เราเป็นคนที่ไม่ค่อยสนิทกับพวกญาติๆ เพราะเราเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ประกอบกับทำงานอยู่ไกลบ้าน (เราอยู่ กทม. พ่อแม่และญาติๆอยู่ ตจว.) ในบรรดาญาติๆของเรา ก็จะมีคนที่มีนิสัยชอบถามซอกแซกเรื่องของคนอื่น และไม่รู้ทำไม พอรู้เรื่องของคนอื่นแล้วก็จะชอบเอาไปเล่าต่อในบรรดาวงศาคณาญาติ เราเป็นหลานคนหนึ่งที่โดน เรารู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกหลานที่ไม่ค่อยได้รับความเกรงใจจากญาติๆ และมันก็สร้างความรู้สึกไม่ดีให้กับเราเรื่อยมา
ยกตัวอย่างแรก เราชอบโดนป้าถามเรื่องส่วนตัว เช่น เรื่องเงินเดือน "ทำงานได้เงินเดือนเท่าไหร่" ซึ่งเราก็ไม่บอกหรอก บอกแค่ว่าเงินเดือนไม่เยอะ (ขนาดกับพ่อแม่เรายังไม่บอกเลย เพราะพ่อแม่ก็นิสัยเหมือนป้า รู้แล้วชอบเล่าต่อ) พอเราไม่บอก ป้าก็คะยั้นคะยอถามต่อว่า "เงินเดือนถึง...บาทไหม" (เราก็ตอบไปแค่ว่าถึงหรือไม่ถึง) หรือไม่ก็ "ทำไมไม่บอก กลัวโกวขอยืมเงินเหรอ" ประมาณนี้ เรามั่นใจว่าถ้าเราบอกไป อีกไม่นานญาติคนอื่นๆก็จะรู้เงินเดือนเราด้วย เราเองก็ไม่ชอบพูดโกหกหรือพูดล้อเล่น จะให้เราตอบว่า "ได้เงินเดือนร้อยล้าน" มันก็ไม่ใช่สไตล์เรา หรือจะให้เราบอกว่า "ป้าจะอยากรู้ไปเพื่อ ไม่ใช่เรื่องของป้าซะหน่อย รู้แล้วชีวิตดีขึ้นเหรอ" เราก็พูดไม่ได้ (พูดได้แค่ในใจ) เพราะยังไงเขาก็เป็นญาติ เป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่ง เราไม่อยากหยาบคายก้าวร้าวใส่ เราแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมป้าต้องอยากรู้เงินเดือนเรา เพราะต่อให้เราเงินเดือนน้อย ป้าก็ไม่ได้เข้ามาช่วยอะไรเรา แถมป้าก็ไม่ได้ทำงาน จะอยากรู้รายได้คนอื่นทำไม (เราก็ไม่รู้ว่าป้าเอาเงินที่ไหนใช้ เพราะไม่เห็นป้าทำงาน แถมป้ายังโสดอีก เห็นแต่ศึกษาธรรม แล้วก็เผยแผ่ให้คนอื่นฟังในสถานธรรม เราไม่รู้หรอกว่าในทางธรรมมองเรื่องการยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นว่ายังไง แต่เราก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของป้า)
ตัวอย่างที่สอง ก็ป้าคนเดิม เขารู้จากพ่อเราว่าเรากำลังเรียนต่อ เดิมทีเราไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเลยนอกจากพ่อแม่ และเราเคยพูดกำชับกับแม่ว่าไม่ต้องป่าวประกาศนะว่าเราเรียนต่อ แต่เราไม่ได้พูดกำชับกับพ่อ ป้าก็โทรมาคุยกับเราและถามเราเรื่องเรียน "เรียนอะไร/เรียนวันไหนบ้าง/เรียนเวลาไหน/เลิกเรียนดึกแล้วกินข้าวตอนไหน/กินข้าวดึกแล้วไม่อ้วนเหรอ ฯลฯ" สารพัดสารเพที่จะถาม ตอนนั้นเราก็ตอบป้าไป เพราะมันก็ไม่ใช่ความลับ มีคนถามเราก็บอกได้ แต่ต่อมาญาติคนอื่นๆก็รู้เรื่องที่เราเรียนต่อ เรารู้สึกไม่โอเคเลย เพราะยิ่งคนรู้เยอะ ก็ยิ่งสร้างความกดดันให้เรา เดี๋ยวพวกนี้ก็จะมาคอยถามเราเรื่องการเรียนอีก เราเพิ่งเริ่มเรียน ยังไม่รู้เลยว่าจะเรียนไหวไหม จะเรียนจบไหม ถ้าเราเรียนไม่ไหว เลิกเรียนกลางคัน ก็จะกลายเป็นขี้ปากนินทาในวงศาคณาญาติอีก เราตั้งใจจะบอกคนอื่นๆ ตอนเรียนจบแล้วด้วยซ้ำ ชวนไปงานรับปริญญา ให้พวกเขารู้ตอนนั้น เท่จะตาย
อีกตัวอย่างนึง อันนี้ไม่ใช่การเล่าต่อ แต่เป็นเหมือนการประจานในเรื่องส่วนตัว (บอกแล้วว่าเราเป็นลูกหลานที่ไม่ค่อยได้รับความเกรงใจ) เราไปงานแต่งงานญาติ เราอุตส่าห์ทำผมทรงที่ช่วยเสริมให้หน้าเรียว เพราะเราเป็นคนหน้ากลม และเราอ้วนขึ้น หน้าก็อาจจะบาน ทีนี้มีญาติคนนึง เผอิญเรานั่งโต๊ะจีนโต๊ะเดียวกับเขา เขามากับลูกสาว (ลูกพี่ลูกน้องเรา) ญาติคนนี้ก็พูดอวยลูกสาวตัวเองกับคนอื่นว่าวันนี้ลูกเขาสวยที่สุด (ลูกเขาหน้าตาน่ารัก หมวย ขาว ผอม) แล้วเขาก็พูดถึงเราว่า "กลับมาคราวนี้อ้วนขึ้นเยอะนะ แก้มเยอะ อย่าอ้วนไปกว่านี้อีกนะ บลาๆๆ" ตอนเขาพูดก็ได้ยินกันทั้งโต๊ะ ถึงจะมีแต่ญาติๆก็เถอะ เราไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร แต่เรารู้สึกไม่โอเค มีบางคนที่โต๊ะพูดแก้ต่างว่าอย่างเราเรียกว่ามีน้ำมีนวล (จริงๆเราก็ไม่ได้อ้วนขนาดนั้น แค่อวบขึ้นตามวัย+ไม่ได้ออกกำลังกาย และเราไม่ได้ผอมเท่าลูกสาวของคนที่พูด รายนั้นกินเยอะแค่ไหนก็ไม่อ้วน) เรารู้อยู่แก่ใจว่าเราอ้วนขึ้น แต่เราก็ไม่ชอบให้ใครมาวิจารณ์เราแบบนี้ เรายังคิดเลยว่า เราอุตส่าห์ลางานและขาดเรียนเพื่อมาเจออะไรแบบนี้เหรอ (งานแต่งจัดที่ ตจว. เรากลับไปหลายวัน)
ก็ประมาณนี้ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราไม่ค่อยอยากสนิทกับญาติ และเราก็ไม่ค่อยเข้าใจนิสัยแบบนี้ด้วย เพราะเราไม่เป็น ญาติเราที่เป็นแบบนี้ก็อายุเยอะๆกันแล้ว (ถ้ารุ่นเดียวหรือใกล้เคียงกับเราจะไม่เป็นแบบนี้กัน)
ที่เราต้องบ่นในนี้ เพราะเราไม่สามารถบ่นเรื่องนี้ให้พ่อแม่ฟังได้ พ่อไม่เข้าใจเรา หาว่าเราชอบมีความลับ และเรื่องอะไรที่เราคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว พ่อเราไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเลย ส่วนแม่เรารับฟังได้แต่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะญาติพวกนั้นเป็นคนฝั่งพ่อ พูดอะไรมากไม่ได้ เราเจอเรื่องแบบนี้มา 30+ ปี เรื่องของเรา เราไม่ต้องพูดก็มีคนรู้เยอะ ไม่รู้ทำไม ในขณะที่ลูกพี่ลูกน้องเราบางคนก็โชคดีที่สามารถปกปิดเรื่องของตัวเองได้ ทำงานทำการอะไรไม่มีใครรู้ ขนาดพ่อแม่เขาเองก็ยังไม่รู้ ส่วนเราที่พยายามจะปิด แต่ปิดไม่ได้ ก็ต้องทนรู้สึกอึดอัดใจเรื่อยไป
รู้สึกอึดอัดใจที่ญาติชอบถามเรื่องส่วนตัว และชอบเอาไปเล่าต่อกับคนอื่น
ยกตัวอย่างแรก เราชอบโดนป้าถามเรื่องส่วนตัว เช่น เรื่องเงินเดือน "ทำงานได้เงินเดือนเท่าไหร่" ซึ่งเราก็ไม่บอกหรอก บอกแค่ว่าเงินเดือนไม่เยอะ (ขนาดกับพ่อแม่เรายังไม่บอกเลย เพราะพ่อแม่ก็นิสัยเหมือนป้า รู้แล้วชอบเล่าต่อ) พอเราไม่บอก ป้าก็คะยั้นคะยอถามต่อว่า "เงินเดือนถึง...บาทไหม" (เราก็ตอบไปแค่ว่าถึงหรือไม่ถึง) หรือไม่ก็ "ทำไมไม่บอก กลัวโกวขอยืมเงินเหรอ" ประมาณนี้ เรามั่นใจว่าถ้าเราบอกไป อีกไม่นานญาติคนอื่นๆก็จะรู้เงินเดือนเราด้วย เราเองก็ไม่ชอบพูดโกหกหรือพูดล้อเล่น จะให้เราตอบว่า "ได้เงินเดือนร้อยล้าน" มันก็ไม่ใช่สไตล์เรา หรือจะให้เราบอกว่า "ป้าจะอยากรู้ไปเพื่อ ไม่ใช่เรื่องของป้าซะหน่อย รู้แล้วชีวิตดีขึ้นเหรอ" เราก็พูดไม่ได้ (พูดได้แค่ในใจ) เพราะยังไงเขาก็เป็นญาติ เป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่ง เราไม่อยากหยาบคายก้าวร้าวใส่ เราแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมป้าต้องอยากรู้เงินเดือนเรา เพราะต่อให้เราเงินเดือนน้อย ป้าก็ไม่ได้เข้ามาช่วยอะไรเรา แถมป้าก็ไม่ได้ทำงาน จะอยากรู้รายได้คนอื่นทำไม (เราก็ไม่รู้ว่าป้าเอาเงินที่ไหนใช้ เพราะไม่เห็นป้าทำงาน แถมป้ายังโสดอีก เห็นแต่ศึกษาธรรม แล้วก็เผยแผ่ให้คนอื่นฟังในสถานธรรม เราไม่รู้หรอกว่าในทางธรรมมองเรื่องการยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นว่ายังไง แต่เราก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของป้า)
ตัวอย่างที่สอง ก็ป้าคนเดิม เขารู้จากพ่อเราว่าเรากำลังเรียนต่อ เดิมทีเราไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเลยนอกจากพ่อแม่ และเราเคยพูดกำชับกับแม่ว่าไม่ต้องป่าวประกาศนะว่าเราเรียนต่อ แต่เราไม่ได้พูดกำชับกับพ่อ ป้าก็โทรมาคุยกับเราและถามเราเรื่องเรียน "เรียนอะไร/เรียนวันไหนบ้าง/เรียนเวลาไหน/เลิกเรียนดึกแล้วกินข้าวตอนไหน/กินข้าวดึกแล้วไม่อ้วนเหรอ ฯลฯ" สารพัดสารเพที่จะถาม ตอนนั้นเราก็ตอบป้าไป เพราะมันก็ไม่ใช่ความลับ มีคนถามเราก็บอกได้ แต่ต่อมาญาติคนอื่นๆก็รู้เรื่องที่เราเรียนต่อ เรารู้สึกไม่โอเคเลย เพราะยิ่งคนรู้เยอะ ก็ยิ่งสร้างความกดดันให้เรา เดี๋ยวพวกนี้ก็จะมาคอยถามเราเรื่องการเรียนอีก เราเพิ่งเริ่มเรียน ยังไม่รู้เลยว่าจะเรียนไหวไหม จะเรียนจบไหม ถ้าเราเรียนไม่ไหว เลิกเรียนกลางคัน ก็จะกลายเป็นขี้ปากนินทาในวงศาคณาญาติอีก เราตั้งใจจะบอกคนอื่นๆ ตอนเรียนจบแล้วด้วยซ้ำ ชวนไปงานรับปริญญา ให้พวกเขารู้ตอนนั้น เท่จะตาย
อีกตัวอย่างนึง อันนี้ไม่ใช่การเล่าต่อ แต่เป็นเหมือนการประจานในเรื่องส่วนตัว (บอกแล้วว่าเราเป็นลูกหลานที่ไม่ค่อยได้รับความเกรงใจ) เราไปงานแต่งงานญาติ เราอุตส่าห์ทำผมทรงที่ช่วยเสริมให้หน้าเรียว เพราะเราเป็นคนหน้ากลม และเราอ้วนขึ้น หน้าก็อาจจะบาน ทีนี้มีญาติคนนึง เผอิญเรานั่งโต๊ะจีนโต๊ะเดียวกับเขา เขามากับลูกสาว (ลูกพี่ลูกน้องเรา) ญาติคนนี้ก็พูดอวยลูกสาวตัวเองกับคนอื่นว่าวันนี้ลูกเขาสวยที่สุด (ลูกเขาหน้าตาน่ารัก หมวย ขาว ผอม) แล้วเขาก็พูดถึงเราว่า "กลับมาคราวนี้อ้วนขึ้นเยอะนะ แก้มเยอะ อย่าอ้วนไปกว่านี้อีกนะ บลาๆๆ" ตอนเขาพูดก็ได้ยินกันทั้งโต๊ะ ถึงจะมีแต่ญาติๆก็เถอะ เราไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร แต่เรารู้สึกไม่โอเค มีบางคนที่โต๊ะพูดแก้ต่างว่าอย่างเราเรียกว่ามีน้ำมีนวล (จริงๆเราก็ไม่ได้อ้วนขนาดนั้น แค่อวบขึ้นตามวัย+ไม่ได้ออกกำลังกาย และเราไม่ได้ผอมเท่าลูกสาวของคนที่พูด รายนั้นกินเยอะแค่ไหนก็ไม่อ้วน) เรารู้อยู่แก่ใจว่าเราอ้วนขึ้น แต่เราก็ไม่ชอบให้ใครมาวิจารณ์เราแบบนี้ เรายังคิดเลยว่า เราอุตส่าห์ลางานและขาดเรียนเพื่อมาเจออะไรแบบนี้เหรอ (งานแต่งจัดที่ ตจว. เรากลับไปหลายวัน)
ก็ประมาณนี้ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราไม่ค่อยอยากสนิทกับญาติ และเราก็ไม่ค่อยเข้าใจนิสัยแบบนี้ด้วย เพราะเราไม่เป็น ญาติเราที่เป็นแบบนี้ก็อายุเยอะๆกันแล้ว (ถ้ารุ่นเดียวหรือใกล้เคียงกับเราจะไม่เป็นแบบนี้กัน)
ที่เราต้องบ่นในนี้ เพราะเราไม่สามารถบ่นเรื่องนี้ให้พ่อแม่ฟังได้ พ่อไม่เข้าใจเรา หาว่าเราชอบมีความลับ และเรื่องอะไรที่เราคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว พ่อเราไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเลย ส่วนแม่เรารับฟังได้แต่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะญาติพวกนั้นเป็นคนฝั่งพ่อ พูดอะไรมากไม่ได้ เราเจอเรื่องแบบนี้มา 30+ ปี เรื่องของเรา เราไม่ต้องพูดก็มีคนรู้เยอะ ไม่รู้ทำไม ในขณะที่ลูกพี่ลูกน้องเราบางคนก็โชคดีที่สามารถปกปิดเรื่องของตัวเองได้ ทำงานทำการอะไรไม่มีใครรู้ ขนาดพ่อแม่เขาเองก็ยังไม่รู้ ส่วนเราที่พยายามจะปิด แต่ปิดไม่ได้ ก็ต้องทนรู้สึกอึดอัดใจเรื่อยไป