ทำไมเราไม่ถวายเงินพระ



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 60
ขออนุญาตแสดงความเห็นตามสมควร..

๑. ถาม : พระภิกษุรับเงินและทอง..อาบัติหรือไม่?
     ตอบ...ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๒. ถาม : อาบัติปาจิตตีย์..เป็นอาบัติเล็กน้อยหรือไม่?
              พระสามารถทำอาบัติปาจิตตีย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ใช่หรือไม่?
    ตอบ : ปาราชิก และสังฆาทิเสส.. เป็นครุกาบัติ
              ส่วน ปาจิตตีย์.. เป็นลหุกาบัติ..คือหนักรองลงมา

              ทุกกฏ..เป็นอาบัติที่เบาที่สุด

              พระที่ต้องอาบัติ แม้เพียงทุกกฏ ซึ่งเบาที่สุด ทรงอนุญาตให้ออกจากอาบัติได้โดยการแสดงอาบัติ

              การแสดงอาบัติ..เสมือนหนึ่งคือการประจานความผิดของตนเองต่อภิกษุรูปอื่น
             ให้ตนเองเกิดความสำนึกผิด และตั้งจิตว่าจะไม่กระทำความผิดซ้ำอีก

              การต้องอาบัติแม้แต่อาบัติเล็กน้อย บ่อยๆ อาจทำให้จิตเกิดความคุ้นชิน และสามารถนำจิตให้
              ต้องอาบัติที่ร้ายแรงกว่าเดิมได้ง่ายขึ้น. จึงไม่ให้ประมาทแม้ในอาบัติเล็กน้อย

๓. ถาม : พระควรรับเงินทองหรือไม่?
     ตอบ : ตามพระธรรมวินัย..ไม่ควรรับ
               แต่ทรงอนุญาตให้คฤหัสถ์นำไปมอบแก่ไวยาวัจกรของวัดได้
               เมื่อภิกษุต้องการปัจจัยสี่หรือของสิ่งใด ก็ให้แจ้งต่อไวยาวัจกรเพื่อจัดการให้

๔. ถาม : ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายอื่นๆของวัด ควรทำเช่นใด?
     ตอบ : แบบเข้ม ..คฤหัสถ์นำไปมอบให้ไวยาวัจกรโดยตรง
               แบบกลาง ..วัดตั้งตู้รับบริจาคค่าน้ำ ค่าไฟ ระบุให้ชัดเจน..ไวยาวัจกรเป็นคนเปิดตู้
               แบบอ่อน..ตามสะดวกทั้งพระทั้งโยม ใครอยากทำอะไรก็ทำไป

๕. พระที่ประพฤติไม่สมควร.. โยมจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
     ทั้งพระทั้งโยมต้องรับผิดขอบร่วมกัน    

     เราต้องยอมรับว่า.. พระที่หนีคดีมาบวชก็มีอยู่ พระที่หวังลาภสักการะ ย่อหย่อนในพระวินัยก็มีอยู่   
     พระอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อกิเลสน้อยกว่าโยม แต้โยมบางคนประเคนกิเลสให้พระถึงวัด วันแล้ววันเล่า
     พอเราเห็นพระประพฤติตัวไม่ดี เราก็ด่าพระ..
     นั่นก็เหมือนกับเราด่าตัวเองเหมือนกันที่ทีส่วนทำให้พระเสียพระ

     แม้จะเป็นพระที่ตั้งใจบวช ตั้งใจประพฤติชอบ..ก็เสียพระได้ทั้งนั้น

     ดังนั้น..ถ้าเราอยากได้พระที่ประพฤติดี ประพฤติชอบ เราก็ต้องพิจารณาในสิ่งที่เราจะกระทำต่อท่าน
     ให้สมควร และเอื้อต่อการปฏิบัติของท่านด้วย..จึงจะเรียกว่าเป็นอุบาสก อุบาสิกาในพระพุทธศาสนา
     อย่างแท้จริง

     ถ้าเราเอาแต่สะดวกเราเป็นใหญ่..เราก็เป็นอัตตาธิปไตย คือคนๆหนึ่งที่ยังเอาแต่ใจตัวเอง
     ซึ่งยังไม่ได้เอาพระพุทธศาสนาเป็นใหญ่ อันเป็นสิ่งที่อุบาสก อุบาสิกาดีพึงกระทำ

     การสนับสนุน ส่งเสริมให้พระได้มีสภาพแวดล้อมที่สอดคล้อง และสามารถปฏิบัติตามพระธรรมวินัย
    ได้อย่างเต็มที่ เป็นสิ่งที่ควรสรรเสริญ แม้ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่ต้องกระทำด้วยจิตเจตนาที่บริสุทธิ์..

เพื่อพิจารณา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่