ชู 3 นิ้วปิดตาขวา ‘ทะลุฟ้า’ โกยภาพสลายม็อบ ฟ้องโลก – UN รับปากคุยให้ จ่อนัดถกเพิ่ม ปม จนท.รัฐไทยรุนแรง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3689037
ชู 3 นิ้วปิดตาขวา ‘ทะลุฟ้า’ โกยภาพสลายม็อบเอเปค ฟ้องโลก – UN รับปากคุยให้ จ่อนัดถกหามาตรการ ปม จนท.รัฐรุนแรง ละเมิดสิทธิ
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน กลุ่มทะลุฟ้า นัดหมายทำกิจกรรม”
ยื่นหนังสือทะลุโลก #BLOODYAPEC2022″ โดยเดินทางไปยื่นหนังสือถึงสถานทูตที่มาร่วมประชุมเอเปค เพื่อสะท้อนว่า ในขณะที่มีการประชุมเอเปค ประชาชนได้จัดเวทีคู่ขนาน แต่กลับถูกสลายการชุมนุมขณะเดินขบวน โดยมีผู้ถูกจับกุม 25 คน และถูกตำรวจ คฝ.ทำร้าย รวมถึงมีผู้ถูกยิงด้วยกระสุนยางที่ดวงตา จากการสลายการชุมนุมที่เกินกว่าเหตุ
โดยเวลา 13.52 น. กลุ่มทะลุฟ้า นำโดย นาย
จตุภัทร์ หรือ
ไผ่ ดาวดิน เริ่มเดินขบวนไปยังถนนวิทยุพร้อมชู 3 นิ้วปิดตาด้านขวา และเปล่งเสียงว่า “
APEC เลือด” ด้านนักกิจกรรมรายอื่น ร่วมชูป้ายภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุมในวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ถนนดินสอ เพื่อสื่อถึงการสูญเสียดวงตา 1 ข้าง ของ ‘
พายุ’ สมาชิกกลุ่มดาวดิน จากการสลายการชุมนุมดังกล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มทะลุฟ้า ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง 6 สถานทูต ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม, สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา, สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น, สถานเอกอัครราชทูตเม็กซิโก, สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี และสถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย ก่อนเดินทางไปยื่นหนังสือที่ องค์การสหประชาชาติ เป็นแห่งสุดท้าย
โดยเวลา 16.20 น. กลุ่มทะลุฟ้าเดินทางมาถึงหน้า องค์การสหประชาชาติ หรือ UN พร้อมเปล่งเสียง “
Bloody APEC ประยุทธ์ get out ” เพื่อสะท้อนความรุนแรงของตำรวจ คฝ. จากการสลายการชุมนุมราษฎรหยุดเอเปค 2022 เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน
จากนั้น เวลา 16.31 น. เจ้าหน้าที่ องค์การสหประชาชาติ ได้อนุญาตให้ตัวแทนเข้าไปได้ 2 คน โดยมี นาย
จตุภัทร์ หรือ
ไผ่ ดาวดิน และตัวแทนหญิงอีกคนเข้าไปยื่นหนังสือ
นาย
จตุภัทร์ กล่าวก่อนเข้าไปยื่นหนังสือภายในองค์การสหประชาชาติว่า ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่มีการจัดเวทีคู่ขนาน เพื่อที่จะให้ตัวแทนได้เห็นภาพว่าวันนั้นเหตุการณ์รุนแรงมาก เห็นภาพไม่มีใครสามารถจินตนาการความรุนแรงในเหตุการณ์นั้นได้ วันนี้จึงมีการรวบรวมรูปและภาพเหตุการณ์จริงในวันนั้นมาให้เจ้าหน้าที่ดู
ต่อมา เวลา 16.50 น. นาย
จตุภัทร์ หรือ
ไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า วันนี้หลังจากที่เรายื่นหนังสือ ทางเจ้าหน้าที่ได้รับไว้ และคิดว่าเราอาจจะมีโอกาส หาจังหวะและวัน มาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานที่นี่ เกี่ยวกับเรื่องการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐไทย
“
อาจได้ร่วมนั่งกันหารือ หามาตรการในการที่จะปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และตอนนี้เราฝากให้ทางยูเอ็น ติดตามสถานการณ์การละเมิดสิทธิ และติดตามการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และทางเจ้าหน้าที่รับปากว่าจะประสาน พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ หัวหน้าที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานนี้ให้ในเบื้องต้น และจะมีการประสานงานพูดคุยกัน ซึ่งเราจะส่งตัวแทนเข้ามาพูดคุย หารือ เกี่ยวกับการที่เรามายื่นหนังสือในครั้งนี้” นายจตุภัทร์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป ?
นาย
จตุภัทร์กล่าวว่า พวกเรายังคงเคลื่อนไหวต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้เราก็ยื่นกับ 6 สถานทูตและเหลืออีกหลายสถานทูตที่ยังไม่ได้ยื่น เราคงต้องกลับมายื่นในสถานทูตที่เรายังไม่ได้ยื่น และการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราก็จะมีการเคลื่อนไหวเรียกร้อง อย่างเช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็จะมีการเคลื่อนไหวต่อไปจนกว่าเพื่อนเราจะได้รับความเป็นธรรม
“
วันนี้อยากให้กำลังใจพายุ ดาวดินเพื่อนเราในการผ่าตัดท่อน้ำตาอีกรอบหนึ่ง” นาย
จตุภัทร์กล่าว
จากนั้น ได้ร่วมกันชู 3 นิ้ว พร้อมปิดตาขวา และกล่าวว่า “
Bloody APEC” “
ประยุทธ์ get out ” อย่างต่อเนื่อง
นาย
จตุภัทร์กล่าวทิ้งท้ายว่า แล้วเจอกัน เราจะประกาศในเพจทะลุฟ้าว่าจะมีการเคลื่อนไหวที่ไหน ฝากพี่น้องติดตามการเคลื่อนไหวของพวกเรา และวันนี้มีอีกวาระหนึ่งอยากเชิญชวนทุกคนไปรับเพื่อนเรากลับบ้านทั้ง 3 คน ที่เรือนจำ
“
วันนี้เราก็จะเตรียมตัวรับเพื่อน อย่างน้อยในสถานการณ์ที่เลวร้าย สถานการณ์ที่เอเปคเปื้อนเลือด ในสถานการณ์ที่ประยุทธ์ใช้กำลังในการสลายการชุมนุม วันนี้เพื่อนเรา 3 คนได้รับการประกันตัว และวันนี้ได้ไปรับเพื่อนแล้วแม็ก-มิกกี้บัง-แซมมี่ ทะลุฟ้า เจอกันที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ” นาย
จตุภัทร์กล่าว
ลุ้นพรุ่งนี้! ศาล รธน.ลงมติชี้ขาด กม.พรรคการเมือง ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3688053
ลุ้นพรุ่งนี้! ศาล รธน.ลงมติชี้ขาด กม.พรรคการเมือง ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 09.30 น. ได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติกรณีที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 77 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 132 ว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่…) พ.ศ. … มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 9 และมาตรา 10 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 45 มาตรา 83 มาตรา 86 มาตรา 90 มาตรา 91 และมาตรา 258 ก.ด้านการเมือง (2) หรือไม่ หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยคำร้องนี้ ประธานรัฐสภาส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา และศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์สั่งรับคำร้องไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 21 กันยายน พร้อมมีคำสั่งแจ้งผู้ร้อง และให้ผู้เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือ ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่าคดีเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันพุธที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 09.30 น.
"สุทิน" ชี้ "บิ๊กตู่- บิ๊กป้อม" แยกทางทำการเมืองผันผวน เชื่อยังไม่มียุบสภาฯจนกว่าจะชนะ
https://siamrath.co.th/n/401518
วันที่ 22 พ.ย. 65 ที่รัฐสภา นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกระแสข่าวพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติโดยแยกกับพล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่อยู่พรรคพลังประชารัฐ ว่ายังไม่มีใครรู้แน่ มีแต่พฤติกรรมทั่วไป แต่การที่จะไปหรือไม่ไป ก็จะสะท้อนถึงเอกภาพ ซึ่งความเคลื่อนไหวของทั้ง 2 คน ทำให้การเมืองผันผวนได้ ถ้าแยกกันเป้าหมายคืออะไร ถ้าแยกกันเดินอาจต้องช่วงชิง หักเหลี่ยมในสภา แต่ในส่วนของฝ่ายค้าน ถือว่าไม่มีผล แต่อยากให้ไปด้วยกันทั้ง 2 คน เพื่อจะได้แบ่งขั้วกันให้ชัดเจน
"
ผมเชื่อว่าการยุบสภา คงเกิดขึ้นได้ไม่ง่าย ในสถานการณ์การเมืองเช่นนี้เพราะการจะยุบ จะต้องได้เปรียบ จะต้องชนะ หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่เชื่อว่าที่ไม่ยุบ เพราะงบประมาณปี 2566 ยังเป็นข้าวใหม่ปลามัน จึงยังไม่น่าจะมีการยุบสภาเกิดขึ้น" ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ส่งสัญญาณตลาดที่อยู่อาศัยปีหน้าทรุดแน่ หลังกลับไปใช้มาตรการ LTV
https://www.khaosod.co.th/economics/house-condo/news_7378642
นาย
วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในหมวดที่อยู่อาศัย ในปี 2566 จะได้รับแรงกดดันจากการไม่ต่ออายุการผ่อนคลายมาตรการเงินดาวน์ขั้นต่ำในการขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยหรือ มาตรการ LTV ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป
โดยจะมีผลกระทบเหมือนในปี 2564 ทำให้ภาพรวมตลาดจะลดลง 10% โดยในเชิงจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจะลดลง 19% หรือราว 71,780 หน่วย และเทียบเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงไป 11.7% หรือราว 116,735 ล้านบาท
“กลุ่มผู้มีรายได้น้อย-ผู้มีรายได้ปานกลาง จะเป็นกลุ่มหลักๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการกลับไปใช้มาตรการ LTV เนื่องจากจะเป็นกลุ่มที่ยังไม่มีเงินสะสมไว้สำหรับจะจ่ายเงินดาวน์ 10-20% ของราคา ที่อยู่อาศัย ซึ่งความเห็นส่วนตัวมองว่าตลาดขณะนี้ต้องการแรงส่ง การผ่อนคลายมาตรการ LTV เป็นการเพิ่มแรงส่ง ทำให้ตลาดไม่สะดุด ดังนั้นอยากให้ภาครัฐและธปท. พิจารณาสนับสนุนมาตรการผ่อนคลาย LTV แม้ความเสี่ยงมีอยู่บ้าง และตลาดเก็งกำไรยังมีแต่ไม่มาก และส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวมากกว่าซื้อเพื่อเก็งกำไร”
นาย
วิชัย กล่าวว่า ในส่วนมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่จะสิ้นสุดมาตรการในสิ้นปีนี้เช่นกัน ทั้งนี้ หากรัฐบาลไม่ต่อายุ ก็มีโอกาสที่จะทำให้ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยชะลอลงไปถึง 15% แต่อย่างไรก็ดี เชื่อว่าภาครัฐจะต่ออายุมาตรการออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในขณะนี้ยังไม่แข็งแรงพอ และคงต้องรอการฟื้นตัวอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น การมีมาตรการเชิงบวกให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย จะผลักดันให้ตลาดมีการเติบโต
และในปี 2567-2568 อาจจะยกเลิกมาตรการต่างๆ จะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยมีเสถียรภาพที่ดีกว่า และถ้าจะให้ดี อยากเสนอให้ขยายเพดานราคาจากที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นราคา ไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผู้ซื้อได้มากขึ้นเนื่องจากกลุ่มนี้มีมากถึง 30% โดยจะช่วยให้เศรษฐกิจพลิกฟื้นได้เร็วขึ้นด้วย
สำหรับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะกระทบรายได้ภาคประชาชน และกระทบต่อความเชื่อมมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัย เนื่องจากเป็นการสร้างหนี้ระยะยาว 30 ปี และทำให้ผู้ประกอบการไม่มั่นใจในการขยายการลงทุน โดยจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจติดหล่มได้
ขณะที่ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในปี 2565 พบว่าไม่ปรับขึ้นมาก และที่อยู่อาศัยบางประเภทราคาปรับลดลงด้วย เนื่องจากตลาดมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม แต่อย่างไรก็ดี ในปีนี้มีการระบายออกไปมากแล้ว ทำให้แนวโน้มราคาในปี 2566 คาดว่าจะปรับขึ้นประมาณ 10% ตามราคาต้นทุนทั้งวัสดุก่อสร้าง และ ค่าแรง ที่เพิ่มขึ้น
JJNY : 5in1 ชู 3นิ้วปิดตาขวา│ศาลรธน.ลงมติ│"สุทิน"ชี้"ตู่-ป้อม"แยกทาง│ตลาดที่อยู่ฯ ปีหน้าทรุด│เจาะเบื้องหลัง“นิด้าโพล”
https://www.matichon.co.th/politics/news_3689037
ชู 3 นิ้วปิดตาขวา ‘ทะลุฟ้า’ โกยภาพสลายม็อบเอเปค ฟ้องโลก – UN รับปากคุยให้ จ่อนัดถกหามาตรการ ปม จนท.รัฐรุนแรง ละเมิดสิทธิ
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน กลุ่มทะลุฟ้า นัดหมายทำกิจกรรม”ยื่นหนังสือทะลุโลก #BLOODYAPEC2022″ โดยเดินทางไปยื่นหนังสือถึงสถานทูตที่มาร่วมประชุมเอเปค เพื่อสะท้อนว่า ในขณะที่มีการประชุมเอเปค ประชาชนได้จัดเวทีคู่ขนาน แต่กลับถูกสลายการชุมนุมขณะเดินขบวน โดยมีผู้ถูกจับกุม 25 คน และถูกตำรวจ คฝ.ทำร้าย รวมถึงมีผู้ถูกยิงด้วยกระสุนยางที่ดวงตา จากการสลายการชุมนุมที่เกินกว่าเหตุ
โดยเวลา 13.52 น. กลุ่มทะลุฟ้า นำโดย นายจตุภัทร์ หรือ ไผ่ ดาวดิน เริ่มเดินขบวนไปยังถนนวิทยุพร้อมชู 3 นิ้วปิดตาด้านขวา และเปล่งเสียงว่า “APEC เลือด” ด้านนักกิจกรรมรายอื่น ร่วมชูป้ายภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุมในวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ถนนดินสอ เพื่อสื่อถึงการสูญเสียดวงตา 1 ข้าง ของ ‘พายุ’ สมาชิกกลุ่มดาวดิน จากการสลายการชุมนุมดังกล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มทะลุฟ้า ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง 6 สถานทูต ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม, สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา, สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น, สถานเอกอัครราชทูตเม็กซิโก, สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี และสถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย ก่อนเดินทางไปยื่นหนังสือที่ องค์การสหประชาชาติ เป็นแห่งสุดท้าย
โดยเวลา 16.20 น. กลุ่มทะลุฟ้าเดินทางมาถึงหน้า องค์การสหประชาชาติ หรือ UN พร้อมเปล่งเสียง “Bloody APEC ประยุทธ์ get out ” เพื่อสะท้อนความรุนแรงของตำรวจ คฝ. จากการสลายการชุมนุมราษฎรหยุดเอเปค 2022 เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน
จากนั้น เวลา 16.31 น. เจ้าหน้าที่ องค์การสหประชาชาติ ได้อนุญาตให้ตัวแทนเข้าไปได้ 2 คน โดยมี นายจตุภัทร์ หรือ ไผ่ ดาวดิน และตัวแทนหญิงอีกคนเข้าไปยื่นหนังสือ
นายจตุภัทร์ กล่าวก่อนเข้าไปยื่นหนังสือภายในองค์การสหประชาชาติว่า ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่มีการจัดเวทีคู่ขนาน เพื่อที่จะให้ตัวแทนได้เห็นภาพว่าวันนั้นเหตุการณ์รุนแรงมาก เห็นภาพไม่มีใครสามารถจินตนาการความรุนแรงในเหตุการณ์นั้นได้ วันนี้จึงมีการรวบรวมรูปและภาพเหตุการณ์จริงในวันนั้นมาให้เจ้าหน้าที่ดู
ต่อมา เวลา 16.50 น. นายจตุภัทร์ หรือไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า วันนี้หลังจากที่เรายื่นหนังสือ ทางเจ้าหน้าที่ได้รับไว้ และคิดว่าเราอาจจะมีโอกาส หาจังหวะและวัน มาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานที่นี่ เกี่ยวกับเรื่องการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐไทย
“อาจได้ร่วมนั่งกันหารือ หามาตรการในการที่จะปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และตอนนี้เราฝากให้ทางยูเอ็น ติดตามสถานการณ์การละเมิดสิทธิ และติดตามการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และทางเจ้าหน้าที่รับปากว่าจะประสาน พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ หัวหน้าที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานนี้ให้ในเบื้องต้น และจะมีการประสานงานพูดคุยกัน ซึ่งเราจะส่งตัวแทนเข้ามาพูดคุย หารือ เกี่ยวกับการที่เรามายื่นหนังสือในครั้งนี้” นายจตุภัทร์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป ?
นายจตุภัทร์กล่าวว่า พวกเรายังคงเคลื่อนไหวต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้เราก็ยื่นกับ 6 สถานทูตและเหลืออีกหลายสถานทูตที่ยังไม่ได้ยื่น เราคงต้องกลับมายื่นในสถานทูตที่เรายังไม่ได้ยื่น และการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราก็จะมีการเคลื่อนไหวเรียกร้อง อย่างเช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็จะมีการเคลื่อนไหวต่อไปจนกว่าเพื่อนเราจะได้รับความเป็นธรรม
“วันนี้อยากให้กำลังใจพายุ ดาวดินเพื่อนเราในการผ่าตัดท่อน้ำตาอีกรอบหนึ่ง” นายจตุภัทร์กล่าว
จากนั้น ได้ร่วมกันชู 3 นิ้ว พร้อมปิดตาขวา และกล่าวว่า “Bloody APEC” “ประยุทธ์ get out ” อย่างต่อเนื่อง
นายจตุภัทร์กล่าวทิ้งท้ายว่า แล้วเจอกัน เราจะประกาศในเพจทะลุฟ้าว่าจะมีการเคลื่อนไหวที่ไหน ฝากพี่น้องติดตามการเคลื่อนไหวของพวกเรา และวันนี้มีอีกวาระหนึ่งอยากเชิญชวนทุกคนไปรับเพื่อนเรากลับบ้านทั้ง 3 คน ที่เรือนจำ
“วันนี้เราก็จะเตรียมตัวรับเพื่อน อย่างน้อยในสถานการณ์ที่เลวร้าย สถานการณ์ที่เอเปคเปื้อนเลือด ในสถานการณ์ที่ประยุทธ์ใช้กำลังในการสลายการชุมนุม วันนี้เพื่อนเรา 3 คนได้รับการประกันตัว และวันนี้ได้ไปรับเพื่อนแล้วแม็ก-มิกกี้บัง-แซมมี่ ทะลุฟ้า เจอกันที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ” นายจตุภัทร์กล่าว
ลุ้นพรุ่งนี้! ศาล รธน.ลงมติชี้ขาด กม.พรรคการเมือง ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3688053
ลุ้นพรุ่งนี้! ศาล รธน.ลงมติชี้ขาด กม.พรรคการเมือง ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 09.30 น. ได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติกรณีที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 77 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 132 ว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่…) พ.ศ. … มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 9 และมาตรา 10 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 45 มาตรา 83 มาตรา 86 มาตรา 90 มาตรา 91 และมาตรา 258 ก.ด้านการเมือง (2) หรือไม่ หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยคำร้องนี้ ประธานรัฐสภาส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา และศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์สั่งรับคำร้องไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 21 กันยายน พร้อมมีคำสั่งแจ้งผู้ร้อง และให้ผู้เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือ ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่าคดีเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันพุธที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 09.30 น.
"สุทิน" ชี้ "บิ๊กตู่- บิ๊กป้อม" แยกทางทำการเมืองผันผวน เชื่อยังไม่มียุบสภาฯจนกว่าจะชนะ
https://siamrath.co.th/n/401518
วันที่ 22 พ.ย. 65 ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกระแสข่าวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติโดยแยกกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่อยู่พรรคพลังประชารัฐ ว่ายังไม่มีใครรู้แน่ มีแต่พฤติกรรมทั่วไป แต่การที่จะไปหรือไม่ไป ก็จะสะท้อนถึงเอกภาพ ซึ่งความเคลื่อนไหวของทั้ง 2 คน ทำให้การเมืองผันผวนได้ ถ้าแยกกันเป้าหมายคืออะไร ถ้าแยกกันเดินอาจต้องช่วงชิง หักเหลี่ยมในสภา แต่ในส่วนของฝ่ายค้าน ถือว่าไม่มีผล แต่อยากให้ไปด้วยกันทั้ง 2 คน เพื่อจะได้แบ่งขั้วกันให้ชัดเจน
"ผมเชื่อว่าการยุบสภา คงเกิดขึ้นได้ไม่ง่าย ในสถานการณ์การเมืองเช่นนี้เพราะการจะยุบ จะต้องได้เปรียบ จะต้องชนะ หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่เชื่อว่าที่ไม่ยุบ เพราะงบประมาณปี 2566 ยังเป็นข้าวใหม่ปลามัน จึงยังไม่น่าจะมีการยุบสภาเกิดขึ้น" ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ส่งสัญญาณตลาดที่อยู่อาศัยปีหน้าทรุดแน่ หลังกลับไปใช้มาตรการ LTV
https://www.khaosod.co.th/economics/house-condo/news_7378642
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในหมวดที่อยู่อาศัย ในปี 2566 จะได้รับแรงกดดันจากการไม่ต่ออายุการผ่อนคลายมาตรการเงินดาวน์ขั้นต่ำในการขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยหรือ มาตรการ LTV ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป
โดยจะมีผลกระทบเหมือนในปี 2564 ทำให้ภาพรวมตลาดจะลดลง 10% โดยในเชิงจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจะลดลง 19% หรือราว 71,780 หน่วย และเทียบเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงไป 11.7% หรือราว 116,735 ล้านบาท
“กลุ่มผู้มีรายได้น้อย-ผู้มีรายได้ปานกลาง จะเป็นกลุ่มหลักๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการกลับไปใช้มาตรการ LTV เนื่องจากจะเป็นกลุ่มที่ยังไม่มีเงินสะสมไว้สำหรับจะจ่ายเงินดาวน์ 10-20% ของราคา ที่อยู่อาศัย ซึ่งความเห็นส่วนตัวมองว่าตลาดขณะนี้ต้องการแรงส่ง การผ่อนคลายมาตรการ LTV เป็นการเพิ่มแรงส่ง ทำให้ตลาดไม่สะดุด ดังนั้นอยากให้ภาครัฐและธปท. พิจารณาสนับสนุนมาตรการผ่อนคลาย LTV แม้ความเสี่ยงมีอยู่บ้าง และตลาดเก็งกำไรยังมีแต่ไม่มาก และส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวมากกว่าซื้อเพื่อเก็งกำไร”
นายวิชัย กล่าวว่า ในส่วนมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่จะสิ้นสุดมาตรการในสิ้นปีนี้เช่นกัน ทั้งนี้ หากรัฐบาลไม่ต่อายุ ก็มีโอกาสที่จะทำให้ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยชะลอลงไปถึง 15% แต่อย่างไรก็ดี เชื่อว่าภาครัฐจะต่ออายุมาตรการออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในขณะนี้ยังไม่แข็งแรงพอ และคงต้องรอการฟื้นตัวอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น การมีมาตรการเชิงบวกให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย จะผลักดันให้ตลาดมีการเติบโต
และในปี 2567-2568 อาจจะยกเลิกมาตรการต่างๆ จะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยมีเสถียรภาพที่ดีกว่า และถ้าจะให้ดี อยากเสนอให้ขยายเพดานราคาจากที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นราคา ไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผู้ซื้อได้มากขึ้นเนื่องจากกลุ่มนี้มีมากถึง 30% โดยจะช่วยให้เศรษฐกิจพลิกฟื้นได้เร็วขึ้นด้วย
สำหรับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะกระทบรายได้ภาคประชาชน และกระทบต่อความเชื่อมมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัย เนื่องจากเป็นการสร้างหนี้ระยะยาว 30 ปี และทำให้ผู้ประกอบการไม่มั่นใจในการขยายการลงทุน โดยจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจติดหล่มได้
ขณะที่ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในปี 2565 พบว่าไม่ปรับขึ้นมาก และที่อยู่อาศัยบางประเภทราคาปรับลดลงด้วย เนื่องจากตลาดมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม แต่อย่างไรก็ดี ในปีนี้มีการระบายออกไปมากแล้ว ทำให้แนวโน้มราคาในปี 2566 คาดว่าจะปรับขึ้นประมาณ 10% ตามราคาต้นทุนทั้งวัสดุก่อสร้าง และ ค่าแรง ที่เพิ่มขึ้น