วันที่ฟ้าเปิด
ดรัสวันต์ และ Q
25
ปกป้องตื่นเช้าด้วยความสดชื่นเต็มร้อย เรื่องสะเทือนใจเมื่อวานที่เขาไม่สามารถช่วยชีวิตคนไข้ไว้ได้นั้น จางไปจากใจมากแล้วเพราะกำลังใจที่ได้รับจากเนตริยา ยังจำความรู้สึกอุ่นๆ ในอกยามที่หล่อนมานั่งเคียงข้างคอยปลอบใจเขานั้นมันทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป แม้ยามนี้ ที่หวนคิดถึงช่วงเวลานั้น ความรู้สึกเต็มตื้นนั้นก็ยังคงอยู่
เป็นความสุขชนิดหนึ่งที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขารู้สึกได้เช่นนี้
การที่เนตริยาเข้ามาปลอบเขาแบบนี้ แสดงว่าหล่อนไม่โกรธเกลียดเขาแล้ว ปกป้องอยากจะเชื่อเช่นนั้น...อยากจะเชื่อว่าระยะเวลาที่อยู่ร่วมกัน ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ผ่านมา คงทำให้หล่อนมีสายตาที่มองเขาในทางที่ดีขึ้น
เช้านี้ แม้ปกป้องจะอยากอยู่ร่วมรับประทานอาหารเช้ากับเนตริยา แต่เขามีภารกิจจะต้องทำคือการออกไปหาข่าว มันทำให้เขาต้องออกไปที่
สภากาแฟอีกครั้ง เพราะเขาอยากรู้ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องคนลักลอบขึ้นฝั่งว่าชาวบ้านไปพบเจออะไรมาอีกบ้าง
ชายหนุ่มจัดการกับกิจวัตรยามเช้าแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้บอกเนตริยาว่าเช้านี้เขาจะไม่อยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วย
เขาจึงเดินไปเคาะประตูห้องเนตริยา ในจังหวะนั้นเนตริยาเปิดประตูออกมาพอดี หล่อนมองเขาอย่างแปลกใจที่วันนี้เขามาเรียก
“ตื่นนานแล้วค่ะ” หล่อนรีบออกตัวก่อนที่เขาจะทักหล่อนว่า ‘คุณนายตื่นสาย’
“คือผมจะออกไปข้างนอก คุณทานข้าวเองนะ” เขาตอบพลางจ้องมองดวงหน้าหวานที่เขาเริ่มรู้สึกว่าอยากตื่นขึ้นมาเห็นทุกเช้า
“วันนี้ต้องออกเยี่ยมชาวบ้านอีกหรือคะ”
“วันนี้ผมจะเข้าไปที่สภากาแฟที่ตลาด ไปคุยกับพวกผู้ชายจะได้ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบดูว่าคนแถวนั้นมีใครป่วยเป็นอะไรไหม และคงทานอาหารเช้าที่นั่นด้วย” ปกป้องตอบ
เมื่อเนตริยาได้ยินดังนั้น รู้สึกใจหาย นี่หล่อนต้องนั่งทานข้าวเช้าคนเดียวอีกแล้วหรือ ในใจนึกอยากจะขอตามเขาไปที่ตลาดด้วย หล่อนอยากรู้ว่าที่
สภากาแฟเป็นอย่างไร หล่อนเคยได้ยินแต่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเรียกร้านกาแฟว่าสภากาแฟ หล่อนจึงตัดสินใจเอ่ยปากขอ
“วันนี้ฉันขอเข้าไปในตลาดด้วยได้ไหมคะ อยากรู้ว่าสภากาแฟเป็นอย่างไร” เนตริยาคิดว่าหลังจากเมื่อวานตอนเย็นที่ได้มีโอกาสคุยกันที่ริมลำธาร ทำให้หล่อนและปกป้องเข้าใจกันมากขึ้น มีความไว้วางใจกันมากขึ้น เขาน่าจะยอมให้หล่อนไปด้วย
ปกป้องนิ่งเงียบไปอย่างไตร่ตรองว่าควรพาหล่อนไปดีหรือไม่
“คุณอยากเข้าไปนั่งฟังชาวบ้านพูดคุยกันที่สภากาแฟหรือ” เขาถามย้ำซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับ
“ที่นั่นมีแต่พวกผู้ชายนั่งคุยเรื่องการเมือง ผมว่ามันคงเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับผู้หญิง” เขาออกตัวไว้ก่อน เพราะหากพาไปแล้วเนตริยาเกิดเบื่อแล้วรบเร้าให้เขาพากลับ เขาจะเสียงาน
“ฉันอยากออกไปเปิดหูเปิดตากับเขาบ้าง ลองไปนั่งฟังดูสักครั้งคงไม่เสียหายอะไร ไม่แน่ฉันอาจจะร่วมวงถกการเมืองกับพวกเขาด้วยก็ได้นะ” หล่อนกล่าวยิ้มๆ รู้สึกราวกับเป็นเรื่องท้าทายอย่างหนึ่ง
ปกป้องต้องยอมรับว่า เนตริยาเป็นคนที่มีการศึกษาไม่ใช่ผู้หญิงชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องการบ้านการเมืองแต่อย่างใด มันทำให้เขาคิดว่านี่อาจจะมีประโยชน์ต่อแผนของเขา การเข้าไปนั่งฟังชาวบ้านพูดคุยกันจะทำให้หล่อนเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง
ปกป้องจึงยอมตกลง
“ก็ได้ครับ เผื่อบางทีคุณอาจจะอยากซื้อของใช้จำเป็นที่ร้านค้าในตลาดบ้าง”
เนตริยายิ้มออกมาด้วยความดีใจเพราะเธอจะไม่ต้องทนอุดอู้อยู่ในบ้านคนเดียวอีกแล้ว
“แต่ว่า ผมจะเอามอเตอร์ไซค์ไปเพื่อความคล่องตัว คุณจะซ้อนได้ไหม”
“ได้ซิคะ สบายมาก”
เมื่อเนตริยาได้รับอนุญาตให้ติดตามไปตลาดได้ หล่อนรีบกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนเป็นชุดทะมัดทะแมงเตรียมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ในใจนั้นตื่นเต้นและลิงโลด แต่หล่อนพยายามเก็บอาการไว้ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอดีใจที่จะได้ไปเที่ยวตลาด
ปกป้องจูงมอเตอร์ไซค์ออกจากโรงจอด เขาใส่ถุงมือและหมวกกันน็อกเตรียมพร้อมสำหรับขับขี่ แต่เมื่อหันไปมองเนตริยาที่ทะมัดทะแมงด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบแต่ไม่มีหมวกกันน็อก เขาเลยคิดว่าจะไปหาซื้อหมวกกันน็อกให้หล่อนสักใบที่ร้านแปะกวง เผื่อต่อไปอาจจะได้ออกไปไหนด้วยมอเตอร์ไซค์กันอีก
“อย่าขับเร็วนะ ฉันกลัว” ไม่วายสำทับก่อนที่ปกป้องจะออกรถ หล่อนไม่คุ้นเคยกับการนั่งมอเตอร์ไซค์
“เคยนั่งมอเตอร์ไซค์หรือเปล่าครับ”
“เคยค่ะ แต่แค่ในซอยหรือถนนว่างๆ ไม่เคยออกถนนใหญ่ที่มีรถเยอะๆ ” หล่อนเล่า ทำท่าไม่ค่อยมั่นใจกับการนั่งมอเตอร์ไซค์
“ถ้าคุณกลัว จะกอดเอวผมไว้ก็ได้นะครับ” ปกป้องแกล้งหยอกเบาๆ
“บ้า ไม่เอาหรอก เรื่องอะไรจะกอด” หล่อนทำเสียงดุพร้อมกับค้อนให้ด้วยความขัดเขิน
"ผมหมายถึงเกาะเอว ไม่ใช่กอด" เขาแก้ตัวแล้วหัวเราะชอบใจ ก่อนจะค่อยๆ บิดคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวออกไปจากรั้วบ้าน เนตริยาไม่คุ้นชินกับการนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เธอจึงเอามือทั้งสองข้างเกาะไปที่เอวของปกป้อง รถมอเตอร์ไซค์เคลื่อนตัวพาทั้งสองออกสู่ถนนที่ลาดลงเขา
“เกาะแน่นๆ นะครับ ทางช่วงนี้โหดนิดหน่อย” ขาดคำมอเตอร์ไซค์ก็พาทั้งสองลงสู่ถนนที่ลาดชัน ชายหนุ่มรู้สึกถึงอ้อมแขนบอบบางนั้นตวัดเข้ามา
กอดเอวเขาไว้แน่น พร้อมเสียงอุทานเบาๆ อย่างหวาดหวั่นกับทางลงเขาที่เขาเตือนว่าโหด
ปกป้องคร่ำเคร่งกับเส้นทางและไม่ทันรู้สึกว่าคนข้างหลังทั้งกอดเอวเขาแน่นและซบหน้าแนบหลังเขาด้วยความกลัว
จนเมื่อถึงทางเรียบ เขาชะลอรถลงจอดแล้วหันไปบอกว่า
“ปลอดภัยแล้วครับ ลงเขาเรียบร้อยแล้ว”
หญิงสาวรีบคลายแขนออกขยับนั่งตัวตรงรู้สึกเขินอายที่เมื่อกี้หล่อนกอดเขาไว้แน่น ทั้งที่บอกว่า ‘เรื่องอะไรจะกอด’
ปกป้องเห็นท่าทางหญิงสาวรีบขยับตัวออกแล้วนั่งตัวตรงด้วยอาการถือตัวเช่นนั้นก็แอบยิ้ม แล้วค่อยๆ เคลื่อนรถออกเดินทางต่อ
จนกระทั่งออกมาสู่ถนนใหญ่ที่เป็นทางลาดยางเรียบ ปกป้องใช้ความเร็วไม่มากนักเพราะรู้ว่าคนที่นั่งซ้อนท้ายมีอาการเกร็งด้วยความกลัวกับการนั่งมอเตอร์ไซค์
เช้าวันนี้เป็นอีกวันที่อากาศสดชื่น สองข้างทางที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้และป่าเขาเขียวขจีนั้นทำให้สายลมบริสุทธิ์เย็นฉ่ำโชยมากระทบใบหน้าขาวนวลของเนตริยา หล่อนรู้สึกถึงความเพลิดเพลินที่ได้ออกมานั่งรถกินลมในยามเช้าเช่นนี้ เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ภาพฝูงนกที่บินล้อกับแสงอาทิตย์อ่อนๆ เป็นความงดงามของธรรมชาติที่ทำให้หล่อนรู้สึกเพลิดเพลินกับเช้านี้ยิ่งนัก
เส้นทางต่อจากนี้สองข้างทางมีสวนยาง มองเห็นคนงานกำลังช่วยกันรวบรวมน้ำยางสีขาวในถังหลายใบเพื่อนำไปทำเป็นยางแผ่นต่อไป คนเหล่านี้เมื่อเห็นรถของปกป้องวิ่งผ่านก็โบกมือทักทาย เป็นภาพชินตาของปกป้อง แต่สำหรับเนตริยาหล่อนสัมผัสได้ถึงอัธยาศัยไมตรีที่มีต่อกันของคนพื้นบ้าน
“ชาวบ้านเขาน่ารักนะคะ ออกมาโบกมือทักทายเราด้วย”
“อยู่กรุงเทพฯ ไม่มีแบบนี้ใช่ไหมครับ”
เนตริยานิ่งไปอย่างยอมรับ สังคมเมืองที่เร่งรีบ ทำให้ทุกคนดูคล้ายจะเห็นแก่ตัว ความใส่ใจต่อคนรอบข้างน้อยลง หญิงสาวอดยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่า ณ เวลานี้ หล่อนรู้สึกเป็นสุขสงบและอบอุ่นอย่างเหลือเกิน จนอยากจะหยุดเวลาไว้เพียงนี้ แล้วลืมให้หมดทุกสิ่งทุกอย่างว่าเขาเป็นใครและเธอเป็นใคร ทำไมจึงมาอยู่ที่นี่
ยิ่งเมื่อนึกย้อนไปถึงเมื่อเย็นวาน เป็นครั้งแรกที่หล่อนเห็นผู้ชายแข็งแกร่งมุ่งมั่นอย่างเขาแสดงอาการท้อแท้อ่อนแอ มันทำให้หล่อนใจหาย และอยากจะทำทุกอย่างให้เขายิ้มออกมาได้ อยากจะให้กำลังใจให้เขามุ่งมั่นทำดีเช่นนี้ต่อไป หล่อนไม่เคยเห็นใครเสียสละเท่าเขามาก่อน ที่ยอมละทิ้งตำแหน่งหน้าที่ราชการและความสุขสบายในเมืองมาอยู่ในป่าเช่นนี้ จะมีกี่คนที่ทำแบบเขา
ยามนี้ หากเขาต้องการเงินเพื่อมาซื้อยาและอุปกรณ์ช่วยชีวิตคน เนตริยาคิดว่าหล่อนจะช่วยเขาหาเงิน เขาไม่จำเป็นต้องลักพาตัวเธอมาเรียกค่าไถ่แต่อย่างใด
ไม่นานทั้งคู่ก็ผ่านตลาดสดที่มีชาวบ้านมาจับจ่ายซื้ออาหารสด ผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์กันดูขวักไขว่ ไม่เงียบเหงาเหมือนคราวก่อนที่หล่อนผ่านมาในช่วงที่ตลาดวายไปแล้ว เนตริยารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับตลาดพื้นบ้านแบบนี้ โดยเฉพาะผักสด และปลาสดที่มาวางขายริมถนน ตอนที่ปกป้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านไปช้าๆ ให้หล่อนได้มองเห็นความเป็นไปของตลาด ถัดจากตลาด ปกป้องพารถตรงไปจอดรถข้างร้านกาแฟซึ่งมีเหล่าบรรดาสมาชิกสภากาแฟขาประจำนั่งรออยู่เกือบครบแล้ว
ทันทีที่ปกป้องพาเนตริยาเดินเข้ามา ทุกสรรพสิ่งในร้านนั้นเหมือนจะหยุดการเคลื่อนไหว เสียงพูดคุยหึ่งๆ ก่อนหน้านั้นพลันเงียบกริบ สายตาทุกคู่มองไปที่เนตริยาอย่างตกตะลึง เป็นปฏิกิริยาที่ปกป้องคาดเดาอยู่แล้วจึงหันไปแนะนำหญิงสาว
“นี่คุณเนตรครับ เป็นนักศึกษามาทำวิจัย เธอมาช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ของผมด้วย” ปกป้องแนะนำหญิงสาวแล้วหันไปแนะนำผู้สูงวัยรอบโต๊ะ หญิงสาวยกมือไหว้แต่ละคนพร้อมรอยยิ้มงดงาม จนคนเหล่านั้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความพึงใจในกิริยาอ่อนน้อมของหญิงสาว
จากนั้นเนตริยาเดินตามปกป้องเข้าไปนั่งยังด้านหนึ่งของโต๊ะ ชายหนุ่มดึงเก้าอี้เสริมมาสำหรับตัวเขาเอง
“ชื่ออะไรนะหนู” เฒ่าอ่ำผู้อาวุโสแห่งสภากาแฟถามขึ้น เขาฟังไม่ทันในตอนแรก
“เนตรค่ะ” หล่อนตอบพร้อมรอยยิ้ม
“หมอโชคดีจริงๆนะ มีผู้ช่วยมาช่วยงาน คงจะผ่อนแรงไปได้เยอะเลย”
“ใช่ หมอโชคดีมาก” ใครคนหนึ่งพยักพเยิดเห็นด้วยพร้อมกับส่งสายตาแซว
ปกป้องพยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ ทั้งที่อดเขินสายตาของคนรอบข้างไม่ได้
“เอ้า ทานอาหารเช้ากันมาหรือยัง ถ้ายัง ที่นี่เขามีหลายอย่างให้เลือกนะทั้งขนมจีนแกงใต้ ทั้งขนมหวานทานคู่กับกาแฟ หมอสั่งกาแฟให้หนูเนตรชิมหน่อย แล้วจะติดใจจนอยากมาดื่มกาแฟที่นี่ทุกเช้า” เฒ่าอ่ำบัญชาการ
แล้วทุกคนก็กุลีกุจอเลื่อนถาดสังกะสีกลมหลายใบที่มีขนมหลากหลายชนิดมาวางตรงหน้าให้เนตริยาเลือกรับประทานคู่กับกาแฟ ในขณะที่ปกป้องเดินไปสั่งกาแฟ แล้วนำจานใบเล็กพร้อมกับช้อนขนม 2 ชุดมาวางให้หญิงสาวและตัวเขาเอง ขนมหวานหลายชนิดที่ห่อด้วยใบตองและอยู่ในถุงพลาสติกรวมถึงปาท่องโก๋ในถาดตรงหน้าทำให้หญิงสาวละลานตาด้วยทุกอย่างน่าทานไปหมดจนเลือกรับประทานไม่ถูก
วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 25
เป็นความสุขชนิดหนึ่งที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขารู้สึกได้เช่นนี้
การที่เนตริยาเข้ามาปลอบเขาแบบนี้ แสดงว่าหล่อนไม่โกรธเกลียดเขาแล้ว ปกป้องอยากจะเชื่อเช่นนั้น...อยากจะเชื่อว่าระยะเวลาที่อยู่ร่วมกัน ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ผ่านมา คงทำให้หล่อนมีสายตาที่มองเขาในทางที่ดีขึ้น
เช้านี้ แม้ปกป้องจะอยากอยู่ร่วมรับประทานอาหารเช้ากับเนตริยา แต่เขามีภารกิจจะต้องทำคือการออกไปหาข่าว มันทำให้เขาต้องออกไปที่
สภากาแฟอีกครั้ง เพราะเขาอยากรู้ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องคนลักลอบขึ้นฝั่งว่าชาวบ้านไปพบเจออะไรมาอีกบ้าง
ชายหนุ่มจัดการกับกิจวัตรยามเช้าแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้บอกเนตริยาว่าเช้านี้เขาจะไม่อยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วย
เขาจึงเดินไปเคาะประตูห้องเนตริยา ในจังหวะนั้นเนตริยาเปิดประตูออกมาพอดี หล่อนมองเขาอย่างแปลกใจที่วันนี้เขามาเรียก
“ตื่นนานแล้วค่ะ” หล่อนรีบออกตัวก่อนที่เขาจะทักหล่อนว่า ‘คุณนายตื่นสาย’
“คือผมจะออกไปข้างนอก คุณทานข้าวเองนะ” เขาตอบพลางจ้องมองดวงหน้าหวานที่เขาเริ่มรู้สึกว่าอยากตื่นขึ้นมาเห็นทุกเช้า
“วันนี้ต้องออกเยี่ยมชาวบ้านอีกหรือคะ”
“วันนี้ผมจะเข้าไปที่สภากาแฟที่ตลาด ไปคุยกับพวกผู้ชายจะได้ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบดูว่าคนแถวนั้นมีใครป่วยเป็นอะไรไหม และคงทานอาหารเช้าที่นั่นด้วย” ปกป้องตอบ
เมื่อเนตริยาได้ยินดังนั้น รู้สึกใจหาย นี่หล่อนต้องนั่งทานข้าวเช้าคนเดียวอีกแล้วหรือ ในใจนึกอยากจะขอตามเขาไปที่ตลาดด้วย หล่อนอยากรู้ว่าที่
สภากาแฟเป็นอย่างไร หล่อนเคยได้ยินแต่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเรียกร้านกาแฟว่าสภากาแฟ หล่อนจึงตัดสินใจเอ่ยปากขอ
“วันนี้ฉันขอเข้าไปในตลาดด้วยได้ไหมคะ อยากรู้ว่าสภากาแฟเป็นอย่างไร” เนตริยาคิดว่าหลังจากเมื่อวานตอนเย็นที่ได้มีโอกาสคุยกันที่ริมลำธาร ทำให้หล่อนและปกป้องเข้าใจกันมากขึ้น มีความไว้วางใจกันมากขึ้น เขาน่าจะยอมให้หล่อนไปด้วย
ปกป้องนิ่งเงียบไปอย่างไตร่ตรองว่าควรพาหล่อนไปดีหรือไม่
“คุณอยากเข้าไปนั่งฟังชาวบ้านพูดคุยกันที่สภากาแฟหรือ” เขาถามย้ำซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับ
“ที่นั่นมีแต่พวกผู้ชายนั่งคุยเรื่องการเมือง ผมว่ามันคงเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับผู้หญิง” เขาออกตัวไว้ก่อน เพราะหากพาไปแล้วเนตริยาเกิดเบื่อแล้วรบเร้าให้เขาพากลับ เขาจะเสียงาน
“ฉันอยากออกไปเปิดหูเปิดตากับเขาบ้าง ลองไปนั่งฟังดูสักครั้งคงไม่เสียหายอะไร ไม่แน่ฉันอาจจะร่วมวงถกการเมืองกับพวกเขาด้วยก็ได้นะ” หล่อนกล่าวยิ้มๆ รู้สึกราวกับเป็นเรื่องท้าทายอย่างหนึ่ง
ปกป้องต้องยอมรับว่า เนตริยาเป็นคนที่มีการศึกษาไม่ใช่ผู้หญิงชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องการบ้านการเมืองแต่อย่างใด มันทำให้เขาคิดว่านี่อาจจะมีประโยชน์ต่อแผนของเขา การเข้าไปนั่งฟังชาวบ้านพูดคุยกันจะทำให้หล่อนเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง
ปกป้องจึงยอมตกลง
“ก็ได้ครับ เผื่อบางทีคุณอาจจะอยากซื้อของใช้จำเป็นที่ร้านค้าในตลาดบ้าง”
เนตริยายิ้มออกมาด้วยความดีใจเพราะเธอจะไม่ต้องทนอุดอู้อยู่ในบ้านคนเดียวอีกแล้ว
“แต่ว่า ผมจะเอามอเตอร์ไซค์ไปเพื่อความคล่องตัว คุณจะซ้อนได้ไหม”
“ได้ซิคะ สบายมาก”
เมื่อเนตริยาได้รับอนุญาตให้ติดตามไปตลาดได้ หล่อนรีบกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนเป็นชุดทะมัดทะแมงเตรียมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ในใจนั้นตื่นเต้นและลิงโลด แต่หล่อนพยายามเก็บอาการไว้ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอดีใจที่จะได้ไปเที่ยวตลาด
ปกป้องจูงมอเตอร์ไซค์ออกจากโรงจอด เขาใส่ถุงมือและหมวกกันน็อกเตรียมพร้อมสำหรับขับขี่ แต่เมื่อหันไปมองเนตริยาที่ทะมัดทะแมงด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบแต่ไม่มีหมวกกันน็อก เขาเลยคิดว่าจะไปหาซื้อหมวกกันน็อกให้หล่อนสักใบที่ร้านแปะกวง เผื่อต่อไปอาจจะได้ออกไปไหนด้วยมอเตอร์ไซค์กันอีก
“อย่าขับเร็วนะ ฉันกลัว” ไม่วายสำทับก่อนที่ปกป้องจะออกรถ หล่อนไม่คุ้นเคยกับการนั่งมอเตอร์ไซค์
“เคยนั่งมอเตอร์ไซค์หรือเปล่าครับ”
“เคยค่ะ แต่แค่ในซอยหรือถนนว่างๆ ไม่เคยออกถนนใหญ่ที่มีรถเยอะๆ ” หล่อนเล่า ทำท่าไม่ค่อยมั่นใจกับการนั่งมอเตอร์ไซค์
“ถ้าคุณกลัว จะกอดเอวผมไว้ก็ได้นะครับ” ปกป้องแกล้งหยอกเบาๆ
“บ้า ไม่เอาหรอก เรื่องอะไรจะกอด” หล่อนทำเสียงดุพร้อมกับค้อนให้ด้วยความขัดเขิน
"ผมหมายถึงเกาะเอว ไม่ใช่กอด" เขาแก้ตัวแล้วหัวเราะชอบใจ ก่อนจะค่อยๆ บิดคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวออกไปจากรั้วบ้าน เนตริยาไม่คุ้นชินกับการนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เธอจึงเอามือทั้งสองข้างเกาะไปที่เอวของปกป้อง รถมอเตอร์ไซค์เคลื่อนตัวพาทั้งสองออกสู่ถนนที่ลาดลงเขา
“เกาะแน่นๆ นะครับ ทางช่วงนี้โหดนิดหน่อย” ขาดคำมอเตอร์ไซค์ก็พาทั้งสองลงสู่ถนนที่ลาดชัน ชายหนุ่มรู้สึกถึงอ้อมแขนบอบบางนั้นตวัดเข้ามา
กอดเอวเขาไว้แน่น พร้อมเสียงอุทานเบาๆ อย่างหวาดหวั่นกับทางลงเขาที่เขาเตือนว่าโหด
ปกป้องคร่ำเคร่งกับเส้นทางและไม่ทันรู้สึกว่าคนข้างหลังทั้งกอดเอวเขาแน่นและซบหน้าแนบหลังเขาด้วยความกลัว
จนเมื่อถึงทางเรียบ เขาชะลอรถลงจอดแล้วหันไปบอกว่า
“ปลอดภัยแล้วครับ ลงเขาเรียบร้อยแล้ว”
หญิงสาวรีบคลายแขนออกขยับนั่งตัวตรงรู้สึกเขินอายที่เมื่อกี้หล่อนกอดเขาไว้แน่น ทั้งที่บอกว่า ‘เรื่องอะไรจะกอด’
ปกป้องเห็นท่าทางหญิงสาวรีบขยับตัวออกแล้วนั่งตัวตรงด้วยอาการถือตัวเช่นนั้นก็แอบยิ้ม แล้วค่อยๆ เคลื่อนรถออกเดินทางต่อ
จนกระทั่งออกมาสู่ถนนใหญ่ที่เป็นทางลาดยางเรียบ ปกป้องใช้ความเร็วไม่มากนักเพราะรู้ว่าคนที่นั่งซ้อนท้ายมีอาการเกร็งด้วยความกลัวกับการนั่งมอเตอร์ไซค์
เช้าวันนี้เป็นอีกวันที่อากาศสดชื่น สองข้างทางที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้และป่าเขาเขียวขจีนั้นทำให้สายลมบริสุทธิ์เย็นฉ่ำโชยมากระทบใบหน้าขาวนวลของเนตริยา หล่อนรู้สึกถึงความเพลิดเพลินที่ได้ออกมานั่งรถกินลมในยามเช้าเช่นนี้ เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ภาพฝูงนกที่บินล้อกับแสงอาทิตย์อ่อนๆ เป็นความงดงามของธรรมชาติที่ทำให้หล่อนรู้สึกเพลิดเพลินกับเช้านี้ยิ่งนัก
เส้นทางต่อจากนี้สองข้างทางมีสวนยาง มองเห็นคนงานกำลังช่วยกันรวบรวมน้ำยางสีขาวในถังหลายใบเพื่อนำไปทำเป็นยางแผ่นต่อไป คนเหล่านี้เมื่อเห็นรถของปกป้องวิ่งผ่านก็โบกมือทักทาย เป็นภาพชินตาของปกป้อง แต่สำหรับเนตริยาหล่อนสัมผัสได้ถึงอัธยาศัยไมตรีที่มีต่อกันของคนพื้นบ้าน
“ชาวบ้านเขาน่ารักนะคะ ออกมาโบกมือทักทายเราด้วย”
“อยู่กรุงเทพฯ ไม่มีแบบนี้ใช่ไหมครับ”
เนตริยานิ่งไปอย่างยอมรับ สังคมเมืองที่เร่งรีบ ทำให้ทุกคนดูคล้ายจะเห็นแก่ตัว ความใส่ใจต่อคนรอบข้างน้อยลง หญิงสาวอดยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่า ณ เวลานี้ หล่อนรู้สึกเป็นสุขสงบและอบอุ่นอย่างเหลือเกิน จนอยากจะหยุดเวลาไว้เพียงนี้ แล้วลืมให้หมดทุกสิ่งทุกอย่างว่าเขาเป็นใครและเธอเป็นใคร ทำไมจึงมาอยู่ที่นี่
ยิ่งเมื่อนึกย้อนไปถึงเมื่อเย็นวาน เป็นครั้งแรกที่หล่อนเห็นผู้ชายแข็งแกร่งมุ่งมั่นอย่างเขาแสดงอาการท้อแท้อ่อนแอ มันทำให้หล่อนใจหาย และอยากจะทำทุกอย่างให้เขายิ้มออกมาได้ อยากจะให้กำลังใจให้เขามุ่งมั่นทำดีเช่นนี้ต่อไป หล่อนไม่เคยเห็นใครเสียสละเท่าเขามาก่อน ที่ยอมละทิ้งตำแหน่งหน้าที่ราชการและความสุขสบายในเมืองมาอยู่ในป่าเช่นนี้ จะมีกี่คนที่ทำแบบเขา
ยามนี้ หากเขาต้องการเงินเพื่อมาซื้อยาและอุปกรณ์ช่วยชีวิตคน เนตริยาคิดว่าหล่อนจะช่วยเขาหาเงิน เขาไม่จำเป็นต้องลักพาตัวเธอมาเรียกค่าไถ่แต่อย่างใด
ไม่นานทั้งคู่ก็ผ่านตลาดสดที่มีชาวบ้านมาจับจ่ายซื้ออาหารสด ผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์กันดูขวักไขว่ ไม่เงียบเหงาเหมือนคราวก่อนที่หล่อนผ่านมาในช่วงที่ตลาดวายไปแล้ว เนตริยารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับตลาดพื้นบ้านแบบนี้ โดยเฉพาะผักสด และปลาสดที่มาวางขายริมถนน ตอนที่ปกป้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านไปช้าๆ ให้หล่อนได้มองเห็นความเป็นไปของตลาด ถัดจากตลาด ปกป้องพารถตรงไปจอดรถข้างร้านกาแฟซึ่งมีเหล่าบรรดาสมาชิกสภากาแฟขาประจำนั่งรออยู่เกือบครบแล้ว
ทันทีที่ปกป้องพาเนตริยาเดินเข้ามา ทุกสรรพสิ่งในร้านนั้นเหมือนจะหยุดการเคลื่อนไหว เสียงพูดคุยหึ่งๆ ก่อนหน้านั้นพลันเงียบกริบ สายตาทุกคู่มองไปที่เนตริยาอย่างตกตะลึง เป็นปฏิกิริยาที่ปกป้องคาดเดาอยู่แล้วจึงหันไปแนะนำหญิงสาว
“นี่คุณเนตรครับ เป็นนักศึกษามาทำวิจัย เธอมาช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ของผมด้วย” ปกป้องแนะนำหญิงสาวแล้วหันไปแนะนำผู้สูงวัยรอบโต๊ะ หญิงสาวยกมือไหว้แต่ละคนพร้อมรอยยิ้มงดงาม จนคนเหล่านั้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความพึงใจในกิริยาอ่อนน้อมของหญิงสาว
จากนั้นเนตริยาเดินตามปกป้องเข้าไปนั่งยังด้านหนึ่งของโต๊ะ ชายหนุ่มดึงเก้าอี้เสริมมาสำหรับตัวเขาเอง
“ชื่ออะไรนะหนู” เฒ่าอ่ำผู้อาวุโสแห่งสภากาแฟถามขึ้น เขาฟังไม่ทันในตอนแรก
“เนตรค่ะ” หล่อนตอบพร้อมรอยยิ้ม
“หมอโชคดีจริงๆนะ มีผู้ช่วยมาช่วยงาน คงจะผ่อนแรงไปได้เยอะเลย”
“ใช่ หมอโชคดีมาก” ใครคนหนึ่งพยักพเยิดเห็นด้วยพร้อมกับส่งสายตาแซว
ปกป้องพยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ ทั้งที่อดเขินสายตาของคนรอบข้างไม่ได้
“เอ้า ทานอาหารเช้ากันมาหรือยัง ถ้ายัง ที่นี่เขามีหลายอย่างให้เลือกนะทั้งขนมจีนแกงใต้ ทั้งขนมหวานทานคู่กับกาแฟ หมอสั่งกาแฟให้หนูเนตรชิมหน่อย แล้วจะติดใจจนอยากมาดื่มกาแฟที่นี่ทุกเช้า” เฒ่าอ่ำบัญชาการ
แล้วทุกคนก็กุลีกุจอเลื่อนถาดสังกะสีกลมหลายใบที่มีขนมหลากหลายชนิดมาวางตรงหน้าให้เนตริยาเลือกรับประทานคู่กับกาแฟ ในขณะที่ปกป้องเดินไปสั่งกาแฟ แล้วนำจานใบเล็กพร้อมกับช้อนขนม 2 ชุดมาวางให้หญิงสาวและตัวเขาเอง ขนมหวานหลายชนิดที่ห่อด้วยใบตองและอยู่ในถุงพลาสติกรวมถึงปาท่องโก๋ในถาดตรงหน้าทำให้หญิงสาวละลานตาด้วยทุกอย่างน่าทานไปหมดจนเลือกรับประทานไม่ถูก