‘สุทิน’ ไม่หวั่นเพื่อไทยถูกเจาะภาคอีสาน มอง ‘2 ป.’ แยกกันเดินทำอ่อนแอ ฝ่ายค้านได้เปรียบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3696844
‘สุทิน’ ไม่หวั่นเพื่อไทยถูกเจาะภาคอีสาน มอง ‘2 ป.’ แยกกันเดินทำอ่อนแอ ฝ่ายค้านได้เปรียบ
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนาย
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ระบุว่า ขณะนี้ในภาคอีสานมีผู้เสนอตัวเป็นตัวแทนพรรคเกือบ 200 คน อีกทั้งสถานการณ์ก่อนเลือกตั้งที่หลายพรรคการเมืองเริ่มขยับเจาะพื้นที่ภาคอีสาน พท.จะรับมืออย่างไร ว่า พท.ทำเต็มที่อย่างที่เคยทำมา ส่วนเรื่องผู้สมัคร คนเก่ายังอยู่เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนบางเขตที่ในอดีตไม่มีผู้สมัคร ขณะนี้ก็มีผู้มาสมัครล้น เพราะฉะนั้นมีโอกาสคัดเลือกผู้สมัครที่ดีได้เยอะ ดังนั้นเชื่อว่าตัวผู้สมัครและนโยบายของ พท.ไม่เป็นรองใคร ความเชื่อถือต่อ พท.ในภาคอีสาน เชื่อว่าไม่มีใครสู้ได้
เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่าไม่กังวลถูกเจาะใช่หรือไม่ นาย
สุทินกล่าวว่า ไม่กังวล ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่อ พท.มีสูงมาตลอด
เมื่อถามถึงกระแสข่าวแยกกันเดินของ 2 ป. จะช่วยทำให้พรรคฝ่ายค้านได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นาย
สุทินกล่าวว่า ได้เปรียบแน่นอน เพราะจากเดิมเขาอยู่ด้วยกันเป็นเอกภาพแข็งแรง เมื่อแยกออกไปก็ต้องอ่อนแอลงกว่าเดิมแน่
“แต่ความอ่อนแอของคู่แข่งเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ความเข้มแข็งของเราคือปัจจัยสำคัญที่สุด” นาย
สุทินกล่าว
เมื่อถามถึงการประชุมใหญ่พรรคที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ นอกจากการปรับกรรมการบริหารพรรคแล้ว จะมีวาระอื่นอะไรบ้าง นาย
สุทินกล่าวว่า อาจมีนโยบายใหม่ๆ ที่ผ่านการพิจารณาของกรรมการบริหารพรรคมานำเสนอ เมื่อถามต่อว่า ถึงเวลาเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือยัง นาย
สุทินกล่าวว่า กำลังพิจารณาอยู่ว่าวันที่ 6 ธันวาคม เป็นจังหวะที่เหมาะสมหรือไม่ คิดว่ายังมีเวลาอีกนาน อาจไม่จำเป็นต้องเป็นวันนั้น
ทีมศก.เพื่อไทยลงพื้นที่ปทุมวันรับฟังปัญหาปชช.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_455886/
คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ปทุมวันรับทราบปัญหาจากประชาชน ชี้ รับมือปัญหาประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ปัญหาอัคคีภัย การจัดหาที่อยู่อาศัยราคาถูก ลดค่าเดินทางสาธารณะ และ การสร้างธุรกิจอนาคตสำหรับคนรุ่นใหม่
นางสาว
จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน กล่าวว่า วันนี้ตนและนาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ลงพื้นที่เขตปทุมวัน พบประชาชนเพื่อรับทราบปัญหา ซึ่งนอกจากปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวแล้ว ปัญหารายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นปัญหาของคนไทยทั้งประเทศแล้ว ปัญหาของเขตปทุมวันยังมีปัญหาเฉพาะท้องถิ่น เช่น ปัญหาเรื่องอัคคีภัยที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งโดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณบ่อนไก่ที่มีประชากรหนาแน่น ซึ่งต้องหามาตรการในการป้องกันและระมัดระวังอย่างชัดเจน มีการฝึกการป้องกันอัคคีภัยอย่างเป็นระบบและสม่ำเสมอ อีกทั้งจะต้องมีนโยบายในการจัดหาที่อยู่อาศัยในราคาที่ถูกเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่มีปัญหาที่อยู่อาศัยจากอัคคีภัย และต้องโยกย้ายจากที่อยู่อาศัยเดิม เป็นต้น
นอกจากนี้เขตปทุมวันเป็นศูนย์กลางการเดินทางของรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดิน ซึ่งมีราคาสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ของประชาชน แนวทางในอนาคตจะต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนลดลงและ เพื่อลดค่าครองชีพ อีกทั้งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยจะมีประชากรผู้สูงอายุเป็นสัดส่วนถึง 20% ของประชากรทั้งหมดในเวลาอีกไม่กี่ปีนี้ ดังนั้นแนวทางการดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร ทั้งการดูแล การรักษาพยาบาล ลดเวลาการรอคอยในการพบแพทย์
และรายได้เพื่อประคองชีวิต ต้องมีแนวทางที่ชัดเจนและทำได้จริง เพราะจากประวัติศาสตร์จะพบว่าพรรคการเมืองไหนจะหาเสียงอย่างไรก็ได้ แต่พรรคการเมืองที่ทำได้จริงคือพรรคเพื่อไทยเท่านั้น และที่สำคัญเขตปทุมวันเป็นพื้นที่ที่นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ใหม่มาใช้ชีวิต พบปะสังสรรค์พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิด และเป็นวิถีชีวิตและเป็นแหล่งสันทนาการของกลุ่มนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ ดังนั้นการที่จะต้องจัดทำสถานที่เพื่อให้มีการมั่วสุมทางด้านการพัฒนาความคิด เพิ่มความฉลาดและมีทิศทางสำหรับอนาคตจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและต้องทำ
การจัดทำ co-working space สำหรับให้เด็กรุ่นใหม่ ได้มาร่วมกันคิด ร่วมกันทำ สร้างธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ สร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ โดยเปิดโอกาสและชักจูงให้ชาวต่างประเทศที่ฉลาด เก่ง และมีความชำนาญเข้ามาร่วมดำเนินการด้วย สร้างประเทศไทยให้เป็นชุมชนของคนเก่ง คนหัวกะทิ
เพื่อพัฒนาต่อไปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในอนาคต โดยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการส่งเสริม และทำให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง โดยต้องมีการปรับเปลี่ยนกฎหมายเพื่อรองรับธุรกิจอนาคตเหล่านี้ ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ที่มีความฉลาดให้ได้เป็นเศรษฐีและมหาเศรษฐีได้เป็นจำนวนมากในอนาคต อีกทั้งยังช่วยเพิ่มจีดีพีของไทยให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดสัดส่วนหนี้สาธารณะ และหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยให้มีสัดส่วนที่ลดลงได้ และยังจะเป็นการสร้างงานที่มีรายได้สูงจำนวนมาก เพิ่มงานเพิ่มรายได้ให้กับคนรุ่นใหม่ โดยอาจจะเริ่มโดยการพัฒนาการปรับเปลี่ยนระบบดิจิตอลในระบบรัฐ
สร้างระบบ Blockchain และโยงเข้าสู่ภาคเอกชนให้เกิดเป็นจริงได้ เป็นต้น ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าประเทศไทยได้ล้าหลังไปมาก และมีปัญหาหลายด้าน ดังนั้นต้องแก้ไขปัญหาจำนวนมากพร้อมไปกับการที่จะต้องพัฒนาและสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ให้กับนักศึกษาและคนรุ่นใหม่จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลในอนาคตจะต้องเร่งเข้ามาแก้ไขและปรับเปลี่ยนประเทศ เพื่อประเทศไทยจะไม่ตกยุคและล้าหลังเหมือนในปัจจุบัน และพรรคเพื่อไทยพร้อมและอาสาเข้ามาแก้ไขเพื่อยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของคนไทยทุกระดับชั้น
สภาประชาชนภาคใต้ ดึงสติรัฐบาล ค้นหาข้อเท็จจริงปลากุเลาตากใบ ก่อนโยนบาปให้ไทยพีบีเอส
https://www.mhttps://www.matichon.co.th/region/news_3696916
สภาประชาชนภาคใต้ ดึงสติรัฐบาล ค้นหาข้อเท็จจริงปลากุเลาตากใบ ก่อนโยนบาปให้ไทยพีบีเอส
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ สภาประชาชนภาคใต้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลต้องค้นหาข้อเท็จจริงกรณีปลากุเลาตากใบ ก่อนไทยพีบีเอสจะอ้างความรับผิดชอบ ระบุว่า
“
เป็นที่ทราบกันดีว่ากรณีการนำปลากุเลาเค็มตากใบขึ้นโต๊ะอาหารผู้นำประเทศที่มาร่วมประชุมเวทีเอเปค 2022 ที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 14 – 19 พฤศจิกายน 2565 ที่เพิ่งผ่านไปนั้น ได้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองไปแล้ว
และปัญหาที่เกิดขึ้นนี้กำลังถูกปัดความรับผิดชอบของบางหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กับสถานีฯไทยพีบีเอส โดยไม่มีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้วยว่าเรื่องดังกล่าวนั้นมูลการหาผลประโยชน์จากคนบางกลุ่มจริงจนเป็นที่รับรู้ของบุคลากรคนในองค์กรดังกล่าว
หากแต่หลังจากเป็นข่าวครึกโครมได้มีความพยายามของคนในองค์กรนั้นสร้างหลักฐานและสร้างภาพว่ามีการสั่งปลากุเลาเค็มจากตากใบจริง ทั้งที่มีความย้อนแย้งกับคำบอกเล่าของประชาชนในพื้นที่ ตามที่สื่อมวลชนได้รายงานข่าว
การเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสศูนย์ข่าวภาคใต้ เป็นการเสนอไปตามคำสัมภาษณ์ของชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่จริง ซึ่งมีข้อสังเกตุในขณะนั้นว่าปลากุเลาที่รัฐบาลอ้างว่ามาจากตากใบนั้น เป็นของจริงหรือไม่ ? ถือเป็นการนำเสนอข่าวที่มีการตั้งข้อสังเกตุที่น่าสงสัยจริง อันเป็นสิ่งที่รัฐบาล(หน่วยงานที่รับผิดชอบ) จะต้องสืบหาข้อเท็จจริง มิใช่ปัดความรับผิดชอบด้วยการโยนความผิดไปที่สำนักข่าว เสมือนเป็นการบิดเบือนข้อสงสัยของสังคมและของประชาชนในพื้นที่ ด้วยมีเงื่อนงำให้ชวนสงสัยอยู่หลายประการ แม้จะมีตัวแทนของหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้พยายามออกมายืนยันถึงที่มาที่ไปของปลากุเลาฯก็ตาม
สภาประชาชนภาคใต้ ได้ติดตามเรื่องนี้รวมถึงการแสดงความรับผิดชอบของผู้บริหาสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงครั้งล่าสุดที่มีการลาออกของบรรณาธิการข่าวอาวุโส และมาตรการอื่นๆที่ผู้บริหารระดับสูงพยายามแสดงออกเพื่อให้กระแสกดดันจากสังคมลดลง ซึ่งอาจจะรวมถึงแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองด้วยนั้น พวกเราไม่เห็นด้วยนักกับการกระทำดังกล่าวของคณะผู้บริหารไทยพีบีเอส แต่ก็เคารพและเข้าใจถึงแรงกดดันที่เกิดขึ้น
ด้วยเหตุว่าการแสดงความรับผิดชอบที่ไม่ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการในลักษณะนี้นั้น ถือเป็นตัดสินและยอมรับแล้วว่าการเสนอข่าวของเจ้าหน้าที่(นักข่าว)ดังกล่าวนั้นเป็นความผิดพลาดจริง และยังนำไปสู่การสร้างความลำบากใจและกลายเป็นแรงกดดันกับเจ้าหน้าที่ผู้เสนอข่าวอย่างไร้ความเป็นธรรม และเชื่อว่าจะส่งผลต่อจิตใจและความเชื่อมั่นไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่ของไทยพีบีเอสโดยรวมอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
โดยมี 19 องค์กรภาคประชาชนร่วมกันลงนามสนับสนุน
JJNY : ‘สุทิน’ไม่หวั่นพท.ถูกเจาะภาคอีสาน|ทีมศก.เพื่อไทยลงพื้นที่ปทุมวัน|สภาประชาชนภาคใต้ ดึงสติรบ.|แรงงาน Foxconn ลุกฮือ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3696844
‘สุทิน’ ไม่หวั่นเพื่อไทยถูกเจาะภาคอีสาน มอง ‘2 ป.’ แยกกันเดินทำอ่อนแอ ฝ่ายค้านได้เปรียบ
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ระบุว่า ขณะนี้ในภาคอีสานมีผู้เสนอตัวเป็นตัวแทนพรรคเกือบ 200 คน อีกทั้งสถานการณ์ก่อนเลือกตั้งที่หลายพรรคการเมืองเริ่มขยับเจาะพื้นที่ภาคอีสาน พท.จะรับมืออย่างไร ว่า พท.ทำเต็มที่อย่างที่เคยทำมา ส่วนเรื่องผู้สมัคร คนเก่ายังอยู่เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนบางเขตที่ในอดีตไม่มีผู้สมัคร ขณะนี้ก็มีผู้มาสมัครล้น เพราะฉะนั้นมีโอกาสคัดเลือกผู้สมัครที่ดีได้เยอะ ดังนั้นเชื่อว่าตัวผู้สมัครและนโยบายของ พท.ไม่เป็นรองใคร ความเชื่อถือต่อ พท.ในภาคอีสาน เชื่อว่าไม่มีใครสู้ได้
เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่าไม่กังวลถูกเจาะใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่กังวล ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่อ พท.มีสูงมาตลอด
เมื่อถามถึงกระแสข่าวแยกกันเดินของ 2 ป. จะช่วยทำให้พรรคฝ่ายค้านได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ได้เปรียบแน่นอน เพราะจากเดิมเขาอยู่ด้วยกันเป็นเอกภาพแข็งแรง เมื่อแยกออกไปก็ต้องอ่อนแอลงกว่าเดิมแน่
“แต่ความอ่อนแอของคู่แข่งเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ความเข้มแข็งของเราคือปัจจัยสำคัญที่สุด” นายสุทินกล่าว
เมื่อถามถึงการประชุมใหญ่พรรคที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ นอกจากการปรับกรรมการบริหารพรรคแล้ว จะมีวาระอื่นอะไรบ้าง นายสุทินกล่าวว่า อาจมีนโยบายใหม่ๆ ที่ผ่านการพิจารณาของกรรมการบริหารพรรคมานำเสนอ เมื่อถามต่อว่า ถึงเวลาเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือยัง นายสุทินกล่าวว่า กำลังพิจารณาอยู่ว่าวันที่ 6 ธันวาคม เป็นจังหวะที่เหมาะสมหรือไม่ คิดว่ายังมีเวลาอีกนาน อาจไม่จำเป็นต้องเป็นวันนั้น
ทีมศก.เพื่อไทยลงพื้นที่ปทุมวันรับฟังปัญหาปชช.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_455886/
คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ปทุมวันรับทราบปัญหาจากประชาชน ชี้ รับมือปัญหาประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ปัญหาอัคคีภัย การจัดหาที่อยู่อาศัยราคาถูก ลดค่าเดินทางสาธารณะ และ การสร้างธุรกิจอนาคตสำหรับคนรุ่นใหม่
นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน กล่าวว่า วันนี้ตนและนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ลงพื้นที่เขตปทุมวัน พบประชาชนเพื่อรับทราบปัญหา ซึ่งนอกจากปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวแล้ว ปัญหารายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นปัญหาของคนไทยทั้งประเทศแล้ว ปัญหาของเขตปทุมวันยังมีปัญหาเฉพาะท้องถิ่น เช่น ปัญหาเรื่องอัคคีภัยที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งโดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณบ่อนไก่ที่มีประชากรหนาแน่น ซึ่งต้องหามาตรการในการป้องกันและระมัดระวังอย่างชัดเจน มีการฝึกการป้องกันอัคคีภัยอย่างเป็นระบบและสม่ำเสมอ อีกทั้งจะต้องมีนโยบายในการจัดหาที่อยู่อาศัยในราคาที่ถูกเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่มีปัญหาที่อยู่อาศัยจากอัคคีภัย และต้องโยกย้ายจากที่อยู่อาศัยเดิม เป็นต้น
นอกจากนี้เขตปทุมวันเป็นศูนย์กลางการเดินทางของรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดิน ซึ่งมีราคาสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ของประชาชน แนวทางในอนาคตจะต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนลดลงและ เพื่อลดค่าครองชีพ อีกทั้งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยจะมีประชากรผู้สูงอายุเป็นสัดส่วนถึง 20% ของประชากรทั้งหมดในเวลาอีกไม่กี่ปีนี้ ดังนั้นแนวทางการดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร ทั้งการดูแล การรักษาพยาบาล ลดเวลาการรอคอยในการพบแพทย์
และรายได้เพื่อประคองชีวิต ต้องมีแนวทางที่ชัดเจนและทำได้จริง เพราะจากประวัติศาสตร์จะพบว่าพรรคการเมืองไหนจะหาเสียงอย่างไรก็ได้ แต่พรรคการเมืองที่ทำได้จริงคือพรรคเพื่อไทยเท่านั้น และที่สำคัญเขตปทุมวันเป็นพื้นที่ที่นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ใหม่มาใช้ชีวิต พบปะสังสรรค์พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิด และเป็นวิถีชีวิตและเป็นแหล่งสันทนาการของกลุ่มนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ ดังนั้นการที่จะต้องจัดทำสถานที่เพื่อให้มีการมั่วสุมทางด้านการพัฒนาความคิด เพิ่มความฉลาดและมีทิศทางสำหรับอนาคตจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและต้องทำ
การจัดทำ co-working space สำหรับให้เด็กรุ่นใหม่ ได้มาร่วมกันคิด ร่วมกันทำ สร้างธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ สร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ โดยเปิดโอกาสและชักจูงให้ชาวต่างประเทศที่ฉลาด เก่ง และมีความชำนาญเข้ามาร่วมดำเนินการด้วย สร้างประเทศไทยให้เป็นชุมชนของคนเก่ง คนหัวกะทิ
เพื่อพัฒนาต่อไปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในอนาคต โดยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการส่งเสริม และทำให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง โดยต้องมีการปรับเปลี่ยนกฎหมายเพื่อรองรับธุรกิจอนาคตเหล่านี้ ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ที่มีความฉลาดให้ได้เป็นเศรษฐีและมหาเศรษฐีได้เป็นจำนวนมากในอนาคต อีกทั้งยังช่วยเพิ่มจีดีพีของไทยให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดสัดส่วนหนี้สาธารณะ และหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยให้มีสัดส่วนที่ลดลงได้ และยังจะเป็นการสร้างงานที่มีรายได้สูงจำนวนมาก เพิ่มงานเพิ่มรายได้ให้กับคนรุ่นใหม่ โดยอาจจะเริ่มโดยการพัฒนาการปรับเปลี่ยนระบบดิจิตอลในระบบรัฐ
สร้างระบบ Blockchain และโยงเข้าสู่ภาคเอกชนให้เกิดเป็นจริงได้ เป็นต้น ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าประเทศไทยได้ล้าหลังไปมาก และมีปัญหาหลายด้าน ดังนั้นต้องแก้ไขปัญหาจำนวนมากพร้อมไปกับการที่จะต้องพัฒนาและสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ให้กับนักศึกษาและคนรุ่นใหม่จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลในอนาคตจะต้องเร่งเข้ามาแก้ไขและปรับเปลี่ยนประเทศ เพื่อประเทศไทยจะไม่ตกยุคและล้าหลังเหมือนในปัจจุบัน และพรรคเพื่อไทยพร้อมและอาสาเข้ามาแก้ไขเพื่อยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของคนไทยทุกระดับชั้น
สภาประชาชนภาคใต้ ดึงสติรัฐบาล ค้นหาข้อเท็จจริงปลากุเลาตากใบ ก่อนโยนบาปให้ไทยพีบีเอส
https://www.mhttps://www.matichon.co.th/region/news_3696916
สภาประชาชนภาคใต้ ดึงสติรัฐบาล ค้นหาข้อเท็จจริงปลากุเลาตากใบ ก่อนโยนบาปให้ไทยพีบีเอส
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ สภาประชาชนภาคใต้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลต้องค้นหาข้อเท็จจริงกรณีปลากุเลาตากใบ ก่อนไทยพีบีเอสจะอ้างความรับผิดชอบ ระบุว่า
“ เป็นที่ทราบกันดีว่ากรณีการนำปลากุเลาเค็มตากใบขึ้นโต๊ะอาหารผู้นำประเทศที่มาร่วมประชุมเวทีเอเปค 2022 ที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 14 – 19 พฤศจิกายน 2565 ที่เพิ่งผ่านไปนั้น ได้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองไปแล้ว
และปัญหาที่เกิดขึ้นนี้กำลังถูกปัดความรับผิดชอบของบางหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กับสถานีฯไทยพีบีเอส โดยไม่มีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้วยว่าเรื่องดังกล่าวนั้นมูลการหาผลประโยชน์จากคนบางกลุ่มจริงจนเป็นที่รับรู้ของบุคลากรคนในองค์กรดังกล่าว
หากแต่หลังจากเป็นข่าวครึกโครมได้มีความพยายามของคนในองค์กรนั้นสร้างหลักฐานและสร้างภาพว่ามีการสั่งปลากุเลาเค็มจากตากใบจริง ทั้งที่มีความย้อนแย้งกับคำบอกเล่าของประชาชนในพื้นที่ ตามที่สื่อมวลชนได้รายงานข่าว
การเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสศูนย์ข่าวภาคใต้ เป็นการเสนอไปตามคำสัมภาษณ์ของชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่จริง ซึ่งมีข้อสังเกตุในขณะนั้นว่าปลากุเลาที่รัฐบาลอ้างว่ามาจากตากใบนั้น เป็นของจริงหรือไม่ ? ถือเป็นการนำเสนอข่าวที่มีการตั้งข้อสังเกตุที่น่าสงสัยจริง อันเป็นสิ่งที่รัฐบาล(หน่วยงานที่รับผิดชอบ) จะต้องสืบหาข้อเท็จจริง มิใช่ปัดความรับผิดชอบด้วยการโยนความผิดไปที่สำนักข่าว เสมือนเป็นการบิดเบือนข้อสงสัยของสังคมและของประชาชนในพื้นที่ ด้วยมีเงื่อนงำให้ชวนสงสัยอยู่หลายประการ แม้จะมีตัวแทนของหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้พยายามออกมายืนยันถึงที่มาที่ไปของปลากุเลาฯก็ตาม
สภาประชาชนภาคใต้ ได้ติดตามเรื่องนี้รวมถึงการแสดงความรับผิดชอบของผู้บริหาสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงครั้งล่าสุดที่มีการลาออกของบรรณาธิการข่าวอาวุโส และมาตรการอื่นๆที่ผู้บริหารระดับสูงพยายามแสดงออกเพื่อให้กระแสกดดันจากสังคมลดลง ซึ่งอาจจะรวมถึงแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองด้วยนั้น พวกเราไม่เห็นด้วยนักกับการกระทำดังกล่าวของคณะผู้บริหารไทยพีบีเอส แต่ก็เคารพและเข้าใจถึงแรงกดดันที่เกิดขึ้น
ด้วยเหตุว่าการแสดงความรับผิดชอบที่ไม่ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการในลักษณะนี้นั้น ถือเป็นตัดสินและยอมรับแล้วว่าการเสนอข่าวของเจ้าหน้าที่(นักข่าว)ดังกล่าวนั้นเป็นความผิดพลาดจริง และยังนำไปสู่การสร้างความลำบากใจและกลายเป็นแรงกดดันกับเจ้าหน้าที่ผู้เสนอข่าวอย่างไร้ความเป็นธรรม และเชื่อว่าจะส่งผลต่อจิตใจและความเชื่อมั่นไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่ของไทยพีบีเอสโดยรวมอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
โดยมี 19 องค์กรภาคประชาชนร่วมกันลงนามสนับสนุน