ากต้นเหตุยังไม่สามารถแก้ไขได้ หรือกำลังอยู่ในระหว่างการแก้ไข แต่ใช้เวลา ซึ่งเกิดจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ ระหว่างที่ต้นเหตุของปัญหายังรอการแก้ไขอยู่ ความเสียหายที่เกิดจากปัญหาจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและแย่ลงเรื่อยๆ คุณคิดว่าควรจะ...
ยกตัวอย่างเช่น
คุณเป็นหัวหน้าบริษัทสาขาย่อยแห่งหนึ่ง และสาขาของคุณประสบปัญหาพนักงานลาออกเยอะ เนื่องจากกรอบงานกับอัตรากำลังคนไม่เหมาะสม สวัสดิการไม่ดี ไม่มีบำเน็จบำนาญ และงานหนักเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากสถาณการณ์โรคระบาด พนักงาน overwork ไม่มี work life balanced (ชั่วโมงและภาระงานเกินขอบเขตกฎหมายคุ้มครองแรงงานไปแล้วด้วยซ้ำ) จนเจ็บป่วย หมดไฟ และเมื่อยิ่งมีคนลาออก คนที่ยังอยู่ก็จะยิ่ง load งานหนักมากกว่าเดิม และกลายเป็นระเบิดเวลาลูกต่อไปที่จะลาออก
โดยการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือการปรับกรอบอัตรากำลังให้เหมาะสมและเพิ่มจำนวนพนักงาน แต่คนที่มีอำนาจอนุมัติคือสำนักงานใหญ่เท่านั้น ซึ่งทางสำนักงานใหญ่ก็ไม่สามารถอนุมัติอะไรได้ในขณะนี้ เนื่องจากปัญหานั้นเกี่ยวข้องกับกฎของกระทรวง และไม่มีคนมาสมัครงานถึงแม้จะเพิ่มการประชาสัมพันธ์แล้ว ต้นเหตุของปัญหาจึงยังไม่สามารถคลี่คลายได้ และตัวเราไม่สามารถรู้ได้แน่ชัดว่าจะสามารถแก้ได้เมื่อไหร่
หากคุณเป็นหัวหน้าบริษัทย่อย คุณควรทำอย่างไรในระหว่างนี้
รอและคอยกระตุ้นต้นเรื่องให้สำนักงานใหญ่ เพื่อให้ต้นเหตุของปัญหาถูกแก้ไข จะได้ทำงานทีเดียว
หรือจะทยอยแก้ปัญหาปลายเหตุเพื่อลดความเสียหายไปก่อน เช่น เพิ่มเงินเดือน เพิ่มโบนัส เพิ่มสวัสดิการ เพิ่มคุณภาพชีวิตด้านอื่นๆ (เช่น อะลุ่มอล่วยเวลาเข้างาน) ให้คนที่ยังอยู่
เนื่องจากเราคุยกับเพื่อนแล้วมีแนวคิดไม่ตรงกันน่ะค่ะ
ตัวเราคิดว่าต้นเหตุอยู่ในจุดที่นอกเหนือการควบคุมของเราไปแล้ว ในถานะหัวหน้า เราก็อยากทำให้พนักงานที่ยังคงอยู่ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนการทำงานหนัก และอาจจะจูงใจจูงใจให้ไม่ลาออก แต่เพื่อนของเราคิดว่าการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมันไม่มีประโยชน์ เพราะถ้าแค่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้ การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุนั้นก็ไม่จำเป็นน่ะค่ะ
หรือมีวิธีอื่นๆอีก
ขอปรึกษาเรื่องการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และปลายเหตุค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น
คุณเป็นหัวหน้าบริษัทสาขาย่อยแห่งหนึ่ง และสาขาของคุณประสบปัญหาพนักงานลาออกเยอะ เนื่องจากกรอบงานกับอัตรากำลังคนไม่เหมาะสม สวัสดิการไม่ดี ไม่มีบำเน็จบำนาญ และงานหนักเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากสถาณการณ์โรคระบาด พนักงาน overwork ไม่มี work life balanced (ชั่วโมงและภาระงานเกินขอบเขตกฎหมายคุ้มครองแรงงานไปแล้วด้วยซ้ำ) จนเจ็บป่วย หมดไฟ และเมื่อยิ่งมีคนลาออก คนที่ยังอยู่ก็จะยิ่ง load งานหนักมากกว่าเดิม และกลายเป็นระเบิดเวลาลูกต่อไปที่จะลาออก
โดยการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือการปรับกรอบอัตรากำลังให้เหมาะสมและเพิ่มจำนวนพนักงาน แต่คนที่มีอำนาจอนุมัติคือสำนักงานใหญ่เท่านั้น ซึ่งทางสำนักงานใหญ่ก็ไม่สามารถอนุมัติอะไรได้ในขณะนี้ เนื่องจากปัญหานั้นเกี่ยวข้องกับกฎของกระทรวง และไม่มีคนมาสมัครงานถึงแม้จะเพิ่มการประชาสัมพันธ์แล้ว ต้นเหตุของปัญหาจึงยังไม่สามารถคลี่คลายได้ และตัวเราไม่สามารถรู้ได้แน่ชัดว่าจะสามารถแก้ได้เมื่อไหร่
หากคุณเป็นหัวหน้าบริษัทย่อย คุณควรทำอย่างไรในระหว่างนี้
รอและคอยกระตุ้นต้นเรื่องให้สำนักงานใหญ่ เพื่อให้ต้นเหตุของปัญหาถูกแก้ไข จะได้ทำงานทีเดียว
หรือจะทยอยแก้ปัญหาปลายเหตุเพื่อลดความเสียหายไปก่อน เช่น เพิ่มเงินเดือน เพิ่มโบนัส เพิ่มสวัสดิการ เพิ่มคุณภาพชีวิตด้านอื่นๆ (เช่น อะลุ่มอล่วยเวลาเข้างาน) ให้คนที่ยังอยู่
เนื่องจากเราคุยกับเพื่อนแล้วมีแนวคิดไม่ตรงกันน่ะค่ะ
ตัวเราคิดว่าต้นเหตุอยู่ในจุดที่นอกเหนือการควบคุมของเราไปแล้ว ในถานะหัวหน้า เราก็อยากทำให้พนักงานที่ยังคงอยู่ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนการทำงานหนัก และอาจจะจูงใจจูงใจให้ไม่ลาออก แต่เพื่อนของเราคิดว่าการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมันไม่มีประโยชน์ เพราะถ้าแค่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้ การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุนั้นก็ไม่จำเป็นน่ะค่ะ
หรือมีวิธีอื่นๆอีก