วันที่ฟ้าเปิด
ดรัสวันต์ และ Q
22
“งานคงไม่ยุ่งมากซินะ เพราะลูกน้องฉันเห็นหมอไปนั่งจิบกาแฟที่รีสอร์ตริมทะเลตั้งแต่เช้าเลย ทำไมไปทานกาแฟไกลนักล่ะ” ถามพร้อมรอยยิ้ม
เยือกเย็นในขณะที่ดวงตาจ้องจับผิดเต็มประตู
ปกป้องสะดุ้งวาบอยู่ในใจแล้วเสก้มลงจดบันทึกสุขภาพ เพื่อซ่อนสีหน้าแล้วแววตาที่อาจแสดงพิรุธ
ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามนั้นในทันทีแต่พูดเรื่องอื่น
“นี่เป็นบันทึกผลการตรวจสุขภาพครั้งนี้ คราวหน้าเจอกันมาดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม” เขาบอกแล้วยื่นสมุดเล่มเล็กนั้นไปให้ “ส่วนที่ผมไปที่
รีสอร์ต ผมอยากไปดูสถานที่และบรรยากาศที่นั่น เห็นเขาว่าสวย ผมกะว่าจะพาแฟนไปเที่ยว” ปกป้องแต่งเรื่องโกหกได้แนบเนียนนัก
“แฟน?!” สะมะแออุทานแล้วยิ้มออกมา “คนไหนกัน ใช่หลานสาวแปะกวงหรือเปล่า”
ดูเหมือนสะมะแอจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เช่นนี้แล้วปกป้องจะประมาทไม่ได้เลย
“โอ๊ะ ไม่ใช่นะครับ” รีบปฏิเสธเขินๆ “ผมเอ็นดูหลินเหมือนน้อง ไม่ได้คิดอะไรกับเธอจริงๆ ผู้คนก็พูดกันไป”
สะมะแอหัวเราะร่าถูกใจ
“หนุ่มโสดก็แบบนี้ล่ะ ถ้าไม่มีเรื่องผู้หญิงมาวอแวเดี๋ยวคนเขาจะหาว่าชอบไม้ป่าเดียวกัน เมื่อไหร่มีข่าวดีก็บอกกันบ้างนะ”
“ครับ แต่คงอีกนาน ถ้าเมื่อไหร่ผมจะแต่งงานผมต้องเชิญสะมะแอไปเป็นเกียรติแน่นอน”
แล้วต่างก็ยิ้มให้กัน
“สะมะแอมีอะไรให้ผมช่วยอีกไหมครับ” ปกป้องทำท่าจะขอตัว ใจคอยพะวงอยู่แต่กับคนที่บ้าน
“หมอช่วยดูอาการของลูกน้องของผมให้หน่อยซิ แผลเขาติดเชื้อจนเริ่มจะมีไข้แล้ว”
“ได้ครับ ถ้างั้นผมถือโอกาสลาเลยนะครับ ถ้าสะมะแอต้องการอะไรอีก ส่งข่าวมาบอกได้เลย” ปกป้องยกมือไหว้ลาแล้วหิ้วกระเป๋าล่วมยาเดินตาม
ลูกน้องของสะมะแอลงจากตัวบ้านหลังใหญ่ไปที่ลานเอนกประสงค์ที่มีคนเจ็บมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว โดยมีแสวงคอยติดตามไม่ห่าง
ปกป้องตรวจดูแผลที่หัวไหล่คนเจ็บ เป็นแผลเปิดและลึกพอสมควร น่าจะไม่ใช่ถูกแทงเพราะแผลเล็ก อยากจะเดาว่าเป็นแผลถูกยิงแล้วมีการคว้านเอาหัวกระสุนออก ขณะนี้มีการอักเสบเป็นหนอง เขารักษาอาการบาดเจ็บของผู้ป่วย ทำแผลแล้วให้ยาแก้ไข้และยาแก้อักเสบแก่คนป่วยไว้ด้วย
เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ปกป้องและแสวงขับรถออกมาจากค่ายอย่างปลอดภัย ทั้งสองโล่งใจที่ความกังวลก่อนหน้านี้ถูกยกออกไปจากอก
ระหว่างทางแสวงเอ่ยถามขึ้นว่า
“เท่าที่ดู นายน้อยคิดว่าอาการของสะมะแอดีขึ้นไหมครับ”
“เขาดูแลตัวเองได้ดีมาก แต่เขาต้องทานยาตัวใหม่ถึงจะรักษาได้ ถ้ายังกินยาเดิมๆ ไม่มีทางหาย”
“นั่นน่ะซิครับ แต่ท่าทางดื้อไม่ยอมไว้ใจยาตัวใหม่ กลัวเราจะเอายาพิษไปให้รึไง”
“เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องคิดอย่างนั้น”
“แต่ดูเผินๆ แล้วเขาไม่เหมือนคนป่วยเลย”
“คนที่เป็นนายใหญ่ระดับนั้น จะแสดงความอ่อนแอออกมาไม่ได้ ไม่อย่างงั้นจะเอาลูกน้องเดนตายพวกนี้ไม่อยู่”
“อย่างที่เขาว่า ขี่หลังเสือแล้วลงยาก”
ปกป้องพยักหน้าเห็นด้วย และเสืออย่างสะมะแอจะไม่มีวันทิ้งเขี้ยวเล็บไปง่ายๆ เขาคงเลือกที่จะต่อสู้จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งมากกว่า แม้แต่วันนี้ สะมะแอก็แสดงเขี้ยวเล็บให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง เรื่องราวที่เขาบอกว่าลูกน้องไปเห็นเขาที่รีสอร์ต หรือแม้แต่เรื่องหลานสาวแปะกวง
นี่เป็นการพยายามเตือนให้เขารู้ใช่หรือไม่ว่า ความเคลื่อนไหวของเขาอยู่ในสายตาสะมะแอตลอดเวลา
“แบบนี้เขาจะมีทางหายขาดไหมครับนาย”
“คงยาก ถ้าไม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลอย่างจริงๆ จังๆ เชื้อวัณโรคปอดจะดื้อยาขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องคอยเปลี่ยนยาให้ทันกับเชื้อ แล้วคนเราน่ะนะถ้าต้องกินยาไปนานๆ แบบนี้ อีกหน่อยตับก็พัง”
“นั่นน่ะซิครับ สมัยนายใหญ่อยู่ ท่านก็เคยเตือนไว้แบบนี้ ช่วยไม่ได้อยากเลือกทางโจร ก็ต้องหลบซ่อนอยู่อย่างนี้ จะออกมารักษาตัวข้างนอกก็ทำไม่ได้”
เลือกทางโจร ปกป้องนิ่งคิดถึงคำนี้ บาดแผลของลูกน้องสะมะแอที่เขาไปช่วยดู แผลที่มีลักษณะถูกผ่ามาก่อนหน้านี้ยาวประมาณครึ่งนิ้ว ลักษณะแผลมีอาการอักเสบอย่างรุนแรงเพราะติดเชื้อ
“ลูกน้องที่บาดเจ็บ น่าจะเป็นแผลจากการถูกยิง แล้วใช้มีดคว้านเอาหัวกระสุนออกเองและไม่ได้ดูแลแผลให้สะอาดจนติดเชื้อ”
“สงสัยว่าคงไปปะทะกับกลุ่มไหนมา” แสวงสรุป “อ้อ ผมสังเกตเห็นด้านหนึ่งของค่ายที่เคยเปิดโล่ง แต่ตอนนี้กลับมีการกั้นรั้วด้วยแผงไม้ไผ่
นายสังเกตเห็นไหมครับ ตอนนั้นผมไม่กล้าบอกเรื่องนี้ให้นายรู้ กลัวจะผิดสังเกต”
“ฉันเห็นแล้วแสวง มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแอบซ่อนอยู่หลังรั้วไม้ไผ่นั้นแน่ๆ ดูท่าทางจะต้องเป็นเรื่องผิดกฎหมาย”
“ใช่ครับ ผมเห็นมียามคอยยืนเฝ้าระวังตรงนั้น เหมือนกลัวพวกเราจะไปสอดรู้สอดเห็น”
“นั่นซิ แล้วแสวงเห็นรถกระบะคันใหม่ที่จอดหลบอยู่ใต้ถุนข้างบ้านพักของสะมะแอไหม”
“รถกระบะคันใหม่เอี่ยม ผมเห็นครับ กำลังคิดอยู่ว่าเจ้าของรถกระบะคันนั้นน่าจะเป็นธเนศ”
“ใช่ ฉันเคยเห็นธเนศขับรถคันนั้นที่ตลาด ฉันสงสัยมานานแล้วว่าธเนศกับสะมะแออาจจะมีส่วนเกี่ยวพันเรื่องธุรกิจผิดกฎหมายอะไรสักอย่าง แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องก่อการร้ายแน่”
“เป็นไปได้ครับ เพราะการเงินของธเนศนั้นชัดเจนว่าเขาคงต้องทำเรื่องผิดกฎหมายมานานแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มีปัญญาออกรถใหม่ป้ายแดงได้เรื่อยๆหรอก”
“ยิ่งพ่อของเขาเป็นถึงกำนัน คงจะต้องมีฐานอำนาจอยู่ในมือ และเส้นสายโยงใยกับกลุ่มต่างๆ” ปกป้องกล่าวทิ้งท้ายเรื่องนี้ จากนั้นเขาไม่พูดอะไรต่อ เขาปล่อยให้แสวงขับรถไปเรื่อยๆ
ปกป้องรู้ดีว่าความรู้สึกที่ไม่ชอบหน้าธเนศนั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นความเคลือบแคลงสงสัยว่าคนๆ นี้ ไม่ใช่คนดี และเป็นตัวอันตรายยิ่งนัก เพราะเขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับธเนศมาหลายครั้ง และทุกครั้งก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีแทบทั้งสิ้น
ไม่ใช่เพียงแค่นี้ แต่ความกังวลของปกป้องกำลังเพิ่มมากขึ้น เพราะธเนศได้พบและพูดคุยกับเนตริยา เช่นนี้แล้ว ธเนศต้องนำเรื่องของหญิงสาวมาบอกสะมะแอแน่นอน
ซึ่งก็จริงอย่างที่ปกป้องระแวง เพราะพอปกป้องออกไปนอกค่ายแล้ว ธเนศที่ซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาหาสะมะแอ
“มันบอกว่าไปที่รีสอร์ตเพราะกะจะพาแฟนไปเที่ยวงั้นหรือ” ธเนศรีบถามข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องที่ปกป้องเล่าซึ่งเขาแอบฟังอยู่ที่ห้องด้านหลัง
“ใช่ แฟน แต่ไม่ใช่หลิน หมดห่วงกลัวใครมาแย่งได้แล้ว” สะมะแอสัพยอกยิ้มๆ
ธเนศหัวเราะ
“หลินน่ะรึ เทียบไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเนตรหรอก”
“เนตร ? ใครหรือ”
“ไอ้ปกป้องมันมีผู้ช่วยสาว สวยซะด้วย ดูดีมีระดับแบบนั้น ไม่น่าจะเป็นแค่ผู้ช่วยแต่น่าจะมีอะไรกันมากกว่านั้น”
“คิดว่าเป็นแฟนหมอหรือ”
“ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะผู้หญิงเขาทำท่า...แปลกๆ ดูแล้วก็ยังไม่มั่นใจว่าจะใช่แฟนไหม ปกป้องมันเคยบอกว่าเป็นนักศึกษามาทำวิจัย แต่ผมไม่เชื่อหรอก ยังนึกอยู่ว่าอยากจะหาโอกาสเจอตัวอีกสักที”
คำบอกเล่าของธเนศสอดคล้องกับที่ปกป้องกล่าวอ้างเรื่องจะพา ‘แฟน’ ไปเที่ยวรีสอร์ต ผู้หญิงคนนั้นมีตัวตนจริง ทำให้สะมะแอเลิกสงสัย
“ช่างเขาเถอะ มาคุยเรื่องของเราดีกว่า”
“เรื่องเตรียมการคืนนี้น่ะหรือครับ ไม่มีปัญหา”
วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 22
เยือกเย็นในขณะที่ดวงตาจ้องจับผิดเต็มประตู
ปกป้องสะดุ้งวาบอยู่ในใจแล้วเสก้มลงจดบันทึกสุขภาพ เพื่อซ่อนสีหน้าแล้วแววตาที่อาจแสดงพิรุธ
ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามนั้นในทันทีแต่พูดเรื่องอื่น
“นี่เป็นบันทึกผลการตรวจสุขภาพครั้งนี้ คราวหน้าเจอกันมาดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม” เขาบอกแล้วยื่นสมุดเล่มเล็กนั้นไปให้ “ส่วนที่ผมไปที่
รีสอร์ต ผมอยากไปดูสถานที่และบรรยากาศที่นั่น เห็นเขาว่าสวย ผมกะว่าจะพาแฟนไปเที่ยว” ปกป้องแต่งเรื่องโกหกได้แนบเนียนนัก
“แฟน?!” สะมะแออุทานแล้วยิ้มออกมา “คนไหนกัน ใช่หลานสาวแปะกวงหรือเปล่า”
ดูเหมือนสะมะแอจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เช่นนี้แล้วปกป้องจะประมาทไม่ได้เลย
“โอ๊ะ ไม่ใช่นะครับ” รีบปฏิเสธเขินๆ “ผมเอ็นดูหลินเหมือนน้อง ไม่ได้คิดอะไรกับเธอจริงๆ ผู้คนก็พูดกันไป”
สะมะแอหัวเราะร่าถูกใจ
“หนุ่มโสดก็แบบนี้ล่ะ ถ้าไม่มีเรื่องผู้หญิงมาวอแวเดี๋ยวคนเขาจะหาว่าชอบไม้ป่าเดียวกัน เมื่อไหร่มีข่าวดีก็บอกกันบ้างนะ”
“ครับ แต่คงอีกนาน ถ้าเมื่อไหร่ผมจะแต่งงานผมต้องเชิญสะมะแอไปเป็นเกียรติแน่นอน”
แล้วต่างก็ยิ้มให้กัน
“สะมะแอมีอะไรให้ผมช่วยอีกไหมครับ” ปกป้องทำท่าจะขอตัว ใจคอยพะวงอยู่แต่กับคนที่บ้าน
“หมอช่วยดูอาการของลูกน้องของผมให้หน่อยซิ แผลเขาติดเชื้อจนเริ่มจะมีไข้แล้ว”
“ได้ครับ ถ้างั้นผมถือโอกาสลาเลยนะครับ ถ้าสะมะแอต้องการอะไรอีก ส่งข่าวมาบอกได้เลย” ปกป้องยกมือไหว้ลาแล้วหิ้วกระเป๋าล่วมยาเดินตาม
ลูกน้องของสะมะแอลงจากตัวบ้านหลังใหญ่ไปที่ลานเอนกประสงค์ที่มีคนเจ็บมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว โดยมีแสวงคอยติดตามไม่ห่าง
ปกป้องตรวจดูแผลที่หัวไหล่คนเจ็บ เป็นแผลเปิดและลึกพอสมควร น่าจะไม่ใช่ถูกแทงเพราะแผลเล็ก อยากจะเดาว่าเป็นแผลถูกยิงแล้วมีการคว้านเอาหัวกระสุนออก ขณะนี้มีการอักเสบเป็นหนอง เขารักษาอาการบาดเจ็บของผู้ป่วย ทำแผลแล้วให้ยาแก้ไข้และยาแก้อักเสบแก่คนป่วยไว้ด้วย
เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ปกป้องและแสวงขับรถออกมาจากค่ายอย่างปลอดภัย ทั้งสองโล่งใจที่ความกังวลก่อนหน้านี้ถูกยกออกไปจากอก
ระหว่างทางแสวงเอ่ยถามขึ้นว่า
“เท่าที่ดู นายน้อยคิดว่าอาการของสะมะแอดีขึ้นไหมครับ”
“เขาดูแลตัวเองได้ดีมาก แต่เขาต้องทานยาตัวใหม่ถึงจะรักษาได้ ถ้ายังกินยาเดิมๆ ไม่มีทางหาย”
“นั่นน่ะซิครับ แต่ท่าทางดื้อไม่ยอมไว้ใจยาตัวใหม่ กลัวเราจะเอายาพิษไปให้รึไง”
“เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องคิดอย่างนั้น”
“แต่ดูเผินๆ แล้วเขาไม่เหมือนคนป่วยเลย”
“คนที่เป็นนายใหญ่ระดับนั้น จะแสดงความอ่อนแอออกมาไม่ได้ ไม่อย่างงั้นจะเอาลูกน้องเดนตายพวกนี้ไม่อยู่”
“อย่างที่เขาว่า ขี่หลังเสือแล้วลงยาก”
ปกป้องพยักหน้าเห็นด้วย และเสืออย่างสะมะแอจะไม่มีวันทิ้งเขี้ยวเล็บไปง่ายๆ เขาคงเลือกที่จะต่อสู้จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งมากกว่า แม้แต่วันนี้ สะมะแอก็แสดงเขี้ยวเล็บให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง เรื่องราวที่เขาบอกว่าลูกน้องไปเห็นเขาที่รีสอร์ต หรือแม้แต่เรื่องหลานสาวแปะกวง
นี่เป็นการพยายามเตือนให้เขารู้ใช่หรือไม่ว่า ความเคลื่อนไหวของเขาอยู่ในสายตาสะมะแอตลอดเวลา
“แบบนี้เขาจะมีทางหายขาดไหมครับนาย”
“คงยาก ถ้าไม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลอย่างจริงๆ จังๆ เชื้อวัณโรคปอดจะดื้อยาขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องคอยเปลี่ยนยาให้ทันกับเชื้อ แล้วคนเราน่ะนะถ้าต้องกินยาไปนานๆ แบบนี้ อีกหน่อยตับก็พัง”
“นั่นน่ะซิครับ สมัยนายใหญ่อยู่ ท่านก็เคยเตือนไว้แบบนี้ ช่วยไม่ได้อยากเลือกทางโจร ก็ต้องหลบซ่อนอยู่อย่างนี้ จะออกมารักษาตัวข้างนอกก็ทำไม่ได้”
เลือกทางโจร ปกป้องนิ่งคิดถึงคำนี้ บาดแผลของลูกน้องสะมะแอที่เขาไปช่วยดู แผลที่มีลักษณะถูกผ่ามาก่อนหน้านี้ยาวประมาณครึ่งนิ้ว ลักษณะแผลมีอาการอักเสบอย่างรุนแรงเพราะติดเชื้อ
“ลูกน้องที่บาดเจ็บ น่าจะเป็นแผลจากการถูกยิง แล้วใช้มีดคว้านเอาหัวกระสุนออกเองและไม่ได้ดูแลแผลให้สะอาดจนติดเชื้อ”
“สงสัยว่าคงไปปะทะกับกลุ่มไหนมา” แสวงสรุป “อ้อ ผมสังเกตเห็นด้านหนึ่งของค่ายที่เคยเปิดโล่ง แต่ตอนนี้กลับมีการกั้นรั้วด้วยแผงไม้ไผ่
นายสังเกตเห็นไหมครับ ตอนนั้นผมไม่กล้าบอกเรื่องนี้ให้นายรู้ กลัวจะผิดสังเกต”
“ฉันเห็นแล้วแสวง มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแอบซ่อนอยู่หลังรั้วไม้ไผ่นั้นแน่ๆ ดูท่าทางจะต้องเป็นเรื่องผิดกฎหมาย”
“ใช่ครับ ผมเห็นมียามคอยยืนเฝ้าระวังตรงนั้น เหมือนกลัวพวกเราจะไปสอดรู้สอดเห็น”
“นั่นซิ แล้วแสวงเห็นรถกระบะคันใหม่ที่จอดหลบอยู่ใต้ถุนข้างบ้านพักของสะมะแอไหม”
“รถกระบะคันใหม่เอี่ยม ผมเห็นครับ กำลังคิดอยู่ว่าเจ้าของรถกระบะคันนั้นน่าจะเป็นธเนศ”
“ใช่ ฉันเคยเห็นธเนศขับรถคันนั้นที่ตลาด ฉันสงสัยมานานแล้วว่าธเนศกับสะมะแออาจจะมีส่วนเกี่ยวพันเรื่องธุรกิจผิดกฎหมายอะไรสักอย่าง แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องก่อการร้ายแน่”
“เป็นไปได้ครับ เพราะการเงินของธเนศนั้นชัดเจนว่าเขาคงต้องทำเรื่องผิดกฎหมายมานานแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มีปัญญาออกรถใหม่ป้ายแดงได้เรื่อยๆหรอก”
“ยิ่งพ่อของเขาเป็นถึงกำนัน คงจะต้องมีฐานอำนาจอยู่ในมือ และเส้นสายโยงใยกับกลุ่มต่างๆ” ปกป้องกล่าวทิ้งท้ายเรื่องนี้ จากนั้นเขาไม่พูดอะไรต่อ เขาปล่อยให้แสวงขับรถไปเรื่อยๆ
ปกป้องรู้ดีว่าความรู้สึกที่ไม่ชอบหน้าธเนศนั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นความเคลือบแคลงสงสัยว่าคนๆ นี้ ไม่ใช่คนดี และเป็นตัวอันตรายยิ่งนัก เพราะเขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับธเนศมาหลายครั้ง และทุกครั้งก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีแทบทั้งสิ้น
ไม่ใช่เพียงแค่นี้ แต่ความกังวลของปกป้องกำลังเพิ่มมากขึ้น เพราะธเนศได้พบและพูดคุยกับเนตริยา เช่นนี้แล้ว ธเนศต้องนำเรื่องของหญิงสาวมาบอกสะมะแอแน่นอน
ซึ่งก็จริงอย่างที่ปกป้องระแวง เพราะพอปกป้องออกไปนอกค่ายแล้ว ธเนศที่ซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาหาสะมะแอ
“มันบอกว่าไปที่รีสอร์ตเพราะกะจะพาแฟนไปเที่ยวงั้นหรือ” ธเนศรีบถามข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องที่ปกป้องเล่าซึ่งเขาแอบฟังอยู่ที่ห้องด้านหลัง
“ใช่ แฟน แต่ไม่ใช่หลิน หมดห่วงกลัวใครมาแย่งได้แล้ว” สะมะแอสัพยอกยิ้มๆ
ธเนศหัวเราะ
“หลินน่ะรึ เทียบไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเนตรหรอก”
“เนตร ? ใครหรือ”
“ไอ้ปกป้องมันมีผู้ช่วยสาว สวยซะด้วย ดูดีมีระดับแบบนั้น ไม่น่าจะเป็นแค่ผู้ช่วยแต่น่าจะมีอะไรกันมากกว่านั้น”
“คิดว่าเป็นแฟนหมอหรือ”
“ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะผู้หญิงเขาทำท่า...แปลกๆ ดูแล้วก็ยังไม่มั่นใจว่าจะใช่แฟนไหม ปกป้องมันเคยบอกว่าเป็นนักศึกษามาทำวิจัย แต่ผมไม่เชื่อหรอก ยังนึกอยู่ว่าอยากจะหาโอกาสเจอตัวอีกสักที”
คำบอกเล่าของธเนศสอดคล้องกับที่ปกป้องกล่าวอ้างเรื่องจะพา ‘แฟน’ ไปเที่ยวรีสอร์ต ผู้หญิงคนนั้นมีตัวตนจริง ทำให้สะมะแอเลิกสงสัย
“ช่างเขาเถอะ มาคุยเรื่องของเราดีกว่า”
“เรื่องเตรียมการคืนนี้น่ะหรือครับ ไม่มีปัญหา”