JJNY : 5in1 ศาลยกฟ้องมายด์กับพวก| ชลน่านไม่หวั่นจำนำข้าว| ‘จาตุรนต์’แนะจับตา2ป.| 'แอ๊ด'โดนอีกแล้ว!| บีบีซีชี้จนท.จีน

ศาลยกฟ้อง มายด์กับพวก จัด ม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์ อนุสาวรีย์ปี63
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7388493
 
  
เมื่อวันที่28 พฤศจิกายน 2565 ที่ศาลแขวงดุสิต ถนนนครไชยศรี ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีการชุมนุมเสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตย หรือ ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์
 
ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวงเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว , น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก, นายณรงค์ ดวงแก้ว, นายชูเวช เดชดิษฐรักษ์, น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูรณ์ผล และ นายชาติชาย แกดำ จำเลยทั้ง 6 ในความผิดฐาน ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และ ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
 
คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อ วันที่ 3 ส.ค. 2563 จําเลยทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นแกนนํากลุ่มเครือข่ายต่างๆ และเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ หรือเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบให้มีกิจกรรมการรวมกลุ่มชุมนุมสาธารณะ ร่วมกับ นายอานนท์ นําภา พวกของจําเลย ซึ่งถูกแยกฟ้องเป็นอีกคดีที่ศาลอาญา(คดี112) ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “ชุมนุมเพื่อขับไล่จอมวายร้าย และปกป้องประชาธิปไตย ด้วยการร่วมกัน เสกคาถาผู้พิทักษ์ เพื่อปกป้อง ประชาธิปไตย และขับไล่อํานาจมืด จากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร” ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
 
มีการตั้งเวทีปราศรัยอยู่บริเวณทางเท้าฝั่งหน้าร้านแมคโดนัลด์ รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดําเนินกลาง พวกจำเลยชักชวนให้ประชาชนมาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัย โดยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือคําสั่งของ พ.ต.อ.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร หัวหน้าสถานีตํารวจนครบาลชนะสงคราม เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ ซึ่งได้กำหนดเงื่อนไขว่าการจัดการชุมนุมต้องให้ความสะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ ข้อความหรือป้ายต่างๆ ต้องเป็นข้อความที่ไม่หมิ่นประมาท ดูหมิ่นผู้อื่น และต้องไม่ยุยงปลุกระดม ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
 
จําเลยทั้งหกกันพวก ได้ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกําลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีพูดร้องเพลงปราศรัยโจมตีรัฐบาลเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก เรียกร้องให้ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีประชาชนสนใจเข้าร่วมชุมนุมและรับฟังปราศรัยจํานวนมาก ประมาณ 200-300 คน ยืนกันหนาแน่นแออัด ไม่เว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตร ผู้ใช้ทางเท้าได้รับความเดือดร้อน ไม่สะดวกในการสัญจรผ่านตามปกติ เหตุเกิดที่บริเวณทางเท้าหน้าร้านแมคโดนัลด์ สาขาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2563
 
โดยในวันนี้จำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาล ภายหลังฟังคำพิพากษา นายกิตติศักดิ์ กองทอง ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทนายความในคดีกล่าวว่าคดีนี้อัยการฟ้อง3 ข้อหาประกอบด้วย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และ ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลยกฟ้อง 2 ข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ เเละให้ลงโทษปรับจำเลยทั้ง6 คนละ200 บาท กรณีใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
 
โดยศาลให้เหตุผลที่ยกฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้จัดการชุมนุมจริงผู้ชุมนุมปฏิบัติตามมาตรการการชุมนุม มีการเว้นระยะห่างเเละป้องกันโรคติดต่อ ส่วนที่มีการลงมาบนพื้นถนนบ้างก็เป็นเวลาเพียงนิดเดียวเจ้าหน้าที่มาบอกก็เชื่อฟัง การชุมนุมก็ใช้ระยะเวลาไม่นาน ในส่วนที่มีป้ายข้อความการชุมนุมโจมตีรัฐบาลเเละสถาบัน โจทก์ไม่สามารถนำสืบให้เห็นได้ว่าข้อความดังกล่าวเป็นความผิดอย่างไร ยกประโยชน์เเห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง
 
ด้าน มายด์ ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นหมุดหมายที่ดี เพราะว่าคำพิพากษาที่ศาลว่าการชุมนุมแบบที่พวกเรากระทำนั้น ประชาชนสามารถทำได้รับรองตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็เป็นเครื่องยืนยันว่า เป็นเหตุทำให้พวกเราต้องออกมาพูดปัญหาบ้านเมืองให้ได้



ชลน่าน ไม่หวั่นจำนำข้าวภาค 2 ต้นเหตุยุบเพื่อไทย เชื่อ พปชร.-รทสช. ควบรวมแน่
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7388038

ชลน่าน ไม่หวั่นจำนำข้าวภาค 2 นำสู่การยุบเพื่อไทย ชี้เป็นไปได้ พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ ควบรวมหลังเลือกตั้ง หวังสืบทอดอำนาจ
 
เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2565 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมพิจารณาการจำนำข้าวภาค 2 หลังมีหลักฐานคนทางไกลวิดีโอคอลสั่งการ อาจเข้าข่ายการครอบงำพรรค อาจทำให้เกิดการยุบพรรคเพื่อไทย ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคเพื่อไทย และไม่น่าจะเป็นประเด็น
  
เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับการประชุมวิสามัญ เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรควันที่ 6 ธ.ค.นี้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคและกรรมการสรรหาในวันที่ 6 ธ.ค. เพื่อทดแทนกรรมการบริหารที่ลาออก เนื่องจากใกล้เลือกตั้ง มีกรรมการบริหารหลายท่านที่เป็นส.ส.เขต ลงไปหาเสียงเลือกตั้งเขต มีความกังวลว่าจะกระทบ อาจถูกกลั่นแกล้ง เป็นเหตุให้กระทบกับพรรค
 
เมื่อถามถึงกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุพรรคพลังประชารัฐ กับพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพี่น้องกัน ส.ส.ไหลกันไปมาไม่เป็นอะไร อาจมีการควบรวมพรรคในอนาคตหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ข้อเท็จจริงแต่ละพรรคต้องขึ้นทะเบียนพรรคกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
 
ส่วนการยุบพรรคใดพรรคหนึ่งเพื่อควบรวมกันในอนาคตหลังเลือกตั้ง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นไปได้ เช่น กรรมการบริหารพรรคมีมติว่า ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมต่อไปได้ ก็เป็นเหตุที่ยุบพรรคตัวเอง แล้วสมาชิกที่เป็นส.ส.ก็ย้ายไปสังกัดพรรคอื่นได้ เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง หรือการขับออก ไปอาศัยเงื่อนไขการคุ้มครองสมาชิกที่เป็น ส.ส.ไปสังกัดพรรคใหม่ได้ในเวลา 30 วัน ฐานะสมาชิกความเป็นส.ส.ก็ยังอยู่
 
เหตุนี้จึงเป็นกลไกวิธีการเปลี่ยนพรรคหรือย้ายพรรค โดยอาศัยช่องทางกฎหมาย ก็เป็นไปได้ว่าสองพรรคที่บอกเป็นพรรคพี่พรรคน้อง อาจจะไปแล้วไม่ไหว หรือเลือกตั้งแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะใช้วิธีกลไกต่างๆ ตามช่องทางกฎหมาย ย้ายไปอยู่ด้วยกันได้ โดยรวมมองว่าไม่แตกต่างกันในแง่ของพรรคจะแยกกันอย่างไร แต่แนวทางอุดมการณ์ เป้าหมาย วัตถุประสงค์ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าต้องการสืบทอดอำนาจ ซึ่งประชาชนรู้อยู่แล้วนอกจากนี้ไม่มีความกังวล เรื่องดังกล่าวไม่กระทบกับพรรคเพื่อไทย
 

 
‘จาตุรนต์’ แนะจับตา 2 ป.แยกทาง จะทำให้เผด็จการอ่อนแอลง หรือรวมกันตอนสุดท้าย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3698861
 
‘จาตุรนต์’ แนะจับตา 2 ป.แยกทาง จะทำให้เผด็จการอ่อนแอลง หรือรวมกันตอนสุดท้าย หวังเลือกตั้งครั้งหน้า สะท้อนความต้องการของ ปชช.ได้
 
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์ด้านการเมือง โดยระบุว่า 
 
ระยะหลังไม่ค่อยได้วิเคราะห์การเมืองบ่อยนัก ลองวิเคราะห์ดูบ้างครับ
 
มีเสียงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ยุบสภาเร็วๆ ซึ่งก็มีเหตุผลอยู่ แต่ประยุทธ์คงไม่ยุบสภาเร็วนักเพราะพรรคใหม่ยังไม่พร้อมในทุกด้าน ต้องใช้เวลาและอำนาจสร้างความพร้อมให้มากที่สุด อย่างน้อยต้องได้ ส.ส.มากพอเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ และก็ใช้เวลาหาทางผูกมัด ส.ว.ไว้ให้ได้มากที่สุด ถึงแม้จะไม่ได้ 250 เต็มอีกแล้วก็ตาม
 
ประยุทธ์จะประกาศตัวเป็นทางการอยู่พรรคใหม่เร็วก็ไม่ได้เพราะขัดกับตอนเลือกตั้งที่เป็นแคนดิเดตของ พปชร. พอได้เป็นนายกฯแล้วย้ายพรรคก็ไม่ต่างจาก ส.ส.ย้ายพรรคถึงแม้ไม่ได้มีข้อห้ามเป็นลายลักษณ์อักษร ก็ขัดต่อสัญญาประชาคมที่ให้ไว้แก่ประชาชน
 
การแยกกันอยู่คนละพรรคระหว่าง 2 ป.ใหญ่ทำให้น่าติดตามว่าจะทำให้ฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันซึ่งคือรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการจะอ่อนแอลง หรือจะไปรวมกันตอนสุดท้าย นี่ประวิตรก็เพิ่งออกมาบอกว่าสองพรรคเป็นพรรคเดียวกัน ผู้ที่ต้องติดตามด้วยความระทึกใจน่าจะได้แก่ชนชั้นนำทั้งหลาย ที่ร่วมหัวจมท้ายทำลายบ้านเมืองมากับ 3 ป. พวกเขาคงไม่ยอมง่ายๆ ที่จะให้คนของเขาสูญเสียอำนาจให้แก่ฝ่ายประชาธิปไตย
พูดคำว่า ฝ่ายประชาธิปไตย อีกแล้ว เพราะหนีคำนี้ไม่พ้น ประยุทธ์เริ่มพูดว่า “ต้องยิ้มให้กัน” แต่คนไทยยิ้มไม่ออกมานานแล้วเพราะประยุทธ์ทำจนเศรษฐกิจเจ๊งยับเยินมา 8 ปีกว่าแล้ว การบอกว่าให้ยิ้มให้กันอย่าแตกแยกกันก็เป็นลูกไม้เดิมๆ ไม่ต่างจากการเสนอคำขวัญว่า “รักสงบจบที่ลุงตู่” แล้วก็สงบราบคาบกันทั้งประเทศมาแล้ว
 
จากนี้ไปประชาชนไทยจะยิ้มได้ต้องมีการกอบกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งหวังว่าจะเป็นประเด็นใหญ่ที่สุดในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งต่อไปนี้ แต่ดูแล้วประเด็นการหาเสียงสำคัญเรื่องหนึ่งที่คงยังต้องมีอยู่คือพรรคใดจะสนับสนุนให้ประยุทธ์อยู่ต่อจนครบ 8 ปีตามการตีความหรือไม่ สนับสนุนการสืบทอดอำนาจหรือไม่และจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่
 
มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากให้เรื่องการศึกษาบ้าง เรื่องโลกร้อนบ้าง เป็นต้น เป็นประเด็นหาเสียงของพรรคการเมืองด้วย เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนเพราะขึ้นกับกระแสสังคมด้วย พรรคการเมืองก็ต้องดูทิศทางลมว่าหาเสียงเรื่องไหนแล้วคนจะสนใจ ดังนั้นใครสนใจเรื่องอะไรต้องรณรงค์ให้พรรคการเมืองให้ความสำคัญ ผมสวมหมวกประชาชนก็พอแนะนำได้อย่างนี้ครับ
 
แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือทำอย่างไรจะทำให้การเลือกตั้งของประเทศไทยสะท้อนความต้องการของประชาชนได้จริงๆ เหมือนอารยประเทศเขา นี่เป็นหัวข้อใหญ่ที่ถึงแม้จะทำได้ยาก แต่เมื่อต้องการให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยและเจริญก้าวหน้าก็ต้องช่วยกันคิดต่อไปครับ
 
https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/posts/pfbid0vAPMi9t5VPL66R1aWoefNzCn3mjSbJ27nZJAK9yDK4TdtRhHDkjVrgJUmLYiN55fl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่