จากกระทู้
https://pantip.com/topic/41712842 <เมื่อฉันอยากรีวิวนาฬิกา> เรือนที่ 3 Rolex red sea-dweller และ กำไรจากการใส่นาฬิกา rolex ที่ผ่านๆมา แบบคนไม่มีความรู้
คราวนี้มาเรือนที่เรียกว่า เป็น iconic เรือนนึงของ rolex เลยทีเดียวครับ กับ rolex datejust
เรือนนี้ผมใส่มาหลายปีแล้ว พอถึงวันครับรอบแต่งงานปีนี้ เลยซื้อเรือนที่คล้ายๆกันไว้ให้ภรรยาใส่คู่กัน
อันนี้ผมก้อปมาวาง ภาษาอาจแปลกๆหน่อยนะครับ --> Rolex เปิดตัว Rolex Oyster Perpetual Datejust ขั้นสูงในปี 1945 พร้อมกับการครบรอบ 40 ปีของ บริษัท Rolex และ Datejust เป็นนาฬิกาข้อมือกันน้ำที่เที่ยงตรงและเป็นการทำงานแบบไขลานอัตโนมัติเป็นครั้งแรกและมีการแสดงวันที่ในหน้าต่างเล็กๆ ที่ 3 นาฬิกาบนหน้าปัด และมี Cyclops lens
ที่ผมเรียกว่าเป็น iconic เลยเพราะว่า ตัวขอบหยักของ datejust แบบในรูป ใส่เดินมาดูก็รู้ว่าเป็น rolex เลยครับ
ในขณะที่ ตัว submariner กลายเป็นต้นแบบของนาฬิกาดำน้ำแทบทุกยี่ห้อ มองไกลๆบางทีดูยากว่ายี่ห้ออะไร เพราะแบบมันคล้ายๆกันหมด
ส่วน datejust แทบจะเป็นนาฬิกา dress ขอบหยัก ที่แทบจะไม่ซ้ำใครเลย และเรียกว่าสวยข้ามกาลเวลา timeless เหมือนกัน
สำหรับการใช้งาน rolex ยังคงเป็น rolex นอกจากทนทานแล้ว ความคลาดเคลื่อนยังน้อยมาก ใส่มาหลายปีก็ยังคลาดเคลื่อนไม่เกิน 2 วินาทีต่อวัน
ของผมเลือกเป็นสาย sport เต้าหู้ แต่ของคุณภรรยาเลือกเป็นสายจูบิลี่
--> สาย sport เต้าหู้ ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบครับ ดูแข็งแรง และใส่ง่าย แต่ข้อเสียคือหนัก และขนแมวเยอะเวลาใช้ไปนานๆ
--> สายจูบิลี่ ผู้หญิงชอบ เพราะเบา และเป็นรอยยากกว่าสายเต้าหู้ ระบายอากาศได้ดี และ เล่นแสงดีกว่าเวลาใส่ สมัยก่อนมักเจอปัญหาสายย้วย แต่รุ่นใหม่ๆไม่ค่อยเจอปัญหานี้ครับ
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างคือ สี rosegold ของตัว rolex เป็นสีที่สวยมากๆครับ ไม่ทองจ๋าๆ ไม่pinkgold แต่เป็นสีของตัวเองจริงๆ เป็นส่วนผสมที่ใส่แล้วสวยมากครับ
ตัวสาย บางช่วงก็เปลี่ยนเป็นสายยาง ดูลดอายุได้ครับ ของ rubber b ใส่ได้เลยไม่ต้องมี endlink
โดยรวมที่ใส่แล้ว ค่อนข้างประทับใจครับ
1. ใส่แล้วรู้เลยว่าเป็น rolex ขอบหยักไม่ค่อยเห็นยี่ห้อไหนทำตาม
2. มีขนาดทั้งผู้ชาย ผู้หญิง
--> ของภรรยาเลือก 31mm เป็นขนาดที่เหมาะกับข้อมือมากครับ
--> ของผม 41 mm เป็น size รุ่นใหม่ๆของ rolex ที่เริ่มขยับจาก 40 มาเป็น 41mm
3. หน้า chocolate ราคาค่อนข้างสูงกว่าสีอื่นพอสมควร
4. แง่การลงทุน
- ของผมใส่มา 3 ปี ตอนซื้อไม่ได้คิดจะเก็งกำไรอะไร แต่ถ้าขายก็กำไรหลักแสนแล้วครับ ราวๆ 50% ได้เลย ตอนนั้นได้มาถูกมาก 325k ย้อนไปมองราคาแล้วว้าวมาก อยากย้อนเวลาไปซื้อ ตอนนั้นมองว่าแพงนะครับเอาตรงๆ ต้องเข้าใจก่อนว่าสมัยก่อน datejust โดนแซว ว่าเป็นรุ่นเทกระจาดครับ คือเดินเข้า shop ซื้อได้เลย เพื่อสะสมยอด คนเลยเอามาปล่อยกันราคาต่ำป้าย
- datejust เป็นรุ่นที่ทำยอดขายสูงสุดของ rolex --> ไม่แปลกครับ เพราะเมื่อก่อนเรียกรุ่นทำสะสมยอด เลยยอดขายเยอะ และ ราคาป้ายเค้าแพงกว่า sport นะ แต่พอมารีเซล ราคาพวก sport แพงกว่าเยอะเลย
- มาดูปัจจุบัน การตลาด และ demand ทำให้ แม้แต่ datejust ก็ราคารีเซลแพงกว่าป้ายไปแล้วครับ เรือนนี้ของภรรยา ราคาป้ายราวๆ 460k รีเซลกัน 500-550k เรียกว่าบวกกันแรงมาก แต่ขอให้ใจเย็นๆเวลาไปลงชื่อจอง เดี๋ยวโอกาสก็มาถึงครับ เซลบอกว่า ตัว 28,31 มีโอกาสได้สูงอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบ ไม่ได้คิวยาวไร้ความหวังเหมือน 40-41 mm
- โดยสรุป ก็เป็นอีก 1 เรือนที่ใส่แล้ว ราคาขึ้นมาแบบน่าพอใจครับ แต่ขายไม่ได้เพราะเป็นของแทนใจไปแล้ว คุณภรรยาให้ผมซื้อก่อนสมัยที่เรายังไม่ได้มีเงินกันมากนัก พอตอนนี้เราก้าวหน้าขึ้นพอสมควร ก็เป็นคราวที่เราจะซื้อให้เค้าบ้าง แพงกว่าตอนสมัยผมซื้ออีก T_T
- rolex ราคาขึ้นทุกปีครับ ราวๆ 5% ให้เหตุผลว่าด้วยค่าแรงและต้นทุน เป็นเหตุผลให้ราคามือสองก็ขึ้นตาม เรียกว่ามี value ของมันเอง
สุดท้ายนี้
คนเราชอบอะไรไม่เหมือนกัน แฟนผมก็ชอบกระเป๋า ผมซื้อนาฬิกาให้แกก็ไม่ชอบ ก็เลยพยายามให้แกซื้อแต่ใบที่ราคาขึ้นในระยะยาว หลักการคล้ายๆกัน
เราสองคนมีของแพงแค่ นาฬิกาของผม กับ กระเป๋าของภรรยา ส่วนของใช้อื่นๆแทบจะไม่มีแบรนด์เนมเลย รถก็ใช้แค่ eco car หรือ รถญี่ปุ่นปกติจนกว่าจะพังกันไปข้าง เลยมีเงินมาซื้อของที่รักครับ
เคยโดนดูถูกว่า โง่รึเปล่า ยังใส่นาฬิกาแพงๆอีก เดินก็ไม่ตรงเท่าถ่าน หรือ smart watch แต่สุดท้ายผ่านไป 4-5 ปี ก็พิสูจน์แล้วว่า มูลค่ามันเพิ่มขึ้นเยอะ เป็นมรดกส่งต่อให้ลูกได้ ในขณะที่ของๆเค้า กลับกลายเป็นของที่ขายต่อก็ไม่มีคนเอา
ขอให้มีความสุขกับการใส่นาฬิกาครับ
<เมื่อฉันอยากรีวิวนาฬิกา> เรือนที่ 6-7 Rolex datejust และ กำไรจากการใส่นาฬิกา rolex ที่ผ่านๆมา แบบคนไม่มีความรู้ ภาคที่
https://pantip.com/topic/41712842 <เมื่อฉันอยากรีวิวนาฬิกา> เรือนที่ 3 Rolex red sea-dweller และ กำไรจากการใส่นาฬิกา rolex ที่ผ่านๆมา แบบคนไม่มีความรู้
คราวนี้มาเรือนที่เรียกว่า เป็น iconic เรือนนึงของ rolex เลยทีเดียวครับ กับ rolex datejust
เรือนนี้ผมใส่มาหลายปีแล้ว พอถึงวันครับรอบแต่งงานปีนี้ เลยซื้อเรือนที่คล้ายๆกันไว้ให้ภรรยาใส่คู่กัน
อันนี้ผมก้อปมาวาง ภาษาอาจแปลกๆหน่อยนะครับ --> Rolex เปิดตัว Rolex Oyster Perpetual Datejust ขั้นสูงในปี 1945 พร้อมกับการครบรอบ 40 ปีของ บริษัท Rolex และ Datejust เป็นนาฬิกาข้อมือกันน้ำที่เที่ยงตรงและเป็นการทำงานแบบไขลานอัตโนมัติเป็นครั้งแรกและมีการแสดงวันที่ในหน้าต่างเล็กๆ ที่ 3 นาฬิกาบนหน้าปัด และมี Cyclops lens
ที่ผมเรียกว่าเป็น iconic เลยเพราะว่า ตัวขอบหยักของ datejust แบบในรูป ใส่เดินมาดูก็รู้ว่าเป็น rolex เลยครับ
ในขณะที่ ตัว submariner กลายเป็นต้นแบบของนาฬิกาดำน้ำแทบทุกยี่ห้อ มองไกลๆบางทีดูยากว่ายี่ห้ออะไร เพราะแบบมันคล้ายๆกันหมด
ส่วน datejust แทบจะเป็นนาฬิกา dress ขอบหยัก ที่แทบจะไม่ซ้ำใครเลย และเรียกว่าสวยข้ามกาลเวลา timeless เหมือนกัน
สำหรับการใช้งาน rolex ยังคงเป็น rolex นอกจากทนทานแล้ว ความคลาดเคลื่อนยังน้อยมาก ใส่มาหลายปีก็ยังคลาดเคลื่อนไม่เกิน 2 วินาทีต่อวัน
ของผมเลือกเป็นสาย sport เต้าหู้ แต่ของคุณภรรยาเลือกเป็นสายจูบิลี่
--> สาย sport เต้าหู้ ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบครับ ดูแข็งแรง และใส่ง่าย แต่ข้อเสียคือหนัก และขนแมวเยอะเวลาใช้ไปนานๆ
--> สายจูบิลี่ ผู้หญิงชอบ เพราะเบา และเป็นรอยยากกว่าสายเต้าหู้ ระบายอากาศได้ดี และ เล่นแสงดีกว่าเวลาใส่ สมัยก่อนมักเจอปัญหาสายย้วย แต่รุ่นใหม่ๆไม่ค่อยเจอปัญหานี้ครับ
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างคือ สี rosegold ของตัว rolex เป็นสีที่สวยมากๆครับ ไม่ทองจ๋าๆ ไม่pinkgold แต่เป็นสีของตัวเองจริงๆ เป็นส่วนผสมที่ใส่แล้วสวยมากครับ
ตัวสาย บางช่วงก็เปลี่ยนเป็นสายยาง ดูลดอายุได้ครับ ของ rubber b ใส่ได้เลยไม่ต้องมี endlink
โดยรวมที่ใส่แล้ว ค่อนข้างประทับใจครับ
1. ใส่แล้วรู้เลยว่าเป็น rolex ขอบหยักไม่ค่อยเห็นยี่ห้อไหนทำตาม
2. มีขนาดทั้งผู้ชาย ผู้หญิง
--> ของภรรยาเลือก 31mm เป็นขนาดที่เหมาะกับข้อมือมากครับ
--> ของผม 41 mm เป็น size รุ่นใหม่ๆของ rolex ที่เริ่มขยับจาก 40 มาเป็น 41mm
3. หน้า chocolate ราคาค่อนข้างสูงกว่าสีอื่นพอสมควร
4. แง่การลงทุน
- ของผมใส่มา 3 ปี ตอนซื้อไม่ได้คิดจะเก็งกำไรอะไร แต่ถ้าขายก็กำไรหลักแสนแล้วครับ ราวๆ 50% ได้เลย ตอนนั้นได้มาถูกมาก 325k ย้อนไปมองราคาแล้วว้าวมาก อยากย้อนเวลาไปซื้อ ตอนนั้นมองว่าแพงนะครับเอาตรงๆ ต้องเข้าใจก่อนว่าสมัยก่อน datejust โดนแซว ว่าเป็นรุ่นเทกระจาดครับ คือเดินเข้า shop ซื้อได้เลย เพื่อสะสมยอด คนเลยเอามาปล่อยกันราคาต่ำป้าย
- datejust เป็นรุ่นที่ทำยอดขายสูงสุดของ rolex --> ไม่แปลกครับ เพราะเมื่อก่อนเรียกรุ่นทำสะสมยอด เลยยอดขายเยอะ และ ราคาป้ายเค้าแพงกว่า sport นะ แต่พอมารีเซล ราคาพวก sport แพงกว่าเยอะเลย
- มาดูปัจจุบัน การตลาด และ demand ทำให้ แม้แต่ datejust ก็ราคารีเซลแพงกว่าป้ายไปแล้วครับ เรือนนี้ของภรรยา ราคาป้ายราวๆ 460k รีเซลกัน 500-550k เรียกว่าบวกกันแรงมาก แต่ขอให้ใจเย็นๆเวลาไปลงชื่อจอง เดี๋ยวโอกาสก็มาถึงครับ เซลบอกว่า ตัว 28,31 มีโอกาสได้สูงอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบ ไม่ได้คิวยาวไร้ความหวังเหมือน 40-41 mm
- โดยสรุป ก็เป็นอีก 1 เรือนที่ใส่แล้ว ราคาขึ้นมาแบบน่าพอใจครับ แต่ขายไม่ได้เพราะเป็นของแทนใจไปแล้ว คุณภรรยาให้ผมซื้อก่อนสมัยที่เรายังไม่ได้มีเงินกันมากนัก พอตอนนี้เราก้าวหน้าขึ้นพอสมควร ก็เป็นคราวที่เราจะซื้อให้เค้าบ้าง แพงกว่าตอนสมัยผมซื้ออีก T_T
- rolex ราคาขึ้นทุกปีครับ ราวๆ 5% ให้เหตุผลว่าด้วยค่าแรงและต้นทุน เป็นเหตุผลให้ราคามือสองก็ขึ้นตาม เรียกว่ามี value ของมันเอง
สุดท้ายนี้
คนเราชอบอะไรไม่เหมือนกัน แฟนผมก็ชอบกระเป๋า ผมซื้อนาฬิกาให้แกก็ไม่ชอบ ก็เลยพยายามให้แกซื้อแต่ใบที่ราคาขึ้นในระยะยาว หลักการคล้ายๆกัน
เราสองคนมีของแพงแค่ นาฬิกาของผม กับ กระเป๋าของภรรยา ส่วนของใช้อื่นๆแทบจะไม่มีแบรนด์เนมเลย รถก็ใช้แค่ eco car หรือ รถญี่ปุ่นปกติจนกว่าจะพังกันไปข้าง เลยมีเงินมาซื้อของที่รักครับ
เคยโดนดูถูกว่า โง่รึเปล่า ยังใส่นาฬิกาแพงๆอีก เดินก็ไม่ตรงเท่าถ่าน หรือ smart watch แต่สุดท้ายผ่านไป 4-5 ปี ก็พิสูจน์แล้วว่า มูลค่ามันเพิ่มขึ้นเยอะ เป็นมรดกส่งต่อให้ลูกได้ ในขณะที่ของๆเค้า กลับกลายเป็นของที่ขายต่อก็ไม่มีคนเอา
ขอให้มีความสุขกับการใส่นาฬิกาครับ