สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
จากมุมมองของคนที่อายุมากกว่าคุณ 20 ปี +
_ เวลา เป็นเรื่อง สำคัญที่สุดในชีวิต
ใครไม่เห็นค่าของเวลา มักจะทำนายอนาคตของเขาคร่าวๆได้เลย
_ คนที่จะมาดำรงตำแหน่งแฟน (เป็นตำแหน่งที่มีที่นั่งจำกัด) ควรจะเลือกคนที่ดีที่สุด
ไม่ต้องกลัวโสด เพราะคนโสด มีความสุขมากกว่า คนที่มีปัญหากับคู่ครองเรื้อรัง หลายเท่านัก
ตั้งมาตรฐานไว้สูงๆ แล้วหาให้ได้ตามนั้น
ไม่จำเป็นต้องรอ ให้ใครมาปรับปรุงตัวเพื่อเรา
เพราะ ร้อยละ 90 พูดกันดีๆ สองสามหน ก็ควรเข้าใจแล้ว ถ้าคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะเริ่มเห็นตั้งแต่พูดครั้งแรก
(แต่อาจจะพลาดเผลอไป เพราะความเคยชินบ้าง)
ไม่ควรให้โอกาสใครเกินสามครั้ง ในความผิดเรื่องเดิม
มันจะค่อยๆทำให้เรากลายเป็นคนขี้บ่น การพูดอะไรแบบปากเปียกปากแฉะ มันน่าเบื่อ ทั้งคนฟัง และคนพูด
_ การจะบอกเลิก ต้องมีความหนักแน่นพอ เพราะคบกันมานาน อีกฝ่ายจะรู้ว่า ง้อหน่อยก็หาย
ไม่เห็นสาระในคำบอกเลิก
_กรณีนี้ แนะนำให้แยกกันอยู่ ให้เขาไปเช่าหออยู่ต่างหาก ข้อนี้แหละที่ต้องเด็ดขาด
ยังไม่ต้องเลิกกันก็ได้ แต่ไม่ให้โอกาสมาอยู่ด้วยแล้ว (มันถึงจะเป็นแรงกระตุ้นขั้นสูงให้เขาอยากปรับปรุงตัว)
ถ้าแค่บ่น / ทะเลาะกัน /ขอโทษ / ให้โอกาส / เปลี่ยนแป๊ปนึง / กลับมาเป็นเหมือนเดิม / บ่น / ทะเลาะกัน ….
มันจะวนลูปไม่จบสิ้น
_คนเรา จะยอมเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อเอาใจคนที่ตนรัก ก็ต่อเมื่อยังไม่แน่ว่าเขาจะรักตอบไหม หรือ ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะหนีหายไปตอนไหน
คนส่วนใหญ่มักละเลย กับ “ของตาย” และไม่คิดจะลำบากดูแลรักษา
_ อย่าเสียพลังงานไปกับความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ชีวิต เหนื่อยกับการทำงานแล้ว
เรื่องความรัก ควรเป็นที่พักใจได้จริงๆ
ลองเอาไปปรับใช้ดูนะคะ หัวใจเรา เราเลือกได้ค่ะ ว่าจะแข็งแกร่ง หรือ ปวกเปียก ในการปล่อยให้ใครมาริดรอนความสุข
_ เวลา เป็นเรื่อง สำคัญที่สุดในชีวิต
ใครไม่เห็นค่าของเวลา มักจะทำนายอนาคตของเขาคร่าวๆได้เลย
_ คนที่จะมาดำรงตำแหน่งแฟน (เป็นตำแหน่งที่มีที่นั่งจำกัด) ควรจะเลือกคนที่ดีที่สุด
ไม่ต้องกลัวโสด เพราะคนโสด มีความสุขมากกว่า คนที่มีปัญหากับคู่ครองเรื้อรัง หลายเท่านัก
ตั้งมาตรฐานไว้สูงๆ แล้วหาให้ได้ตามนั้น
ไม่จำเป็นต้องรอ ให้ใครมาปรับปรุงตัวเพื่อเรา
เพราะ ร้อยละ 90 พูดกันดีๆ สองสามหน ก็ควรเข้าใจแล้ว ถ้าคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะเริ่มเห็นตั้งแต่พูดครั้งแรก
(แต่อาจจะพลาดเผลอไป เพราะความเคยชินบ้าง)
ไม่ควรให้โอกาสใครเกินสามครั้ง ในความผิดเรื่องเดิม
มันจะค่อยๆทำให้เรากลายเป็นคนขี้บ่น การพูดอะไรแบบปากเปียกปากแฉะ มันน่าเบื่อ ทั้งคนฟัง และคนพูด
_ การจะบอกเลิก ต้องมีความหนักแน่นพอ เพราะคบกันมานาน อีกฝ่ายจะรู้ว่า ง้อหน่อยก็หาย
ไม่เห็นสาระในคำบอกเลิก
_กรณีนี้ แนะนำให้แยกกันอยู่ ให้เขาไปเช่าหออยู่ต่างหาก ข้อนี้แหละที่ต้องเด็ดขาด
ยังไม่ต้องเลิกกันก็ได้ แต่ไม่ให้โอกาสมาอยู่ด้วยแล้ว (มันถึงจะเป็นแรงกระตุ้นขั้นสูงให้เขาอยากปรับปรุงตัว)
ถ้าแค่บ่น / ทะเลาะกัน /ขอโทษ / ให้โอกาส / เปลี่ยนแป๊ปนึง / กลับมาเป็นเหมือนเดิม / บ่น / ทะเลาะกัน ….
มันจะวนลูปไม่จบสิ้น
_คนเรา จะยอมเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อเอาใจคนที่ตนรัก ก็ต่อเมื่อยังไม่แน่ว่าเขาจะรักตอบไหม หรือ ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะหนีหายไปตอนไหน
คนส่วนใหญ่มักละเลย กับ “ของตาย” และไม่คิดจะลำบากดูแลรักษา
_ อย่าเสียพลังงานไปกับความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ชีวิต เหนื่อยกับการทำงานแล้ว
เรื่องความรัก ควรเป็นที่พักใจได้จริงๆ
ลองเอาไปปรับใช้ดูนะคะ หัวใจเรา เราเลือกได้ค่ะ ว่าจะแข็งแกร่ง หรือ ปวกเปียก ในการปล่อยให้ใครมาริดรอนความสุข

แสดงความคิดเห็น
จริงหรือไม่ที่ผู้ชายจากวัยรุ่น-วัยผู้ใหญ่ จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เอง.. เพราะเรารู้สึกว่าแฟนเรายังไม่โตพอ
คือเราต้องบอกก่อนว่า เราเพิ่งอายุ20กลางๆค่ะ เลยคิดว่าถ้าปรึกษาเพื่อนที่อายุไล่เลี่ยกัน คงได้รับความคิดเห็นแค่มุมมองที่คล้ายๆกัน ด้วยวัย และประสบการณ์
จึงถือโอกาสตั้งกระทู้นี้ขึ้นเพื่อให้ทุกท่าน ที่ต่างเพศ ต่างวัย ต่างมุมมอง ได้มาร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งเรายินดีรับฟังทุกความเห็นนะคะ
ข้อมูลคือ เรากับแฟนคบกันมาได้ 2 ปีกว่าแล้ว เขาอายุน้อยกว่าเราปีเดียว แต่ช่วงวัยต่างกันมาก เพราะเราเรียนจบและทำงานมาได้2-3ปีแล้ว ส่วนเขายังเรียนอยู่ เทอมสุดท้ายแล้วค่ะ
ซึ่งแฟนคนนี้เป็นแฟนคนแรกที่ได้ลองย้ายมาอยู่ด้วยกัน2คน เรากับแฟนเช่าคอนโดและเพิ่งเริ่มอยู่ด้วยกันยังไม่ถึงปีนะคะ แต่ก็รู้สึกเลยว่านิสัยและการใช้ชีวิตมันต่างกันมากเลย เช่น เรื่องระดับการรักษาความสะอาด หรือเรื่องเวลาชีวิตที่ต่างกัน เราตื่นเช้า เขาตื่นเกือบเที่ยง ซึ่งกว่าเขาจะตื่น เราทำได้หลายอย่างมากแล้ว ทั้งลงไปวิ่ง ขึ้นมาเก็บห้อง ทำอาหาร เตรียมตัวทำงาน บางครั้งเขาตื่นเที่ยง ลุกมากินข้าว แล้วนอนต่อช่วงบ่ายได้ด้วย ตื่นอีกทีเย็นตอนเราเลิกงาน แล้วเขาก็ไปนั่งเล่นเกมส์ต่อหลังจากเราใช้โต๊ะทำงานเสร็จ จนดึกดื่น
เนื่องจากช่วงนี้เรา wfh เป็นส่วนใหญ่ แต่เขาว่าง (รอไปฝึกงานเทอมสุดท้ายก่อนเรียนจบ) เวลามี online meeting เรากังวลมากว่าเสียงกรนของเขาจะเข้ากล้อง เพราะเราอยู่ห้อง studio แค่ 30 ตรม. และไม่ได้กั้นโซน
คือเราไม่รู้ว่าเราควรรอให้เขาเริ่มทำงาน แล้วเวลา-แนวทางการใช้ชีวิตของเขาจะปรับให้คล้ายกับเราเอง ซึ่ง พอถึงวันนั้น เขาคงจะเข้าใจที่จะช่วยกันดูแลห้องเอง … เราพยายามมองในแง่นี้ แต่เราต้องรอถึงเมื่อไหร่กันคะ
เราเคยบอกแฟนตรงๆ และคุยกันเรื่องนี้หลายรอบค่ะ อย่างเมื่อวานเขาถามเรากลับว่า “จะให้ตื่นเร็วมาทำอะไร ช่วยเธอทำงานเหรอ?” หรือเราบอกไปว่า ช่วยกันดูแลความสะอาดเถอะนะ ขวดน้ำ หมดแล้วให้ไปวางรวมกันหน้าประตู ออกไปจะได้ไม่ลืมที่จะถือไปทิ้ง เขารับฟังและเข้าใจสิ่งที่เราพูดนะคะ แต่เขาไม่ทำ
ซึ่งถ้ามันสุดทางแล้ว เราโอเคนะคะที่จะเลิก แต่เราก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นยังไง มันใหม่มากสำหรับเรา คอนโดตอนนี้ชื่อผู้เช่าเป็นชื่อเรา เขาต้องเป็นผู้ย้ายออกเอง แต่เขายืนยันว่าจะไม่ย้ายไปไหน บอกว่าขอเวลาปรับตัว หรือตัวเขาจะมีข้ออ้างอะไรก็ตามเพื่อให้สิ่งที่เขาทำมันดูไม่แย่เสมอ
เราเลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะเราอยากถามจากประสบการณ์ของทุกๆท่านด้วย ว่าโดยปกติแล้ว ผู้ชายเมื่อโตขึ้น เขาจะคิดได้และปรับปรุงตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเองเองจริงไหมคะ หรือถ้าไม่เสมอไป … แล้วการเดินออกมาจากชีวิตของแฟนคนแรกที่หารค่าคอนโดกัน มันควรเริ่มจากอะไรคะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ ยืนยันคำเดิมค่ะว่าเรายินดีรับฟังทุกความเห็น