านเข้ามาอ่านช่วยแนะนำหน่อยค่ะ ว่าเราจะเข้าไปพูดกับพ่อยังไงให้เข้าใจ
ว่าขอแค่งานที่มีญาติพอ ไม่เอาเพื่อน และคนอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ เพราะพอเราพูดเรื่องเงินไป
พ่อก็แบบ มันต้องจ่าย แต่เราไม่มีแล้วจริง เพราะเราจะเอาเงินเราไปโปะกับค่าสินสอดแฟนด้วย
เหมือนสมัยก่อนค่าสินสอดคือสิ่งที่ฝ่ายชายต้องจ่ายเพราะเอาลูกสาวบ้านเขามาแล้วทำให้พ่อแม่ไม่มีคนใช้สอย
เลยต้องมีเงินตรงนี้เพื่อจ่ายทดแทนและเป็นเหมือนสินน้ำใจไหมคะที่ดูแลลูกสาวมาขนาดนี้อะไรแบบนี้
แต่เรามองว่ามันเป็นส่วนที่เราอยากออกเพื่อความแฟร์ เพราะเราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่อยู่แล้ว
กลับบ้านแค่เสาร์ อาทิตย์ วันธรรมดาทำงานในเมือง แต่แฟนเราอ่ะ อยู่กับแม่เขาถ้าต้องมาแต่งกับเรา
เราก็เหมือนพรากลูกชายเขามาเหมือนกัน เพราะปกติแฟนทำงานที่บ้านแม่เขา แต่ถ้าแต่งมาก็ต้องเอาเวลามาอยู่กับเรามากกว่า
มาสร้างครอบครัวมาใช้ชีวิตด้วยกัน เพราะงั้นเราเลยมองว่าเราอยากช่วยออก ตกลงกับแฟนดีแล้ว แต่พ่อแม่เราไม่ทราบ
ไม่อยากบอกเพราะความคิดไม่ตรงกันยิ่งรู้เผลอๆ ให้ไปแต่งอีกทีตอนอายุ 30 รอให้มีเงินเยอะๆ กว่านี้
คือเราพร้อมแล้วตอนนี้ งเินก็มีแค่พอจัดงานเล็ก จะให้ทำแบบที่พ่อต้องการ มันก็มากไป
รบกวนทุกท่านช่วยพิจารณาและแนะนำเราในการเข้าไปคุยกับพ่อหน่อยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ